มู่จื่อหลิงคิดเช่นนั้นและทำเช่นเดียวกัน
เพราะจู่ๆ มู่จื่อหลิงก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ในยามที่มารร้ายผู้นี้ดื่มเหล้า ท่าทางที่แสดงออกมาล้วนดูปกติ แต่นางกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
มีคนเดินเข้ามาใกล้ถึงเพียงนั้น ทั้งยังมองเขาดื่มเหล้าผูเถาด้วยแววตาเร่าร้อน แต่เขากลับยังคงนิ่งเฉย เขาจะยังดื่มราวกับไม่มีผู้อื่นได้อย่างไร?
แม้แต่คนตาบอดก็ยังรู้สึกได้ นอกจากนี้ ด้วยความเฉลียวฉลาดของมารร้ายผู้นี้ เกรงว่าคงรู้ตัวนานแล้วว่านางกำลังมา
ที่สำคัญที่สุดคือ ใน่เวลาสุดท้าย...
ใน่เวลาสุดท้าย มารร้ายผู้นี้ยังได้หรี่ตาลงอย่างชั่วร้าย ด้วยใบหน้าที่ชั่วร้ายของเขา และเช็ดรอยแดงที่มุมปากด้วยการเคลื่อนไหวที่ร้ายกาจ ทำให้คนไม่อาจมองข้ามไปได้
จากข้อมูลข้างต้น มารร้ายที่ทั้งเ้าเล่ห์และร้ายกาจผู้นี้กำลังจงใจล่อลวงคน
แม้ว่าจะมีการกล่าวกันว่าการที่ฉีอ๋องจะยั่วยวนใจผู้คนนั้น เป็เพียงเื่ตลกที่ยิ่งใหญ่ ถึงแม้นำไปเล่าให้ผีฟัง ผีก็ยังไม่เชื่อ
หากเป็ก่อนหน้านี้นางคงไม่เชื่อและไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่ยามนี้นางเชื่อว่ามารร้ายผู้ที่สามารถนำภัยพิบัติมาสู่แคว้นและประชาชนได้จะต้องล่อลวงคนเป็แน่
เมื่อคิดถึงเื่นี้ มู่จื่อหลิงก็ตบมือใหญ่ของหลงเซี่ยวอวี่ที่ยังคงบีบแก้มของนางอย่างไม่พอใจโดยไม่พูดสิ่งใดเลย นางยกกำปั้นขึ้นอย่างกล้าหาญและเหวี่ยงมันไปทางใบหน้าที่หล่อเหลาจนสะบัดไปมา...
แต่ในเวลาต่อมา หลงเซี่ยวอวี่ก็ได้จับหมัดสีขาวอันอ่อนโยนของนางไว้ แล้วจับแนบไปที่ปากของเขา ก่อนจะทิ้งรอยจูบจางๆ ไว้บนหมัดของนางซึ่งบางเบาราวกับขนนก
“ท่าน…” หมัดของมู่จื่อหลิงกำแน่น จนเห็นเส้นเืได้ชัดเจน
มู่จื่อหลิง้าถอนมือของนางออก แต่ฝ่ามือใหญ่ของหลงเซี่ยวอวี่เป็เหมือนคีมเหล็กซึ่งรัดข้อมือเรียวของนางไว้จนแน่น ไม่สามารถดึงกลับได้เลย
“ข้าได้ยินมาว่าฉีหวางเฟยเติบโตขึ้นมาด้วยการกินน้ำดีเสือ” หลงเซี่ยวอวี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มุมปากของเขายกขึ้นราวกับกำลังจะยิ้ม และรอยยิ้มของเขาลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก
ปลายนิ้วหยกกอบกุมกำปั้นสีชมพูเล็กๆ ในมือของตนอย่างอ่อนโยน เขาหยุดและพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “อืม ดูเหมือนว่ามันจะเป็เื่จริง”
กล้าที่จะสะบัดกำปั้นมาที่ใบหน้าของฉีอ๋องเลยหรือ? ในโลกนี้ มีเพียงมู่จื่อหลิงเท่านั้นที่มีความกล้า อย่างไรก็ตาม ฉีอ๋องกลับไม่เต็มใจที่จะลงโทษหญิงที่กล้าหาญและโง่เขลาผู้นี้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของมู่จื่อหลิงก็เปลี่ยนเป็สีดำ นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคำที่กล่าวว่าเติบโตขึ้นมาด้วยการกินน้ำดีเสือของหลงเซี่ยวอวี่นั้นมันหมายถึงสิ่งใด
อย่างไรก็ตาม จากสิ่งกล้าหาญที่นางทำมาก่อนหน้านี้ นางยังคงสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างเป็สุข โดยไม่มีแขนหรือขาขาดไป
ดังนั้นนางจึงไม่กลัวอีกต่อไปว่าชายผู้นี้จะฆ่านาง
และนางก็รู้อยู่เสมอว่า หลังจากที่นางเข้าไปในวังแล้ว หลงเซี่ยวอวี่จะส่งคนตามนางไปอย่างลับๆ แต่มันเร็วเกินไปที่ชายผู้นี้จะได้ยินเื่นี้
นางเพิ่งออกจากวังมา เขากลับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวังได้ในทันที
มู่จื่อหลิงเชิดคางขึ้นและจ้องไปที่หลงเซี่ยวอวี่อย่างโกรธเคือง แสดงออกว่านางไม่กลัวที่จะเสียสิ่งใดแล้ว
เมื่อมองไปที่ผู้หญิงตัวเล็กที่ทำตัวดื้อรั้นและเย่อหยิ่งเช่นนี้ หลงเซี่ยวอวี่ก็ส่ายหัวอย่างอดไม่ได้
เห็นเพียงเขาชี้ไปที่แก้มของตนเองที่เพิ่งถูกต่อยจนหน้าหัน ก่อนจะถอนหายใจอย่างแ่เบา แสร้งทำเป็ทุกข์ใจแล้วกล่าวว่า “หากตรงจุดนี้ถูกกระทำจนบอบช้ำ ผู้ที่หลงดอกไม้ [1] ตัวน้อยจะไม่อาจเห็นมันได้อีกในวันหน้า เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”
แล้วยามนี้ข้าควรทำอย่างไร? ฝูหลินที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ด้านข้าง ได้ยินฉีอ๋องกล่าวคำเหล่านี้ หัวใจของเขาก็หนักอึ้ง...ราวกับกำลังประสบกับลมพายุที่ยุ่งเหยิง
นี่นายของตนกำลังพูดอยู่หรือ? ช่างน่ากลัวจริงๆ
เขาอยู่ในจวนฉีอ๋องมาหลายปีแล้ว และเขาไม่เคยเห็นนายของตนพูดกับผู้ใดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน นับประสาอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ยามนี้เขาได้ยินชัดเจน นายของเขากำลังถูกครอบงำด้วยบางสิ่งอยู่ใช่หรือไม่?
มันช่างน่าใเหลือเกิน น่า...น่ากลัวเกินไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับความไร้ยางอายของฉีอ๋องในยามนี้ มู่จื่อหลิงรู้ดีและคุ้นเคยกับมันอยู่ก่อน และนางก็ชินกับมันมานานแล้ว จึงไม่มีอาการแปลกประหลาดแต่อย่างใด
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงเซี่ยวอวี่ มู่จื่อหลิงก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตา
ตัวท่านเองน่ะสิที่หลงดอกไม้ ท่านดูมีเสน่ห์มากถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งผู้ชายยังเคลิ้มได้หากได้จ้องมอง ยิ่งกับนางที่เป็เพียงหญิงสาวธรรมดาแล้วยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ดังนั้นนี่จึงเป็เพียงปฏิกิริยาปกติของผู้หญิงธรรมดาเท่านั้น
ฮึ การทำลายมันนั้นถือว่าเป็เื่ดีที่สุดแล้ว เพราะมันจะสามารถช่วยกอบกู้หัวใจของหญิงสาวผู้โง่เขลามากมาย และสามารถขจัดอันตรายให้กับผู้คนได้
มู่จื่อหลิงจ้องเขม็งไปที่หลงเซี่ยวอวี่ โต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ผู้ใดหลงดอกไม้กัน ไม่ใช่ว่ามีตาหนึ่งคู่ จมูกและปากอย่างละหนึ่งหรือ ทุกคนล้วนมีหน้าตาเช่นนี้ มีสิ่งใดดึงดูดสายตาได้กัน”
พูดตามตรง มารร้ายผู้นี้หน้าตาดีและมีเสน่ห์จริงๆ แต่นางจะไม่มีวันยอมรับมัน
ฝูหลินที่อยู่ด้านข้างเข่าแทบทรุดลงไปตามคำพูดที่รุนแรงของนายหญิงผู้นี้
จะมีหญิงสาวสักกี่คนที่สามารถจ้องมองสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ได้หลายๆ ครั้ง แต่นายหญิงผู้นี้กลับทำราวกับตนได้สิ่งที่ถูกและดี [2] มาเสียอย่างนั้น
แม้ว่าฝูหลินจะก้มศีรษะอยู่ และไม่เห็นว่าเ้านายทั้งสองกำลังทำสิ่งใด แต่เขาก็สามารถเดาได้เพียงแค่ฟังเสียง
เ้านายทั้งสองกำลังเล่นหูเล่นตา [3] ใส่กัน!
เล่นหูเล่นตา? แม้ว่าการใช้คำนี้ในการกล่าวถึงนายของตนผู้ทำทุกสิ่งด้วยความเด็ดขาด ผู้ซึ่งมีความเยือกเย็นและโเี้นั้นไม่เหมาะสมกับคำนี้เป็อย่างมาก แต่ในความเป็จริง ดูเหมือนจะไม่มีคำที่เหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว
จากสถานการณ์ที่เป็อยู่ในยามนี้ เื่ของนายหญิงที่ไม่กลับจวนตลอดทั้งคืนดูเหมือนว่ามันจะจบลงแล้ว
ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัยด้วยเหตุนี้หรือไม่? ฝูหลินคิดอย่างขมขื่นในใจ
ฝูหลินผู้ซึ่งขมขื่นในใจไม่รู้เลยว่าเขาสามารถหนีไปได้ แต่นายหญิงของตนนั้นไม่สามารถหลบหนีได้
หลงเซี่ยวอวี่ยังคงพูดความจริงที่ยิ่งใหญ่ออกมาอย่างชัดเจนอย่างช้าๆ “ไม่น่ามองหรือ? แต่เมื่อครู่นี้ไม่รู้ว่าผู้ใดเกือบจะน้ำลายไหล นอกจากนี้ยัง...”
นะ น้ำลายอะไร? นางไม่ได้น้ำลายไหล!
มู่จื่อหลิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกอย่างแรงอีกครั้ง นางโกรธมากจนแทบอาเจียนเป็เื “ท่าน ท่าน เห็นได้ชัดว่าท่านเป็คนเริ่ม...” ยั่วยวนคนอย่างไร้ยางอาย
ก็ได้ ในอีกสองสามคำท้ายประโยค มู่จื่อหลิงไม่สามารถพูดมันออกมาได้ เพราะไม่ว่าจะถูกมารร้ายผู้นี้ล่อลวงหรือไม่ก็ตาม พูดไปพูดมา นางก็ยังต้องโทษตัวของนางเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ
เกลียดยิ่งนัก! จะสู้ก็สู้ไม่ได้ พูดก็ยังไม่ได้อีก แม้แต่จะสร้างลมสักเล็กน้อยก็ทำไม่ได้ น่าหงุดหงิดจริงๆ!
มู่จื่อหลิงพ่นลมอย่างโกรธเคือง หันหน้าหนีไปด้วยความโกรธ และไม่สนใจเขาอีก
แต่อีกฝ่ายกลับคลายกำปั้นเล็กๆ ที่กำแน่นของนางออก
ทำมันอย่างง่ายดายราวกับไม่ต้องออกแรง ค่อยๆ คลายนิ้วของนางออกทีละนิ้ว จากนั้นจึงกางมือเล็กๆ ของนาง แล้ววาดวงกลมบนฝ่ามืออันอ่อนนุ่มของนาง
ชั่วขณะหนึ่ง ก็เกิดความรู้สึกเสียวซ่านที่คุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นเคยมากกว่านี้ได้อีกขึ้นมา มันพุ่งออกมาจากฝ่ามือผ่านร่างกายที่อ่อนนุ่มของมู่จื่อหลิงแล้วตรงเข้าสู่หัวใจราวกับกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน อาการคันที่เกิดนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
“ปล่อยนะ ข้าอยากกลับแล้ว” มู่จื่อหลิงทนไม่ไหวอีกต่อไป นางมองไปที่หลงเซี่ยวอวี่แล้วดึงมือกลับมาตรงๆ
คราวนี้มู่จื่อหลิงผลักหลงเซี่ยวอวี่ออกไปอย่างง่ายดาย หลุดพ้นจากอ้อมแขนของเขาอย่างราบรื่น
แต่มู่จื่อหลิงกลับไม่มีความรู้สึกยินดีแม้แต่น้อยที่ ‘ในที่สุดก็หลุดพ้นจากอ้อมกอดของมารร้ายผู้น่าหลงใหลได้’ นางเหลือบมองหลงเซี่ยวอวี่อย่างสงสัยโดยที่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ ด้วยนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ตลอดเวลา
ในไม่ช้ามู่จื่อหลิงก็รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
เพราะเมื่อนางบอกให้ฝูหลินออกไป ฝูหลินกลับไม่พูดสิ่งใด เขาไม่โต้ตอบเลยแม้แต่น้อย เขาทำเพียงแค่ยืนนิ่งราวกับเสา
หากฝูหลินอยู่ภายใต้คำสั่งของหลงเซี่ยวอวี่เพียงอย่างเดียว มันเป็ไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย
จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็คิดได้ว่าฝูหลินดูเหมือนจะก้มศีรษะอยู่ในท่านี้มาั้แ่แรกเริ่ม แม้แต่คนที่ฝึกฝนมาอย่างดีก็เป็ไปไม่ได้ที่จะไม่มีปฏิกิริยาเลยสักนิด จริงไหม?
เมื่อครู่นี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ไม่มีผู้ใดเดินเข้ามา แต่ทหารยามที่คอยเฝ้าประตูวังหลวงก็ยังคุกเข่าลงกับพื้น และพวกเขายังคงคุกเข่าอยู่ในยามนี้
ต้องบอกว่าไม่มีใครเป็ใหญ่นอกจากมารร้ายผู้นี้ คงจะเป็เพราะในยามนี้เขากำลังใช้สายตาเพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัวอีกครั้ง แต่เหตุใดฝูหลินยังคงยืนนิ่งเฉยอยู่เล่า?
แปลก?
มู่จื่อหลิงแตะคางของนาง ดวงตาของนางกลอกไปมา หัวของนางเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่
ผู้กระทำผิดบางคนที่เป็เหตุให้ทหารยามต้องคุกเข่าลงไปกับพื้นยังคงสับสนและคาดเดาจาก ‘ความฉลาดของตัวเอง’
ไม่มีการตอบสนองเลยหรือ? มีความเป็ไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือ...มู่จื่อหลิงวางมือบนสะโพกและจ้องไปที่หลงเซี่ยวอวี่อย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ท่านคลายเส้นให้ฝูหลินได้แล้ว ข้าอยากกลับแล้ว”
หลงเซี่ยวอวี่ ผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนี้มืดมนเกินไปแล้ว ดำมืดอย่างแท้จริง
หากในยามที่นางเดินเข้ามานั้นมีฝูหลินเอ่ยทักนางสักคำ นางคงไม่เฝ้ามองมารร้ายผู้นี้แล้วฝันกลางวัน แต่ที่แท้เป็เพราะฝูหลินถูกมารร้ายผู้นี้โจมตี
ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ปรากฏว่าสิ่งที่ผิดปกติคือฝูหลินที่ยืนอยู่ห่างๆ
ปรากฏว่านางคิดถูกที่เดาว่าชายเ้าเสน่ห์ผู้นี้กำลังใช้เล่ห์กลเพื่อล่อลวงคน
แต่การยั่วยวนคือการยั่วยวน สิ่งที่ทำให้มู่จื่อหลิงเศร้าและโกรธที่สุดคือ...นางยังคงตกหลุมพรางโดยไม่มีความยับยั้งชั่งใจ เสียหน้าสุดๆ
เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ มู่จื่อหลิงก็รู้สึกเศร้ามากที่พบว่าทุกครั้งที่นางอยู่ต่อหน้ามารร้ายผู้นี้ ความฉลาดของนางที่นางภาคภูมิใจมาตลอดนั้นยังไม่เพียงพอ นางยังช้าไปครึ่งจังหวะ ทุกครั้งหลังจากที่พบกับเื่เ่าั้แล้วถึงจะรู้สึกตัวว่าถูกหลอก
สรุปได้สี่คำเน้นๆ ว่า ปฏิกิริยา ตอบสนอง ล่าช้า และแข็งทื่อ
ปฏิกิริยาตอบสนองล่าช้าและแข็งทื่อ? แค่นี้ยังน่าหงุดหงิดมากพอแล้ว ดูเหมือนว่ามู่จื่อหลิงจะโมโหมาก โมโหจนต้องกระทืบเท้าด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
ในเวลาเดียวกัน ฝูหลินที่ได้ยินคำสั่งอันดุดันของมู่จื่อหลิงที่กล่าวกับฉีอ๋อง มันทำให้เขาแทบจะเป็ลมเพราะความใ
หากคลายเส้นออกไปในสถานการณ์เช่นนี้ เขาขอยืนนิ่งต่อไปจะดีกว่า
นายหญิงผู้นี้้าที่จะเล่นกับการเต้นของหัวใจต่อไปหรืออย่างไร เขาแทบจะไม่สามารถรับมันได้อีกแล้ว เข้าใจไหม?
เมื่อเห็นพฤติกรรมที่น่ารักของหญิงสาวผู้โง่เขลาซึ่งะโด้วยความโกรธ ฉีอ๋องก็เกือบจะหลุดขำออกมา ก่อนที่เขาจะโบกมือให้มู่จื่อหลิง “มานี่”
“ท่านคลายเส้นให้ฝูหลินเถอะนะ” มู่จื่อหลิงส่ายหัวอย่างระมัดระวัง พยายามเปลี่ยนคำพูดให้อ่อนลง
ในที่สุดก็หลุดพ้นจากอ้อมกอดของผู้ทรงเสน่ห์มาแล้ว ยามนี้ยัง้าส่งตัวเองไปที่ประตูเพื่อให้ลวนลามนางอีกหรือ? นางไม่ได้โง่นะ
แน่นอนว่า หลงเซี่ยวอวี่ตวัดนิ้วออกคำสั่ง ฝูหลินผู้ต้องยืนมาเป็เวลานาน ทั้งยังได้รับความทรมานทางจิตใจอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็คุกเข่าลงกับพื้นในทันที
ฝูหลินอดทนมานานแค่ไหนแล้ว? เขายังอยากคุกเข่าลงอีกหรือ?
ทันใดนั้นเส้นสีดำสามเส้นก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของมู่จื่อหลิง นางรู้สึกพูดไม่ออก
ฉีอ๋องทรงใจเย็นเป็อย่าง ‘มาก’ เขาพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง “หลงเซี่ยวเจ๋อกำลังฝึกอยู่ในรถม้าคันนั้น เ้าไม่อาจเข้าไปได้ แต่เ้าสามารถเดินกลับเองได้ในภายหลัง”
เดินกลับ? อย่ามาพูดเป็เล่น!
“ไม่...” มู่จื่อหลิงกำลังจะโต้กลับ แต่จากหางตาของนาง นางกลับเห็นว่ามีรถม้าอีกคันหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้ประตูวัง
ในเวลานี้ถึงแม้คนเข้าออกวังหลวงจะมีไม่มากนัก แต่ก็ไม่ใช่เื่แปลกที่รถม้าจะผ่านมา
แต่สิ่งที่แปลกในยามนี้คือคนที่ลงมาจากรถม้า
มู่จื่อหลิงหันหน้าไปมองอย่างไม่รู้ตัว และแอบคิดในใจว่า ศัตรูมักพบกันบนทางแคบ [4] จริงๆ
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] หลงดอกไม้ (花痴) เป็คำสแลง มีความหมายว่าบ้าผู้ชาย/ผู้หญิง หรือเห็นเพศตรงข้ามแล้วเกิดอารมณ์เคลิ้ม
[2] สิ่งที่ถูกและดี (便宜卖乖) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า แสร้งทำเป็ประพฤติดีหลังจากได้รับผลประโยชน์ หรือ ผยองและโอ้อวดหลังจากได้รับข้อได้เปรียบบางอย่าง คำเต็มคือ 得了便宜还卖乖
[3] เล่นหูเล่นตา (打情骂俏) เป็สำนวน มีความหมายว่า จีบอีกฝ่ายโดยการหยอกล้อหรือแกล้งทำเป็ไม่พอใจ บางครั้งจะแปลว่าเกี้ยวพาราสี
[4] ศัตรูมักพบกันบนทางแคบ (冤家路窄) เป็สำนวน มีความหมายว่า ศัตรูหรือคนที่ไม่อยากเห็นหน้าแต่มักจะพบกันง่ายๆ ยากที่จะหลีกเลี่ยง หรือการที่มักจะได้เจอกับคนที่ไม่อยากเจอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้