ยามเซวียเสี่ยวหรั่นตื่นขึ้นมา ด้านนอกฝนกำลังตกปรอยๆ
เธอยังสะลึมสะลือขยี้ตาลุกขึ้นมานั่ง
"ฝนตกหรือ?" น้ำเสียงแหบพร่าอย่างคนเพิ่งตื่น
"อื้อ" เหลียนเซวียนตอบมาหนึ่งคำ
"ฝนตกก็ไม่หาที่หลบฝนก่อนหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาปริบๆ ภายในรถมืดสลัว มีเพียงแสงอ่อนจางผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง
"คาราวานวาณิชไม่หยุดพัก"
รถม้าติดตามก็ย่อมไม่หยุด
"เดินทางทั้งที่ฝนตกเนี่ยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่งตื่นคอแห้งผาก แต่พวกเขาไม่ได้พกน้ำมาด้วย
"อู๋โจวบอกว่า พวกเขาจะไปค้างคืนที่ผาวังั" เสียงของเหลียนเซวียนค่อนข้างเบา
"ผาวังั? นั่นคือสถานที่แบบไหนกัน" เซวียเสี่ยวหรั่นเดาะลิ้น พรุ่งนี้ยามหยุดพักที่ตำบลฉุยหลิ่ว ต้องอย่าลืมซื้อถุงน้ำสักสามสี่ใบ
"ก็เป็ถ้ำขนาดใหญ่ สามารถรองรับคนจำนวนมากเข้าไปพักได้" เหลียนเซวียนอธิบายเสียงเบา
"อ้อ" เซวียเสี่ยวหรั่นออกมาจากผ้าห่มรู้สึกหนาวเล็กน้อย "กว่าจะถึงอีกนานแค่ไหน"
ต้มน้ำดื่มก่อนสักหน่อยท่าจะดี
"ใกล้แล้ว"
อันที่จริงก็ใกล้มากแล้ว ชั่วขณะที่แสงจากหน้าต่างเลือนลับไป ก็มีเสียงโหวกเหวกแว่วมา
รถม้าเลี้ยวเข้าหยุดที่มุมมืดแห่งหนึ่ง
"หลางจวิน ต้าเหนียงจื่อ ถึงผาวังัแล้วขอรับ" อู๋โจวร้องบอก
เซวียเสี่ยวหรั่นเปิดประตูรถ ด้านนอกมืดสลัว รถม้าสิบกว่าคันกระจายกันอยู่ตามมุมต่างๆ
ส่วนที่ว่างฝั่งตรงข้าม กองไฟลุกโชนสะท้อนให้เห็นเปลวสีแดงที่มุมด้านหนึ่งของถ้ำ
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบไม้เท้าของเหลียนเซวียน ก่อนประคองเขาลงจากรถ
"ต้าเหนียงจื่อ" อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยเดินเข้ามา
เซวียเสี่ยวเหล่ยหน้าซีดอยู่บ้าง เขาเมารถ แต่ยังคงกอดอาเหลยไว้ในอ้อมแขน
"ซีอู่บอกว่าจะไปเก็บฟืน ต้าเหนียงจื่อ ข้าจะไปกับเขาเ้าค่ะ"
อูหลันฮวานั่งรถม้ามาครึ่งวัน รู้สึกกระดูกแทบยึดหมดแล้ว อยากขยับตัวสักหน่อย
"ไปเถอะ ระวังตัวด้วย" เซวียเสี่ยวหรั่นผงกศีรษะ
ซีอู่ให้อู๋โจวเฝ้ารถม้า แล้วพาอูหลันฮวาไปเก็บฟืน
พวกเขาคุ้นเคยกับสถานที่พักผ่อนชั่วคราวแถวนี้ดี รู้ว่าจะหาน้ำและฟืนได้จากที่ไหน
ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งเตาหินก่อกองไฟอย่างรวดเร็ว
ค่ำคืนหลังฝนตกอุณหภูมิต่ำลงไม่น้อย
มีเสียงจาม "ฮัดเช้ย" ดังมาจากในถ้ำ
เซวียเสี่ยวหรั่นต้มน้ำก่อน แล้วใส่ถ้วยให้ทุกคน
อู๋โจวกับซีอู่นำหม้อมาเอง ท่าทางคล่องแคล่วกว่าพวกตนมาก ไม่ทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นต้องเป็กังวล
"ต้าเหนียงจื่อท่านนี้ ไม่ทราบว่าจะขอน้ำอุ่นจากท่านได้หรือไม่"
สตรีอายุราวสามสิบปียกถ้วยใบหนึ่งเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง
ในหม้อยังมีน้ำเหลือนิดหน่อย เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่บ่ายเบี่ยง เทส่วนที่เหลือให้แก่นาง
"ขอบคุณ ต้าเหนียงจื่อน้ำใจงามนัก" ใบหน้าอิดโรยของหญิงผู้นั้นฉายแววยิ้ม
"มิต้องเกรงใจ" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มให้อย่างเป็มิตร "บุตรของท่านรออยู่นะ"
เด็กหญิงวัยเจ็ดแปดขวบยื่นศีรษะออกมาจากรถม้า มองมาทางนี้
ครอบครัวนี้มีกันสามคนรถม้าที่นั่งก็เก่าซอมซ่อ บุรุษวิ่งไปเก็บฟืนนานแล้วยังไม่กลับ เด็กหญิงตัวน้อยร้องอยากดื่มน้ำตลอดเวลา ผู้เป็มารดาเป็ห่วงบุตรสาว ถึงวิ่งมาขอน้ำอุ่น
ออกมาอยู่ข้างนอกมักมีเื่ไม่สะดวกหลายประการ
"เสี่ยวเหล่ย เ้าจะกินซาลาเปาไส้อะไร มีไส้หมู ไส้ผักแล้วก็วุ้นเส้น" เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบซาลาเปาออกมากอง
"ไส้หมู" เซวียเสี่ยวเหล่ยขานตอบเสียงเบา
"ได้ ให้เ้าหนึ่งลูก เอาไปย่างก่อนค่อยกินนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นผลิยิ้ม เซวียเสี่ยวเหล่ยกำลังจะโตเป็หนุ่ม ไม่ควรอดอาหาร
"ขอบคุณพี่สาวขอรับ" เซวียเสี่ยวเหล่ยรับมา แต่ก็หันไปมองอาเหลยอย่างลังเล
"อาเหลยกินไส้ผัก มันชอบกินผัก" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งซาลาเปาไส้ผักลูกใหญ่ให้อาเหลย
"เจี๊ยกๆ" พอเห็นของกิน อาเหลยก็ร่าเริงขึ้นมาทันที เอื้อมมือมาหยิบเข้าปาก
อูหลันฮวาเอาไส้หมูและไส้วุ้นเส้นอย่างละหนึ่งลูก
เหลียนเซวียนขมวดคิ้ว "ไม่ซื้อหม่านโถวมารึ"
"ซื้อมาสองลูก ท่านจะกินหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นควานหาในกองซาลาเปาแล้วหยิบหม่านโถวออกมา "หม่านโถวไม่มีไส้ ไม่อร่อย ซาลาเปาอร่อยกว่านะ"
"ข้าก็ชอบกินซาลาเปา" อูหลันฮวากัดกินทันทีไม่แม้แต่จะเอาไปผิงไฟ
"ซาลาเปาอร่อยกว่า" เซวียเสี่ยวเหล่ยคล้อยตาม
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยก็ร่วมวงด้วยร้องออกมาสองคำ
เหลียนเซวียนรู้สึกหมดวาจา รสนิยมการกินของพวกเขาคล้ายกันจริงๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นใช้ตะเกียบคีบหม่านโถวไปย่างจนเหลืองเกรียม ก่อนส่งให้เหลียนเซวียน
หลังจากนั้นก็ย่างซาลาเปาไส้หมูของตนเองแล้วค่อยๆ กิน
ซาลาเปาลูกใหญ่มาก เธอกินแค่ลูกเดียวก็รู้สึกอิ่มมากแล้ว แต่พวกเขาต่างกินกันคนละสองลูก อ้อ ยกเว้นอาเหลยอีกตัว
เซวียเสี่ยวหรั่นเบ้ปาก
ซีอู่กับอู๋โจวกินของแห้งที่เตรียมมาเอง
คนที่อยู่ข้างๆ เริ่มก่อไฟทำอาหาร แต่คนคร้านไปเก็บฟืน เลือกที่จะกินแบบเย็นๆ ก็มี
เซวียเสี่ยวหรั่นลุกขึ้น เดินไปทางขบวนของพ่อค้า
กองไฟทางนั้นสว่างโชติ่ เมื่อเทียบกับกองไฟเล็กๆ ของทางนี้ก็เหมือนพระจันทร์สุกสกาวกับแสงหิ่งห้อย
แสงจากกองไฟสะท้อนให้เห็นรถม้าที่งามโดดเด่นคันนั้น ทั้งหรูหราและสีสันสดใส
ตำแหน่งที่ห่างจากกองไฟไม่มาก มีเก้าอี้ไท่ซือและโต๊ะเตี้ยอีกหนึ่งตัวตั้งอยู่ บนโต๊ะวางผลไม้สดหลากหลายชนิดเป็ต้นว่า องุ่น สาลี่ ผิงกั่ว [1]
บุรุษสวมอาภรณ์สีขาวกำลังนั่งในท่วงท่าเอ้อระเหยบนเก้าอี้ไท่ซือ เอื้อมมือไปเด็ดผลองุ่นส่งเข้าปากอย่างสบายอารมณ์
จิ๊ๆ ออกมานอกบ้านยังเล่นใหญ่ขนาดนี้ไม่รู้ว่าเป็คุณชายบ้านไหน
เซวียเสี่ยวหรั่นเขย่งเท้าอยากดูบุรุษหน้าใหญ่ใจโตผู้นั้นให้ชัด
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกตัว เอี้ยวศีรษะมา ดวงตาสีดำดุจหมึกคู่นั้นจ้องกลับมาที่เธอ
เซวียเสี่ยวหรั่นใรีบลดปลายเท้าถอยหลังออกมาสองก้าว
ด้วยความรีบร้อนขณะถอยหลังเกือบล้มก้นจ้ำเบ้า พวงแก้มพลันแดงระเรื่อ เพราะแอบดูผู้อื่นแต่ถูกจับได้เสียก่อน
"เป็อะไร" เหลียนเซวียนกินหม่านโถวเพิ่งหมด มุ่นคิ้วมองมา
ชอบทำอะไรบุ่มบ่ามรีบเร่ง แค่เดินยังเกือบล้ม
"มะ... ไม่มีอะไร" เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขาอย่างร้อนตัวเล็กน้อย ก่อนกลับมานั่งข้างกองไฟหงอยๆ
เหลียนเซวียนไม่พูด แต่น้ำเสียงของนางเห็นชัดว่าต้องมีบางอย่าง เวลาเพียงชั่วครู่เดียว นางเกิดความคิดพิเรนทร์อันใดอีกแล้วล่ะ
แววตาของเขานิ่งขรึม แม่นางผู้นี้อาศัยว่าเขามองไม่เห็น มักพูดส่งเดชต่อหน้าเขาเป็ประจำ
เหลียนเซวียนเริ่มหงุดหงิด
"แฮ่ม" บรรยากาศกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เซวียเสี่ยวหรั่นกวาดมองคนฝั่งตรงข้าม เม้มริมฝีปากที่แห้งเล็กน้อย แล้วรีบยกน้ำขึ้นมาดื่ม ดวงตากลอกไปมาสองรอบ ถึงหาเื่คุยได้
"เช่นนั้น... คืนนี้ข้าไปนอนกับหลันฮวาแล้วให้เสี่ยวเหล่ยมานอนกับท่านนะ"
ซีอู่กับอู๋โจวนำเสื่อมาด้วย พวกเขานอนข้างรถม้า
เหลียนเซวียนจ้องนางอยู่นาน นานจนอูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยต้องขยิบตาให้กันอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าเ็าดวงนั้นถึงผงกศีรษะ
เซวียเสี่ยวหรั่นหดคอ เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าั้แ่เหลียนเซวียนออกจากป่า ก็ดูเหมือนจะเ้าอารมณ์กว่าเดิม
ชอบวางอำนาจข่มเธออยู่เรื่อย เซวียเสี่ยวหรั่นทำหน้าเบ้
...
[1] ผิงกั๋ว หมายถึงแอปเปิล
