อวี๋หรูไห่ส่งมู่เหยี่ยนขึ้นรถม้าในลานเรือนแย้มยิ้มอย่างเป็มิตรจนรถม้าเคลื่อนตัวจากไปถึงได้ชักสีหน้าแข็งทื่อมองไปทางอวี๋เจียว
อวี๋เจียวเข้าไปล้างครกบดยาและตะหลิวในห้องครัวเพราะถึงอย่างไรก็เปื้อนมูลแกะแล้ว ย่อมต้องล้างให้สะอาดสะอ้าน จะได้ไม่นึกรังเกียจยามเอามาใช้อีกครั้ง
อวี๋หรูไห่ชะโงกกายเข้ามาในประตูห้องครัว เอ่ยถามอวี๋เจียวว่า“หลังจากนี้ห้าวัน แผลพุพองของนายท่านสกุลมู่จะดีขึ้นมากใช่หรือไม่?”
อวี๋เจียวเผยสีหน้ารำคาญเล็กน้อย ตาเฒ่าผู้นี้คอยถามย้ำเพื่อยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้จักเหนื่อยถามเพราะหวังจะให้ตนเองจิตใจสงบเพียงแต่อวี๋เจียวที่เป็คนคอยตอบกลับรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง
“คำพูดบางคำพูด เมื่อพูดมากหนเข้าก็ยังคงหมายความว่าเช่นนั้นท่านไม่ต้องถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกแล้วเ้าค่ะ”อวี๋เจียวใช้ผ้าเช็ดครกบดยาที่ถูกล้างจนสะอาด ตามด้วยวางลงบนแท่นวางเตา
อวี๋หรูไห่รนหาเื่ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้ตนเองเพียงแต่ตอนนี้จำต้องเรียกใช้อวี๋เจียว เขาจะถือสาหาความเื่พวกนี้ได้อย่างไรสีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนไป เอ่ยต่อไปว่า “แม่หนูเมิ่งยาที่เ้าทาลงบนหลังอาของเนี่ยนจิ่วคืออะไรหรือ? ข้าไม่รู้ว่าเ้าไปปรุงยามาั้แ่เมื่อใด”
อวี๋หรูไห่คิดอยากขอวิธีรักษา อวี๋เจียวรู้แจ้งแก่ใจเพียงแต่เดิมทีนี่ก็คือวิธีที่สืบทอดกันมาั้แ่โบราณ นางไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง
“《คัมภีร์จิ่งเยวี่ยเฉวียนซู》บันทึกเอาไว้ให้ใช้ปลาตะเพียนหนึ่งตัว ควักเอาสิ่งสกปรกออกใส่มูลแกะตอนเข้าไปข้างในแล้วอบให้แห้งเกรียม บดให้ละเอียดเป็ผงทาผงแห้งลงบนหัวแผลพุพอง ปากแผลจะสมานและหายขาดจากโรค”
หลังจากได้ฟังคำกล่าวของอวี๋เจียวอวี๋หรูไห่ทั้งอุทานและเอ่ยด้วยความสนใจใคร่รู้ว่า“คาดไม่ถึงว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้? 《คัมภีร์จิ่งเยวี่ยเฉวียนซู》คือตำราหมอหรือ? คือผลงานของท่านหมอเปี่ยมความสามารถท่านใด? เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”
อวี๋เจียวถูกท่านปู่เคี่ยวเข็ญมาั้แ่ยังเด็กอ่านตำราหมอทุกเล่มจนเชี่ยวชาญรู้เื่ชื่อเสียงท่านหมอในยุคโบราณที่มีความเกี่ยวข้องกับวิชาแพทย์เป็อย่างดีจนไม่ต่างจากเป็สมบัติล้ำค่าภายในตระกูลเอ่ยอธิบายอย่างไม่เสียแรงว่า “คือท่านหมอผู้หนึ่งนามว่าจางเจี้ยปินนามรองจิ่งเยวี่ย ยามนี้วายชนม์แล้ว 《คัมภีร์จิ่งเยวี่ยเฉวียนซู》ที่เขาทิ้งเอาไว้ควรค่าแก่การศึกษาอธิบายเื่โรคเป็ไข้ตัวร้อน หยินหยางทั้งหกสายลมปราณและนิยามชีพจรจ้างเซี่ยง [1] เอาไว้อย่างละเอียด อ่านแล้วมีประโยชน์เป็อย่างยิ่ง”
อวี๋หรูไห่ได้ฟังแล้วตื่นเต้นยิ่งนัก ตำราหมอที่ดีเช่นนี้หากเขาได้มา วิชาหมอจะต้องพัฒนาขึ้นไม่น้อย “แม่หนูเมิ่งตำรานั้นอยู่ในจวนของเ้าหรือไม่?”
อวี๋เจียวเทน้ำล้างจานออก ยิ้มเยาะเสียงเบา“แน่นอนว่าในจวนของข้าไม่มีเคยคิดตามข้างกายท่านอาจารย์เมื่อครั้งยังเยาว์จึงเคยได้อ่านมาก่อน”
อวี๋หรูไห่ยังคงไม่ยอมถอดใจ เอ่ยซักไซ้ต่อไปว่า“ถ้าเช่นนั้นเ้าคัดตำราจากความจำได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่ได้เ้าค่ะ” อวี๋เจียวกรอกตาอยู่ภายในใจตาเฒ่าสกุลอวี๋ผู้นี้ช่างกล้าคิดเสียจริง
ภายในใจของอวี๋หรูไห่รู้สึกผิดหวัง เขาหันหลังเดินออกไปจากห้องครัวเมื่อกลับเข้าไปในห้องสมุนไพรจึงบันทึกวิธีรักษาโรคแผลพุพองบนหลังของอวี๋เจียวเอาไว้อย่างละเอียดแล้วสอดเก็บไว้ในตำราหมออีกครั้งแค่รอให้ผ่านไปอีกห้าวัน ดูผลลัพธ์จากการรักษาแผลพุพองบนหลังในครั้งนี้หากแผลพุพองบนแผ่นหลังของมู่เหยี่ยนดีขึ้นมากเช่นนั้นวิธีรักษาแผลพุพองนี้ก็เพียงพอจะทำให้สกุลอวี๋เลื่องชื่อแล้ว
หลังอวี๋เจียวเก็บกวาดภายในห้องครัวจนเสร็จเรียบร้อยนางก็กลับเรือนฝั่งตะวันออกเพื่อไปฝึกคัดอักษรกับอวี๋ฉี่เจ๋อ
เพียงแต่วันนี้อวี๋ฉี่เจ๋อเ็าผิดปกติถึงแม้ยามปกติเขาก็ไม่ค่อยชอบพูดจากับอวี๋เจียวทว่าวันนี้ั้แ่อวี๋เจียวเดินเข้ามานั่งลงหน้าโต๊ะตำราเขากลับไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาแม้แต่ประโยคเดียว
ก่อนหน้านี้ยามอวี๋เจียวจะฝึกคัดอักษร พู่กัน น้ำหมึกกระดาษและจานฝนหมึกล้วนถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยยามนี้จานฝนหมึกตรงหน้ากลับแห้งสนิท อวี๋เจียวทำได้เพียงลงแรงด้วยตนเองหยิบก้อนหมึกขึ้นมาและใส่น้ำลงไปในจานฝนหมึกเล็กน้อย นางทั้งฝนหมึกทั้งชำเลืองมองสีหน้าของอวี๋ฉี่เจ๋อไปพลาง
อวี๋ฉี่เจ๋อยังคงนั่งพิงอยู่บนเตียงในมือถือคัมภีร์หนึ่งเล่มและกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างตั้งใจ
……..
เชิงอรรถ
[1] จ้างเซี่ยงคือการทำความเข้าใจต่อร่างกายปราชญ์ทางแพทย์แผนจีนในสมัยก่อนได้ใช้วิธี“สังเกตสิ่งที่ปรากฏออกมาที่ภายนอกไปทำความเข้าใจสิ่งที่อยู่ภายใน” ในความหมายนี้“จ้าง” จึงหมายถึงระบบการทำงานที่อยู่ภายในร่างกายและ “เซี่ยง” คือการแสดงออกต่างๆที่ปรากฏออกมาภายนอก บทเรียนที่บรรยายถึงการทำงานของระบบทั้งห้านี้จึงใช้ชื่อบทว่า“จ้างเซี่ยง” ได้แก่ระบบปอด หัวใจ ม้าม ตับและไต