อวิ๋นจื่อตกอยู่ในความมึนงง
ริมฝีปากและลิ้นที่ร้อนราวกับไฟทำให้นางอึดอัดมาก
ความตกตะลึงที่เกิดจากการกระทำของมู่ชิงซ่งทำให้อวิ๋นจื่อลืมที่จะขัดขืน
ลมหายใจอุ่นๆ แผ่กระจายระหว่างริมฝีปากและฟัน
ทันทีที่อวิ๋นจื่อตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็เริ่มขัดขืนอย่างงุ่มง่าม
มู่ชิงซ่งกอดนางแน่นโดยไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืนแม้แต่น้อย
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าจิตใจของนางกำลังว่างเปล่า
ชายที่อยู่ตรงหน้ากำลังจูบนางทั้งที่เขาเพิ่งจะแต่งงานในวันนี้
ประมุขตระกูลมู่เป็คนใจดี แต่นางคงไม่พอใจแน่
หนึ่งเดือนก่อนชายหนุ่มผู้นี้ช่วยพานางหลบหนีจากวังหลวงและพานางเดินทางจากเมืองอวิ๋นเมิ่งมายังเมืองหยงโจวโดยไม่มีใครรู้
แล้วนางจะทำแบบนี้ได้อย่างไร?
เขาเป็บุรุษที่แต่งงานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางเป็สตรีในหอคณิกา นางจะทำลายชื่อเสียงของเขาได้อย่างไร?
อวิ๋นจื่อตกอยู่ในความฟุ้งซ่านและร่างกายของนางก็อ่อนระทวย
เมื่อเห็นดวงตาที่พร่ามัวของหญิงสาว ความรักและความเสน่หาในใจของมู่ชิงซ่งก็เพิ่มมากขึ้นจนยากที่จะถอนตัวได้
แต่จู่ๆ เขาก็ได้สติ
เมื่อตระหนักว่าตนเองกำลังจูบอวิ๋นจื่อ มู่ชิงซ่งก็รีบหยุดการกระทำทันที
หลังจากนั้นก็มีเพียงเสียงหอบหายใจของพวกเขาที่ดังก้องอยู่ในห้อง
มู่ชิงซ่งรู้สึกว่าร่างที่อยู่ในอ้อมแขนช่างนุ่มนิ่มและเย้ายวนใจเหลือเกิน เขาไม่สามารถหักห้ามใจปล่อยนางไปได้ เขาจึงกระซิบกับนางเบาๆ ว่า
“เ้าคุ้นเคยกับการจูบบ้างหรือยัง?” เขากล่าวพลางคิดในใจว่า ‘ไม่แน่ในอนาคตมันอาจเกิดขึ้นอีก’ เพียงแต่เขาไม่ได้กล่าวมันออกมา
เขาแสร้งทำเป็ว่าตนเองกำลังช่วยเหลือนาง
อันที่จริงเขาเป็คนเห็นแก่ตัว
หลังจากได้ยินคำกล่าวของเขา อวิ๋นจื่อก็ตระหนักว่ามู่ชิงซ่งกำลังช่วยเหลือนาง
นางจึงตอบด้วยน้ำเสียงแ่เบา “ยัง...ข้ายังไม่คุ้นเคย”
มู่ชิงซ่งถามว่า “เ้าใหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อยิ้มเล็กน้อย จากนั้นนางก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “กล่าวตามตรง ข้าในิดหน่อย”
ชายหนุ่มยิ้มร่าเริง “แล้วอาจื่ออยากแต่งให้ข้าหรือไม่?”
เขาจูบเส้นผมของนางด้วยความทะนุถนอมราวกับมันคืองานศิลปะที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าหัวใจของนางบีบรัดจนหายใจไม่ออก นางไม่สามารถกล่าววาจาได้ชั่วคราว
จูบที่อ้อยอิ่งเกิดขึ้นอีกครั้ง
นางรู้สึกมึนงง นางไม่สามารถแยกความจริงกับสิ่งลวงตาออกจากกันได้
“เ้าเริ่มคุ้นเคยหรือยัง? บางทีนี่อาจเป็ชีวิตในอนาคตของเ้าก็เป็ได้” มู่ชิงซ่งกล่าว
ความรู้สึกลุ่มหลงสลายไปจากใจอวิ๋นจื่อทันที
นางจะคิดมากได้อย่างไร?
คุณชายมู่แค่ช่วยเหลือนางเท่านั้น!
ดวงตาที่มีเสน่ห์ของอวิ๋นจื่อส่องประกายราวกับผ้าไหม นางยิ้มอย่างมีเลศนัยและกล่าวว่า “ข้าจะคุ้นเคยกับมันได้อย่างไร? ถ้าท่านไม่มาที่นี่อีกปี้เหยียนจะคุ้นเคยกับมันได้อย่างไร?”
มู่ชิงซ่งสูดกลิ่นหอมจากเส้นผมของนางเบาๆ และมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสของหญิงสาวในอ้อมแขนก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เลว ดูเหมือนว่าหวังฉีอวิ๋นจะฝึกฝนเ้าเป็อย่างดี”
มู่ชิงซ่งพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเอง “ท่านประมุขเดินทางไปเมืองหวยโจว นางฝากให้ข้ามาบอกเ้าว่าระวังตัวด้วย”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
มู่ชิงซ่งเหลือบมองนาง เมื่อเห็นว่าดวงตาของอวิ๋นจื่อดูเศร้าสร้อย เขาก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อยและถามเบาๆ ว่า “อาจื่อ เ้าไม่มีความสุขหรือ?”
แม้ว่านี่จะเป็คำถาม แต่มู่ชิงซ่งกลับใช้น้ำเสียงคาดคั้น
อวิ๋นจื่อส่ายหน้าและเฉไฉไปเื่อื่น “ท่านจะมาที่ศาลาฉีอวิ๋นทุกวันหรือไม่?”
มู่ชิงซ่งมองเข้าไปในดวงตาของนาง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบก็มีเสียงะโด้วยความโกรธเกรี้ยวดังมาจากด้านนอก
“มู่ชิงซ่ง!”
อวิ๋นจื่อใและผละออกจากอ้อมแขนของมู่ชิงซ่งด้วยความตื่นตระหนก นางหันไปมองชายหนุ่มเ้าของเสียงและอุทานว่า “เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
โดยปกติแล้วชายหนุ่มชุดขาวมักมีท่าทางสง่างามและอบอุ่น แต่ตอนนี้ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความดุร้าย แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาทำให้หัวใจของอวิ๋นจื่อปั่นป่วนอย่างถึงที่สุด
เซียวเหยียนกล่าวอย่างเ็าว่า “คุณชายมู่ เ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
มู่ชิงซ่งเคยพบเซียวเหยียนมาก่อน ดังนั้นเขาย่อมจำเซียวเหยียนได้อย่างแน่นอน
มูชิงซ่งปรับเปลี่ยนท่านั่งและกล่าวว่า “แล้วฝ่าาคิดเห็นอย่างไร? อีกอย่างเหตุใดฝ่าาจึงเสด็จมาที่นี่?”
เซียวเหยียนกล่าวอย่างเ็า “เ้าควรรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร?”
มู่ชิงซ่งยิ้ม “กระหม่อมโง่เขลานัก ฝ่าาโปรดชี้แนะ”
เซียวเหยียนยืนเอามือไพล่หลังและกล่าวว่า “ข้าชอบคนฉลาด เ้าไปได้แล้ว”
มู่ชิงซ่งจากไปด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่มู่ชิงซ่งจากไป เซียวเหยียนก็กอดอวิ๋นจื่อแน่นและกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “เหตุใดเ้าถึงอยู่ที่นี่? ไปซินหลัวกับข้าเถอะ”
อวิ๋นจื่อผลักเขาเบาๆ “เซียวเหยียน อย่าทำแบบนี้”
คิ้วและดวงตาของชายหนุ่มไม่ได้อ่อนโยนเหมือนเมื่อสามปีที่แล้ว โครงหน้าที่เคยอ่อนเยาว์ตอนนี้มีเหลี่ยมมุมคมเข้มขึ้น บางทีหลายปีที่ผ่านมาเขาอาจไม่ค่อยมีความสุขนัก
ชายหนุ่มกล่าวด้วยความโกรธเล็กน้อยว่า “ข้าอยากทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น”
เขาเป็ฮ่องเต้ที่เด็ดขาดและไม่เคยไว้หน้าใคร หากเขา้าสิ่งใด เขาจะลงมือเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา ภูมิหลังและสถานะอันสูงส่งทำให้เขาได้ทุกสิ่งที่้า แต่กับหญิงสาวตรงหน้าเขากลับไม่มีปัญญาทำอะไรนางได้
อวิ๋นจื่อััได้ถึงกลิ่นอายที่สง่างามและเป็เอกลักษณ์ของเขา นางจึงกล่าวว่า
“เซียวเหยียน ข้าให้สัญญากับเ้าไม่ได้”
เพราะสถานะของเราต่างกันเกินไป
เซียวเหยียนกอดนางแน่นและถามว่า “เ้ามีคนในใจแล้วหรือ?”
อวิ๋นจื่อเงียบ
เซียวเหยียนกอดนางอย่างดื้อรั้นและกล่าวว่า “หรือว่าเ้าชอบมู่ชิงซ่ง?”
เมื่อถูกถามแทงใจดำ ใบหน้าของอวิ๋นจื่อก็แดงขึ้นเล็กน้อย นางไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ
เซียวเหยียนกล่าวด้วยความหึงหวง “ข้าเดาถูกสินะ”
อวิ๋นจื่อก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสบตากับเขา
นางเสียจูบแรกไปแล้ว
เซียวเหยียนจะคิดอย่างไรถ้ารู้เื่นี้?
หญิงสาวย่อมคิดเล็กคิดน้อยเป็ธรรมดา
เมื่อถูกเซียวเหยียนกอดแน่น อวิ๋นจื่อก็รู้สึกถึงกระแสความอุ่นในร่างกาย จากนั้นติ่งหูของนางก็ถูกััอย่างอ่อนโยน เมื่ออวิ๋นจื่อรู้ว่าเซียวเหยียนกำลังจะจูบนางอีกคน ใบหน้าของนางก็แดงก่ำด้วยความอับอาย
ลมหายใจอุ่นๆ อยู่ใกล้แค่เอื้อม อวิ๋นจื่อตื่นตระหนกเป็อย่างมาก
แต่ในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกว่าอ้อมกอดของเซียวเหยียนช่างอบอุ่นเหลือเกิน
อวิ๋นจื่อเริ่มเวียนหัวเล็กน้อย
“อาจื่อ” ชายหนุ่มกระซิบ
อวิ๋นจื่อดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของเขา นางก้มหน้าและกล่าวเบาๆ ว่า “เซียวเหยียน เ้าควรหาสตรีที่เหมาะสมกับเ้า แทนที่จะเป็…”
ก่อนที่อวิ๋นจื่อจะกล่าวคำว่า “ข้า” นางก็ถูกขัดจังหวะโดยเซียวเหยียน
“ในสายตาของข้า เ้าย่อมดีที่สุด”
อวิ๋นจื่อมองไปที่เซียวเหยียนอย่างแน่วแน่ “เ้าไปเถอะเซียวเหยียน เราไม่เหมาะสมกัน”
เซียวเหยียนมองนางอย่างใจเย็น “ข้าจะกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าเ้าจะว่าอย่างไรเื่ของเราก็ไม่มีทางจบลงด้วยคำพูดเพียงคำเดียวของเ้า”
หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบเขาก็หันหลังและจากไปทันที
อวิ๋นจื่อมองไปที่แผ่นหลังของเซียวเหยียนด้วยหัวใจที่เ็ปเล็กน้อย