วิธีนี้พอจะเป็ไปได้เล็กน้อย มีพืชผลจากมิติช่องว่างทำเป็เหยื่อล่อ แล้วดักมาไว้หนึ่งตัวสำหรับเฝ้าบ้าน ฮ่าๆ
ขณะที่กำลังคิด หนูขนเทาข้างเท้าก็วิ่งขึ้นไปบนลำต้นอย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะ!” เจินจูใ แม้นางจะไม่กลัวหนู แต่ปีนขึ้นบนตัวแบบนี้ยังทำให้นางกลัวอยู่มาก
“หง่าว” เสี่ยวเฮยที่อยู่บนกิ่งไม้ขู่เสียงต่ำหนึ่งทีโค้งตัวลงจะตะปบมัน
หนูขนเทาร่างกายสั่นระริก หมุนตัววิ่งกลับไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว
“…”
เ้าหนูตัวนี้ชั่วร้ายนัก
หรือว่ามันก็จะกินใบไม้ด้วย? เจินจูประหลาดใจ ถือโอกาสเด็ดใบไม้หนึ่งใบโยนให้มัน สองตาของหนูขนเทาเป็ประกายขึ้นมาทันที โผตัวเข้าไปเก็บใบไม้ขึ้นมาแทะ
“เหมียว” แมวที่อยู่ด้านข้างร้องออกมาอย่างคับแค้นใจ
“เอ่อ... ฮ่าๆ ข้าแค่เห็นว่ามันฉลาดดี จะดูว่ามันสามารถสื่อสารภาษามนุษย์และทำตัวฉลาดเช่นเ้าหรือไม่ หากว่ามันมีความสามารถนี้ เช่นนั้นเ้าก็จะมีน้องเล็ก [1] เผ่าพันธุ์ของมันใหญ่กว่าเผ่าพันธุ์ของเ้ามาก ถึงเวลาเ้าจะได้มีน้องเล็กมากมายให้เรียกใช้อย่างไรเล่า” เจินจูลูบหัวของมันอย่างเอาใจ แมวเป็สัตว์ใช้ชีวิตอยู่ตัวเดียว เสี่ยวเฮยไม่ชอบเล่นสนุกสนานด้วยกันกับสัตว์อื่น ส่วนเสี่ยวหวงที่บ้านเป็เพราะอยู่ด้วยกันมานานแล้ว เสี่ยวเฮยจึงค่อยๆ ยอมรับมัน
เสี่ยวเฮยเชิดหน้าขึ้นด้วยความเย่อหยิ่ง ชิ ผู้ใดจะสนใจให้หนูเป็น้องเล็กกัน พวกแมวป่าอย่างมันก็มีจำนวนไม่น้อย มันแค่จองหองที่ไม่อยากสนิทสนมกับพวกมันเท่านั้นเอง
หนูขนเทาแทะใบไม้จนหมด สบายไปทั้งตัวและจิตใจ ั์ตาสองดวงจ้องเป็ประกายไม่หยุด ยืนอยู่ข้างขาเจินจูยืดตัวขึ้นเอาแต่ร้อง “จี๊ดๆ” ขาหน้าสองข้างผสานเข้าด้วยกัน ลักษณะท่าทางโค้งตัวคำนับ ท่าทางเฉลียวฉลาดอย่างมาก
น่ารักจริงๆ มันกำลังกล่าวขอบคุณมาทางนางหรือ? รอยยิ้มบนใบหน้าเจินจูผุดขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ โอ้ว ในูเานี้มีสัตว์ประเภทที่ฉลาดมากนัก หนึ่งตัวสองตัวล้วนฉลาดมีไหวพริบดีเพียงนี้
เจินจูหัวเราะดวงตาโค้งเป็คันธนู เดิมทีไม่ได้ชอบและไม่ได้เกลียดสัตว์ฟันแทะ แต่ยามนี้ในสายตาของนางเริ่มมองว่าพวกมันน่ารักขึ้นนิดหน่อยแล้ว
“กินผักกวางตุ้งหรือไม่?” นางหยิบก้านผักกวางตุ้งหนึ่งก้านออกมาจากมิติช่องว่างแล้วส่งออกไป
หนูขนเทาสะดุ้งใ พุ่งไปข้างหน้าะโขึ้นคว้าก้านผักไว้แล้วลงไปที่พื้นสำรวจดูทันทีดั่งของล้ำค่าก็ไม่ปาน หลังจากนั้นก็แทะขึ้นอย่างละเมียดละไม
เสี่ยวเฮยก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ มันพองขนและโก่งตัวขึ้นส่ายหางแยกฟันแหลมคน ในปากปรากฏเสียงคำรามฟ่อๆ ออกมา ท่าทางเตรียมพร้อมจู่โจมได้ทุกเมื่อ
“เฮ้ๆ เสี่ยวเฮยเป็เด็กดี อย่าโกรธนะ ส่วนของเ้าก็มี เอา...” ส่งไปให้มันหนึ่งก้านทันที อารมณ์เ้าเพื่อนตัวน้อยนี่รุนแรงนัก
เสี่ยวเฮยคาบไว้ในปาก แต่ยังคงจ้องหนูขนสีเทาบนพื้นอย่างโเี้
หึๆ แมวกับหนูเป็ศัตรูกันโดยธรรมชาตินี่ ทางที่ดีนางอย่าเอาพวกมันมาอยู่ด้วยกันเลยดีกว่า พอเสี่ยวเฮยอารมณ์เสียจะได้ไม่จับพวกมันมาปลิดชีพทิ้ง
“พอแล้ว ในเมื่อเ้าไม่ชอบ ข้าก็จะให้มันไป” ลูบขนด้านหลังที่พองเล็กน้อยของมันอย่างปลอบโยน หลังจากนั้นจึงหันไปยิ้มกับหนูขนเทา “คือ เ้าหนูขนเทาตัวน้อย เ้าไปเถอะ ห้ามโหยหาต้นพุทราของข้าอีก รอให้ฤดูใบไม้ร่วงลูกพุทราออกผลแล้ว ข้าจะให้เ้านิดหน่อย ตอนนี้หากพวกเ้ากินใบไม้เกลี้ยงก็จะไม่มีผลออกมา เข้าใจหรือไม่? หากเ้าว่างก็ช่วยเฝ้าดูสัตว์ป่าในเขาสักหน่อย อย่าให้พวกมันวิ่งลงเขามาแอบกินต้นพุทราของข้า เอาล่ะ รีบไปเถอะ เ้าดู ลูกพี่แมวอารมณ์เสียแล้ว มันโกรธค่อนข้างน่ากลัวเลยนะ”
หนูขนเทาแทะก้านผักกวางตุ้งไปครึ่งหนึ่ง ดวงตาวิบวับมองอย่างขี้ขลาดไปทางเสี่ยวเฮย ดวงตาวาววับของเสี่ยวเฮยดุร้ายเล็กน้อย เ้าหนูถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วหันมาทำเสียง “จี๊ดๆ” น่ารักไม่กี่ทีทางเจินจู หลังจากนั้นโค้งตัวหนึ่งทีจึงวิ่งขึ้นเขาไป
หนูขนเทาวิ่งไปไกลแล้ว เสี่ยวเฮยจึงมองเจินจูแวบหนึ่งอย่างอ่อนแสง และกลับไปแทะก้านผักอย่างเงียบๆ
“…” เชอะ ั์ตาดวงน้อยขุ่นเคืองอยู่ในใจนี่
ยื่นมือออกไปลูบขนมันให้เรียบ เย้าแหย่มันอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงแบกต้นพุทราสองต้นขึ้นเดินไปทางบ้าน
มองเห็นประตูลานหน้าบ้านตนเองอยู่ไกลๆ เงากายของหลี่ซื่อมองหาไปรอบๆ อย่างร้อนใจ ภายในใจเจินจูอบอุ่นขึ้นทันที มาถึงที่นี่มากกว่าครึ่งปีแล้ว ยังคงมีปรับตัวไม่ค่อยได้อยู่บ้าง แต่สำหรับความอบอุ่นและการให้อภัยของหลี่ซื่อกับหูฉางกุ้ยแล้ว การดำเนินชีวิตของนางผ่านไปอย่างนับได้ว่าน่าพอใจอยู่ อาจเป็เพราะนี่เป็ความห่วงใยรักใคร่เอ็นดูอย่างเป็ธรรมชาติของพ่อแม่ที่มีต่อลูก แต่สำหรับจิติญญาที่แตกต่างจากโลกนี้ แค่เพียงความรักและความทะนุถนอมอันอบอุ่นสบายใจเล็กน้อย ก็เพียงพอให้นางสงบจิตสงบใจในที่แปลกใหม่ได้นิดหน่อยแล้ว
“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้วเ้าค่ะ”
“เฮ้อ เ้าเด็กคนนี้ ทำไมไปนานเพียงนี้? เลยเวลากลางวันมาแล้ว หิวแล้วล่ะสิ มาเร็ว อาหารอยู่บนเตาอุ่นให้เ้าอยู่!”
“แหะๆ หิวนิดหน่อย รอข้าวางของให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะตามไปเ้าค่ะ”
“เ้าแบกอะไรไว้น่ะ? ดูใบเช่นนี้ เหมือนเป็ต้นพุทรากระมัง?”
“ใช่แล้วเ้าค่ะ ท่านแม่ฉลาดจริงๆ พอมองก็ดูออกเลย”
“มา วางไว้ตรงนี้ โอ้... ต้นพุทราสองต้นนี่ท่าทางดูดีมากนัก ใบนี่เขียวมันวาวหมดเลย”
“ฮิๆ ใช่ไหมเล่า ก็เพราะดูดี ข้าเลยแบกพวกมันกลับมาจากบนเขาไกลมากเลยเ้าค่ะ”
ขณะกล่าว เจินจูนำตะกร้าแบกหลังวางเข้าไปในห้องที่มีกุญแจล็อก นางยังไม่ลืมว่าข้างในยังมีโสมคนที่ไม่รู้ปีอยู่หนึ่งต้น สิ่งนี้ต้องเตรียมไปขายเอาเงิน
เข้าห้องครัวยกข้าวสวยที่หลี่ซื่อตั้งใจอุ่นให้โดยเฉพาะขึ้นมา แล้วยืนทานอยู่ข้างแท่นเตา
หลี่ซื่อเห็นบุตรสาวกลับมาอย่างปลอดภัยจึงวางใจลงได้ ตักข้าวร้อนขึ้นมา แบ่งเนื้อพะโล้ไม่กี่ชิ้นและเทน้ำแกงร้อนๆ นิดหน่อยให้เสี่ยวเฮย และหนีไปหลังบ้านเก็บกวาดแปลงผักต่อ
เสี่ยวเฮยวิ่งอยู่ครึ่งค่อนวันย่อมหิวเป็ธรรมดา “หม่ำๆ” ไม่กี่คำก็กินข้าวจนหมด เนื้อพะโล้ที่บ้านรสชาติอร่อย มันเองก็ชอบกินมากเช่นกัน
กินข้าวเสร็จ เสี่ยวเฮยจึงะโไปข้างต้นพุทราสองต้นแล้วนอนพิงอยู่ตรงโคนต้นอย่างเกียจคร้าน
“พรืด!” เจินจูเก็บกวาดถ้วยและตะเกียบเสร็จแล้วเดินออกมา ส่งเสียงหัวเราะขึ้น “ชอบต้นพุทราเพียงนี้เลยหรือ ก็ได้ต่อไปจะสร้างรังให้เ้าข้างต้นพุทรา ให้เ้าเฝ้าดูแลได้พอดีเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวด้วย”
“ฮ่าๆ” เจินจูหัวเราะแล้วแบกต้นพุทราขึ้นเดินออกจากลานบ้าน เสี่ยวเฮยใบหน้าไม่สบอารมณ์แต่ยังคงรีบตามไป
นาดอนของครอบครัวนางอยู่บนเนินลาดเอียงเล็กน้อยทางหลังบ้าน แต่สถานที่บนเนินมากมายนั้นมีหินเล็กหินน้อยและพุ่มไม้เตี้ยปกคลุม พื้นที่เพาะปลูกเลยมีไม่มาก
“บ๊อกๆ” เสี่ยวหวงเห็นพวกนางมาแต่ไกล จึงวิ่งสุดฝีเท้าพุ่งเข้ามา
“เฮ้ๆ เสี่ยวหวง เ้าห้ามโถมตัวเข้ามานะ ่นี้เ้าแรงเยอะไม่เบาเลย” เจินจูหัวเราะพร้อมกับหลบการพุ่งเข้าหาของเสี่ยวหวง แล้วเดินอ้อมไป
เสี่ยวหวงอาศัยสัญชาตญาณของสัตว์ ค้นพบว่าต้นไม้สองต้นที่มีสีเขียวมันขลับนั่นมีแรงดึงดูดต่อมันมหาศาล ดังนั้นจึงสะบัดหางอย่างรุนแรงเดินตามมาด้วย
“เจินจู เ้าไปหาต้นพุทราสองต้นนี่มาจากที่ไหนกัน? ดูดีมากจริงๆ!” หูฉางกุ้ยเดินมาข้างหน้ารับต้นพุทราสองต้นสีเขียวมันวาวไป พิจารณาด้วยความดีใจระคนแปลกใจขึ้น ต้นพุทราที่บ้านเก่ายังไม่มันวาวเท่านี้เลย
“อ๋อ วันนี้ข้าขึ้นเขาไปกับเสี่ยวเฮย เสี่ยวเฮยเจออยู่บนเขา ข้าเห็นว่าท่าทางค่อนข้างสวยเลยขุดกลับมา เตรียมปลูกบนกลางเนินนี่ ท่านพ่อ ท่านว่าจะได้หรือไม่เ้าคะ?”
“ได้สิ! ต้นพุทรานี้ดี คาดว่าน่าจะอายุสามปีแล้ว ปีนี้พอเข้าฤดูใบไม้ร่วงน่าจะมีผลพุทรา”
“เช่นนั้นก็พบเื่ดีเข้าจริงๆ ฤดูใบไม้ร่วงบ้านเราจะมีผลพุทราทานแล้ว ท่านพ่อ จะปลูกตรงไหนดีเ้าคะ?”
“อืม ข้าดูก่อนว่าชั้นดินตรงไหนอุดมสมบูรณ์หน่อย…”
หูฉางกุ้ยวางต้นพุทราลงด้วยความระมัดระวัง หมุนกายไปหาพื้นที่ที่เหมาะสม
“ยู่เซิง วันนี้ทำงานเหนื่อยแล้วกระมัง?” เจินจูทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เหนื่อย” หลัวจิ่งกำมือที่จับจอบแน่น กลางฝ่ามือรู้สึกเจ็บเสียดแปล๊บๆ กับความรู้สึกเ็ปไหล่ทั้งสองข้างอย่างหนักหน่วง แต่บนใบหน้ากลับไม่แสดงออกแม้แต่น้อย
“ฮ่าๆ” เจินจูหัวเราะ และไม่ได้พูดอะไรต่อ... จะไม่เหนื่อยได้อย่างไร คนผู้หนึ่งจากไม่เคยทำงานการเกษตร จู่ๆ ลงพื้นที่ทำงาน รสชาติชีวิตในระหว่างนั้นให้สองคำว่าลำบากอย่างมาก ฝ่ามือด้านและพองขึ้น แขนปวดเมื่อยไร้เรี่ยวแรง เอวข้างหลังเคล็ดปวด ล้วนเป็ขั้นตอนที่ต้องประสบ
ตอนมัธยมปลายนางปิดเทอมภาคฤดูร้อน ได้ไปเล่นบ้านเพื่อนที่ชานเมืองกับเพื่อนผู้หญิงไม่กี่คน พวกนางมองด้วยความแปลกใหม่ เลยตามเพื่อนผู้หญิงลงนาทำงานอยู่ครึ่งค่อนวัน อื้อหือ... รสชาติชีวิตปวดเมื่อยอย่างมาก จนถึงบัดนี้นางยังจำความทรงจำนั้นได้อย่างเด่นชัด เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง
ไม่นานหูฉางกุ้ยก็หาตำแหน่งที่ปลูกได้ ขุดหลุมดินขนาดใหญ่สองหลุมใกล้กัน ไม่นานจึงเพาะปลูกต้นพุทราเรียบร้อย
ถือโอกาสที่หูฉางกุ้ยกำลังไปหาบน้ำ เจินจูครุ่นคิดปัญหาล้อมรั้วขึ้น บ้านใหม่ของที่บ้านคาดว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะเสร็จ รอทางนั้นจัดการเรียบร้อย ค่อยโยกย้ายกำลังคนมาล้อมรั้วขึ้นได้ อืม... ไม่กี่วันนี้ก็ต้องเฝ้าไปก่อนสักหน่อยแล้ว
“เสี่ยวหวง ห้ามงับต้นไม้แล้วก็ห้ามข่วนด้วย ห่างสองต้นนั้นให้ไกลหน่อย ไม่เช่นนั้น ตอนเย็นเ้าจะไม่มีเนื้อให้กิน เข้าใจหรือไม่” ดุเสี่ยวหวงที่เอาแต่ถูโคนต้นพุทรา เสี่ยวหวงไม่เหมือนเสี่ยวเฮยที่ฟังภาษามนุษย์ได้เข้าใจเพียงนั้น แต่ความหมายคร่าวๆ ยังพอเข้าใจได้ ดังนั้นเสี่ยวหวงเลยถอยหลังไปสองสามก้าว
ะโเรียกเสี่ยวเฮยมา มอบหมายงานอย่างละเอียดเสียงเบาหนึ่งรอบ ไม่กี่วันนี้ให้มันอย่าออกไปเล่น เฝ้าต้นพุทราของตนเองไว้ก่อน ห้ามไม่ระวังแล้วถูกนกและสัตว์ป่าแอบกินจนเกลี้ยงเสียก่อน
“เหมียว” เสี่ยวเฮยดวงตาเป็ประกาย ผู้ใดจะกล้าแตะต้องต้นไม้อันเป็ที่รักของมัน ก็ให้มันได้มาแต่ไม่ได้กลับไป [2]
“…”
เอาเถอะ ที่บ้านมีแมวมุทะลุดุดันและโหดร้ายหนึ่งตัวก็เป็เื่ดี แต่เจินจูไม่วางใจ กำชับเสียงต่ำอีกรอบ หากเป็สัตว์ให้มันสามารถจัดการเองได้ แต่หากเป็ชาวบ้านหรือเด็กเล็กมาเข้าใกล้ ห้ามทำร้ายคนาเ็ตามอำเภอใจ ให้ร้องเรียกคนในบ้านมาจัดการ ที่นี่ใกล้บ้านมากไม่มีทางเสียเวลาเดินไปมาแน่
หลัวจิ่งมองหนึ่งคนหนึ่งแมวซุบซิบกันอย่างเอ่ยอะไรไม่ออกเล็กน้อย เขายังสงสัยอยู่มาก แมวดำตัวนั้นทำไมถึงฟังภาษามนุษย์เข้าใจ อ่า... ไม่... ทำไมถึงฟังแค่คำพูดของเด็กสาวผู้นั้น
คนทั้งบ้าน นอกจากหูเจินจูแล้วก็ไม่มีใครเรียกมันขยับได้จริงๆ เสี่ยวเฮยค่อนข้างเป็มิตรกับผิงอันอยู่เล็กน้อย แต่จำกัดอยู่แค่ลูบและอุ้ม ให้มันทำอะไรจริงๆ จังๆ มันก็สะบัดหน้าไม่สมัครใจทำเหมือนเดิม
หรือว่าเป็เพราะนางช่วยชีวิตมันไว้ ดังนั้นเลยฟังแค่คำของนาง? แต่ไม่ถูกสิ ได้ยินผิงอันบอกว่า เป็เขาที่พบว่าเสี่ยวเฮยขาหัก ต่อมาก็เป็หูฉางกุ้ยแบกกลับมา ทำไมถึงฟังแค่คำของเจินจูล่ะ? คิ้วสองข้างของหลัวจิ่งขมวดแน่น คิดไม่ตกเล็กน้อย หรือในระหว่างนั้นมีอะไรพิเศษกันแน่?
ไม่นานหูฉางกุ้ยก็หาบน้ำมารดต้นพุทราให้ทั่วถึงทั้งรากอย่างดีแล้ว ต้นไม้นี่ก็นับว่าปลูกเสร็จสิ้น ผ่านไประยะหนึ่งค่อยใส่ปุ๋ยเล็กน้อย ฤดูใบไม้ร่วงก็รอทานผลพุทราได้ หูฉางกุ้ยคิดอย่างมีความสุข
เจินจูถือโอกาสตอนที่ในถังมีน้ำ แกล้งทำเป็จุ่มมือล้างลงไปในถัง หลังจากนั้นแอบผสมน้ำแร่จิติญญาเข้าไปไม่น้อย ต้นพุทรานี่ปลูกอยู่ในมิติช่องว่างมาตลอด น้ำที่รดก็เป็น้ำแร่จิติญญาทุกครั้ง นางกลัวว่าต้นพุทราจะปรับสภาพให้ชินกับข้างนอกไม่ได้ จึงตั้งใจจะแอบรดน้ำแร่จิติญญาเล็กน้อยทุกวัน จนกระทั่งพวกมันโตจนแข็งแรงแล้วค่อยหยุด
เชิงอรรถ
[1] น้องเล็ก คือ คำเรียกถ่อมตัว ในที่นี้หมายถึงลูกน้อง
[2] ได้มาแต่ไม่ได้กลับไป หมายความว่า หากว่ามาแล้วก็ไม่มีสิทธิ์ได้กลับไป หรือตายอยู่ตรงที่ที่มาไม่ได้กลับไป