“ขอแสดงความยินดีกับกัวไฮว่ด้วยนะคะ ตอบไม่ผิดเลย โรงเรียนฟู่จงเพิ่มอีก 700 คะแนนค่ะ” เมื่อหานเฟยเฟยเห็นกรรมการพยักหน้ากันเกรียวกราวจึงพูดขึ้นเสียงดัง ส่วนอีกทางรถพยาบาลได้มาถึงและหามซย่าโหวเทียนออกไปแล้ว
“จู่ๆ ซย่าโหวเทียนก็เป็ลมไปนะคะเรามาปรบมือให้ซย่าโหวเทียนเพื่อเป็การขอบคุณที่เขาทำให้งานแข่งขันวิชาการครั้งนี้สนุกกันเถอะค่ะ” หานเฟยเฟยพูดต่อ
“เมื่อก่อนเราพูดกันบ่อยนะครับว่า วิชาการไร้ที่หนึ่ง การต่อสู้ไร้ที่สองแต่ว่าวันนี้ ได้มีที่หนึ่งการแข่งขันวิชาการเมืองอู่เฉิงแล้วนั่นก็คือโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงนั่นเองเรามาปรบมือแสดงความยินดีให้พวกเขากันดีกว่าครับ” เหอเถี่ยจุ่ยพูดด้วยเสียงดัง
“ขอเชิญผู้ว่าเมืองอู่เฉิงคุณจางต้าเหลยมามอบถ้วยรางวัลที่สองพร้อมทั้งเกียรติบัตรแก่นักเรียนจากสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนค่ะ” หานเฟยเฟยพูดยิ้มๆ
จางต้าเหลย ผู้ว่าเมืองอู่เฉิงเดินขึ้นเวทีไปจากนั้นก็มอบถ้วยรางวัลและเกียรติบัตรแก่ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือทั้งหกคนจากสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนด้วยความยิ้มแย้ม
“ลำดับถัดไปขอเสียงปรบมือต้อนรับปรมาจารย์อวี้เฟิงมามอบรางวัลแก่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงผู้ชนะการแข่งวิชาการในครั้งนี้ด้วยค่ะ” หานเฟยเฟยพูดเสียงดังจากนั้นล่างเวทีก็มีเสียงปรบมือดังสนั่น
ปรมาจารย์อวี้เฟิงค่อยๆ เดินขึ้นเวทีมาเขายิ้มพลางมองไปยังเจ็ดคนที่อยู่บนเวที มู่หรงเวยเวยเป็ศิษย์ของเขากัวไฮว่เป็เพื่อนต่างวัยของเขา งานแข่งขันวิชาการครั้งนี้มีมูลค่าสูงนักสู้กันหนึ่งต่อเจ็ด ก็ยังได้รับชัยชนะมาและชนะมาได้อย่างงดงามอีกด้วย “ฟู่จงได้แชมป์ คู่ควรแล้วล่ะ! ยินดีกับพวกเธอด้วย” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมอบถ้วยรางวัลที่หนึ่งแก่กัวไฮว่กัวไฮว่ยิ้มจากนั้นก็ส่งต่อให้มู่หรงเวยเวย
“ที่หนึ่งการแข่งวิชาการ กัวไฮว่พูดคำไหนคำนั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับมู่หรงเวยเวย ซูเยี่ยเบ้ปากส่วนถังซีกับโยวโยวยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากด้วยความอิจฉาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมีแฟนหนุ่มที่พูดคำไหนคำนั้นแบบนี้ พวกเธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือจะเสียใจดี
“หลังการแข่งวิชาการเสร็จสิ้นก็ไปนั่งเล่นที่บ้านฉันสิ นี่ก็เดือนนึงแล้วฉันอยากเหล้าเธอเต็มทนแล้วนะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองกัวไฮว่แล้วพูดยิ้มๆ
“ได้ครับ จัดการเื่แข่งวิชาการเสร็จเมื่อไหร่ผมกับเวยเวยจะไปหาครับแต่คราวนี้คนเยอะหน่อยนะ ท่านอาจารย์ก็รู้นี่ว่าผมมีแฟนเยอะน่ะ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับปรมาจารย์อวี้เฟิง
“ได้ ก่อนมาบอกอู๋มาก่อนล่ะ เธอจะได้ทำกับข้าวไว้รอ” เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดเสร็จก็ยิ้มพลางเดินลงจากเวทีทิ้งเวทีไว้ให้พวกกัวไฮว่ทั้งเจ็ดคน
“ลำดับถัดไปขอเชิญแขกรับเชิญพิเศษนายพลหลิวเทียนกังมามอบของรางวัลแก่ผู้เข้าแข่งขันยอดเยี่ยมในการแข่งขันวิชาการครั้งนี้ด้วยครับ” เมื่อเหอเถี่ยจุ่ยพูดเสร็จ ทั้งหอประชุมก็คึกคักกันอีกครั้งจากนั้นก็มีชายชราผมหงอกเดินขึ้นเวทีมาด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
“นายผลหลิวจริงๆ ด้วย เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองเยี่ยนจิงเหรอกลับมาั้แ่เมื่อไหร่เนี่ย” ขณะที่หลิวเทียนกังลุกขึ้นมาจากด้านล่างเวทีชายวัยกลางคนกลุ่มหนึ่งก็ลุกขึ้นมาทำความเคารพชายชราผู้นั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ให้ตาย นายท่านบ้านฉันมาั้แ่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมไม่บอกกันก่อนสักนิด” เมื่อหลิวฉ่วงได้ยินคำว่าหลิวเทียนกังก็แทบจะหล่นจากเก้าอี้ในตระกูลหลิวเขาจะกลัวใครเสียอีกนอกจากนายท่านผู้นี้
“งานแข่งต่อสู้ครั้งก่อนนายพลหลิวไม่เห็นจะมาเลย แต่นายพลหลิวมางานแข่งวิชาการครั้งนี้ไว้หน้ากันดีจริง” หลี่สวินอวี้พูดยิ้มๆ
“เหล่าหลี่ ยินดีด้วยนะ แต่กัวไฮว่เองก็เคยอยู่ที่จิ่วจงพักหนึ่งกัวไฮว่ได้รางวัลผู้เข้าแข่งขันยอดเยี่ยม โรงเรียนจิ่วจงของเราก็พลอยได้หน้าไปด้วย” เฉาสิงหลงพูดยิ้มๆ แพ้การแข่งขัน แพ้ก็แพ้ไปสิใครมันจะไปคิดว่าเ้าเด็กสี่ตัวอันตรายอสรพิษนี่อยู่ที่ฟู่จงแล้วจะเปลี่ยนไปเป็แบบนี้
“ฮ่าๆ เหล่าเฉา แกคำนวณไว้ดีนี่ สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนแพ้ก็แพ้ไปตอนนี้แกย้ายข้างแล้วสินะ” สวี่อู๋อี้พูดยิ้มๆจากนั้นเฉาอวี้หลงก็หน้าแดงเถือกขึ้นมา
“ไอ้หนู ยินดีด้วยนะ” หลิวเทียนกังมอบรางวัลผู้เข้าแข่งขันยอดเยี่ยมแก่กัวไฮว่พร้อมกับพูดยิ้มๆ “ฉันเป็ตัวแทนของตระกูลหลิวมาขอบใจเธอ ขอบคุณที่เธอช่วยชีวิตหลิวฉ่วงหลานชายของฉันเอาไว้ ต่อไปเราก็มาสนิทสนมกันเถอะมีเื่อะไรในเมืองอู่เฉิงก็สามารถมาหาฉันที่บ้านตระกูลหลิวได้เลยฉันกับปู่เธอเคยพูดถึงเธอบ่อยๆ จะว่าไปเธอก็ควรกลับไปบ้านบ้างนายท่านที่บ้านเธอคิดถึงหลานชายอย่างเธอแล้วล่ะ ฮ่าๆ”
“ขอบคุณครับนายพลหลิว” กัวไฮว่พูดพลางชูถ้วยรางวัลขึ้นด้วยความดีใจในหอประชุมก็มีเสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง
“ขอผมทำทุกคนเสียเวลาไม่กี่นาที” หลิวเทียนกังไม่ได้มีท่าทีจะลงไปเขาหยิบไมค์โครโฟนขึ้นมาพูดยิ้มๆ “งานแข่งวิชาการครั้งนี้สนุกมากเลยสนุกมาั้แ่ตอนโรงเรียนฟู่จงคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันแล้วล่ะตอนแรกคนแก่อย่างผมเตรียมจะเข้าโลงแล้ว แต่ล่าสุดได้ยินคำพูดบ้าๆ ว่าตระกูลฉินจะไม่จ่ายค่าพนันในครั้งนี้ผมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่แต่ผมเชื่อว่าถึงคนอื่นในตระกูลฉินไม่จ่ายแต่ก็น่าจะจ่ายค่าโลงศพให้ผมล่ะมั้งครับ”
คำพูดที่ดูเหมือนจะล้อเล่น ทว่าผู้นำตระกูลฉินกลับหน้าถอดสีสิ่งที่ตนวาดฝันไว้สลายกลายเป็ฟองสบู่ คำพูดของหลิวเทียนกังเหมือนจะพูดล้อเล่นแต่อันที่จริงจะบอกตนว่า กล้าพนันก็ต้องกล้าจ่ายไม่งั้นเงินค่าโลงศพนี่จะเอาไว้ให้ตระกูลหลิวทำโลงศพ
“นายพลหลิววางใจเถอะครับ คนที่พนันทุกคนก็โปรดวางใจเงินที่ตระกูลฉินพนันไว้จะจ่ายให้ครบหมดเลยครับ” ฉินป๋อเทียนลุกขึ้นมาพูดเสียงดังฟังชัดแม้ในใจจะขมขื่น แต่เขาก็อดที่จะลุกออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆ ในเมื่อป๋อเทียนพูดแล้ว งั้นผมก็วางใจล่ะนะ” เมื่อหลิวเทียนกังพูดจบเขาก็ลงจากเวทีไป “ไอ้เด็กบ้าไว้การแข่งขันสิ้นสุดแล้วกลับบ้านมาพบฉัน” เมื่อลงจากเวทีหลิวเทียนกังก็เห็นหลิวฉ่วงไม่รู้จะไปซ่อนตัวที่ไหนก็พูดขึ้นเสียงดัง
หลิวฉ่วงพยักหน้าด้วยความเกรงกลัวนายท่านบ้านตนไม่ใช่คนที่จะหาเื่ด้วยได้
“ขอแสดงความยินดีกับกัวไฮว่ที่ได้รางวัลผู้เข้าแข่งขันยอดเยี่ยมในการแข่งขันครั้งนี้ด้วยค่ะการแข่งขันในครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ” เหอเถี่ยจุ่ยกับหานเฟยเฟยโค้งให้กับผู้เข้าชมจากนั้นล่างเวทีก็มีเสียงปรบมือดังสนั่นอีกครั้ง
“สนุก สนุกจริงๆ กัวไฮว่ตอบคำถามสุดท้ายได้งดงามมากๆไม่แค่บอกชื่อมาตามลำดับนะ ยังบอกฉายาของพวกเขาได้อีก ไม่รู้จริงๆว่าทำไมเขาถึงทำอะไรแบบนี้ได้” ด้านล่างเวทีต่างวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
“อย่ายิ้มสิ ดูเธอมีความสุขเข้าไม่เห็นแฟนเธอเอาถ้วยรางวัลให้มู่หรงเวยเวยนั่นเหรอ” เสิ่นปี้โหรวพูดหยอกล้อซุนหลิงหลิงที่ยิ้มหน้าบาน
“ปี้โหรว เธอไม่เข้าใจหรอก” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆเธอไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย ให้มู่หรงเวยเวยแล้วอย่างไรล่ะจะว่าไปฉันก็เป็ผู้หญิงคนแรกของเขา ซุนหลิงหลิงลอบคิดในใจ
“ตาพี่บ้า ครั้งนี้พี่ได้หน้าจริงๆ อย่าลืมเื่ที่พี่รับปากฉันล่ะ” หนานกงหลิงโม่พูดเบาๆ อยู่ด้านข้าง “แถมยังมีเื่ซย่าโหวเทียนนั่นอีกพี่เป็คนทำใช่ไหม พี่ระวังเลยนะ ถ้ากลุ่มผู้มีพลังวิเศษรู้เข้า พี่ไม่รอดแน่”
“เสี่ยวหลิงโม่ ใครบอกเธอว่าที่ซย่าโหวเทียนเกิดเื่นั่นเป็เพราะฉันกันคงเป็เพราะเขาไม่ได้ที่หนึ่งเลยเจ็บใจจนเป็ลมไปน่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เื่ของเธอวางใจเถอะฉันพอจะรู้แล้วล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพลังวิเศษของเธอ”