เกาะจิ๋วหวู่ สำนักชิงเหอ
ผู้บัญชาการกองกำลังเฉินจีหยิง หลี่ฮ่าวหราน กำลังดูแผนที่ขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยูเา แม่น้ำ สายธารใสสะอาด ซึ่งชัดเจนยิ่ง ถึงขนาดที่ดูครั้งเดียวก็เข้าใจ แต่เขากลับกวาดตามองไปมาหลายรอบ
“ผู้บัญชาการ ท่านศึกษาแผนที่เกาะจิ๋วหวู่นี่มาเดือนกว่าแล้วนะขอรับ ผู้น้อยได้ส่งคนไปตรวจสอบภูมิประเทศเมื่อร้อยปีก่อนมาแล้ว พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยขอรับ” ลูกน้องผู้หนึ่งกล่าวรายงาน พร้อมคารวะ
“รีบส่งมา!” หลี่ฮ่าวหรานสั่ง
“ขอรับ!”
ในเวลานั้น จู่ๆ ก็มีลูกน้องอีกคนพุ่งเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ด้วยท่าทางรีบร้อน
“ผู้บัญชาการ เราเพิ่งได้รับข้อมูลจากทางตะวันตกของเกาะ ป้าเซี่ยปรากฏตัวขึ้นอีกแล้วขอรับ ครานี้มันยังพาสัตว์อสูรจำนวนมากติดตามมาด้วย ดูเหมือนจะขึ้นฝั่งที่เกาะนี้ขอรับ” ลูกน้องผู้นั้นทำความเคารพ พลางกล่าวรายงานทันที
“โอ้… ป้าเซี่ยโผล่ออกมาอีกแล้วหรือ? ทั้งจะขึ้นมาบนเกาะด้วย?” สีหน้าของผู้บัญชาการหนุ่ม เปลี่ยนเป็เคร่งเครียดทันที
“ขอรับ! เวลานี้ทะเลทางทิศตะวันตก ปกคลุมไปด้วยเมฆดำหนาทึบ และพายุฝนก็กำลังเทลงมาอย่างหนักขอรับ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการมาถึงของป้าเซี่ยขอรับ” ลูกน้องผู้นั้นรีบตอบทันที
หลี่ฮ่าวหรานหรี่ตาลง “ป้าเซี่ย? ช่างไม่กลัวตายเลยจริงๆ หึ!”
“ผู้บัญชาการ สัตว์อสูรพวกนี้เคลื่อนไหวอย่างอิสระ แทนที่เราจะคำนวณการเคลื่อนไหวของพวกมันจากแผนที่ สู้ไปดูด้วยตาตัวเองจะไม่ดีกว่าหรือขอรับ บางทีท่านอาจจะหาสิ่งที่้าได้ง่ายขึ้น” ลูกน้องผู้นั้นเสนอ
“ใช่!” ดวงตาชายหนุ่มเป็ประกายทันที
“แจ้งทหารทุกคนในกองกำลังเฉินจีหยิง เราจะออกเดินทางไปยังทิศตะวันตกของเกาะในทันที!” หลี่ฮ่าวหรานสั่ง
“ขอรับ!”
…
เหนือทะเล ทางทิศตะวันตกของเกาะจิ๋วหวู่
เมฆดำหนาทึบแผ่กระจายทั่วฟ้า ฝนตกกระหน่ำ ท้องทะเลมีคลื่นสูงถึงหมื่นจั้ง ภาพนี้ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมทะเลหวาดกลัวยิ่ง เรือที่แล่นในทะเลทั้งหมด ถูกคลื่นั์ซัดจนแหลกเป็ชิ้นๆ
ศีรษะัขนาดใหญ่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากใต้ทะเล ศีรษะเป็ัแต่ร่างเป็เต่า นี่คือป้าเซี่ยที่ทำให้เรือของกู่ไห่อับปางเมื่อคราก่อน
รอบๆ ป้าเซี่ยมีกุ้งและปูรายล้อมอยู่โดยรอบ แต่ละตัวมีขนาดใหญ่มาก ทั้งหมดกำลังเปิดทางให้เต่าั์ไปที่เกาะ
สมุนสามพันตัวคอยเปิดทางเบื้องหน้า ในขณะที่ป้าเซี่ยค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ชายฝั่ง
ขณะที่มันเคลื่อนตัวเข้าไปที่เกาะ เมฆดำทะมึนที่ปกคลุมท้องฟ้าอยู่ ก็เคลื่อนเข้าหาเกาะเช่นกัน
ฟิ้ว!
จู่ๆ เมฆครึ้มก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ ทำให้เกิดพายุฝนกระหน่ำทางทิศตะวันตกของเกาะทันที
ไม่ว่าป้าเซี่ยจะไปที่ใด ก็จะมีพายุฝนซัดกระหน่ำ
“มันมาแล้ว... รีบหนีเร็ว! สัตว์อสูรทะเลขึ้นฝั่งแล้ว!”
“พายุฝนนี่หนักมากจริงๆ”
“พืชผลของข้าๆ!”
เสียงร้องะโดังขึ้นทุกทิศทาง ป้าเซี่ยก้าวขึ้นฝั่งทีละก้าวๆพร้อมนำพายุฝนติดตามมาด้วย
โฮก!
ป้าเซี่ยส่งเสียงคำรามก้องฟ้า
ซ่าๆๆๆๆ
ฝนตกหนักขึ้น ขณะที่เมฆดำแผ่ปกคลุมไปกว่าหนึ่งพันลี้ หลายพื้นที่ทางทิศตะวันตกของเกาะ มีพายุฝนกระหน่ำราวกับวันสิ้นโลก
…….
พรรคต้าเฟิง หุบเขาคนโฉด
หลังผ่านพ้นค่ำคืนแห่งการต่อสู้อันดุเดือด ที่กู่ไห่ประมือกับคนนับพันเพียงลำพัง ในยามรุ่งอรุณ ทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงบดังเดิม
กลุ่มอาชญากรตะเกียกตะกายลุกขึ้น กระดูกของพวกเขาหักหลายแห่ง รุ่งเช้า แต่ละคนก็รักษาฟื้นฟูตัวเอง จนกระดูกค่อยๆ สมานตัว
หลังจากค่ำคืนแห่งการต่อสู้ครั้งใหญ่ผ่านพ้น ทุกคนต่างตัวสั่นงันงก ทุกครั้งที่มองดูกู่ไห่
พลังฝึกปรือของชายคนนั้นก็ถูกผนึกเช่นกัน พวกเขาต่อสู้กันมาทั้งคืน แต่คนผู้นั้นไม่ได้ใช้พลังชี่แม้แต่น้อย
อย่างกับฝันไป เป็ไปได้อย่างไร? แต่ไหนแต่ไรมา มีแต่ข้าที่ทุบตีผู้อื่น เหตุใดถึงถูกคนอื่นทุบตีเช่นนี้?
เหล่านักโทษก็เป็พวกที่รู้ความเช่นกัน จึงมิได้ะโเอะอะโวยวาย ต่างพากันกลับไปยังที่ซ่อนของตน พลางกุมาแเอาไว้และมองกู่ไห่ซึ่งอยู่กลางวงล้อม...
คนผู้นี้คือาาของเหล่าคนโฉด!
บางคนแสดงอาการหวาดผวา บางคนสับสน แต่มีอีกหลายคนที่ยังไม่เต็มใจจะยอมรับ
...
นอกหุบเขาคนโฉด
คนของพรรคต้าเฟิงเดินไปที่ยอดเขา พร้อมกล่องใบใหญ่หลายใบ และมองลงไปที่หุบเขาคนโฉด
“พวกเ้ามาแล้ว... หนูอีกแล้วหรือ?” หนึ่งในผู้คุมกล่าว พลางยกยิ้ม
“ให้หนูพวกนี้ ก็ถือเราว่ามีน้ำใจมากแล้ว นักโทษสารเลวพวกนี้สมควรตายนัก ยังจะให้พวกเราไปหาของกินดีๆ ให้อีกหรือ?” ชายคนที่ยกกล่องกล่าว
“ทิ้งพวกมันลงไป!” ผู้คุมพยักหน้า
ฟึ่บๆๆๆ!
กล่องขนาดใหญ่หลายใบถูกเปิดออก หนูจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเทลงไปที่หุบเขาคนโฉดทันที
คนของพรรคต้าเฟิงมองดูอย่างสนใจ ทุกครั้งที่ได้เห็นเหล่าอาชญากรต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงหนู ช่างน่าตื่นเต้นยิ่ง
กระนั้นในวันนี้ แม้ว่าจะมีหนูจำนวนนับไม่ถ้วนถูกโปรยลงไปที่หุบเขา ทุกอย่างกลับยังคงสงบ ราวกับว่านักโทษทั้งหมดจู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็มีมารยาท ไม่มีผู้ใดออกมาต่อสู้ แย่งชิงหนูแม้แต่คนเดียว
“หืม? พวกนั้นกำลังอดอาหารหรืออย่างไร?” หนึ่งในคนที่แบกหนู ขมวดคิ้ว
ไม่นาน ก็เห็นอาชญากรกลุ่มละสองสามคน ออกมาจับหนูไปกิน แต่ครานี้พวกเขาไม่ได้ต่อสู้แย่งชิงกันเช่นคราก่อนๆ อีกแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น วันนี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างแปลกไป! ่สองวันที่ผ่านมา มีอะไรผิดปกติหรือไม่?” หนึ่งในคนที่แบกพวกหนูมาเอ่ยถาม พร้อมมุ่นคิ้ว
“ไม่มีอะไรนี่ แต่เมื่อคืนคล้ายจะมีเสียงต่อสู้ดังขึ้น ไม่ถือว่าผิดปกติกระมัง? ทุกครั้งที่เกิดเหตุวุ่นวาย เราก็ไม่เคยเข้าไปแทรกแซง จะกลัวอันใด อย่างไรพวกมันก็หนีไปไหนไม่ได้”
“อืม... หากหาเื่ใช้กำลัง จนแรงของตัวเองหมด ถึงเวลาต้องไปสนามประลอง ก็ถือว่าเป็การรนหาที่ตาย ดังนั้นพวกมันไม่กล้าก่อเหตุหรอก”
“อืม... เื่นี้หาใช่ธุระกงการอันใดของเรา”
คนของพรรคต้าเฟิงสนทนากันสักพัก ก่อนจะค่อยๆ แยกย้าย ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน
เหล่านักโทษถูกคนของพรรคต้าเฟิงปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเกลียดชังพรรคต้าเฟิงยิ่ง ย่อมไม่มีผู้ใดแอบไปแจ้งให้คนในพรรคทราบ
...
กู่ไห่กินยารักษาาแ พลางกวาดตามองอาชญากรในหุบเขา
เฉินเทียนซานและฮวางบูยืนอยู่ด้านข้าง ด้วยท่าทางนอบน้อม
หลังการต่อสู้เมื่อคืน ทั้งสองก็มิได้ดูเบากู่ไห่อีก
ในหุบเขา นักโทษแต่ละกลุ่ม กลุ่มละสองสามคนไปหยิบซากหนู และเริ่มกินเพื่อฟื้นกำลังของตัวเอง ดวงตาของแต่ละคนมองชายหนุ่มด้วยประกายเหี้ยมเกรียม
...
ไม่นาน ท้องฟ้าก็มืดลง
ยามราตรีมาถึงแล้ว
กู่ไห่หมุนคอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น
ภายในหุบเขา เหล่าอาชญากรได้พักผ่อนมาทั้งวันแล้ว ผู้ที่ยังไม่เต็มใจ ต่างรวมกลุ่มเข้าไปท้าทายชายหนุ่มอีกครั้ง ครานี้พวกเขามิได้เข้าไปโจมตีอย่างบุ่มบ่ามอีก แต่จับกลุ่มล้อมกู่ไห่ไว้อย่างมีแบบแผน
“คืนก่อนเป็คราแรก คืนนี้เป็คราที่สอง ข้าจะให้โอกาสพวกเ้าอีกครั้ง รุ่งสางแล้ว หากยังมีผู้ใดกระด้างกระเดื่องอีก มีทางออกเดียว นั่นคือตาย!” ั์ตาชายหนุ่มฉายประกายเยียบเย็น
“โจมตี!”
“โจมตี!”
อาชกรกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าจู่โจมชายหนุ่ม
ปังๆๆ!
เช่นเดียวกับคืนก่อน การต่อสู้ครั้งใหญ่เปิดฉากขึ้นอีกครั้ง
...
ในเวลาเดียวกัน ด้านนอกหุบเขาคนโฉด ผู้คุมทั้งหลายต่างกำลังกกกอดหญิงงามสองสามนางเอาไว้ พวกเขาดื่มเหล้า พลางสนทนาหัวข้อที่ไม่ใคร่เหมาะสมสำหรับเด็ก
“เสียงร้องน่าสังเวชนั่น ดังมาจากข้างในอีกแล้ว เกิดอะไรขึ้นหรือเ้าคะ?” หญิงสาวที่นั่งอยู่บนตักของผู้คุมคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ช่างมัน! ขอแค่พวกนักโทษนั่นมิได้หลบหนี มันก็ไม่ใช่ธุระกงการใดของพวกเรา” ผู้คุมตอบ พลางใช้มือลูบไล้ต้นขาหญิงงาม
“คนลามก!” หญิงสาวแม้จะกล่าวต่อว่า แต่ก็หาได้ปฏิเสธอีกฝ่าย
...
ในค่ำคืนนั้น ไม่มีการสนทนาใดๆ มีเพียงการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งดำเนินมาจนถึงรุ่งสางเท่านั้น
ครานี้ กู่ไห่ปราบเหล่าอาชญากรได้อย่างหมดจด
เมื่อมองดูเหล่านักโทษมากกว่าสามพันคน ที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้า ดวงตาของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยประกายเด็ดเดี่ยว แม้ว่าใบหน้าจะบวมปูดไปหมดก็ตาม
“คารวะท่านหัวหน้า!” เหล่านักโทษสามพันกว่าคน ทำความเคารพกู่ไห่
“ข้ารู้ว่าพวกเ้าบางคนยังไม่เต็มใจ ข้าเข้าใจดี แต่ไม่เป็ไร สองคืนที่ผ่านมา ที่ข้าทุบตีพวกเ้า ก็เพื่อให้จดจำไว้ จากนี้ไปอีกยี่สิบปีข้าจะเป็เ้านายของพวกเ้า
หลังจากยี่สิบปีผ่านไป หากพวกเ้าไม่้าจากไป ก็สามารถอยู่ต่อได้ แต่ถ้าไม่้าอยู่ต่อ ข้าก็จะปล่อยไป แต่ใน่ยี่สิบปีนี้ผู้ใดกล้าหนี ข้าจะเอาชีวิตของมัน!”
“เอ๊ะ?” เหล่าอาชญากรสามพันกว่าคนเงยหน้า มองกู่ไห่ด้วยความงุนงง
ชายหนุ่มกวาดตามองเหล่านักโทษทุกคน ก่อนกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น “หากอยู่ที่นี่ต่อ ก็ทำได้แค่รอวันตาย และกินซากหนูเป็อาหาร ไม่อาจชำระหนี้แค้นได้ สักวันเ้าอาจถูกฆ่าตายเบื้องหน้าศัตรู สูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย ขณะฟังเสียงหัวเราะของคู่อริ นี่คือชีวิตที่พวกเ้า้าเช่นนั้นหรือ?”
“แต่... แต่เราจะทำอย่างไรได้ล่ะ?” อาชญากรคนหนึ่งถาม พร้อมกัดฟันกรอด
“ข้าจะพยายามคิดหาหนทาง พาพวกเ้าหนีออกไปให้ได้ สิ่งที่พวกเ้าต้องทำ ก็คือรับใช้ข้ายี่สิบปี เช่นนี้ยังรู้สึกไม่เต็มใจอีกหรือไม่?” กู่ไห่ถามเสียงเคร่ง
“หนี? หนีอย่างไร?” ชายผู้หนึ่งจ้องมองชายหนุ่ม พลางเอ่ยถาม
“หาก้าหนีออกไป พวกเ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะมีปัญหายุ่งยากสองข้ออยู่ตรงหน้า” กู่ไห่กล่าว
“ตราผนึกพลังและหน้ากากใช่หรือไม่? ตราผนึกต้องใช้กระแสไฟฟ้าที่ทรงพลัง ซึ่งมีอยู่แค่ในสนามประลองเท่านั้น นอกจากนี้ ข้ายังได้ยินมาว่า กระแสไฟฟ้าในลานประลอง จำเป็ต้องเก็บรวบรวมทุกวัน” ฮวางบูพูด
“เราไม่จำเป็ต้องไปถึงลานประลอง ข้ามีวิธีสร้างกระแสไฟฟ้าได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือหน้ากาก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด
“โอ้! จริงหรือ? ท่านสามารถคลายผนึกพลังได้หรือ?” ทุกคนร้องโพล่ง ด้วยความตื่นเต้น
“ฮะแฮ่ม!” กู่ไห่แสดงสีหน้าเคร่งขรึม
เหล่านักโทษที่กำลังสับสนอลหม่านเมื่อครู่ สงบปากทันที
“เอาละ! หยุดไร้สาระได้แล้ว จงสงบสติอารมณ์ลงเสีย ข้าจะให้กระดาษและพู่กันแก่พวกเ้า ่กลางวันนี้ให้เขียนชื่อ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และสาเหตุที่ตัวเองถูกจับมาพอสังเขป จำกัดไว้ที่สองร้อยตัวอักษร ห้ามมากไปกว่านี้” ชายหนุ่มสั่ง น้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ!” เหล่าอาชญากรรับคำ
กู่ไห่หยิบกระดาษและพู่กันจำนวนมากออกมา และส่งมันให้กับกลุ่มนักโทษ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน
สองร้อยตัวอักษรต่อคน สามพันคน รวมๆ แล้วก็มีหกหมื่นกว่าตัวอักษร ที่จะส่งมาให้เขาในอีกไม่ช้า ความสามารถในการคิดคำนวณของชายหนุ่มนั้นสูงมาก ในตอนเย็น เมื่อเขาอ่านรายละเอียดของเหล่าอาชญากรทั้งหมดจบ ก็เริ่มจัดสรรคนอย่างรวดเร็ว
“ในอนาคต พวกเ้าจะเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า โดยจะแบ่งออกเป็สี่เหล่าทัพ คือฟ้าดินนิลเหลือง[1] หนึ่งเหล่าทัพจะประกอบด้วยเก้ากองร้อย แต่ละกองร้อยจะมีหัวหน้ากองหนึ่งคน และในกลุ่มเล็กสิบคน จะมีหัวหน้ากลุ่มหนึ่งคน
หัวหน้ากองร้อยข้าจะเป็ผู้เลือกเอง ส่วนหัวหน้ากลุ่ม ให้พวกเ้าไปตกลงกันเอง ตอนนี้ข้าจะแต่งตั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพก่อน ทัพฟ้า เกาเซียนจือ! ทัพดิน เฉินเทียนซาน! ทัพนิล ฮวางบู! และทัพเหลืองซ่างกวนเหิน!” กู่ไห่ประกาศ
“ขอรับ!” ทั้งหมดขานรับ
เกาเซียนจือยังไม่กลับมา ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็ผู้บัญชาการทัพฟ้าเสียแล้ว ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าแย้ง ส่วนเฉินเทียนซานกับฮวางบู ล้วนเป็ผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคำ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงอยู่พอตัว
แท้จริงแล้ว ชายหนุ่มหาได้ให้ความสำคัญกับความสามารถของพวกเขา นักโทษเหล่านี้เพิ่งถูกจัดระเบียบ การคุมพวกเขาให้อยู่ คือสิ่งที่สำคัญกว่า ดังนั้นกู่ไห่จึงแต่งตั้งคนที่ตนไว้ใจได้ขึ้นมา
ส่วนคนสุดท้ายซ่างกวนเหิน
นี่เป็ครั้งแรกที่ชายหนุ่มพบเขา การต่อสู้ครั้งก่อนๆ ของอีกฝ่าย มิได้ทำให้กู่ไห่ประทับใจแต่อย่างใด ทว่าชายผู้นี้กลับเป็ผู้ที่าเ็น้อยที่สุด ยิ่งกว่านั้น เขาก็อยู่ที่นี่มาถึงสามสิบปี อาชญากรในหุบเขาผลัดเปลี่ยนไปหลายชุด แต่เขากลับยังรอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้
ซ่างกวนเหินคล้ายชายวัยกลางคน หนวดเคราทำให้บนใบหน้าดูซูบตอบ แต่แววตากลับคมกล้ายิ่ง ในใบประวัติของเขาไม่มีสิ่งใดเลย คนผู้นี้มิได้เขียนข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองลงไป นอกจากชื่อ และระบุว่าตนอยู่ที่หุบเขาคนโฉดมาสามสิบปีเท่านั้น
การเขียนใบประวัติแค่นี้ ก็เพียงพอให้กู่ไห่มั่นใจในตัวเขาแล้ว ชายหนุ่มเชื่อว่าผู้ใดก็ตาม ที่สามารถอยู่รอดในหุบเขานี้ได้ ล้วนเป็ยอดฝีมือ สำหรับนิสัยใจคอ ค่อยๆ ศึกษาในอนาคตก็ไม่สาย ประวัติหนึ่งแผ่น ไม่อาจอธิบายอะไรได้ชัดเจนหรอก
กว่าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อย พระอาทิตย์ก็ตกดินไปแล้ว
ตูม!
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่น เมฆสีดำหนาทึบ เคลื่อนตัวเข้ามาบดบังท้องฟ้าเอาไว้
“พายุฝน? เหตุใดจู่ๆ ถึงเกิดพายุฝนได้?” เหล่านักโทษเงยหน้ามองนภา ด้วยความประหลาดใจ
แต่กู่ไห่กลับหรี่ตาลง ภาพเช่นนี้ทำให้นึกถึงเหตุการณ์เรืออับปางเมื่อเดือนกว่าที่ผ่านมา ตอนนั้นอากาศก็เปลี่ยนแปลงกะทันหันแบบนี้ นี่มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้น เมื่ออสูรทะเลปรากฏตัวหรอกหรือ?
--------------------------------------
[1] ฟ้าดินนิลเหลือง (天地玄黄) เป็การล้อมาจากคำกล่าวที่ว่าท้องฟ้าเป็สีดำ ผืนดินเป็สีเหลือง ซึ่งเป็การบรรยายถึงสภาพ่แรกเริ่มของการก่อกำเนิดโลก ตามความเชื่อของจีนโบราณ ซึ่งบรรยายว่า ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นควันดำขมุกขมัว และผืนดินเต็มไปด้วยลาวาสีเหลืองส้ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้