ในบรรดาเด็กๆ บนูเา อาสวินคือคนที่ตั้งใจเรียนที่สุด ส่วนคนที่ตั้งใจเรียนน้อยที่สุดนั้นย่อมเป็เสี่ยวอู่ ทว่าคนที่เชี่ยวชาญด้านการแอบอู้ที่สุดย่อมเป็เฉินโย่ว
ส่วนอาลู่นั้นเป็คนที่มีเป้าหมายชัดเจนที่สุด
อาลู่นั้นไม่ว่ากระทำการใดก็มุ่งมั่นในเป้าหมายของตนนัก
กระทั่งแม้ยามที่เขารู้ว่าท่านอาจารย์ของตนมีความรู้สูงส่ง แต่เขาก็ยังไม่เต็มใจจะเรียน
แม้การสอนของอาจารย์จะดีเยี่ยม แต่เขาก็ยังเลือกที่จะอ่านหนังสือตามเป้าหมายของตน
เขาอ่านกฎหมายราชสำนักจนทะลุปรุโปร่ง ทั้งยังไม่ใช่แค่กฎหมายแคว้นเชิน กระทั่งแคว้นซีและแคว้นจิงเขาก็ล้วนอ่านมาหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังทบทวนอีกหลายครั้งจนบัดนี้สามารถท่องจำจนขึ้นใจ
ยามนี้เด็กหนุ่มในชุดผ้าเนื้อหยาบไร้ซึ่งลวดลายวิจิตรใดๆ สวมรองเท้าหนังที่หุ้มมาจนถึงข้อเท้า ลำคอตั้งตรงแน่วแน่ ผมยาวรวบขึ้นด้วยเชือกดำเส้นหนึ่ง องคาพยพทั้งห้าดูหมดจด เมื่อรวมกับรูปร่างสูงโปร่งเป็ทุนเดิมอยู่แล้วของเขา ช่างทำให้คนที่ได้พบเห็นรู้สึกสบายตานัก
เมื่อยืนอยู่ข้างชายหนุ่มท่าทางหยิ่งผยองในอาภรณ์หรูอย่างคุณชายเฉินแล้ว อาลู่นั้นกลับทำให้ผู้คนที่มองมารู้สึกดีมากกว่า
อีกทั้งใบหน้ายาวๆ ของคุณชายเฉินยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าของเขานั้นดูหยิ่งผยองเสียยิ่งกว่าเดิม
เมื่อได้ยินเสียงของท่านนายอำเภอ
คุณชายเฉินก็รีบยกมือขึ้นคารวะทันที ท่าทางก็เปลี่ยนเป็อ่อนน้อมขึ้นหลายส่วน
คนอื่นๆ ก็พากันกุลีกุจอค้อมกายลงคารวะเช่นกัน
ด้วยท่านนายอำเภอนั้นได้ชื่อว่าเป็ขุนนางซื่อสัตย์อย่างหาได้ยากยิ่ง การคารวะอย่างนอบน้อมของทุกคนจึงเป็เกียรติที่เขาควรได้รับ
เพียงแต่ท่ามกลางเหล่าคนที่กำลังโน้มกายคารวะนั้นกลับมีเด็กหญิงคนหนึ่งที่ผมชี้ราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานคนหนึ่งที่ไม่ยอมค้อมกายคารวะ เ้าของใบหน้าไร้เดียงสานั้นยืดตัวมองอย่างสงสัยใคร่รู้
พลอยขับให้คุณชายเฉินที่ไม่ย่อมค้อมกายคารวะดูโดดเด่นขึ้นมาเช่นกัน ใต้เท้าเฉินหันไปทางเด็กหญิง ในใจก็พลันทอดถอนใจขึ้นมาว่าน่ารักน่าชังนัก จากนั้นจึงหันไปมองคุณชายเฉิน
คุณชายเฉินนับว่ามีความรู้อยู่บ้าง ฐานะครอบครัวก็ดียิ่ง ทว่ายามคารวะเขากลับทำราวกับว่าตนเป็เพียงพ่อค้าคนหนึ่งก็ไม่ปาน เดิมทีเป้าหมายของเขานั้นคือยามก่อนที่ตนจะพ้นวาระ ก็อยากจะเฟ้นหาคนมาทำงานในเมืองเจริญที่อยู่รอบๆ เมืองหลวง
ส่วนเกณฑ์การพิจารณานั้นก็มีอยู่สองส่วน หนึ่งคือฐานะ สองคือการศึกษา
อำเภอิเหอแห่งนี้ยากจนเหลือเกิน เป็เพียงชายแดนไร้ความเจริญแห่งหนึ่งที่แทบจะไม่ต่างอันใดกับดินแดนรกร้างที่เอาไว้เนรเทศนักโทษ ตามหลักแล้วเขาจึงคาดหวังให้มีคนมาขึ้นทะเบียนภูมิลำเนานัก ยิ่งมามากเท่าใดก็ยิ่งดี ส่วนเื่อื่นนั้นค่อยว่ากัน อย่างน้อยก็ขอให้มีประชากรมากพอ ด้วยเหตุนี้นโยบายในการดำเนินงานของเขาจึงค่อนข้างผ่อนปรน
ต่างกับการทำงานของนายอำเภอท่านอื่นอย่างอำเภอไป่เล่อที่ใกล้เมืองหลวงนั่นอย่างไร ด้วยเพราะเป็อู่ข้าวอู่น้ำ ว่ากันว่าจะขึ้นทะเบียนครั้งหนึ่งถึงกับต้องใช้เงินนับร้อยตำลึง แต่ถึงกระนั้นคนก็ยังไม่วายหอบเงินหอบทองไปขอขึ้นทะเบียนกันอยู่ดี
ทว่าอำเภอของเขานั้นขอเพียงสามารถบรรลุจำนวนประชากรที่ทางราชสำนักกำหนดได้ก็พอ วิธีการต่างๆ ที่เขาคิดขึ้นมาก็มีเพื่อเรียกให้คนมาขึ้นทะเบียนให้มากขึ้นเท่านั้น
ช่างน่าโกรธเคืองนัก
ไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาปะทะคารมกันด้วยเื่ทะเบียนภูมิลำเนาได้
หากเป็คนใกล้ชิดตน เขาคงให้คนตีให้หลังหักแล้วตะเพิดออกจากศาลาว่าการแล้ว
ทว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขานั้นคือคุณชายเฉิน
เขาจึงได้แต่ออกหน้าเองเท่านั้น
เมื่อใต้เท้าเฉินเอ่ยปากขึ้นเช่นนั้น ใต้เท้าซูก็พลันเห็นทางรอดของตน ด้วยใต้เท้าเฉินนั้นย่อมต้องเข้าข้างตนอย่างแน่นอน
ส่วนคุณชายเฉินนั้นก็เพียงเห็นเื่ไม่ยุติธรรมแล้วก็อยากจะตำหนิสักคำรบหนึ่ง ในใจคิดว่าเื่นี้ตนจะจัดการเช่นไรก็ย่อมได้ ไม่คาดคิดว่าจะเป็การบีบให้ใต้เท้าเฉินต้องแสดงตัว
เช่นนั้นเขาจึงไม่อาจดึงดันใช้ไม้แข็งต่อได้
ทว่าเื่พยานบุคคลนั้นเขาย่อมมีอย่างแน่นอน
คุณชายเฉินจึงรีบให้คนติดตามไปเชิญตัวท่านพ่อบ้านใหญ่มา
เื่นี้แม้จะผ่านมาหลายปีดีดัก แต่เขาก็ยังคงจำเื่ราวได้อย่างชัดเจน
ตอนนั้นเขารั้นไม่ฟังคำท่านพ่อท่านแม่ ลอบขโมยทองคำของท่านพ่อไปใช้จ่ายเที่ยวเล่นกับสหาย ผลคือเมื่อท่านพ่อพบว่าทองหายไปก็มีโทสะราวกับพายุกระหน่ำ ประกาศกร้าวว่าจะต้องจับโจรขโมยทองมาให้จงได้ เขาในตอนนั้นลนลานอยู่พักใหญ่ มิคาดคิดว่าสุดท้ายท่านพ่อจะกล่าวว่าสามารถจับโจรได้แล้ว เ้าเด็กนั่นเป็บุตรของทาสในเรือน ทว่ามันกลับหนีเอาตัวรอดไปได้
ตอนนั้นเขานึกสงสัยจึงได้เรียกพ่อบ้านมาสืบถาม พ่อบ้านก็กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเงินของเขานั้นโดนเ้าเด็กสารเลวนั่นขโมยไปอย่างแน่นอน ทั้งยังมีคนเห็นเ้าเด็กนั่นใช้เงินซื้อของอยู่ในตลาด
ดังนั้นแม้เื่ที่เขาขโมยทองของท่านพ่อไปจะนับว่าเป็เื่จริงอยู่ แต่เ้าเด็กนั่นก็นับว่าต่ำทรามนัก มันเองก็ย่อมต้องเคยลักทรัพย์อย่างแน่นอน
ช่างน่ารังเกียจนัก
ในที่สุดวันนี้ก็หาตัวมันเจอแล้ว ทั้งยังได้มาเจอเ้าเด็กนั่นกำลังขึ้นทะเบียนอยู่ในศาลาว่าการ ทว่าเ้าเด็กนั่นกลับแต่งกายสะอาดสะอ้าน ดูอย่างไรก็คล้ายกับปัญญาชนคนหนึ่ง แม้จะยังไม่เป็หนุ่มเต็มตัวแต่ก็มีกลิ่นอายแห่งความเป็เลิศแผ่ออกมา ในทีแรกเขายังมองว่าดูเป็บัณฑิตที่น่าคบหาคนหนึ่ง
คุณชายเฉินไม่อยากลดตัวลงไปสนทนากับบุตรของทาสต่อหน้าท่านนายอำเภอ
ใบหน้ายาวนั้นจึงหันไปส่งยิ้มให้ใต้เท้าเฉิน ทำราวกับอาลู่นั้นได้กลายเป็อากาศธาตุ
จวนตระกูลเฉินนั้นอยู่ไม่ไกลจากศาลาว่าการ พ่อบ้านที่เพิ่งจะส่งคนไปตามจึงมาถึงอย่างรวดเร็ว
เด็กรับใช้ของคุณชายเฉินก็ไม่ต่างกับนายของตนนัก ท่าทางปรากฏแววหยิ่งผยองทุกย่างก้าว แม้จะยังไม่ทันชัดเจนนักว่าเกิดอันใดขึ้น ก็รีบวิ่งออกไปตามพ่อบ้านมาทันที
พ่อบ้านใหญ่ก็ไม่กล้าทำให้คุณชายของตนขายหน้า ถึงอย่างไรคุณชายนั้นก็นับว่าเป็หลานที่นายท่านให้ความสำคัญมากที่สุด
ยามที่พ่อบ้านมาถึงจึงเห็นว่าคุณชายตนนั้นกำลังสนทนาอยู่กับท่านนายอำเภออย่างเบิกบาน ในใจจึงลอบถอนหายใจทีหนึ่ง คงจะไม่มีเื่ใหญ่อันใดเกิดขึ้น
“ท่านพ่อบ้าน ในตอนนั้นใช่คนคนนี้หรือไม่ที่ขโมยเงินของท่านไป ขอท่านโปรดกล่าวตามจริง” คุณชายเฉินเมื่อเห็นว่าพ่อบ้านมาถึงแล้วก็อดรนทนไม่ไหวรีบออกปากถามทันที ด้วยเขากับท่านนายอำเภอสนทนากันจนไม่เหลือเื่ใดให้สนทนาแล้ว โดยเฉพาะยามที่ใต้เท้าเฉินถามเขาเื่การเรียน จริงอยู่ที่เขานั้นออกไปท่องเที่ยวหาความรู้มา แต่เขานั้นเน้นการท่องเที่ยวเสียมากกว่าการหาความรู้
พ่อบ้านเมื่อมาถึงในตอนแรกก็สนใจเพียงคุณชายของตนและท่านนายอำเภอ เมื่อได้ยินคุณชายถามขึ้นจึงหันกลับไปมอง
พ่อบ้านเพียงแค่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มข้างกายก็พลันหน้าถอดสี
เขายังจำเื่ในปีนั้นได้ เ้าเด็กหนุ่มคนนั้นโดนเขากระทืบเสียปางตาย แววตาของเ้าเด็กนั่นในยามนั้นดุดันราวกับหมาป่าหิวโซตัวหนึ่ง
ไฉนบัดนี้จึงมีแววตาอ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้
แต่ถึงกระนั้นขาของเขาก็อดสั่นพั่บๆ ขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี
คิดถึงใบหน้าแฝงแววน่าคบหายามกล่าววาจานั้น ทว่าไม่ทันจะกะพริบตาเ้าเด็กนั่นก็ปลิดชีพคนไปถึงสี่คนแล้ว ทั้งยังค่อยๆ ย่างมาหยุดตรงหน้าเขา
เขารู้สึกเพียงว่าผมของตนนั้นถูกตัดหายไปกำใหญ่
เพียงอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น อีกแค่นิดเดียวที่ชีวิตของเขาเกือบจะหาไม่แล้ว
“คุณชายกล่าวล้อเล่นแล้ว น้องลู่จะขโมยเงินข้าได้อย่างไร เื่ในปีนั้นเป็ข้าที่เข้าใจผิดไปเอง แท้จริงเป็ข้าเองที่ทำมันหล่นหาย ทว่าไม่นานก็หาเจอ ช่างพาให้คนอื่นลำบากไปด้วยแล้ว ทั้งยังทำให้ทุกคนต้องมาใไปด้วยอีก” พ่อบ้านยามกล่าวก็ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคุณชายของตน
ใบหน้าหยิ่งยโสของคุณชายเฉินพลันแข็งค้าง มิคาดคิดว่าพ่อบ้านจะกล่าวเช่นนี้
หากมิมีใต้เท้าเฉินยืนอยู่ตรงหน้า เขาคงได้ยกเท้าถีบสักทีเพื่อระบายแค้น
เ้าสุนัขแก่นี่ถึงกับกล้าโกหกออกมา
ใต้เท้าเฉินมองเหตุการณ์ตรงหน้าตน แล้วจึงหันไปมองเด็กหนุ่มในชุดเนื้อหยาบ มุมปากก็พลันยกขึ้น
“ที่แท้ก็เป็แค่เื่เข้าใจผิดกัน เช่นนั้นก็ว่าตามนี้แล้วกัน เสมียนซู เ้าก็เร่งขึ้นทะเบียนให้พวกเขาให้เสร็จโดยไว”
จากนั้นจึงหันมาตบบ่าคุณชายเฉินเบาๆ แล้วจึงกล่าวเสียงหนักขึ้น “จื้อหัว อาจารย์เห็นว่าเ้าเหมือนจะลืมศาสตร์ทั้งหกแขนงไปแล้ว ่นี้ก็ตั้งใจทบทวนเสียหน่อยเถิด รายชื่อจะแนะนำเข้าสำนักเชินนั้นมีไม่มากนัก ต่อให้อาจารย์แนะนำให้เ้าเข้าไปสอบได้ แต่หากเ้าสอบไม่ผ่านก็ย่อมสูญเปล่า”
ใบหน้าแดงก่ำของคุณชายเฉินขยับขึ้นลงเบาๆ จากนั้นก็พาคนของตนเดินจากไปพร้อมโทสะ
สาวใช้หน้าตาพริ้มเพราที่ยืนรอคุณชายของตนอยู่หน้าประตู ก็เห็นว่าคุณชายของตนนั้นสีหน้าย่ำแย่นัก ทว่าก็ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นจึงได้แต่เดินตามไปอย่างเป็กังวล
กลุ่มคนที่มาขึ้นทะเบียนเมื่อเห็นว่าท่านนายอำเภอตัดสินอย่างเป็ธรรมเช่นนี้ ก็พากันก้มคารวะลงแนบพื้น กล่าวสรรเสริญขึ้นเสียงดังว่า “ขุนนางใจซื่อมือสะอาด”
ใต้เท้าเฉินโบกมือเบาๆ ใบหน้าอิ่มเอิบเผยรอยยิ้มเมตตาราวกับพระพุทธองค์ ดูแล้วเปี่ยมด้วยความเมตตา
ทั้งเมื่อครู่เขายังหยิบสมุดทะเบียนภูมิลำเนาของเด็กหนุ่มขึ้นมาดู
“ตัวอักษรเขียนได้ไม่เลว” ท่านนายอำเภอเห็นแล้วก็เอ่ยปากชมขึ้น
นายท่านสามได้ยินเช่นนั้นก็รีบออกปาก “ใต้เท้ากล่าวชมเกินไปแล้ว ทั้งขอบพระคุณใต้เท้ามากที่ตัดสินอย่างเป็ธรรม”
ใต้เท้าเฉินเดิมทีก็ไม่ได้รักในความเป็ธรรมอันใด เพียงแต่เื่ทะเบียนภูมิลำเนานี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบของเขา เขาจึงไม่อาจเพิกเฉยได้
ทั้งหากว่าเขายอมให้แผนชั่วของคุณชายเฉินสำเร็จ ต่อไปก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีคนมาช้อนผลประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนนี้อีกมากเท่าใด กระทั่งราษฎรปกติก็อาจโดนใส่ไคล้ว่าเป็ทาสได้
ทว่าการจัดการเช่นนี้ของเขานั้นกลับทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็คุณนางมือสะอาด เช่นนี้จะไม่ให้เขารู้สึกสบายอกสบายใจได้อย่างไร
ปกตินั้นเขานั้นไม่เคยต้องลงมาจัดการเื่พวกนี้ด้วยตนเอง แต่ส่งต่องานให้ลูกน้องคนอื่น หลักๆ เขานั้นจะอยู่เพียงในห้องของตน อ่านตำราและเขียนอักษร เื่ยิบย่อยเช่นนี้ล้วนไม่คุ้มค่าให้เขาต้องลงแรง
ทว่ายามได้ยินผู้คนสรรเสริญเช่นนี้ เขากลับรู้สึกพึงใจอย่างบอกไม่ถูก
“แค่ดูลายมือก็รู้ว่าเ้านั้นไม่ธรรมดา ทั้งยังคุ้นเคยเื่กฎหมาย ช่างเป็คนหนุ่มที่เปี่ยมความสามารถ ข้าเองสามารถแนะนำชื่อเ้าให้เข้าไปสอบในสำนักเชินได้ ปลายปีนี้เ้าก็เข้าไปสอบเสีย” ท่านนายอำเภออยู่ดีๆ ก็ออกปากขึ้น
คนอื่นๆ เมื่อได้เื่สำนักเชินก็พากันตาลุกวาว
เสียงซุบซิบเบาๆ พลันดังขึ้นเป็ระลอก
แคว้นเชินนั้นล้วนได้ปัญญาชนมาช่วยกันบริหาร ดังนั้นสถานะของปัญญาชนจึงสูงนัก
โดยเฉพาะเหล่าศิษย์จากสำนักเชิน แค่ได้เข้าเรียนในสำนักเชิน ก็เท่ากับว่าขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าไปอยู่ในวังหลวงแล้ว
ชั่วพริบตาสายตาที่จับจ้องมาที่อาลู่ก็เต็มไปด้วยความอิจฉา ล้วนแต่คิดว่าเ้าเด็กนี่ราวกับ์ประทานเมฆอึสุนัขมาให้ จึงได้โชคดีถึงเพียงนี้
“ไอ้เด็กเวรลู่มันเจริญแล้ว!”
“เมื่อก่อนข้าก็เคยบอกแล้วว่าไอ้เด็กนี่มันไม่ธรรมดา ดูแค่รูปลักษณ์ก็ยังรู้ว่าย่อมจะต้องเป็คนมีความสามารถคนหนึ่ง”
“อย่าเพิ่งนึกดีใจไป ข้าว่าต่อให้มีรายชื่อก็ใช่ว่าจะสอบผ่านได้เสียเมื่อไร”
เพียงครู่เดียวความคิดเห็นต่างๆ นานาเกี่ยวกับอาลู่ก็โหมกระพือราวกับควันไฟ
นายท่านสามเมื่อได้ยินเื่สำนักเชิน ก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เมื่อมองไปทางอาลู่ก็เห็นว่าเด็กหนุ่มยังคงสงบนิ่งราวกับทะเลไร้คลื่น
ทั้งสองมือยังคงทำท่าคำนับท่านนายอำเภออย่างรู้มารยาทก่อนจะกล่าวขึ้น “ขอบคุณท่านนายอำเภอที่สนับสนุน ที่ผู้น้อยรู้หนังสือและกฎหมายก็ล้วนได้น้องชายของผู้น้อยลู่สวินเป็คนสอน น้องชายของผู้น้อยนั้นมีปัญญาเป็เลิศ ทั้งยังมีพร์ มีความรู้มากกว่าผู้น้อยนับร้อยนับพันเท่า หากว่าท่านนายอำเภอจะเสนอรายชื่อใครไปจริงๆ ผู้น้อยหวังว่าจะสามารถยกสิทธิ์นั้นให้น้องชายได้ เื่อื่นนั้นย่อมไม่ต้องเป็ห่วง ผู้น้อยรับประกันว่าน้องชายของผู้น้อยจะต้องสอบเข้าสำนักเชินได้อย่างแน่นอน”
ระหว่างกล่าวไปอาลู่ก็ผลักอาสวินมายืนอยู่ตรงหน้า
ใต้เท้าเฉินได้ยินเช่นนั้นก็พลันงุนงง เมื่อครู่ที่คุณชายเฉินมาพะเน้าพะนอเขาก็เพราะเื่รายชื่อที่จะเสนอให้สำนักเชินนี้เช่นกัน
ทว่าเ้าเด็กหนุ่มตรงหน้ากลับใจกว้างเอ่ยปากยกให้คนอื่นเช่นนี้ ทั้งท่าทางนั้นไม่ได้ถ่อมตัวจนเกินงาม แต่ก็ไม่ได้หยิ่งผยองเกินไป ช่างทำให้เขานั้นนึกชื่นชมนัก ทว่าท่าทางนั้นก็ช่างดูเด็ดเดี่ยวไม่ลังเลในการตัดสินใจของตน
ใต้เท้าเฉินได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมองเด็กหนุ่มนามลู่สวิน
เพียงแค่แรกเห็นคิ้วหนาดำ ปากแดงผิวขาว และติ่งหูที่เป็สัญลักษณ์ของความเมตตา เมื่อรวมกันแล้วช่างทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้านั้นดูรูปงามนัก