แม้ว่าเสิ่นม่านเหนียงแม้จะมีรูปร่างอ้วนและแก่กว่าโก่วเซิ่งถึงสองปี ทั้งยังเลี้ยงเด็กอีกสามคน เดิมทีไม่เหมาะสมกับลูกชายของนางอย่างยิ่ง
แต่ผู้หญิงคนนี้หาเงินเก่ง!
ลำพังแค่ขายเต้าฮวยก็ได้ยินว่าได้วันละหลายสิบตำลึง หลายวันนี้ยังจ้างคนมาต่อเติมบ้าน เดาว่าคงหาเงินได้ไม่น้อยแน่ หากว่าโก่วเซิ่งแต่งกับอ่างสมบัติคนนี้ แล้วพวกเขาร่วมมือกันชิงสูตรเต้าฮวยมาอยู่ในมือ ชีวิตภายหน้าย่อมสุขสำราญหาใดเปรียบ
นางยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นแต่ภาพอนาคตอันสวยงาม นางจางดวงตาเปล่งประกาย รีบกลับเข้าบ้านไปปลุกหลี่โก่วเซิ่งที่ยังนอนเกียจคร้านอยู่ในห้อง
“ลูกชาย! ตื่นเร็ว แม่หาคู่ครองดีๆ ให้เ้าได้แล้ว!”
หลี่โก่วเซิ่งตื่นขึ้นจากฝันอันแสนหวาน เดิมทีเขาไม่พอใจ แต่พอได้ยินว่ามีคู่ครองดีๆ ถึงได้ยอมลุกขึ้นมานั่ง
“อะไรนะแม่? คู่ครองดี... เหอยวนยางยินดีแต่งงานกับข้าแล้วหรือ?”
“เฮอะ! เ้าลูกไม่เอาไหน ยังคิดถึงเหอยวนยางคนชั้นต่ำนั้นอยู่อีก นางมีอะไรดีนักหนา? พ่อนางก็แค่ซิ่วไฉยากจนคนหนึ่ง สถานะแค่นั้น ไหนเลยจะคู่ควรกับผู้ชายแสนดีเช่นลูก”
นางจางลูบศีรษะของหลี่โก่วเซิ่ง จากนั้นเอ่ยด้วยความหวังที่อยากหลอมเหล็กให้เป็เหล็กกล้า “ผู้ที่ข้าหมายตาครั้งนี้คือ เสิ่นม่านเหนียงสกุลเสิ่นที่อยู่ข้างบ้านเรา!”
“เสิ่นม่านเหนียง?”
หลี่โก่วเซิ่งได้ยินดังนั้นก็โมโห เขาแผ่หลาลงกับเตียงพร้อมดึงผ้าห่มที่มีรอยปะเต็มไปหมดคลุมศีรษะ จากนั้นะโปฏิเสธด้วยความรังเกียจ
“หญิงอ้วนนั่นจะเทียบกับเหอยวนยางได้อย่างไร? อีกอย่าง นางมีลูกติดกับชายแปลกหน้าอีกด้วย! เฮอะ รูปร่างเช่นนั้น ให้ตายข้าก็ไม่ยอมแต่ง!”
“เ้าลูกโง่! เหตุใดถึงเบาปัญญาขนาดนี้”
นางจางเห็นว่าเขาคิดเองไม่ได้ จึงดึงชายหนุ่มให้ลุกขึ้นจากเตียง
“ข้าจะบอกให้ เสิ่นม่านแม้จะหน้าตาธรรมดา แต่นางหาเงินเก่ง! ขอเพียงเ้าแต่งงานกับนาง เราสองคนก็ให้นางขายเต้าฮวย พอนางไปขายเต้าฮวยกลับมา เราก็จะได้มีเงินเข้ากระเป๋าวันละสิบตำลึง ไม่ดีตรงไหนกัน?”
หลี่โก่วเซิ่งเกาท้ายทอย “แต่นางมีลูกหลานตั้งสามคน? ข้ายังไม่เคยแต่งงาน แล้วจะให้แต่งงานกับหญิงที่เคยมีลูกได้อย่างไร?”
“เด็กโง่!” นางจางเห็นเขาเริ่มหวั่นไหว จึงยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู
“ลำพังเด็กพันทางไม่กี่คนจะไปมีปัญหาอะไร เราจัดการขายไปก็จบ ถึงเวลานั้น เราสองแม่ลูกจะได้มีชีวิตหรูหรา เ้าไม่ชอบหรือ? หากเ้าไม่ชอบเสิ่นม่านก็ค่อยแต่งอนุเพิ่มเข้ามา เ้าอยากมีลูกกี่คนล้วนตามใจเ้า ให้เราได้มีชีวิตที่สุขสำราญเสียบ้างสิ เ้าลูกโง่!”
เมื่อหลี่โก่วเซิ่งได้ยินว่าแต่งอนุได้จึงตอบตกลงทันที พร้อมกับอ้อนวอนนางจาง “ท่านแม่ เช่นนั้นรีบหาโอกาสไปสู่ขอเถิด! ข้าอยากแต่งงานกับเสิ่นม่านเหนียง”
นางจางยิ้มแย้มชื่นมื่น “ก็ได้ๆ ค่ำนี้ข้าจะไปสู่ขอ!”
ตกเย็น หลังจากเสิ่นม่านขายเต้าฮวยกลับมา นางจางก็พาหลี่โก่วเซิ่งมาหานางที่ลานบ้าน
เสิ่นม่านดึงเก้าอี้มานั่งลง จากนั้นแบ่งขนมกุ้ยฮัวที่ซื้อจากตำบลให้แก่เด็กน้อยทั้งสาม พอเงยหน้าขึ้นก็เจอกับนางจางและลูกชายที่เดินเข้ามาหานางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ม่านเหนียง เพิ่งขายเต้าฮวยกลับมาหรือ? เหนื่อยมาทั้งวันคงจะหิวน้ำแล้วสิ?”
นางจางไม่รอคำตอบก็หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมารินน้ำให้นางดื่ม
เสิ่นม่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
นี่… สรุปว่าที่นี่เป็บ้านของใครกันแน่?
นางหันไปสบตากับหนิงโม่ที่อยู่บ้านตลอด อีกฝ่ายยักไหล่โดยไม่ส่งเสียง แสดงท่าทีว่าเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าสองแม่ลูกนี้กำลังจะทำอะไร
ความเอาใจใส่อย่างไม่มีที่มานี้ เสิ่นม่านไม่กล้ารับ
นางวางถ้วยชาไว้ด้านข้าง จากนั้นหางตาชี้ขึ้นเล็กน้อยและกระแอม “ป้าจาง มีธุระอันใดหรือ?”
คนผู้นี้หน้าด้านเกินไปหน่อยหรือไม่ หลายวันก่อนมาขอสูตรเต้าฮวยกับนางไม่สำเร็จ วันนี้ยังจะกล้ามาที่นี่อีก เสิ่นม่านไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนการอะไร จึงลองหยั่งเชิงดูก่อน
ใบหน้าชราของนางจางยิ้มบานราวกับดอกเบญจมาศ รอยย่นบนใบหน้านั้นเรียงกันเป็ชั้นๆ จากนั้นนางคว้ามืออวบของเสิ่นม่านมาและเอ่ยชมไม่หยุด
“เฮ้อ! จะมีธุระอะไรได้ ข้ามาเพื่อพูดคุยกับเ้า ม่านเหนียง ดูเ้าสิ เลี้ยงเด็กสามคนด้วยตัวคนเดียว มือนี้ก็ต้องใช้ทำเต้าฮวยทั้งวันจนมือหยาบไปหมด แต่ละวันไม่ได้แต่งตัวสวยๆ ช่างลำบากเหลือเกิน...”
เสิ่นม่านอยากชักมือกลับแต่ชักไม่ออก จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ฟังนางเฒ่าผู้นี้พร่ำพรรณนาต่อไปเงียบๆ
เป็ดั่งที่คาด นางจางทั้งเอ่ยชมทั้งสรรเสริญนางสารพัดจนน้ำลายแตกฟอง จากนั้นเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค
“ม่านเหนียง ครอบครัวใหญ่เช่นนี้ต้องพึ่งเ้าดูแลคนเดียวคงลำบากมาก ถ้าอย่างไรลองคิดเื่แต่งงานดีหรือไม่?”
แค่กๆ
ไม่ทันจะสิ้นเสียงนางจาง เด็กน้อยทั้งสามที่กำลังกินขนมกุ้ยฮัวก็โวยวายขึ้นมา “แต่งงานอะไร? ท่านแม่ของข้าไม่คิดจะแต่งงาน! ข้าไม่อยากได้พ่อเลี้ยง!”
ต้าเป่าวิ่งเสียงดังตุบๆ เข้ามาและไม่สนใจขนมกุ้ยฮัวในมืออีกต่อไป เขายัดใส่มือของเสิ่นม่าน
“ท่านแม่ ต่อไปข้าจะไม่กินขนมกุ้ยฮัวและไม่ไปเรียนด้วย ข้าจะช่วยงานที่บ้าน ท่านหาเงินคนเดียว จะได้ไม่ต้องลำบากมากถึงเพียงนั้น”
เสี่ยวตงและเสี่ยวหลานก็เสริม “ใช่ ท่านอา เราก็จะไม่ไปเรียนด้วย กลับมาช่วยอาทำเต้าฮวยและขนไปขายที่ตำบล ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากตรากตรำคนเดียว”
คนทั้งหลายเห็นพ้องต้องกัน ขาดก็แค่คำว่า นางไม่ต้องแต่งงานอีกเลยจะดีที่สุด
เสิ่นม่านยิ้มแต่ยังไม่ได้พูดอะไร นางจางก็เบ้ปาก
“ไปๆ เด็กน้อยอย่างพวกเ้าจะไปเข้าใจอะไร? ฝนย่อมต้องตกจากฟ้า สตรีย่อมต้องแต่งงาน ม่านเหนียงอายุยังน้อยอีกทั้งไม่เคยแต่งงาน หรือจะให้นางขึ้นคานเฝ้าพวกเ้าสามคนไปชั่วชีวิต? ผู้หญิงเราย่อมต้องหาคู่ครองแต่งงานจึงจะถูก มิเช่นนั้นจะเรียกว่าผู้หญิงได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น แม่เ้ายัง...”
นางจากหยุดพูดกลางคันเพราะฉุกคิดได้ว่าคำพูดต่อจากนั้นไม่ใช่เื่ดีอะไร จึงหยุดไว้
เสิ่นม่านมองนางด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ “ข้าทำไมหรือ? ป้าจางพูดต่อสิ?”
นางจางยิ้มเก้กังก่อนจะตบหน้าขา “เฮ้อ! จะยากตรงไหนกันเชียว? ม่านเหนียง เ้าอย่าโทษที่ป้าพูดจาตรงไปตรงมาเลยนะ เ้าน่ะมีเด็กตั้งสามคน ทั้งยังมีญาติผู้พี่มาอาศัยอยู่ด้วย เช่นนี้มีแต่จะตกเป็ขี้ปากชาวบ้าน ต่อไปคงแต่งงานยาก ป้าเองก็เป็ห่วงเ้าและเห็นเ้าเป็คนในครอบครัว ก็อย่างที่เห็น ข้าเลยจะให้โก่วเซิ่งยอมเสียสละมาสู่ขอเ้าถึงที่”
สู่ขอ? ยอมเสียสละอีกด้วย?
เสิ่นม่านเหลือบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวและรอยขรุขระของหลี่โก่วเซิ่ง ถึงกับขนลุกไปทั้งตัว
โอ๊ย ให้ตายสิ สองแม่ลูกนี่ดื่มสุราก่อนออกจากบ้านไปเท่าไรกัน? นางพูดไม่ออกจริงๆ!
เสิ่นม่านเพิกเฉย แต่นางจางยังคงพูดพล่ามต่อ
“เ้าไม่ต้องห่วงเื่เด็กๆ เมื่อโก่วเซิ่งแต่งกับเ้าแล้ว เด็กสามคนก็คือคนสกุลหลี่เช่นกัน เราจะดูแลพวกเขาเหมือนลูกหลานแท้ๆ และต่อไปข้าก็คือย่าแท้ๆ ของพวกเขา ย่อมต้องช่วยเ้าเลี้ยงดูลูก ส่วนเ้าก็ตั้งใจขายเต้าฮวยไป กลับบ้านมาก็มีพร้อมทั้งสามีและลูกหลานคอยให้ความอบอุ่นใจ ชีวิตเช่นนี้ทั้งงดงามและสมบูรณ์ไม่ใช่หรือ?”
เสิ่นม่านเปลี่ยนท่านั่งและลูบคางพินิจ
“ป้าพูดมีเหตุผล เช่นนั้นข้าขายเต้าฮวยทุกวัน โก่วเซิ่งทำอะไรล่ะ?”
-----
