ต้องขอบคุณในความกล้าที่จะเอ่ยขอของเขาจริงๆ นี่คงคิดว่านางเอาเงินสิบตำลึงออกมาไม่ได้สินะ
“ไม่ได้กระมัง หากข้าเอาเงินให้ท่านตอนนี้ แล้วท่านเกิดพลิกหน้าไม่รับรู้จะทำอย่างไร อีกอย่างป้าสะใภ้ก็ยังไม่ขอขมาข้าเลย เื่วันนี้ไม่ใช่ความผิดข้า” ิเป่าจูแสร้งกล่าวอย่างลังเล
สีหน้าลังเล ดูกระสับกระส่าย ในสายตาของสามีภรรยาสกุลิตีความว่าเอาเงินออกมาไม่ได้ จึงคิดวิธีการผัดผ่อน ถ่วงเวลาจ่ายเงินออกไป
“ง่ายแค่นี้เอง หัวหน้าหมู่บ้านก็อยู่ที่นี่ เชิญท่านเป็พยาน พวกเราจะลงนามเป็ลายลักษณ์อักษร กระดาษขาวอักษรดำ ใครก็เบี้ยวไม่ได้ ต่อให้ภายหลังเื่ไปถึงนายอำเภอ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคำอธิบาย นอกจากนี้ เื่วันนี้ข้าเป็คนผิดเอง ทำกำไลของตนเองหายไป หลงเชื่อคำกล่าวของผู้อื่นถึงได้เกิดเื่เช่นนี้ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็ครอบครัวเดียวกัน เป่าจู ป้าสะใภ้ผิดต่อเ้า ให้อภัยป้าสะใภ้ได้หรือไม่”
หวังซื่อแทบจะรอไม่ได้อีกต่อไป วิ่งเข้าไปในกับดักด้วยตนเอง ทั้งยังเสนอแผนการที่ชาวบ้านทุกคนต้องเห็นด้วย ทั้งกล่าวขอขมาิเป่าจูไปพร้อมกัน
สิ่งที่ข้ารอคอยอยู่ก็คือคำพูดของเ้าคำนี้ ิเป่าจูยิ้มในใจอย่างเบิกบาน แต่กลับไม่แสดงออก สีหน้ายังคงกระอักกระอ่วนและไม่เต็มใจ
ทุกคนต่างรู้การกระทำทั้งหมดของหวังซื่อแล้ว ตอนนี้นางก็แค่ออกมายอมรับด้วยปากตนเองเท่านั้น ไม่น่าแปลกใจอันใด ต่างก็อยากดูว่าิเป่าจูจะมีท่าทีตอบสนองอย่างไร
“หัวหน้าหมู่บ้าน มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะทำให้ทุกคนยอมรับได้” ิเถี่ยจู้กลัวว่าอีกประเดี๋ยวิเป่าจูจะคิดวิธีการอื่นได้อีก จึงรีบหันไปเร่งหัวหน้าหมู่บ้าน
หัวหน้าหมู่บ้านคิดว่าวิธีนี้ใช้ได้ จึงพยักหน้า ให้คนไปหยิบกระดาษกับพู่กัน แล้วย้ายโต๊ะในห้องออกมาเขียนหนังสือสัญญาด้วยตนเอง
หลังจากนั้นก็ให้ิเถี่ยจู้กับิเป่าจูพิมพ์ลายนิ้วมือใต้ชื่อของตนเองต่อหน้าทุกคน
“เช่นนี้เ้าพอใจแล้วหรือยัง” สีหน้าของิเถี่ยจู้เต็มไปด้วยความลำพองใจ
เนื้อหาเดียวกันเขียนบนกระดาษจดหมายสีน้ำตาลสองแผ่น
เขียนเงื่อนไขตามที่ทั้งสองฝ่ายเรียกร้อง แล้วให้พวกเขาพิมพ์ลายนิ้วมือด้วยชาดสีแดง ฉบับหนึ่งเก็บที่ิเถี่ยจู้ อีกฉบับก็มอบให้ิเป่าจู
หลังพับเก็บเรียบร้อย ิเป่าจูก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“เงินเล่า รีบเอาออกมา” หวังซื่อเร่งเร้า
“เป่าอวี้ ไปหยิบเงินออกมา” ิเป่าจูพลิกสีหน้าจากลำบากใจมาเป็เรียบเฉย แต่สายตากลับทอประกายคมกล้า
คิดจะเล่นงานนาง ฝันไปเถอะ!
ขณะวิ่งเข้าไปในห้อง หัวใจของิเป่าอวี้ก็มีความสุขล้นทะลักออกมา ความกลัดกลุ้มที่อัดอั้นมานาน มลายหายสิ้นั้แ่ิเถี่ยจู้ตอบตกลงที่จะตัดขาดความสัมพันธ์
ไม่นานนักก็หยิบเงินออกมา ทุกคนต่างอ้าปากค้างเมื่อเห็นแท่งเงินวับวาวในมือของิเป่าอวี้
สิบตำลึงก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ครอบครัวชาวนาธรรมดาตรากตรำทำงานครึ่งปีก็ยังไม่แน่ว่าจะมีรายรับขนาดนี้ แต่นางกลับหยิบออกมาสบายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
หวังซื่อฉวยแท่งเงินไปจากมือของิเป่าอวี้ก่อนวางที่ริมฝีปากกัดดูหนึ่งคำ ของจริง!
“เงินนี่เ้าเอามาจากไหน”
ไม่นึกว่านางจะเอาเงินออกมาได้จริงๆ เวลานี้ิเถี่ยจู้สามีภรรยาไม่อาจนิ่งได้อีกต่อไป นึกสงสัยว่าตนเองจะปล่อยเหมืองทองคำหลุดมือไปเสียแล้ว
“เงินได้มาอย่างไร ก็ไม่ใช่กงการอะไรของท่าน ส่วนอีกสิบตำลึง พวกเราจะจ่ายให้ภายในหนึ่งเดือนตามกำหนดเวลา ถึงเวลานั้นพวกเราก็จะไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
ในที่สุดิเป่าอวี้ก็กล้าเผชิญหน้ากับเงามืดในอดีตอย่างแข็งแกร่ง
เ้าลูกเต่าสารเลว ถึงกับกล้าชักสีหน้าไม่สนใครหน้าไหนแล้วจริงๆ
ิเถี่ยจู้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ถ้อยคำก็พูดไปแล้ว สัญญาก็ลงนามแล้ว เสียใจภายหลังเวลานี้ก็สายไปแล้ว
ดูจากท่าทางสงบนิ่งของิเป่าจูตอนนี้ ทุกสิ่งที่พวกเขาแสดงออกไปเมื่อครู่ล้วนอยู่ในแผนการของนางใช่หรือไม่ ตนเองต่อสู้แย่งชิงมาครึ่งวัน สุดท้ายก็เป็แค่เื่ขบขันเหมือนตัวตลกะโบนไม้คานเท่านั้นเอง
หวังซื่อถือเงินอยู่สิบตำลึงแต่กลับยิ้มไม่ออก
ทั้งที่นางตั้งใจวางแผนเล่นงานิเป่าจูแท้ๆ ตอนนี้กลับกลายเป็ถูกนางเด็กนี่ตบหน้าฉาดใหญ่ อย่าให้เอ่ยว่าคับแค้นใจเพียงใด
“ข้าจำผิดไป ของที่มารดาข้าให้มาไม่ใช่กำไลหยก แต่เป็กำไลทองแกะสลัก เป็ของสืบทอดจากบรรพบุรุษ นางขโมยกำไลของข้าไป” ดวงตากลอกกลิ้ง ร้องโวยวายเสียงดังขึ้นมาอย่างไม่ยินยอม
แต่ชั่วขณะนั้นแทบไม่อาจซ่อนตัวตนภายใต้หน้ากากจอมปลอมของตนเองได้
สีหน้าที่มีแต่ความโลภเข้าครอบงำ แม้แต่ชาวบ้านที่เคยลำเอียงเข้าข้างพวกเขายังทนดูไม่ได้ ต่างพากันเอ่ยปากเยาะหยัน
“สะใภ้สกุลิ เดี๋ยวก็บอกว่ากำไลหยก เดี๋ยวก็บอกว่ากำไลทอง เ้ากลับไปถามบรรพบุรุษของเ้าเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนเถอะ”
“มิน่าเล่าหวังซื่อถึงจัดการครอบครัวได้เป็ระเบียบนัก ความสามารถในการตบตาผู้อื่นใช่ว่าใครจะเลียนแบบกันได้ง่ายๆ”
“ฮ่าๆๆ”
ทุกคนต่างะเิหัวเราะเสียงดัง หากบ้านสกุลหวังมีฐานะจริง จะให้บุตรสาวแต่งเข้าสกุลิได้อย่างไร เป็ถึงผู้าุโกลับทำตัวเช่นนี้ ไม่แปลกที่ลูกหลานจะไม่นับถือ!
มิน่าเล่า นางหนูคนนี้ถึงยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อตัดขาดกับพวกเขา
บัดนี้หวังซื่อหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธยังคิดจะพูดบางอย่าง แต่ถูกิเถี่ยจู้ตวาดใส่
“หุบปาก เ้ามานี่เดี๋ยวนี้เลย” ิเถี่ยจู้สีหน้าเขียวคล้ำ นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่เขาคาดหวัง หากทิศทางลมเปลี่ยนไป คำพูดของเขาจะมีน้ำหนักในหมู่บ้านนี้อีกหรือ
ิเป่าจูรับปากอย่างง่ายดาย เหนือความคาดหมาย ทำให้ิเถี่ยจู้กับหวังซื่อต่างรู้สึกตรงกันว่าเรียกร้องมาน้อยไป
สถานการณ์ตอนนี้ผิดปกติอย่างเด่นชัด ไม่อาจปล่อยให้หญิงบ้าปากไม่มีหูรูดพูดพล่อยๆ อีกต่อไป
“พอได้แล้ว พวกเ้าควรทำตัวให้สมกับเป็ผู้าุโกันบ้าง เื่นี้ให้ยุติแต่เพียงเท่านี้ ต่อไปใครก็อย่าได้เอ่ยถึงอีกเป็อันขาด” หัวหน้าหมู่บ้านทนดูไม่ได้อีกต่อไป กระทุ้งไม้เท้ากับพื้นถี่ๆ
คนที่หัวเราะเยาะต่างค่อยๆ เงียบ
“หลังจากชำระเงินครบถ้วน เ้ากับน้องชายยังสามารถอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้ แต่อย่าก่อเื่เหล่านี้อีก มิเช่นนั้นครั้งต่อไปก็คงต้องขับไล่พวกเ้าออกไปจากหมู่บ้านแล้ว”
ชายชราเปิดตาข่ายไว้ด้านหนึ่ง [1] พร้อมกับวางมาดเคร่งขรึม
ตามเหตุผลแล้วควรจะซาบซึ้งใจ แต่ิเป่าจูกลับรู้สึกขบขันมากกว่า
“ขอบคุณมากเ้าค่ะ แต่คงไม่จำเป็ หลังจากชำระเงินครบ พวกเราจะย้ายออกจากหมู่บ้าน ต่อไปคงไม่มีโอกาสกลับมาอีกแล้ว”
ครานี้ไม่เพียงแต่ชาวบ้านที่ตกตะลึง ิเป่าอวี้ก็ยังมองพี่สาวของตนเองทันที อยากได้ความแน่ชัดจากสีหน้าของนาง
เขาไม่เคยคิดว่าจะไปจากสถานที่แห่งนี้ ใช่ว่าจะอาลัยอาวรณ์นักหนา แต่ไม่กล้าคิด
ทว่านี่เป็การตัดสินใจของพี่สาว เขาต้องคล้อยตามโดยไม่มีเงื่อนไข
สำหรับิเป่าอวี้แล้ว ิเป่าจูถึงจะเป็ญาติเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ในโลกนี้ นางไปที่ใด เขาก็ไปที่นั่น
“นี่เ้า... พวกเ้าไปจากหมู่บ้านแล้วจะไปไหนได้” หัวหน้าหมู่บ้านมุ่นคิ้วขมวด
เด็กสองคนจะเอาตัวรอดกันเองได้อย่างไร
“เื่นี้ไม่รบกวนหัวหน้าหมู่บ้านต้องเป็กังวล หากไม่มีเื่อื่นแล้ว เชิญพวกท่านออกไปจากเรือนของข้ากันได้แล้วล่ะ”
มีหม้อดำใบใหญ่หล่นลงมาจากฟ้า [2] แต่หลังจากแก้ไขได้แล้ว ิเป่าจูกลับไม่รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ตรงข้ามกลับโล่งใจด้วยซ้ำ
เป็ครั้งแรกที่หัวหน้าหมู่บ้านถูกผู้อื่นขับไล่ออกจากบ้าน เขาไอเบาๆ อย่างกระอักกระอ่วน ก่อนจากไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง
หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านไปแล้ว ิเถี่ยจู้ก็ไม่สามารถอยู่ได้นานกว่านี้ ถึงแม้จะได้รับเงินสมใจปรารถนา แต่เขากลับหนักใจ
“หมาป่าตาขาว ไม่รู้จักบุญคุณคน เพ้ย!”
หวังซื่อสบถออกมา ขณะกำลังจะตามิเถี่ยจู้ออกไป ยังไม่ทันพ้นประตู ก็ถูกคนรั้งไว้
“วางของลงเดี๋ยวนี้” ท่านป้าเอาตัวเข้ามาขวางหน้าหวังซื่อพลางเอ่ยปาก
หวังซื่อไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเป่าจูอีกแล้ว แต่ยังจูงแพะติดมือ [3] ผลประโยชน์เล็กน้อยก็ขอฉกฉวยเอาไว้ก่อน เหตุไฉนเมื่อก่อนนางถึงมองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของครอบครัวสกุลิกันนะ
ชาวบ้านที่ชมความครึกครื้นอยู่ข้างนอกยังไม่ไป พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็หัวเราะ ในที่สุดหวังซื่อก็โยนถุงข้าวสารกับชามใบใหญ่ในมือทิ้งไป
ก่อนไปยังเตะอีกที ท่านป้ารักถนอมข้าวปลาอาหาร รีบนั่งยองลงไปตรวจสอบ
ข้าวอยู่ในกระสอบยังพอไหว แต่เสียดายลูกชิ้นกับเต้าหู้ปรุงรสทั้งชามที่กระจายเต็มพื้น
เชิงอรรถ
[1] เปิดตาข่ายไว้ด้านหนึ่ง หมายถึงการเปิดทางรอดให้ เปิดโอกาสให้
[2] หม้อดำ หมายถึง การถูกผู้อื่นใส่ร้ายยัดเยียดความผิดให้ คำพูดประโยคนี้จึงหมายความว่า อยู่ดีๆ ก็ถูกผู้อื่นยัดเยียดใส่ร้ายด้วยข้อหาที่ร้ายแรง
[3] จูงแพะติดมือ เป็หนึ่งในกลศึกสามก๊ก หมายถึงการใช้ประโยชน์จากความประมาทเลินเล่อของฝ่ายตรงข้าม ฉกฉวยผลประโยชน์หรือสิ่งของบางอย่างจากฝ่ายตรงข้ามมาเป็ของตนเมื่อสบโอกาส
