มู่หรงฉือหลั่งเหงื่อเย็นแต่ยังฝืนหัวเราะเสียงใส “ความเสี่ยงที่สุดของเปิ่นกงก็คือท่านอ๋อง ยามนี้เปิ่นกงเหมือนต้องเผชิญกับอันตรายอยู่ทุกวัน แต่ละย่างก้าวน่าหวั่นใจ เกรงว่าวันใดจู่ๆ จะต้องกลายเป็คนที่ถูกรุมโจมตีหรือต้องกลายเป็ศพนอนอยู่ในวัง”
แววตาของมู่หรงอวี้เข้มขึ้น “อาฉือ เหตุใดถึงไม่เชื่อเปิ่นหวาง?”
“หากท่านอ๋องคืนอำนาจในการบริหารราชสำนักมาให้เปิ่นกงหรือให้เปิ่นกงเข้าร่วม เปิ่นกงก็จะเชื่อว่าท่านอ๋องมีความจริงใจอยู่บ้าง”
“หากเปิ่นหวางจะเปิดเผยความลับของเ้า เหตุใดเปิ่นหวางจะต้องมองหมากของตัวเองถูกคนสังหารด้วยเล่า? แล้วเหตุใดจะต้องรอมาจนถึงเวลานี้? รวมถึงก่อนหน้านี้เหตุใดเปิ่นหวางจะต้องช่วยเ้าหลายครั้งหลายครา?”
นางจ้องเขานิ่ง ใช่สิ เขาที่เชี่ยวชาญวางแผน คิดคำนวณแผนการมากมายไม่เคยผิดพลาด ทั้งวังหลวงรวมถึงเมืองหลวงล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา เพียงเขาชี้นิ้วสั่ง นางก็จะกลายเป็คนผิด ต้องพ่ายแพ้จนจมดิน หากเขามีใจต่อต้านนาง อยากจะให้นางตาย จำเป็ให้เขาต้องรอถึงตอนนี้ด้วยหรือ?
แต่นางไม่รู้ว่านี่จะเป็แผนที่น่ากลัวกว่า ยิ่งใหญ่กว่าของเขาหรือไม่ ล่อลวงให้นางเชื่อใจ จากนั้นค่อยโจมตีคราวเดียวถึงตาย ถึงเวลานั้นนางก็จะตายไปอย่างไร้หลุมฝังศพ
นางไม่เชื่อเขา เชื่อแต่ตัวเองเท่านั้น
ในเวลานี้วินาทีนี้ ในใจของนางยุ่งเหยิงไปหมด เห็นดวงตาเข้มของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ ซื่อสัตย์ นางยิ่งไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรเชื่อเขา
เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อนางหรือ?
“อาฉือ เปิ่นหวางต้องทำอย่างไรเ้าถึงจะเชื่อเปิ่นหวาง?” ใบหน้าของมู่หรงอวี้เ็าเคร่งขรึม
“เปิ่นกงเคยพูดเอาไว้แล้วว่าเพียงท่านคืนอำนาจในการบริหารมาหรือให้เปิ่นกงเข้าร่วมการบริหารกับท่าน” มู่หรงฉือพูดเสียงหนักแน่นพลางสะบัดมือออก
“ยังไม่ถึงเวลา”
“พรืด...”
นางหัวเราะหยัน รู้อยู่แล้วว่าคนที่ลุ่มหลงในอำนาจคนหนึ่งจะยอมส่งมอบอำนาจให้คนอื่นได้อย่างไร
เขารู้ว่านางเป็สตรี ไม่อาจสืบทอดตำแหน่งโอรส์ได้ เสด็จพ่อไม่มีโอรสสืบทอดตำแหน่ง เช่นนั้นเขาย่อมสามารถรับตำแหน่งไป แล้วทำให้สกุลมู่หรงจบสิ้น
มู่หรงอวี้พูดเสียงเข้ม “รอเมื่อถึงเวลาเหมาะสม เปิ่นหวางจะทำตามความปรารถนาของเ้า”
มู่หรงฉือไม่ตอบอันใด ในใจกลับหัวเราะเย็นเยียบ เวลาเหมาะสมหรือ? ถึงตอนนั้นเกรงว่าจะเป็วันอัปมงคลของนางกระมัง
“ท่านอ๋องไม่ใช่ว่าคิดถึงสตรีผู้หนึ่งไม่เคยลืมไม่ใช่หรือ? ในเมื่อท่านมีคนในดวงใจอยู่แล้ว เช่นนั้นก็อย่ามายั่วโทสะเปิ่นกงอีก”
นางกะพริบตาอย่างเ็าก่อนจะเปิดประตูออกไป
เขาขมวดคิ้วสงสัย ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้เข้าใจ ที่นางพูดถึงก็คือแม่นางหน้าตาเ็าที่มีความสัมพันธ์ในวันเกิดเขาคืนนั้น
นางรู้ได้อย่างไร?
เื่นั้นเป็ความลับอย่างยิ่ง นางไม่มีทางล่วงรู้
เขาได้ส่งคนไปเสาะหาแม่นางผู้นั้นทั่วหล้า แต่กลับหาเบาะแสร่องรอยของแม่นางผู้นั้นไม่พบ นางเหมือนกับหายไปจากโลกมนุษย์อย่างแปลกประหลาด
่นี้มีเื่ราวมากมายพรั่งพรูเข้ามา เขาเองไม่ได้คิดถึงแม่นางผู้นั้นไปพักหนึ่งแล้ว ทั้งยังแทนที่ด้วยอาฉือ ทุกคืนมักจะมีรอยยิ้มของนางเข้านอนไปกับเขา
ส่วนเซียวกุ้ยเฟยนั้นจะต้องตาย!
สองวันก่อนงานวันเกิดนาง มู่หรงอวี้จัดการงานราชการจนดึกดื่น วางแผนจะพักผ่อนที่หอฉุนโม่
จู่ๆ ก็มีนางกำนัลจากตำหนักชิงหลวนมาขอพบ เขาจึงให้เข้ามา ถึงได้รู้ว่านางกำนัลก็คือเซียวกุ้ยเฟยที่ปลอมตัวมา
เซียวกุ้ยเฟยปลอมตัวเป็นางกำนัลมายังหอฉุนโม่ด้วยความคะนึงหา
“ได้ยินมาว่าท่านอ๋องได้รับาเ็ เปิ่นกงเป็ห่วงยิ่งนักจึงมาหาเพคะ” นางเอ่ยเสียงออดอ้อนพลางวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ จากนั้นหยิบถ้วยน้ำแกงออกมาถ้วยหนึ่ง ก่อนคลี่ยิ้มเย้ายวน “นี่เป็น้ำแกงไข่นกกระทาที่เปิ่นกงทำด้วยตัวเอง ท่านอ๋องลองชิมสักหน่อยสิเพคะ”
“เปิ่นหวางไม่หิว น้ำใจของกุ้ยเฟย เปิ่นหวางรับไว้แล้ว” น้ำเสียงของมู่หรงอวี้ราบเรียบราวน้ำนิ่ง
“ท่านอ๋องดื่มสักคำสองคำเถิดเพคะ” นางส่งไปตรงหน้าของเขา คลี่ยิ้มอ่อนโยน มองเขาอย่างเปี่ยมความหวัง
เมื่อปฏิเสธไม่ได้ เขาจึงยกขึ้นดื่มสองคำ ก่อนจะส่งคืนให้นาง แล้วพูดเสียงเย็น “เปิ่นหวางมีความชอบของเปิ่นหวาง ใครก็ไม่อาจเปลี่ยนใจเปิ่นหวางได้ นี่ก็ดึกแล้ว กุ้ยเฟยรีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
เซียวกุ้ยเฟยวางถ้วยลง ก่อนจะยิ้ม “เมื่อวันก่อนท่านอ๋องได้รับาเ็ ได้ยินว่าได้รับาเ็ตอนที่ไปสืบหาหน่วยสอดแนมจากต่างแคว้น เปิ่นกงยังได้ยินมาว่าองค์รัชทายาทเองก็ตรวจสอบเื่นี้เหมือนกัน ท่านอ๋องกับองค์รัชทายาทร่วมมือกันหรือเพคะ?”
ดวงตาสีดำของมู่หรงอวี้หดตัวเข้าหากัน “แล้วอย่างไร?”
“ท่านอ๋องกับองค์รัชทายาทร่วมมือกัน ร่วมเป็ร่วมตายมาด้วยกัน มิตรภาพคงแน่นแฟ้นขึ้นมาไม่น้อย” ดวงตาสวยของนางกระพริบช้าๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา “เมื่อหลายวันก่อน เถาจือเห็นหรูอี้คนดูแลขององค์รัชทายาทมาซักผ้าด้วยตนเอง เสื้อตัวนั้นเปื้อนเื ไม่รู้ว่าเป็เืที่ไหลจากาแ หรือว่าเป็ประจำเดือน?”
“เ้า้าจะพูดอะไรกันแน่?” ดวงตาดำของเขาทอประกายเย็นเยียบ
“ดูจากปฏิกิริยาของท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องคงจะรู้ความลับขององค์รัชทายาทอยู่แล้ว” ริมฝีปากแดงของนางเผยอขึ้นน้อยๆ หัวเราะเสียงเบา แต่ในใจกลับรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที “ความลับนี้เป็ความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุด น่าสนใจที่สุด และมีค่ามากที่สุดในแคว้นเป่ยเยี่ยน หากประกาศออกไป ทั่วทั้งราชสำนักจะต้องสะท้านะเื ชื่อเสียงขององค์รัชทายาทคงดังก้องไปทั่วแดน”
เขาไม่พูดจา ดวงหน้าขาวประหนึ่งธารน้ำแข็งพันปีที่ปล่อยไอเย็นเสียดกระดูกออกมา
เซียวกุ้ยเฟยสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา มือไม้พลันเย็นเยียบ “เปิ่นกงคิดมาเป็ร้อยเป็พันครั้งก็ไม่เข้าใจ เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่เปิดเผยสถานะขององค์รัชทายาทออกไปให้ทุกคนได้รู้?”
มู่หรงอวี้พูดเสียงเย็น “เปิ่นหวางรู้ประมาณตนเองดี ไม่ต้องให้เ้าลงมือ”
“เปิ่นกงคิดดูแล้ว ในที่สุดก็เข้าใจ ท่านอ๋องหวั่นไหวติดอยู่ในกับดักแห่งความรู้สึก” รอยยิ้มของนางยิ่งสดใสมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับหัวใจที่เ็ปรวดร้าวอย่างมาก ราวกับมีมีดสั้นเล่มหนึ่งแทงเข้าไปที่หัวใจ โลหิตไหลย้อมจนเ็ป “เปิ่นกงไม่เชื่อ จึงจะส่งคนออกไปตรวจสอบ”
“เื่ของเปิ่นหวางจำเป็ต้องให้เ้ามายุ่งั้แ่เมื่อไหร่?” แววตาของเขาเ็า
“นั่นสินะ เปิ่นกงเป็เพียงหมากตัวหนึ่งของท่านอ๋อง เปิ่นกงจะมีคุณสมบัติอะไร? แต่ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนอายุสิบสี่ที่เปิ่นกงได้เจอท่านเป็ครั้งแรกก็ได้มอบหัวใจทั้งดวงและฝากชีวิตไว้กับท่านอ๋อง ท่านอ๋องอยากจะให้เปิ่นกงทำอะไร เปิ่นกงไม่เคยปฏิเสธ” เซียวกุ้ยเฟยพูดออกมาอย่างเศร้าสร้อย “ท่านอ๋องอยากให้เปิ่นกงเข้าวังมาเป็เฟยผินของฝ่าา เปิ่นกงก็ทำได้ เปิ่นกงเกลี้ยกล่อมฝ่าา ให้เรียกท่านกลับเมืองหลวง อีกทั้งยังมอมเมาฝ่าาในกามารมณ์ จนกลายเป็คนเลอะเลือนผู้หนึ่ง เพื่อให้ท่านได้ราชสำนัก กลายเป็ผู้นำของเหล่าขุนนางในราชสำนัก มีอำนาจเป็อันดับหนึ่ง เปิ่นกงทำทุกอย่างเพื่อท่าน เพียงหวังว่าจะได้รับความรัก หวังว่าจะได้การปลอบประโลมใจจากท่าน แต่เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยินยอมจะมอบความหวังให้แม้แต่นิด? เหตุใดถึงได้เ็าถึงเพียงนี้? เหตุใดถึงให้เปิ่นกงผิดหวังจนถึงกับรู้สึกสิ้นหวังครั้งแล้วครั้งเล่า? เปิ่นกงรักท่าน เคารพท่าน สามารถเสียสละทุกอย่างได้เพื่อท่าน แล้วสิ่งที่ได้มาคืออะไร?”
“หมากตัวหนึ่งไม่ควรมีความรู้สึก” เขาพูดอย่างเ็า
“เหอะเหอะ...เหอะเหอะ...”
นางหัวเราะออกมาด้วยความเ็ปอาดูร เต็มไปด้วยการเย้ยหยันตัวเอง “ไม่เหมาะที่จะมีความรู้สึก?”
มู่หรงอวี้ไม่ได้แสดงสีหน้าแม้แต่น้อย พูดออกมาอย่างเ็า “เป็หมากก็ควรจะมีสำนึกของหมาก สตรีของเปิ่นหวาง สามารถเป็สตรีที่มีตำแหน่งต่ำกว่าได้ แต่ไม่อาจเป็เพียงหมากตัวหนึ่ง”
คำพูดที่ไร้ความรู้สึกนี้ แต่ละคำเป็ดั่งลูกธนูที่ทิ่มแทงเข้ามาในใจของนางทีละดอก เกิดเป็โลหิตไหลรินทันที
เซียวกุ้ยเฟยเข้าใจความหมายของเขา หัวใจจึงเ็ปขนาดนั้น...
นางไม่คู่ควรที่จะเป็สตรีของเขา! นางไม่มีคุณสมบัตินั้น!
เหตุใดนางจึงน่าขันได้ถึงเพียงนี้? ชีวิตนี้ของนางก็มีเพียงความผิดที่น่าขันนี้อยู่เพียงประการเดียว
“องค์รัชทายาทมีคุณสมบัติจะเป็สตรีของท่านอ๋องหรือ?” นางคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อคลอขอบตาจากนั้นก็ไหลทะลักลงมา
“สตรีที่เปิ่นหวางรักอย่างลึกซึ้งถึงจะมีคุณสมบัติที่จะกลายเป็ภรรยาของเปิ่นหวาง” น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่กลับเป็ดั่งเหล็กแหลมทิ่มแทง
“ภรรยา...” นางพูดเสียงแหบพร่า น้ำตาร้อนลวกไหลกลิ้งลงมาตามดวงหน้า หัวใจเ็ปจนไม่อาจกรีดร้องออกมาได้
“ทั้งหมดเป็เพราะตัวเ้าเอง เปิ่นหวางเคยเตือนเ้าเอาไว้นานแล้ว เ้าไปเสียเถิด”
“ท่านอ๋อง เปิ่นกงไม่ได้ขออะไร เพียงแค่ขอให้ได้อยู่เคียงข้างท่าน...” เซียวกุ้ยเฟยร่ำไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง ดวงหน้าใสเต็มไปด้วยน้ำตา ดูเ็ปจนถึงที่สุด จนทำให้คนเกิดความสงสาร
“เปิ่นหวางเคยพูดเอาไว้แล้วว่าเ้าไม่เหมาะสม”
“เพราะเหตุใด?”
“สตรีของเปิ่นหวางจะต้องมีสายเืของราชวงศ์ที่สูงส่ง เ้ามีหรือไม่?” มู่หรงอวี้เบือนสายตาออกไปอย่างนึกรำคาญ
คำพูดอันร้ายกาจนี้ได้ทำลายความหวังที่มีอยู่เพียงน้อยนิดจนพังทลาย
น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย นางกลืนน้ำตาด้วยความเ็ป เจ็บไปถึงกระดูก รวดร้าวไปถึงิญญา เจ็บจนแทบไม่อาจหายใจ...
เขาไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด ช่างเ็าไร้ความรู้สึก
จากนั้นนางก็เช็ดน้ำตาสะอึกสะอื้น กลืนความเ็ปกลับลงไปก่อนจะพูดเสียงแหบ “ท่านอ๋องเ็าไร้หัวใจถึงเพียงนี้ ไม่กลัวว่าเปิ่นกงจะแว้งกัดบ้างหรือ?”
เขามองนางนิ่ง ในแววตามีความดุร้ายอยู่หลายส่วน “กล้าเป็ปฏิปักษ์กับเปิ่นหวาง จุดจบมีอยู่เพียงอย่างเดียวคือตาย”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเซียวกุ้ยปรากฏรอยยิ้มเจ็บช้ำ “เปิ่นกงเข้าใจแล้ว เปิ่นกงจะเป็กุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานผู้หนึ่ง จะเสพสุขกับเกียรติยศความร่ำรวย ขอให้ท่านอ๋องคิดสิ่งใดได้สมปรารถนาเถิด”
จากนั้นนางก็รีบร้อนเดินออกไป
ดวงตาดำของมู่หรงอวี้หรี่ลงน้อยๆ เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเรียกกุ่ยหยิงมาสั่งการ “ส่งคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของตำหนักชิงหลวน”
หลายวันมานี้ตำหนักชิงหลวนไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร เขาคิดไม่ถึงว่านางจะถูกมือสังหารลึกลับฆ่าตาย
...
มู่หรงฉือกับเสิ่นจือเหยียนออกจากจวนอวี้หวาง เสิ่นจือลี่เองก็ขอตัวลากลับไป
เมื่อกลับถึงตำหนักบูรพา มู่หรงฉือรีบไปที่หน่วยลิ่วชาง สอบถามว่าในวังมีเส้นไหมธรรมชาติหรือไม่
คำตอบที่ได้รับมาก็คือ ไม่มี
นางกลับมาที่ตำหนักบูรพาด้วยความผิดหวัง ฉินรั่วที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นว่า “เตี้ยนเซี่ย ถึงจะรู้ว่าคนร้ายใช้ไหมสังหารคน แต่กลับไม่อาจตรวจสอบว่าผู้ใดเป็คนร้ายกันแน่”
“อย่าเพิ่งคิดถึงการตายของเซียวกุ้ยเฟยเลย เื่ของจาวฮวาเหลือเวลาอีกเพียงห้าวัน เปิ่นกงอยากจะคิดหาวิธีให้จาวฮวากับกงจวิ้นหาวใครสักคนพูดความจริงออกมา”
“หนูปี้โง่เขลาเกินไป จึงไม่อาจช่วยคลายความกังวลใจให้เตี้ยนเซี่ยได้” ฉินรั่วพูดตำหนิตัวเอง
“อย่าตำหนิตัวเองไปเลย” มู่หรงฉือตบบ่าของนาง “ไปเดินวนที่ตำหนักจิ่งหงกัน”
สองนายบ่าวมุ่งหน้าไปที่ตำหนักจิ่งหง ตลอดทางได้พบกับขุนนางจำนวนไม่น้อย ต่างพากันแสดงความเคารพองค์รัชทายาท
ในตอนที่ใกล้จะถึงตำหนักจิ่งหง จู่ๆ ฉินรั่วก็ชี้ไปยังนางกำนัลสองคนที่อยู่ด้านหน้า “สองคนนั้นเหมือนจะเป็นางกำนัลของตำหนักจิ่งหงเพคะ”
มู่หรงฉือกวาดตามอง ก่อนจะออกคำสั่ง “ไปพาสองคนนั้นมาที่นี่”
เมื่อฉินรั่วเดินไปแล้ว มู่หรงฉือก็เดินไปตรงหน้ากอดอกเยว่จี้หรือกุหลาบจีนสีแดงที่กำลังบานสะพรั่ง ก่อนจะเด็ดออกมาเล่นดอกหนึ่ง
ไม่นานฉินรั่วก็พานางกำนัลสองคนนั้นมา นางกำนัลทำความเคารพ “หนูปี้ถวายบังคมเตี้ยนเซี่ย”
“พวกเ้ารับผิดชอบงานอะไรในตำหนักจิ่งหง?” มู่หรงฉือถามเสียงเย็น
“พวกหนูปี้สองคนรับผิดชอบเื่ทำความสะอาดตำหนักเพคะ” นางกำนัลคนหนึ่งตอบ
“เปิ่นกงอยากจะถามพวกเ้าสองสามคำถาม พวกเ้าจะต้องตอบตามความจริง หากมีคำโกหก เปิ่นกงจะไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด”
“เพคะ” พวกนางก้มหน้าลงพลันรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา
“น้องสาวข้าปฏิบัติกับนางกำนัลดีหรือไม่? เคยทำร้ายนางกำนัลหรือไม่?” มู่หรงฉือใบหน้าเคร่งเครียด แผ่อำนาจกดข่มของเ้าคนนายคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้