“หนึ่งล้านห้าหมื่น! คุณนายหวังถ้ายังจะโต้ขึ้นมาอีก ฉันจะโมโหจริงๆ แล้วนะ!” เสี่ยซุยขบฟันแน่น ก่อนจะเพิ่มราคาขึ้นอีกกว่าห้าหมื่น ด้วยความโมโหภรรยา
คุณนายซุยถ่มน้ำลายลงบนพื้น และกลอกตาไปรอบๆ “โมโหเหรอ? หย่ากันไหมล่ะ? ฮึ!” ท่าทางของเธอช่างดูหยาบคาย ไม่รู้ว่าเสี่ยซุยทนรับมันได้อย่างไร
แม้จะบ่นปอดแปดแต่คุณนายซุยก็ไม่ได้เพิ่มราคาให้สูงขึ้นแล้วเสี่ยซุยจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะบ่นภรรยาของตัวเองออกมา “ที่รักก็ไม่ใช่คนโง่ทรมานต่อไปแบบนี้แหละ ถึงจะดี” การพูดจาแบบนี้เองก็ไม่ได้จริงจังอะไรเท่าไร
นี่เป็หินแร่ที่เปิดให้เห็นด้านในแล้วเล็กน้อยทั้งลักษณะการขายที่มาแบบกึ่งซื้อกึ่งพนัน เสี่ยซุยมองมาั้แ่เริ่มเปิดราคาแล้วมองจากภายนอกแล้ว แน่นอนว่าต้องเจอหยก เพียงแต่ไม่รู้ว่ามีมากน้อยแค่ไหนถึงได้กล้าเอ่ยราคาสูงอย่างหนึ่งล้านห้าหมื่นออกมา
ขอเพียงแค่หยกที่อยู่ด้านในออกมาไม่แย่มากไม่มีรอยแตก สามารถเอามาตัดทำเป็กำไลได้ เงินหนึ่งล้านห้าหมื่นของเสี่ยซุยก็ไม่มีทางเข้าเนื้ออย่างแน่นอน
ในขณะนั้นเองหลินลั่วหรานก็ตั้งใจรวบรวมสติมองตรงไปเปลือกนอกของก้อนแร่หยกนั้นแข็งมาก และไม่มีวิธีการใดๆที่จะสามารถตรวจสอบหยกภายในได้และเพราะแบบนั้นจึงทำให้ก้อนแร่หยกมีคุณสมบัติพอในการใช้พนัน
หลินลั่วหรานไม่ได้ตั้งใจจะตรวจสอบจากการมองจากเปลือกนอกของก้อนแร่แต่เธอกลับจ้องมองไปที่ก้อนแร่ที่เสี่ยซุยซื้อเอาไว้อย่างพิจารณาเพื่อจะลองััดูเสียหน่อยว่าด้านในนั้นจะมีร่องรอยของพลังอะไรอยู่บ้างหรือไม่
ในตอนแรกเธอก็มองเห็นเพียงเปลือกนอกสีดำสนิทแต่หลังจากที่เธอรวบรวมสติเพ่งความสนใจไปที่ก้อนแร่เธอก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่อยู่ด้านในนั้น...เอ๋ หมอกสีขาวเหรอ?
ใจกลางของก้อนแร่ที่เสี่ยซุยซื้อมานั้นปรากฏกลุ่มหมอกสีขาวกระจายคละคลุ้งอยู่ทั่วเปลือกนอกสีดำกักขังให้กลุ่มหมอกสีขาวอยู่ในนั้นหลินลั่วหรานใช้สมาธิอย่างมากก่อนจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเธอไม่รู้ว่าด้านในมีหยกแบบไหน แต่พวกกลุ่มหมอกสีขาวนั่นเธอมั่นใจว่ามันคือพลังบางอย่างอย่างแน่นอน!
ไข่มุกบนข้อมือของเธอขยับสั่นไหวขึ้นมาในระหว่างที่เธอ “มองเห็น” กลุ่มหมอกสีขาว ราวกับกำลังดีใจ ไม่รอให้เธอได้แสดงกิริยาตอบกลับใดๆมันก็ปล่อยกลุ่มหมอกพุ่งตรงไปยังก้อนแร่ของเสี่ยซุยในทันที!
หลินลั่วหรานใขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่ากลุ่มหมอกเ่าั้พุ่งทะลุผ่านหน้าของเสี่ยซุยไปแต่เสี่ยซุยกลับมีท่าทีราวกับไม่ได้รับรู้อะไร...โชคดีจริง ที่คนธรรมดาทั่วไปมองไม่เห็นกลุ่มสายหมอกเ่าั้หลินลั่วหรานจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
กลุ่มหมอกแสงที่ถูกส่งออกมาจากไข่มุกทะลุผ่านเปลือกนอกของก้อนแร่เข้าไปหากลุ่มหมอกสีขาวอย่างง่ายดายหมอกสีขาวดูท่าทางราวกับเด็กน้อยที่ได้พบกับคนรัก หลินลั่วหรานรู้ดีว่านั่นเป็สิ่งที่ไม่มีชีวิตแต่เธอกลับรู้สึกราวกับเห็นภาพหลอน ราวกับว่ากำลังยินดีและกำลังบอกเล่า...
กลุ่มหมอกแสงที่ถูกส่งออกมาจากไข่มุก ค่อยๆเริ่มซึมซับหมอกสีขาวเข้ามา หลินลั่วหรานไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้การกระทำนี้หยุดลงเธอรู้สึกกังวลเป็อย่างมาก ว่าหากปล่อยให้พลังถูกดูดซึมไปจนหมดแล้วเมื่อเสี่ยซุยกลับไปจะกลายเป็ว่าก้อนแร่จะกลายเป็เพียงก้อนหินธรรมดา...ต่อให้ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็เพราะใครแต่หลินลั่วหรานก็รู้ตัวเองอยู่ดี!
หลินลั่วหรานได้แต่รู้สึกกังวลอยู่ในใจโดยไม่ทันได้สังเกตความผิดปกติของตัวเองในวันนี้แม้ว่าจะจ้องพิจารณามาเป็เวลาเนิ่นนานแล้วแต่เธอกลับไม่มีอาการตาแห้งเหมือนตอนที่เฝ้าสังเกตต้นห่อสิ่วโอวหรือต้นชบา
ในที่สุดหมอกสีขาวก็โดนไข่มุกดูดซึมจนสิ้นหลินลั่วหรานร้องไห้ออกมาโดยไร้หยาดน้ำตา เพราะความรู้สึกผิดที่มีต่อเสี่ยซุย แต่เธอก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
ราวกับว่าเ้าไข่มุกจะรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเ้าของก่อนจะคายกลุ่มหมอกที่มีสีขาวเหมือนกันแต่มีลักษณะต่างจากหมอกขาวในตอนแรกออกมาบางส่วน มันไม่กระจัดกระจายอีกต่อไปแต่กลับสงบนิ่งและอบอุ่น จนทำให้คนรู้สึกสบายใจ
จากนั้นไข่มุกจึงเก็บลำแสงกลับไปแล้วสงบนิ่งอยู่บนข้อมือของเธออีกครั้ง โดยไร้ซึ่งความผิดปกติ
จิตใจของหลินลั่วหรานจึงกลับไปสบายใจเหมือนเดิม
เสี่ยซุยนั้นไม่ได้รู้เลยว่าเนื้อหยกในก้อนแร่ที่เขาได้ซื้อมานั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น แต่ดูจากการตอบรับหมอกสีขาวที่ดูมีความสุขแล้วก็คงจะไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีหรอก
หลินลั่วหรานไม่เพียงแต่ได้รู้ว่าหยกมีพลังวิเศษแต่เธอยังได้รู้ว่าตัวเองสามารถมองเห็นพลังชนิดนี้ได้เนื้อหยกที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้เปลือกหนาที่แม้แต่เครื่องมือในยุคสมัยนี้ก็ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้
หรือว่านี่...จะเป็โอกาสทองกันนะ?
ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของหลินลั่วหรานก็คือเื่นี้! หลินลั่วหรานไม่ได้สนใจหากจะมีคนคิดว่าเธอคิดถึงแต่ผลประโยชน์อยู่แล้วหากตัดเื่ของพื้นที่ลึกลับไป เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเธอคือหญิงสาวยากจนอายุไม่น้อยที่ถูกแฟนทิ้ง แถมยังตกงานอีกต่างหาก
แม้แต่การดำรงอยู่ยังเป็ปัญหาเธอคงไม่อาจจะรับมือกับเื่เ่าั้ได้แน่
เมื่อเป่าเจียเห็นว่าเธอจ้องมองไปยังก้อนแร่ของเสี่ยซุยโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาจึงทักขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “เป็อะไรไปอยากจะลองพนันหยกบ้างเหรอ?”
หลินลั่วหรานนั้นมีแต่พลังเป็ทุนแต่กลับไม่มีเงินทุนสักนิด เธอพูดพร้อมยิ้มน้อยๆ “เธอไม่รู้เหรอว่าบ้านฉันเป็ยังไงมีเงินอยู่แค่พันเดียวซื้อหินพวกนี้ได้บ้างไหมล่ะ?”
ได้ยินดังนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเป่าเจียก็ค่อยๆหายไป พ่อค้าของเหมืองแร่ที่เพิ่งขายก้อนแร่ให้เสี่ยซุยไป กำลังอารมณ์ดีได้ที่และยังเห็นว่าหลินลั่วหรานมีหน้าตาที่สละสลวยเมื่อเห็นว่าเธอพูดว่าตัวเธอมีเงินเพียงหนึ่งพันเท่านั้นจึงชี้ไปยังก้อนหินขนาดราวๆ ลูกแตงโมที่ถูกกองเอาไว้ที่มุมกำแพง ก่อนจะพูดขึ้น “ตรงนั้นไม่ต้องแข่งราคาก้อนละห้าร้อย ไปเลือกเอาเองได้เลย สาวสวยจะไปลองเช็กดวงดูก็ได้นะ”
คิ้วของเจียเป่าถูกเลิกขึ้นสูง “พ่อค้าจางทำแบบนี้มันไม่รังแกคนอื่นเกินไปหน่อยเหรอ? ห้าร้อยพวกของเหลือไร้ประโยชน์จากหลายปีที่ผ่านมานี้ต่างก็โดนกองเอาไว้ตรงนั้นไม่ใช่หรือไง!”
เป่าเจียรู้สถานการณ์ของหลินลั่วหรานดีเธอรู้ดีว่าที่หลินลั่วหรานพูดว่าเหลือเงินอยู่เพียงหนึ่งพันกว่าเป็เื่จริงจึงรู้สึกผิดที่ตัวเองลืมคิดเื่นี้ไป และพยายามคิดหาทางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
เสี่ยซุยดูเหมือนว่าจะรู้จักกับเป่าเจียเขาพูดขึ้นพร้อมกับถูมือทั้งสองของตัวเอง “ดีไซเนอร์ฉินเงินห้าร้อยก็แค่ซื้อความสุขเล่นเท่านั้นเอง พูดมาแบบนี้แล้วพ่อค้าจางจะทำยังไงล่ะ!”
“เสี่ยซุย ถ้าคุณมีเงินมากนักก็ซื้อกลับไปเล่นที่บ้านให้หมดสิ...” คุณนายซุยไม่คุ้นชินกับคำพูดอวดรวยของเสี่ยซุยนักเมื่อได้ยินดังนั้น จึงได้แต่ขำอยู่ข้างๆ
เสี่ยซุยจึงยิ้มเย้ยหยันออกมา ก่อนจะเงียบไปจนมีคนะโออกมา “เสี่ยซุยแร่ก้อนนี่จะตัดเลยไหม?”
“ตัดเลยเถอะ! มันต้องเปิดกลางสนามแบบนี้ถึงจะได้บรรยากาศ!”
“ก็จริงนะ อากี่ก้อนก่อนหน้านี้ต่างก็ไม่มีทั้งนั้น เหล่าจางน้า ก้อนแร่ที่ได้มาครั้งนี้ดูท่าจะแย่เกินไปแล้วนะ...”
เสี่ยซุยพยายามส่งสายตา “ดุร้าย” ออกมาจากดวงตาที่เต็มไปด้วยเนื้อของเขา ก่อนจะพูดด่าผู้คนที่ยืนอยู่โดยรอบ “หั่นหัวพวกแกสิ ดูละครฟรีมาครึ่งวันแล้ว ฉันยังไม่เก็บค่าตั๋วเลย! พ่อค้าจาง รบกวนเรียกคนงานออกมาช่วยหน่อยนะหินรอบนี้ฉันจะเอากลับไปจัดการเอง!”
เสียซุยสั่งให้คนลากก้อนหินไป ผู้คนต่างพากันขำจนตอนนี้ทั่วทั้งบริเวณต่างดูวุ่นวายยุ่งเหยิงกันไปหมด
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจหลินลั่วหรานจึงลากเป่าเจียวิ่งมายังหน้ากองก้อนหินที่ถูกวางไว้ที่มุมกำแพง ก่อนจะย่อตัวลงพิจารณาก้อนหินเ่าั้
“นี่ไม่ใช่ว่าเธอจะเอาจริงนะ? หินพวกนี้เป็ของที่คุณจางโยนทิ้งออกมาทั้งนั้นแหละ ถึงจะแค่ห้าร้อยแต่ก็ไม่มีอะไรน่าพนันเลยนะ...”
ปกติแล้วเป่าเจียไม่ใช่คนพูดมากอะไรแต่ที่พูดออกมาทั้งหมดนี้ก็เพียงเพราะอยากจะช่วยให้หลินลั่วหรานประหยัดเงินแต่ดูเหมือนว่าหลินลั่วหรานจะตั้งใจ จนไม่ได้ยินคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย
เหมือนว่าเธอจะบ้าขึ้นมาในชั่วขณะ แต่เอาเถอะขอแค่เสี่ยวหรานมีความสุข จะพนันก็พนันไป ถ้าไม่มีเงินจะกินข้าวแล้วยังไงตัวเองก็คงจะไม่ยอมนั่งมองหลินลั่วหรานหิวตายหรอก
เป่าเจียได้แต่คิดแบบนั้นแต่หลินลั่วหรานกลับหมุนตัวกับมาหา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยสายตาแวววับ
“เป่าเจียฉันเลือกมาให้เธอสองก้อนนะ!”