มีเสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นในเวลานี้เอง “อาเช่อ เป็ท่านจริงๆ หรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนหันหน้ามองไปเห็นท่ามกลางป่าหนาแน่นนั้นมีสตรีในอาภรณ์สีม่วงเดินออกมา อิริยาบถของนางเสมือนเทพเซียนบนก้อนเมฆ ดูกล้าหาญและงดงามตรึงใจคน!
เมื่อเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มบนริมฝีปากของนางยิ่งกดลึกขึ้น ฝุ่นละอองรอบๆ คล้ายกับว่าอันตรธานหายไปไม่มีเหลือ แสงสว่างทั้งหมดล้วนเป็ของนาง ไม่ว่านางเดินไปถึงที่ใด นางล้วนเป็จุดเด่นเพียงจุดเดียว!
ดูสิ สายตาของลั่วหยิ่งและคนอื่นๆ ถูกดึงดูดไปหมด มองจนดวงตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้าแล้ว
เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับไปมองเซวียนหยวนเช่อ พบว่าเขาเองก็กำลังมองนางอยู่เช่นกัน นางรู้สึกว่าปฏิกิริยาโต้ตอบของนางเมื่อสักครู่น่าขันเหลือเกิน! จึงได้แต่ลอบส่ายหน้ากับตัวเอง
“อาเช่อ หลายปีไม่ได้พบกัน ท่านยังคงไม่ชอบเป็ฝ่ายเริ่มทักทายและสนทนากับผู้อื่นอยู่ดี!” สตรีในอาภรณ์สีม่วงยิ้มบางๆ สายตาของนางตกลงบนร่างของเฟิ่งเฉี่ยนครู่หนึ่งแล้วละเลื่อนไปอย่างรวดเร็ว
สัญชาตญาณอันแรงกล้าของเฟิ่งเฉี่ยนบอกกับตนเองว่า สตรีนางนี้ไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย นี่เป็สายตาของผู้แข็งแกร่งที่มองผู้อ่อนแอกว่า!
ใช่แล้ว สตรีนางนี้ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เพราะนางไม่คู่ควรกระทั่งจะเป็คู่ต่อสู้ด้วยซ้ำ
เมื่อรับรู้ได้เช่นนี้ในใจเฟิ่งเฉี่ยนจึงเต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องใจ นางไม่อาจทนรับสายตาเยี่ยงนั้นได้ คล้ายกับว่ามีคนกำลังชี้หน้านางและด่าทอว่านางไร้ความสามารถ ด่าว่านางว่าเป็คนอ่อนแอ!
“เ้ามาได้อย่างไรกัน” เซวียนหยวนเช่อกล่าวด้วยสีหน้าที่แยกแยะอารมณ์ไม่ออก แต่สามารถััได้ว่าเขารู้สึกต่อสตรีนางนี้ไม่ธรรมดา
“ความลับ!” สตรีในอาภรณ์สีม่วงกระพริบตาปริบๆ “ต่อไปท่านก็รู้เอง!”
“เ้ามาคนเดียวหรือ” เซวียนหยวนเช่อมองไปด้านหลังของนาง ไม่พบคนอื่นๆ
“ยังมีพี่ชายของข้า!” สตรีในอาภรณ์สีม่วงกล่าว
เซวียนหยวนเช่อหรี่ตาลง “จิ่งเทียนไท่จื่อก็มาด้วย”
สตรีในอาภรณ์สีม่วงหัวเราะฮิๆ “เดาได้แต่แรกว่าท่านต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้! ท่านกับพี่ชายของข้า ถือเป็ศัตรูคู่แค้นกันจริงๆ ั้แ่เล็กจนโตเจอกันเมื่อใดเป็ต้องทะเลาะกัน!”
เซวียนหยวนเช่อแค่นเสียงฮึ ไม่ต่อปากต่อคำ
สตรีในอาภรณ์สีม่วงไม่หยอกล้อเขาอีก นางพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ถูกต้องแล้ว เมื่อสักครู่สัตว์ป่าในป่าล้วนวิ่งมาทางนี้ ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น”
แววตาของเฟิ่งเฉี่ยนไหววูบ เมื่อนางช้อนตาขึ้นมองเซวียนหยวนเช่อกลับเห็นเซวียนหยวนเช่อพูดหน้าตายว่า “ไม่รู้!”
เอ๊ะ? เขาถึงกับปิดบังแทนนางหรือ
สตรีในอาภรณ์สีม่วงขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ นางเงียบงันไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นอีกว่า “อาเช่อ ท่านช่วยอะไรสักอย่างได้หรือไม่ ข้าพบสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งทางด้านนั้น แต่มันต่อกรได้ไม่ง่ายนัก ้าให้ท่านช่วยอีกแรง!”
“สัตว์ประหลาดที่อยู่ในถ้ำเมฆาอัคคีตัวนั้นหรือ” เซวียนหยวนเช่อครุ่นคิด
สตรีในอาภรณ์สีม่วงตกตะลึง “ท่านรู้ด้วยหรือ”
เซวียนหยวนเช่อเงียบไปครู่หนึ่งจึงพยักหน้า “ได้ เจิ้นจะช่วยเ้า!”
พูดแล้วเขาหันมาสั่งการลั่วหยิ่ง “พวกเ้ารออยู่ที่นี่ ห้ามไปที่ใดทั้งสิ้น!”
สุดท้ายเขาตวัดสายตามองเฟิ่งเฉี่ยนปราดหนึ่ง เขาทำท่าจะพูดแล้วกลับหยุด สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ทว่าเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับสตรีในอาภรณ์สีม่วง
เฟิ่งเฉี่ยนมองส่งพวกเขา รู้สึกว่าเงาร่างด้านหลังของคนทั้งสองดูเหมือนจะเหมาะสมกันดี ราวกับ์สร้าง!
“เหนียงเหนียง ท่านไม่อยากรู้หรือว่านางเป็ใครพ่ะย่ะค่ะ” ลั่วหยิ่งสังเกตท่าทางนางแล้วหยั่งท่าที
เฟิ่งเฉี่ยนมองบน “นางเป็ใคร เกี่ยวอะไรกับข้า”
ลั่วหยิ่งไอแค่กๆ แล้วพูดอย่างระมัดระวัง “เหนียงเหนียง ท่านคงไม่ได้กำลังกินน้ำส้มกระมัง”
เฟิ่งเฉี่ยนถลึงตาใส่เขา “ข้าเป็คนไร้สาระถึงเพียงนั้นหรือ”
“แต่...” ลั่วหยิ่งยังคิดจะพูดอะไรอีก
“เ้าช่างขี้บ่นเหลือเกิน!” เฟิ่งเฉี่ยนตัดบทเขา “นับั้แ่ตอนนี้ไป หุบปากให้หมด!”
พูดจบนางก็หมุนตัวเดินไปใต้ร่มไม้เพื่อเริ่มจับรางวัล
“รางวัลใหญ่ รางวัลใหญ่ จะต้องให้ข้าจับได้รางวัลใหญ่นะ!”
ติ๊ง—ได้รับยันต์ล่องหนสามแผ่น (คำอธิบาย : มีผล 5 นาที)
“ยันต์ล่องหนหรือ ใช่อย่างที่ข้าเข้าใจหรือไม่ หลังจากติดยันต์ล่องหนไว้บนร่างกายแล้ว คนอื่นจะมองไม่เห็นข้างั้นหรือ” เฟิ่งเฉี่ยนตื่นเต้น
[ใช่แล้วเ้านาย]
เฟิ่งเฉี่ยนพลันหัวเราะออกมาเสียงดัง นางดีใจยิ่งนัก ช่างเป็ของดีจริงๆ!
มีมันแล้ว นางสามารถทำอะไรก็ได้!
แต่มันมีเพียงสามแผ่น นางคงต้องใช้อย่างประหยัด!
ลั่วหยิ่งเห็นนางหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จึงคิดว่านางได้รับความะเืใจ เขาก้าวเข้ามาปลอบโยน “เหนียงเหนียง ท่านอย่าได้คิดไม่ตกเล่า! ฝ่าายังคงรู้สึกต่อท่านแตกต่างจากคนอื่น!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ เขาคงไม่คิดว่านางเสียสติไปเพราะเซวียนหยวนเช่อหรอกกระมัง
“ไม่เหมือนตรงไหน”
ลั่วหยิ่ง “ฝ่าาใส่ใจความรู้สึกของท่าน!”
“เขาใส่ใจข้าหรือ” เฟิ่งเฉี่ยนคิดว่ายิ่งน่าขันเข้าไปอีก
ลั่วหยิ่งมีสีหน้าจริงจัง “เป็ความจริงพ่ะย่ะค่ะ! เมื่อสักครู่ขณะที่ท่านกำลังทำข้าวผัดไข่อยู่นั้น รอบด้านมีสัตว์ป่ารายล้อมเข้ามา ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ฝ่าายังไม่ให้พวกเราทำให้ท่านตื่นตระหนก พระองค์กล่าวว่าทันทีที่ท่านเสียสมาธิ มีความเป็ไปได้อย่างยิ่งว่าท่านจะธาตุไฟเข้าแทรก เช่นนี้แล้วท่านยังกล่าวว่าพระองค์ไม่ใส่ใจท่านอีกหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนลอบตกตะลึงในใจ “เขา...พูดเช่นนี้จริงๆ หรือ”
“จริงที่สุด!” ลั่วหยิ่งชี้ไปที่องครักษ์คนอื่นๆ “ไม่เชื่อท่านถามพวกเขา!”
คนทั้งหกกลัวว่านางจะไม่เชื่อ จึงพยักหน้าแรงๆ
เฟิ่งเฉี่ยนหวนคิดถึงเื่ก่อนหน้านี้ ที่จริงเขาสามารถสั่งให้นางหยุดทำข้าวผัดได้ แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนี้ อาจเป็เพราะเขาใส่ใจนางอยู่บ้างจริงๆ แต่เื่นี้พูดยาก ในเมื่อตอนนี้นางยังมีประโยชน์ต่อเขาอยู่ หรืออาจเป็เพราะเขายังคง้าเก็บนางเอาไว้ ช่วยเขาเกลี้ยกล่อมเซียนพิษ เพื่อขอยาถอนพิษ ดังนั้นจึงไม่อยากให้เกิดเื่อะไรขึ้นกับนางในตอนนี้กระมัง
“แต่คนที่เขาใส่ใจ ไม่ได้มีข้าเพียงคนเดียวนี่นา!”
แค่สตรีในอาภรณ์สีม่วงเอ่ยปาก เขาก็ไปช่วยนางแล้ว เซวียนหยวนเช่อที่นางรู้จักไม่ได้มีจิตใจกว้างขวางพอที่จะช่วยผู้อื่นง่ายดายเช่นนี้!
“ท่านกำลังพูดถึงองค์หญิงจื่ออวิ๋นกระมัง” ลั่วหยิ่งพูด
“องค์หญิงจื่ออวิ๋นหรือ” เฟิ่งเฉี่ยนประหลาดใจ
ลั่วหยิ่งพยักหน้า “นางคือองค์หญิงจื่ออวิ๋นแห่งเมืองหลวง หญิงงามอันดับหนึ่งของใต้หล้า!”
“งดงามจริงๆ น่ะแหละ” เฟิ่งเฉี่ยนกล่าว
ลั่วหยิ่งลอบมองนางปราดหนึ่งแล้วหัวเราะแหะๆ “เหนียงเหนียง ท่านกินน้ำส้มนี่นา!”
เห็นนางถลึงตาใส่ ลั่วหยิ่งจึงรีบเปลี่ยนคำพูด “กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมสมควรตาย! เหนียงเหนียงจะกินน้ำส้มได้อย่างไรกัน ในสายตาของกระหม่อมแล้ว เหนียงเหนียงต่างหากเล่าที่เป็หญิงงามอันดับหนึ่งของใต้หล้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนกลอกตาขาวใส่เขา “ไม่ต้องพูดเช่นนี้เลย! เมื่อสักครู่ไม่รู้ใครกันที่มององค์หญิงจื่ออวิ๋นจนดวงตาแทบพลัดหล่นออกมา!”
ลั่วหยิ่งเกาศีรษะ “มีหรือพ่ะย่ะค่ะ จะต้องเป็เหนียงเหนียงที่มองผิดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนคร้านจะเปิดโปงเขา จึงพูดอีกว่า “องค์หญิงจื่ออวิ๋นและฮ่องเต้ของพวกเ้ารู้จักกันได้อย่างไร”
ลั่วหยิ่งมีสีหน้าราวกับกำลังพูดเื่ซุบซิบนินทา เขาทำเสียงเล็กเสียงน้อยและกล่าวว่า “เื่ราวเป็เช่นนี้...หากว่ากันตามกฎเกณฑ์ของแคว้นซิงอวิ๋นของพวกเรา องค์รัชทายาทหรือผู้สืบทอดของหัวเมืองแต่ละเมือง ต้องถูกส่งเข้าไปในเมืองหลวงั้แ่ยังเล็ก และคัดเลือกผู้ที่มีลักษณะโดดเด่นที่สุดออกมาสิบคนจากคนทั้งหมด รั้งตัวไว้ในเมืองหลวงเพื่อรับการร่ำเรียนศึกษาและฝึกฝนอบรม หลังจากพวกเขาเติบโตแล้วจึงถูกส่งกลับมายังแคว้นของตนเอง ฝ่าาของพวกเรามีพร์โดดเด่นั้แ่ยังทรงพระเยาว์ ย่อมต้องถูกเลือกเป็หนึ่งในสิบคนนั้น แม้องค์หญิงจื่ออวิ๋นจะไม่ใช่รัชทายาทในอนาคต แต่ในฐานะที่เป็ธิดาที่มีความโดดเด่นที่สุดในบรรดาบุตรธิดาทั้งหมด ก็ถูกส่งให้มาร่ำเรียนศึกษาพร้อมๆ กับองค์รัชทายาทด้วย ดังนั้นองค์หญิงจื่ออวิ๋นจึงรู้จักกับฝ่าาของพวกเราั้แ่ยังเล็ก”
“ที่แท้ก็เป็เพื่อนเล่นกันั้แ่ยังเด็ก” เฟิ่งเฉี่ยนพูดเรียบๆ
“ได้ยินมาว่าที่จริงแล้วฮ่องเต้ของเมืองหลวงมีความคิดจะให้องค์หญิงจื่ออวิ๋นแต่งให้กับฝ่าา องค์หญิงจื่ออวิ๋นเองก็มีใจให้กับฝ่าาอย่างลึกซึ้ง ทว่าเสวี่ยะเฟยผู้เป็พระชายาที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดไม่เห็นด้วย ผนวกกับอดีตฮ่องเต้ของเป่ยเยียนของพวกเราเพิ่งจะตด้วยเหตุไม่คาดฝัน ฝ่าาจึงต้องกลับมาสืบทอดราชบัลลังก์ก่อนกำหนด ต่อมาเื่นี้ก็ไม่ได้ถูกกล่าวถึงอีก” ไม่เสียแรงที่ลั่วหยิ่งเป็บุรุษช่างนินทาคนหนึ่ง เื่ส่วนตัวเช่นนี้เขากลับรู้อย่างชัดเจน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้