“ชีเหนียง เมื่อครู่ข้าเห็นเงาใครบางคนเดินไปมาข้างนอก เ้าได้ยินความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่?”
พี่หลิวเป็ห่วงเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรสกุลลั่วก็มีแต่แม่ม่ายลูกกำพร้า ตอนนี้ชีวิตเพิ่งจะดีขึ้นเล็กน้อย หากถูกอันธพาลขี้เรื้อนจับจ้องอีก ความพยายามที่ผ่านมา่นี้ไม่เท่ากับเสียเปล่าหรือ
ลั่วชีเหนียงแอบก่นด่าเ้าทึ่มจ้าวในใจ เพราะเ้าทึ่มอยู่ดีไม่ว่าดีชอบมาหานาง
่ก่อนหน้านี้นางออกไปค้าขาย คนในหมู่บ้านก็มีคนลือว่านางให้ท่าผู้ชายอยู่ข้างนอก ตอนนี้หากมีข่าวเงาดำนี้หลุดออกไป คงได้กลายเป็ชายชู้แน่
โชคดีที่ถูกพี่หลิวเห็น หากเป็ผู้อื่น ไม่รู้จะเกิดความวุ่นวายอะไรอีก
“ไม่ได้ยินเสียงอะไร เดาว่าท่านคงตาฝาดไป”
“แต่ว่า ไก่ย่างนั่น…”
“ไก่ย่างอะไรกัน! ตอนนี้ข้าวยากหมากแพง อาจมีคนทำหล่นไว้ หากรู้ตัวต้องกลับมาหาแน่”
ชีเหนียงมีหรือจะให้โอกาสนางคิดมาก ฉับพลันก็พูดจากลบเกลื่อนไป แล้วค่อยเปลี่ยนหัวข้อ
“พี่หลิว เหตุใดวันนี้จึงมาแต่เช้าเช่นนี้?”
พี่หลิวเพิ่งนึกเื่สำคัญได้ “อาเหยียนของบ้านข้าขนแก้วมาแล้ว ข้าให้เขากินข้าวอยู่ที่เรือน อีกเดี๋ยวจะให้พวกเขานำของมา”
“เร็วเพียงนี้เชียว?” ชีเหนียงใเล็กน้อย นางเองเพิ่งจะนึกได้สองวันก่อนว่าต้องทำแก้วชานม เดิมทีคิดว่าต้องรอสักสิบวันหรือครึ่งเดือน คิดไม่ถึงว่าจะเร็วปานนี้? ทั้งที่นางสั่งแก้วไปทั้งหมดห้าร้อยใบแท้ๆ
“จะไปมีอะไร พอข้าคุยกับอาเหยียน เขาก็เริ่มเผาวันนั้นทันที”
ถูกต้อง หลิวเหยียน น้องชายของพี่หลิวเคยเรียนการทำเครื่องปั้นดินเผาจากอาจารย์มาก่อน แก้วที่ใช้ครั้งนี้ก็ใช้ภาพวาดที่ลั่วชีเหนียงร่างมาทำแก้วดินเผา
เดิมทีนางคิดจะใช้ไม้ไผ่ แต่ต่อมาลองไตร่ตรองให้ดีอีกครั้ง คิดว่าหากต้องรักษาความอุ่นให้ดีก็คงต้องเป็เครื่องปั้นดินเผา
แม้ว่าจะมองไม่เห็นภายใน แต่การใส่ภาพบนแก้วชานมทุกใบ ก็นับว่าเป็ความพิเศษโดดเด่นไม่เหมือนใคร ส่วนภาพวาดบนแก้วดินเผานั้นถูกวาดโดยลั่วจิ่งเฉิน ถึงแม้ว่านางจะวาดเองได้ แต่อย่างไรก็ต้องให้ลูกชายคนโตคอยช่วยงานในบ้านบ้าง
“ข้าเอามาหนึ่งใบ เ้าลองดูก่อน”
พี่หลิวล้วงแก้วขนาดเท่าฝ่ามือออกมา ตัว่กลางของแก้วค่อนข้างกว้าง ้าแคบ ด้านล่างนูน ตรงขอบยังมีที่จับที่ทำขึ้นพิเศษ ่ตรงกลางมีหมูน้อยน่ารักที่กำลังน้ำลายไหล
คงเพราะพี่หลิวเกิดปีกุน พอเห็นแวบแรกก็รู้สึกหลงรักแก้วใบนี้
ลั่วชีเหนียงรีบรับไปดู แบบสวยงามประณีตกว่าที่จินตนาการไว้ โดยเฉพาะบนลูกหมูที่แต้มสีลงไป ท่าทางใสซื่อน่าเอ็นดูทำให้คนที่ได้เห็นอดหัวเราะไม่ได้
“ฝีมือของอาเหยียนดีเหลือเกิน สีสันก็เข้ากันได้ดียิ่งนัก”
เดิมทีนางคิดจะขายแก้วที่บรรจุชานมสักสิบอีแปะ ตอนนี้ลำพังเครื่องปั้นดินเผานี้คงไม่ใช่แค่สิบอีแปะแล้ว
“สิบอีแปะ!”
พี่หลิวฟังความคิดของนางแล้วถึงกับอดะโไม่ได้ จากนั้นรีบกดเสียงต่ำ “เ้าบ้าไปแล้วหรือ สิบอีแปะ ผู้ใดจะซื้อ?”
ปฏิกิริยาเช่นนี้ นางคิดไว้อยู่แล้ว การค้าขายชานม นางตั้งใจจะใช้เส้นทางสินค้าคุณภาพสูง ถึงตอนนี้นางจะยังมีลู่ทางที่คลุมเครือ แต่ภายภาคหน้าจะตั้งใจหาเงินจากสตรีโดยเฉพาะ
ทว่าคำพูดนี้ถึงนางจะพูดกับพี่หลิวไป อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะเข้าใจ ทั้งหมดคงต้องรอมีบทสรุปให้เห็นแล้วค่อยว่ากัน
“ข้ามีแผนในใจ พี่สาววางใจได้”
พี่หลิวดูเหมือนยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็นึกได้ว่านี่คือกิจการของลั่วชีเหนียง แม้ว่าจะไม่เห็นด้วย ก็ไม่อาจแทรกแซงมากนัก อย่างมากที่สุดรอนางทำไม่ไหวจริงๆ ตนเองแค่ช่วยเหลือก็พอ ตอนนี้พี่หลิวคิดเช่นนี้ จึงจัดการชำระส่วนที่เหลือกับอาเหยียนจนสะสางกันเรียบร้อย
ชีเหนียงกำลังเปิดประตูเพื่อรออาเหยียนมาส่งแก้ว แต่กลับไม่คิดว่าพอเปิดประตู จะเห็นเ้าทึ่มจ้าวยืนรออยู่ด้านนอก
นางสะดุ้งโหยงแต่ยังยั้งกริยาตนเองที่เกือบปิดประตูใส่จ้าวจือชิงไว้ได้ทัน จะปล่อยให้ตนเองดูร้อนตัวเกินไปไม่ได้
“พี่จ้าว ท่านมาได้อย่างไร?” นางข่มใจตนเองให้นิ่ง นี่คือคนสติไม่ดี ไม่แน่ว่าอาจจะทำพฤติกรรมเกินเลยเพราะอารมณ์ได้ ตอนนี้ในบ้านยังมีคนนอก นางไม่อาจปล่อยให้จ้าวจือชิงตอแยกับตนได้มากนัก จึงรีบไล่เขาไป
“ข้าอยากกินของอร่อยที่เ้าทำ!” ขณะพูด จ้าวจือชิงก็หยิบห่อผ้าน้ำมันที่ถูกนางเตะทิ้งไปอีกทางก่อนหน้านี้และยื่นใส่อ้อมอกของนาง
เมื่อครู่ตอนเขาอยู่ด้านนอกได้คิดชัดเจนแล้ว เื่อะไรที่สตรีผู้นั้นเข้าบ้านชีเหนียงได้ แล้วเขาเข้าไม่ได้ เขาเองก็มีเรี่ยวแรง เขาเองก็ช่วยเหลือชีเหนียงได้ ไม่เห็นต้องลำบากอาเหยียนอะไรนั่น!
ใบหน้าของเขาแฝงด้วยความดื้อรั้น แล้วเบียดจนมือของลั่วชีเหนียงที่จับขอบประตูหลุดลง จากนั้นจึงเดินเข้าไปยืนในบ้านอย่างผ่าเผย
พี่หลิวเห็นจ้าวจือชิง นางสะดุ้งโหยงอย่างเห็นได้ชัด
“ชีเหนียง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามสงสัยจากพี่หลิว ชีเหนียงจึงได้แต่หาข้ออ้างกลบเกลื่อนไปก่อน
“ก่อนหน้านี้ที่ตัดสัมพันธ์กับทางบ้านแม่ โชคดีที่ได้จ้าวจือชิงคอยช่วยพวกข้าพูดทวงความยุติธรรม จึงทำให้ข้าหลุดพ้นมาได้”
พูดทวงความยุติธรรม? ชัดเจนว่าพี่หลิวไม่เชื่อว่าเ้าทึ่มคนหนึ่งจะสามารถพูดอะไรที่มีเหตุผลได้
“คิดว่าเขาคงได้ยินเื่ราวของบ้านข้า่นี้ จึงอยากลองกินดู” พูดจบนางก็มองไปทางจ้าวจือชิงที่ยืนตระหง่านอยู่ในลานบ้าน “ถึงอย่างไรก็แค่ของกิน เดี๋ยวค่อยหาเื่ให้เขากลับไป”
คำพูดนี้พี่หลิวกลับยอมเชื่อ คนที่หิวโหยของกินอร่อยบ้านสกุลลั่วมีมากมาย โดยเฉพาะพวกเด็กๆ กับพวกแม่บ้านปากมาก บ้านใดบ้างไม่ชะเง้อคอมองเข้ามาประตูบ้านสกุลลั่วทุกวัน ก็เพื่ออยากแอบครูพักลักจำสักเล็กน้อย
“ก็จริง ให้ของกินและไล่ไปก็ดี”
น่าเสียดายเพียงจ้าวจือชิงแน่วแน่กับการอยู่ช่วยงานสกุลลั่ว แล้วจะยอมถอดใจเพื่อของกินเล็กน้อยได้เยี่ยงไร
ด้วยเหตุนี้ หลังจากกินดื่มอย่างอิ่มหนำ ก็เริ่มเลียนแบบวิธีที่เห็นลั่วชีเหนียงตักชานมร้อนกรุ่นใส่ถ้วย จากนั้นใส่ของไว้ในตะกร้าอย่างคล่องแคล่วก่อนจะนำไปจัดเรียงบนเกวียนทีละตะกร้า
ลั่วชีเหนียงเห็นดังนั้นก็รีบห้าม น่าเสียดายที่จ้าวจือชิงไม่ได้สนใจคำห้ามปรามของนางด้วยซ้ำ
หนึ่งก้าวของเขาก็ทิ้งห่างไปไกลแล้ว
ลั่วชีเหนียงจึงเลี่ยงไม่ได้จำต้องอนุญาตให้จ้าวจือชิงทำงานครึ่งวัน รอจนนางจัดการเกวียนเรียบร้อย ขณะกำลังคิดจะให้จ้าวจือชิงกลับไป แต่กลับกลายเป็ว่าคนผู้นี้บังคับเกวียนมุ่งหน้าไปอย่างเร็วรี่
“นี่ ทำอะไรน่ะจ้าวจือชิง รอก่อน! ข้ายังไม่ได้ขึ้นเกวียน!”
ลั่วชีเหนียงไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไปนอกเสียจากรีบวิ่งตามไปให้ทัน ก่อนไปทำได้เพียงแค่กำชับพี่หลิวช่วยดูบ้านให้
นับั้แ่ชีวิตในครอบครัวดีขึ้น ลั่วชีเหนียงก็ไม่ยอมให้ลูกๆ ตื่นเช้าเกินไป เพราะถึงอย่างไร่นี้ก็เป็วัยเจริญเติบโต การนอนหลับสำคัญกับพวกเขาอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้เด็กทั้งหมดเมื่อตื่นมาก็ไม่เจอลั่วชีเหนียงแล้ว
“ท่านป้า ท่านแม่ข้าล่ะ?”
ไหลไหลน้อยเดินขยี้ตาออกมาจากห้อง ทุกครั้งในเวลานี้ ท่านแม่มักจะยกของอร่อยมาและมองเขาอย่างอ่อนโยน พร้อมกับบอกให้เขาทานให้มากๆ
“แม่เ้าไปตั้งแผงแล้ว วันนี้ป้าจะทำอาหารอร่อยให้พวกเ้าเอง”
“ไปแล้ว?” ลั่วจิ่งซีสวมรองเท้าเดินออกมาจากห้อง ด้วยใบหน้าสงสัย “เหตุใดนางจึงไม่รอข้า?”
พี่หลิวไม่รู้จะตอบอย่างไร แม้ว่าเ้าทึ่มจ้าวจะเป็คนสติไม่สมประกอบแต่ก็เป็ผู้ชาย ชายหญิงไปตลาดนัดด้วยกัน พูดไปคงไม่น่าฟังนัก
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้