ตั้งใจฆ่าคนแย่งชิงข้าวของเงินทองเสวียนเทียนย่อมไม่ทำ
แต่ว่า! สังหารโจรขโมย โจรบนหลังม้าพวกนี้แล้วเสวียนเทียนย่อมไม่ทำตัวดีสูงส่ง เห็นของมีค่าบนตัวพวกเขาแล้วทำเป็มองไม่เห็น
ครั้งนี้ กองโจรบนหลังม้าของพรรคฝูเวยไม่ได้ขึ้นเขาล่าสัตว์อสูรฝึกวิชาแต่เพิ่งกลับมาจากการปล้นหมู่บ้านมา
ดังนั้นบนตัวของโจรแต่ละคนมีตั๋วเงินอยู่ไม่น้อยน้อยหน่อยก็หลายพัน มากหน่อยก็นับหมื่น
โจรที่ตายแล้วเสวียนเทียนควานหาตั๋วเงินกับยาพลังปราณออกมาเลย
โจรที่ยังไม่ตายสนิทเสวียนเทียนก็ไม่จงใจปล่อยให้ทรมาน ซ้ำเข้าไปหนึ่งกระบี่ จบความทรมานของพวกเขารวมหัวหน้าใหญ่ หัวหน้ารองและหัวหน้าสามเข้าไปด้วยแล้วโจรพรรคฝูเวยโดนเสวียนเทียนสังหารตายไปทั้งสิ้นหกสิบเจ็ดคน
จากศพของโจรพรรคฝูเวย เสวียนเทียนได้ตั๋วเงินมาสี่แสนแปดหมื่นตำลึงในนี้ตั๋วเงินจากบนตัวของหัวหน้าพรรคทั้งสามมีมากที่สุด รวมกันแล้วมีถึงแสนกว่าตำลึง
เพราะออกปล้นฆ่าเผาหมู่บ้านมาบนร่างของโจรพรรคฝูเวยจึงมีตั๋วเงินอยู่มากแต่ยาพลังปราณน้อยกว่าตอนที่ออกเก็บประสบการณ์อยู่มากทีเดียว
ยาพลังปราณที่เก็บมาได้นั้นมียาชุบร่างชั้นสูงสิบเม็ด ยาชะล้างกระดูกชั้นล่างสิบสองเม็ดยาควบปราณชั้นล่างสิบห้าเม็ด ยาชะล้างกระดูกกับยาควบปราณชั้นกลางอย่างละห้าเม็ดล้วนได้มาจากยาพลังปราณในความของหัวหน้าสาม ส่วนยาชะล้างกระดูกกับยาควบปราณชั้นสูงได้มามากที่สุดแต่ละอย่างมีสิบเก้าเม็ด หัวหน้าใหญ่มีอย่างละสิบเม็ด หัวหน้ารองมีอย่างละเก้าเม็ดยาพลังปราณแม้ว่าจะมีน้อย แต่มูลค่าไม่น้อยยาชะกระดูกกับยาควบปราณชั้นสูงราคาถึงเม็ดละเก้าพันตำลึง เป็ยาพลังปราณที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบจำเป็ต้องใช้
แค่ยาชะล้างกระดูกกับยาควบปราณชั้นสูงสามสิบแปดเม็ดมูลค่าก็สามแสนสี่หมื่นสองพันตำลึงแล้วมูลค่ายาพลังปราณทั้งหมดน้อยกว่าตั๋วเงินที่บรรดาโจรถืออยู่ไม่เท่าไร
ยาพลังปราณเป็สิ่งจำเป็ต่อผู้ฝึกยุทธ์ไม่มียาพลังปราณ การฝึกฝนก็คืบหน้าช้าไปครึ่งหนึ่งดังนั้นยาพลังปราณแทบจะเป็ทรัพย์สินอย่างหนึ่ง เหมือนกับเงินตราแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งและฐานะ
หลังเก็บของมีค่ามาจากร่างของโจรพรรคฝูเวยทั้งหกสิบเจ็ดคนแล้วเสวียนเทียนก็เดินมาตรงหน้าอินจิ่วโฉว
สองขาของอินจิ่วโฉวขาดด้วนตอนนี้ถึงจะสกัดจุดห้ามเืที่สองขาไว้ หยุดเืได้แล้วแต่ตอนแรกเืไหลมากเกินไป เขาจึงดูขาวซีด อ่อนแออย่างมาก
สีหน้าโอหังบ้าเืก่อนหน้านี้หายไปจนสิ้นแล้วเหลือเพียงลมหายใจแ่เบา
เสวียนเทียนลงกระบี่จบชีวิตโจรที่าเ็ทีละคนอินจิ่วโฉวมองเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด ตอนนี้เสวียนเทียนเดินมาข้างตัวเขาร่างกายก็อดสั่นขึ้นมาไม่ได้
“อย่าฆ่าข้า เ้าฆ่าข้าไม่ได้อาจารย์ของข้าเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภา ถ้าเ้าฆ่าข้า เ้าก็ไม่รอดเหมือนกัน”สายตาของอินจิ่วโฉวดูเหมือนจะเข้มแข็ง แต่ที่จริงสั่นระริกไม่หยุด เผยความหวาดกลัวในใจเขาตอนนี้ออกมา
“เ้าไม่ใช่คนพรรคฝูเวย!” เสวียนเทียนถามขึ้น “เ้าเป็ใคร?อาจารย์ของเ้าเป็ใคร?”
เห็นเสวียนเทียนไม่ลงมือทันทีกลับถามถึงอาจารย์ของเขา ในใจอินจิ่วโฉวก็สงบลงมาบ้าง ตอบว่า “ข้าชื่ออินจิ่วโฉวอาจารย์ของข้าเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภา ในอาณาจักรเสินเตาชื่อเสียงเลื่องลือคนเรียกขานว่านักดาบอสนีบาต เ้าไว้ชีวิตข้า ข้าจะบอกอาจารย์ ให้อาจารย์มาขอบคุณเ้า!”
สายตาของเสวียนเทียนประดุจปราณกระบี่ ตวัดมาที่ใบหน้าของอินจิ่วโฉวเอ่ยขึ้นว่า “พาข้าไปที่รังของพรรคฝูเวยแล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า!” อินจิ่วโฉวได้ยินก็ดีใจพยักหน้ารับทันที ตอบว่า “ข้าพาเ้าไป ขอเพียงเ้าไม่ฆ่าข้าข้าจะทำตามที่เ้าสั่งทุกอย่าง”
เสวียนเทียนพูดต่อ “ชีวิตเ้า ข้าให้เ้า แต่ของบนตัวเ้าทั้งตั๋วเงิน ยาพลังปราณ หรือแม้แต่ของอย่างอื่น ส่งมาให้ข้าซะ!”
อินจิ่วโฉวควักตั๋วเงินปึกใหญ่ออกมาจากอกเสื้อทันทีรวมทั้งยาพลังปราณอีกจำนนวนหนึ่ง และจดหมายอีกฉบับหนึ่ง กล่าวว่า “ตั๋วเงินกับยาพลังปราณทั้งหมดของข้าอยู่นี่แล้วพวกเรามาฆ่าเ้าก็เป็เพราะมีคนไหว้วานมา ทั้งหมดข้าให้เ้า...!”
ตั๋วเงินของอินจิ่วโฉวมากกว่าบนตัวของหัวหน้าใหญ่เสียอีกมีถึงแสนตำลึงทั้งยาพลังปราณก็มีมากพอๆกับหัวหน้าใหญ่ยาชะกระดูกกับยาควบปราณชั้นสูงอย่างละสิบเม็ด
ตั๋วเงินกับยาพลังปราณเหล่านี้มูลค่าไม่ธรรมดาแต่เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว ไม่นับว่าเป็อะไรทั้งสิ้น!
เสวียนเทียนรับทุกสิ่งมา นับจำนวนเก็บตั๋วเงินกับยาพลังปราณแล้วเปิดจดหมายออกดู
บนจดหมายเขียนไว้เพียงไม่กี่ประโยค หวงเทียนอายุสิบสี่ปีครึ่ง พลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าความสามารถเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบ เงินรางวัลหนึ่งล้านตำลึงเด็ดศีรษะบนร่างของเสวียนเทียน...ตระกูลหนิว อำเภอเป่ยโม่
จากร่างของหัวหน้าสามเสวียนเทียนพบภาพเหมือนของตนเอง ข้างบนเขียนอักษณไว้สี่คำ...ภาพเหมือนเสวียนเทียนตัวอักษรเหมือนกันกับในจดหมายฉบับนี้ทุกอย่าง ดูแล้วคงจะออกมาจากมือของตระกูลหนิว ตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของอำเภอเป่ยโม่
ภาพเหมือนนั้นเสวียนเทียนทำลายไปแล้วแต่จดหมายยังคงเก็บไว้ นี่เป็หลักฐานว่าตระกูลหนิวตั้งใจวางแผนสังหารเขาเสวียนเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องให้ตระกูลหนิวได้ชดใช้กับเื่นี้
สายตาของเสวียนเทียนตวัดลงบนร่างของอินจิ่วโฉวถามขึ้น “หมดแล้ว?”
อินจิ่วโฉวส่ายหน้าทันที ตอบว่า “ไม่มีแล้ว ให้เ้าไปหมดแล้วอาจารย์ของข้านักดาบอสนีบาตอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เ้าอย่าฆ่าข้าฆ่าข้าแล้วเ้าเองก็ไม่รอดหรอก!”
“ฮึ!” เสวียนเทียนแค่นเสียงประชดหนึ่งที นิ้วหนึ่งสกัดจุดอินจิ่วโฉว ทำให้เขาขยับไม่ได้ล้วงมือไปควานหาของในอกเสื้อ ไม่มีของอย่างที่อีกฝ่ายบอก
“ของทุกอย่างข้าให้เ้าไปหมดแล้วไม่มีแล้วจริงๆ!” อินจิ่วโฉวพูดขึ้น
อกเสื้อไม่มีเสวียนเทียนก็ค้นช่องที่แขนเสื้อของอินจิ่วโฉว พริบตาอินจิ่วโฉวพลันสีหน้าเปลี่ยนในแขนเสื้อเสวียนเทียนคลำพบของแข็งชิ้นหนึ่ง
ในแขนเสื้อของอินจิ่วโฉว มีช่องลับอยู่
แสงกระบี่ตวัดวาบ แขนเสื้อก็ถูกกรีดขาดกล่องไม้แคบยาวกว้างสองจื่อ ยาวประมาณครึ่งฝ่ามือโผล่ออกมา
“นี่เป็สมบัติที่อาจารย์ให้ข้าเ้าเอาไปไม่ได้ นั่นเป็ของข้า เ้าเอาไป อาจารย์ข้าต้องไม่ปล่อยเ้าแน่!” อินจิ่วโฉวรีบร้อนะโบอกทันที
เสวียนเทียนหันฝากล่องไม้ไปข้างหน้าเปิดออกอย่างระมัดระวัง พบว่าข้างในไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร มีเพียงกลิ่นหอมอ่อนๆ บริสุทธิ์เหนือสิ่งอื่นใดลอยออกมา
“เป็สมุนไพรทิพย์ต้นหนึ่งหรือ?”
เสวียนเทียนยินดีอยู่ในใจ หันกล่องกลับมาดูเห็นในกล่องไม้มีเพียงพืชยาวหนึ่งนิ้วมือนอนนิ่งอยู่ต้นหนึ่ง
พืชต้นนี้ทั้งต้นเป็สีขาวบริสุทธิ์เรียบลื่นประดุจหยก ยาวประมาณหนึ่งนิ้วมือ มีใบอยู่เพียงใบเดียวแผ่ออกมาเป็รูปพัด ดูเหมือนเห็ดหลินจือ
“ที่แท้เป็หลินจือหยกต้นหนึ่ง?”เสวียนเทียนอุทานขึ้นมา สีหน้าดีอกดีใจ
หลินจือหยกเป็สมุนไพรทิพย์ที่ชั้นสูงเสียยิ่งกว่าหญ้าฉีหวงสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์แล้วมีประโยชน์ต่อการเลื่อนชั้นพลังวัตรมากมูลค่าก็สูงยิ่งกว่าหญ้าฉีหวง อย่างน้อยก็เจ็ดแปดแสนตำลึงทีเดียว
มีหลินจือหยกต้นนี้เสวียนเทียนสามารถลดเวลาที่ต้องหยุดอยู่ที่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าไปได้อีกมากเร่งขึ้นชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบได้เร็วขึ้นอีกหรืออาจจะมีผลถึงขนาดทำให้เลื่อนขึ้นชั้นเบิกนภาเร็วขึ้น
หลินจือหยกต้องใช้เวลานานกว่าจะซึมซับหลอมพลังมาได้เสวียนเทียนเก็บเข้าอกเสื้อไว้ก่อน มองเห็นอินจิ่วโฉวที่ยังคงพร่ำบ่นไม่หยุด เขาก็พูดขึ้นเสียงเย็นว่า
“ไม่มีเ้า ข้าก็ยังพอตามรอยเท้าม้าของพรรคฝูเวยไปที่รังของพวกมันได้เพียงแต่ใช้เวลานานหน่อยเท่านั้น เ้าพาข้าไปที่รังของพรรคฝูเวย ถึงจะรักษาชีวิตไว้ได้ถ้ายังบ่นอีก เ้าก็ลงนรกไปเหมือนกับพวกมันเถอะ!”
อินจิ่วโฉวในใจกลัวขึ้นมา สีหน้าก็หวาดผวาไม่กล้าพูดอีก
เสวียนเทียนผิวปากทีหนึ่ง ม้ากิเลนดำก็วิ่งเข้ามาเสวียนเทียนยกอินจิ่วโฉวขึ้น แล้วพลิกตัวขึ้นม้า ถามว่า “พรรคฝูเวยอยู่ที่ใด?”
.......
.......
ตามคำบอกทางของอินจิ่วโฉวม้ากิเลนดำวิ่งมาเป็เวลาหนึ่งชั่วยามกว่าวิ่งมาได้ระยะทางหลายร้อยลี้ก็มาถึงเขตูเาที่อยู่สุดขอบทุ่งม้าป่า
อินจิ่วโฉวชี้ไปด้านหน้า บอกว่า “ข้ามูเาข้างหน้าไปหนึ่งลูกข้างในมีที่ราบหุบเขากว้างอยู่ที่หนึ่ง ค่ายของพรรคฝูเวยอยู่ในหุบเขานั่น”
ตลอดทางเสวียนเทียนเห็นรอยเท้าม้าของโจรพรรคฝูเวยไม่น้อยโจรที่หนีมาส่วนใหญ่ก็มุ่งมาทางนี้อีกทั้งทางเข้าูเาด้านหน้าก็มีร่องรอยของกองโจรบนหลังม้าทิ้งไว้ไม่น้อย
ดูแล้ว ข้างหน้าจะเป็รังของพรรคฝูเวยจริงๆ!
เสวียนเทียนชักม้าเข้าไปในูเาไม่นานก็ข้ามพ้นยอดข้างหน้าปรากฏที่ราบหุบเขาแห่งหนึ่ง ค่ายบนูเาที่สร้างขึ้นมาจากไม้ทั้งหมดปรากฏขึ้นสู่สายตาของเสวียนเทียน
ค่ายทั้งหมดล้อมรอบไปด้วยกำแพงไม้ มีเพียงทางเข้าออกค่ายเพียงทางเดียว้าสุดของประตูมีป้ายไม้แผ่นั์แขวนอยู่ ข้างบนเขียนว่า ‘พรรคฝูเวย’ สามคำ
เสวียนเทียนทิ้งอินจิ่วโฉวไว้ข้างทางสองขากระทุ้งม้า ม้ากิเลนดำก็พลันวิ่งทะยานพุ่งไปทางค่ายของพรรคฝูเวย
“หวงเทียนมาแล้ว!”
“หวงเทียนคนที่สังหารหัวหน้าใหญ่มาถึงในหมู่บ้านแล้ว!”
.......
.......
คนไม่น้อยในค่ายของพรรคฝูเวยคือโจรที่ตามไปสังหารเสวียนเทียนกับหัวหน้าใหญ่หัวหน้ารองและหัวหน้าสามเมื่อครู่ ฉับพลันก็ร้องะโอย่างหวาดกลัวขึ้นมา
ในสายตาของโจรพรรคฝูเวยมองเสวียนเทียนเช่นเดียวกับที่ชาวบ้านมองโจรพรรคฝูเวยเป็ปีศาจร้ายที่ไม่อาจต้านทานได้
พอห่างจากค่ายอีกสามสิบก้าวร่างของเสวียนเทียนก็พลันะโขึ้นจากหลังม้ากิเลนดำ ร่อนลงด้านหน้าเท้ากระทืบพื้นอย่างแรงทีหนึ่ง ร่างกายก็ทะยานราวกับเสือชีตาห์ กระโจนลอยไปในอากาศพริบตาก็ข้ามพ้นกำแพงไม้รอบนอกค่ายที่สูงถึงสิบห้าเมตร
เมื่อเข้าไปในค่ายเสวียนเทียนก็เป็ดั่งเสือร้ายที่พุ่งเข้ามากลางฝูงแกะ
ขนาดหัวหน้าใหญ่หัวหน้ารองกับหัวหน้าสามยังตายในมือของเสวียนเทียน ต้านไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวภายใต้คมกระบี่ของเสวียนเทียน โจรคนอื่นในค่ายยิ่งโดนฟันไม่ต่างจากผ่าแตงหั่นผัก
ปราณกระบี่กวาดฟัน แสงกระบี่ฉวัดเฉวียนทุกที่ที่ตัดผ่าน โจรแห่งพรรคฝูเวยพากันล้มลงไปจมกองเื
ใช้กำลังของตนเพียงคนเดียวสู้รบเพียงลำพังกับพรรคพรรคหนึ่งนี่เป็เื่ที่ศิษย์ในของสำนักใหญ่ถึงจะสามารถทำได้เสวียนเทียนตอนนี้เพิ่งพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้า แต่บุกสังหารพรรคฝูเวยกลับไม่มีใครมีกำลังต้านทานได้เลย
โจรพรรคฝูเวย ก่อนหน้านี้ปล้นฆ่าวางเพลิงหมู่บ้านของชาวบ้านไหนเลยจะคาดคิด พวกเขาจะมีวันนี้ ถูกคนอื่นบุกเข้ามาในค่ายกลางูเาฆ่าสังหารพวกเขาก็เหมือนชาวบ้านเ่าั้ ถูกฆ่าทำร้ายโดยไม่มีกำลังต่อต้าน
เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและเ็ปดังขึ้นในค่ายกลางูเาของพรรคฝูเวยไม่ขาดสาย โจรทุกคนขวัญผวาหมดความกล้าไม่มีใครกล้าแตะรัศมีคมกริบของเสวียนเทียน ทั้งหมดล้วนมุ่งไปนอกค่ายหนีเอาชีวิตรอด
แต่ว่า ทั้งค่ายมีทางเข้าออกคือประตูค่ายแค่ทางเดียวโจรทุกคนต่างวิ่งหนีไปทางนอกค่าย ชั่วเวลาหนึ่งจึงเบียดเสียดติดอยู่ที่ประตู
ที่ไหนโจรมาก เสวียนเทียนก็สังหารที่นั่นใช้ถลาลมเก้ากระบี่ เพลงกระบี่ดับเงาออกไป...กับโจรใจบาปหยาบช้า หัวขโมยเหล่านี้เสวียนเทียนลงมือไร้เมตตา!
ประตูค่ายถูกเสวียนเทียนเข้ายึดโจรคนใดที่เข้าใกล้ประตูค่ายคิดหนีออกไป ล้วนล้มลงจมกองเื
ไม่นาน ค่ายูเาก็เกลื่อนกลาดไปด้วยศพเืเจิ่งนองเป็แม่น้ำ โดยเฉพาะตรงประตูค่าย ศพของโจร หนึ่งศพทับหนึ่งศพกองทับกันหลายสิบศพ