“น้า ฉันไม่ขอรบกวนให้น้าต้องกังวลเื่นี้หรอก สรุปคือฉันจะไม่พึ่งพาการแต่งงานกับชายที่แก่กว่า 20 ปีเพื่อให้ได้ทะเบียนบ้านเมือง ขอโทษนะคะคุณผู้ชายฝาน เมื่อครู่ฉันพูดตกไปนิดหน่อย นอกจากไม่ชอบที่คุณตำแหน่งจิ๊บจ๊อยแล้ว ฉันยังไม่ชอบที่คุณอายุมากกว่าด้วย”
วัวแก่จะกินหญ้าอ่อน ก็ต้องให้หญ้าอ่อนยินยอมก่อนถูกกินสิ วัวแก่นั้นถึงจะถือว่าเป็ ‘คุณอา’
มิเช่นนั้น นั่นจะกลายเป็อันธพาลเฒ่าไร้ยางอายแทน
เซี่ยเสี่ยวหลานเองยังอยากกินหญ้าอ่อนเลย การมีความรักหวานชื่นกับชายหนุ่ม พาเธอกลับคืนสู่วัยรุ่นอีกครั้ง
แต่นั่นเพราะโจวเฉิงเต็มใจน่ะสิ!
ปัญหาคือตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเองไม่สมัครใจจะเข้าใกล้วัวแก่ฝานเจิ้นชวน ฝานเจิ้นชวนย่อมเป็อันธพาลเฒ่ากักขฬะ
เธอวิพากษ์วิจารณ์ั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า ปรามาสฝานเจิ้นชวนเสียอ่วมไปทั้งตัว ในเขตเหอตง ไม่มีใครกล้าพูดจากับฝานเจิ้นชวนแบบนี้ ถ้าวันนี้ไม่ได้อยู่ในบ้านพักรับรองประจำเมือง ฝานเจิ้นชวนสามารถทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานลิ้มลองได้ทันทีว่าเขาแก่ชราไร้น้ำยาหรือเปล่า
ยิ่งเซี่ยเสี่ยวหลานร้าย ฝานเจิ้นชวนยิ่งอยากได้เธอมา
กระบวนการฝึกม้าพยศนั้นน่าสนุกเสมอ หากเซี่ยเสี่ยวหลานพินอบพิเทา ฝานเจิ้นชวนอาจเบื่อหน่ายอย่างรวดเร็ว แต่เซี่ยเสี่ยวหลานรูปลักษณ์บอบบาง กลับมีนิสัยบ้าระห่ำ กระตุ้นความอยากกำราบให้อยู่หมัดของฝานเจิ้นชวน
“เสี่ยวหลาน ผู้หญิงปากคอเราะร้ายเป็ความน่ารักประเภทหนึ่งในบางครั้ง แต่เมื่อมันมากเกินไป จะเกิดผลลัพธ์ตรงกันข้ามได้นะ”
หลี่ต้งเหลียงเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ขณะคุณผู้หญิงเซี่ยกำลังพูด คุณตั้งใจฟังเฉยๆ ก็พอ”
หลี่ต้งเหลียงยื่นมือไปคว้าคอเสื้อของฝานเจิ้นชวน พอคนขับรถของฝานเจิ้นชวนเคลื่อนไหว เก่อเจี้ยนก็ได้ไล่ต้อนไปแล้ว สองศิษย์พี่น้องร่วมมือกันเป็อย่างดี ต้อนคนขับรถของฝานเจิ้นชวนจนจนมุม ฝานเจิ้นชวนอยากไปดึงตัวเซี่ยเสี่ยวหลาน ทว่าเก่อเจี้ยนหันกลับด้วยความว่องไว และชกเข้าที่เอวของฝานเจิ้นชวน
หมัดนี้ คือหมัดที่ต่อยเนื้อหมูเละได้โดยมีหนังวัวคั่นไว้ ฝานเจิ้นชวนรู้สึกเ็ปสาหัสบริเวณกระเบนเหน็บเท่านั้น
เก่อเจี้ยนกลับไปอยู่ข้างกายเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว
“เจิ้นชวน!”
“นายครับ!”
“ฝาน...”
คนทั้งห้องล้วนใกลัวกันหมด
ฝานเจิ้นชวนมีความตระหนกเล็กน้อยตอนอยู่ในบ้านพักรับร้องประจำเมือง แต่ไม่คาดคิดว่าคนของเซี่ยเสี่ยวหลานจะกล้าลงมือทำร้ายในบ้านพักรับรอง แถมทำร้ายตัวฝานเจิ้นชวนเองด้วย
ฝานเจิ้นชวนกุมเอว หมัดเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกว่าข้างในเอวเ็ปเหลือจะทน ทว่าเพียงชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกนั้นก็ค่อยๆ หายไป ราวกับเป็ความเข้าใจผิดของเขาเสียเอง
คนขับรถมีสีหน้ารู้สึกผิดมาก “หัวหน้า...”
เขามิใช่คู่ปรับของสองคนนี้ หนึ่งคนยังพอรับมือไหว แต่เซี่ยเสี่ยวหลานดันพามาสองคน
ในที่สุดฝานเจิ้นชวนก็หมดความอดทน เขาพูดพลางแสยะยิ้มออกมา
“เธอจะจ้างพวกเขาคุ้มครองเธอทั้งชาติได้หรือ? พวกเขาต่อสู้เก่งมาก! หมัดของพวกเขาไม่ต่างจากเหล็ก แต่ร่างกายก็เป็เืกับเนื้ออยู่ดี เอาชนะคนขับรถของฉันได้ แล้วสามารถเอาชนะคนมากกว่านี้ได้หรือ ทนลูกปืนได้หรือไม่? คนที่พวกเธอทำร้ายคือข้าราชการรัฐนะ ต่อให้ฉันตำแหน่งเล็กน้อยขนาดไหน ก็ไม่ใช่คนที่จะโดนทำร้ายโดยเปล่า!”
เก่อเจี้ยนหัวเราะซื่อๆ “ผมยอมรับแค่เงิน คุณเซี่ยให้เงินผม ใครรังแกเธอ ผมก็จัดการคนนั้น ถ้าคุณผู้หญิงเซี่ยให้เงินมากพอ กระทั่งชีวิตนี้ของผมก็ขายให้คุณผู้หญิงเซี่ยได้ ผมไม่กลัวการชดใช้ชีวิตเพราะฆ่าคนด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการซ้อมคนยกเดียว”
แบกกระสอบคือการหาเงิน ทำหน้าที่เป็คนคุ้มครองให้ผู้อื่นก็คือการหาเงิน
เมื่อทำงานนี้แล้ว ก็ต้องเตรียมพร้อมจิตใจต่อภยันตรายเรียบร้อย เก่อเจี้ยนไม่ได้โกหก หากค่าตอบแทนที่คุณผู้หญิงเซี่ยจ่ายสูงมากพอ ให้พวกเขาสังหารฝานเจิ้นชวนตรงนี้ก็ยังได้
มิเช่นนั้นโบราณจะกล่าวว่า ‘จอมยุทธฝ่าฝืนกฎหมายแผ่นดินโดยใช้กำลัง’ หรือ ผู้ที่เคยร่ำเรียนการต่อสู้มาบ้าง มักแหกกฎได้ง่าย
ฝานเจิ้นชวนรับรู้ได้ว่าเก่อเจี้ยนไม่ได้กำลังล้อเล่น คนขับรถของฝานเจิ้นชวนขวางอยู่ด้านหน้าเ้านายของตนด้วยอาการตื่นตระหนก เฝ้าระวังเก่อเจี้ยนที่อาจฆ่าคนอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่วนเหลียงปิ่งอันและครอบครัว หวั่นกลัวจนไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ
ไม่จริงสินะ?
คงเหมือนการลงมีดกับเหลียงฮวนในวันนั้น แค่ข่มขู่สินะ
แต่ภาษากลางของเก่อเจี้ยนเจือสำเนียงต่างถิ่น รูปร่างสูงผอม ผิวเข้มดำคล้ำ ดูแล้วไม่ใช่คนในพื้นที่ซางตู เซี่ยเสี่ยวหลานจ้างคนต่างถิ่นสองรายมาทำอะไร เพราะคนต่างถิ่นไม่กลัวภัยคุกคามจากฝานเจิ้นชวน หรือเพราะฆ่าฝานเจิ้นชวนเสร็จจะสามารถหลบหนีๆด้สะดวก?
เอะอะก็ข่มขวัญขู่คร่าชีวิต นี่มันวิธีการของหญิงสาวคนหนึ่งที่ไหนกัน
มือของเหลียงปิ่งอันกำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะ
ทำไมเขาถึงทำผิดพลาดเช่นนี้ ทำไมเขาไม่คิดขอความยินยอมของเซี่ยเสี่ยวหลานก่อน ยกเซี่ยเสี่ยวหลานให้ตระกูลฝานอย่างนั้นหรือ? อีกอย่างหนึ่งคือ ทำไมเขาถึงปล่อยให้หลิวฟางติดต่อกับเซี่ยเสี่ยวหลานกันนะ ถ้าเขาเข้าหาด้วยตนเอง บางทีคงพบว่าอีกฝ่ายไม่ปกติไปตั้งนานแล้ว—เด็กสาวชนบท? เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางเป็เพียงเด็กสาวชนบทได้ สภาพจิตใจของเธอนี้ ต้องเคยประสบพบเจอสถานการณ์อันหนักหนามาอย่างแน่นอน!
การสมรสกับฝานเจิ้นชวนคือผลเสีย
มีความห้าวหาญแบบนี้ มีความหลักแหลมแบบนี้ กอปรกับใบหน้าที่์โปรดปราน เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถหาผู้ชายดีกว่านี้ได้
ทำไมเธอนัดพบปะที่บ้านพักรับรองประจำเมือง ทำไมสงบนิ่งไม่ไหวติงเช่นนี้ เป็เพราะมีเป้าหมายเป็บุคคลที่ถูกใจแล้วใช่หรือไม่ หรือถึงขั้นทำความรู้จักกันสำเร็จแล้วด้วย... เหลียงปิ่งอันกระวนกระวาย ส่วนเหลียงฮวนหน้าซีดเผือด เหลียงฮวนนึกถึงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกระทำอย่างไรต่อเธอขึ้นมาอีกครั้ง!
น้าหลี่ประคองแขนของลูกชาย ไม่เหลือความสง่างามและความสุขุมอีกต่อไปแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ สมรสเข้าตระกูลฝานไม่ได้เด็ดขาด
ขับไล่ไสส่งเสียวอวี่ไป ต้อนรับนางพญาเสือที่ร้ายกาจกว่าเข้ามาแทน ได้ไม่คุ้มเสียเลยจริงๆ
รับเป็สะใภ้ไม่ได้ ทว่าความพยาบาทยังเข้มข้นอยู่ น้าหลี่คิดว่ามิอาจปล่อยเซี่ยเสี่ยวหลานให้รอดพ้นไป ฝานเจิ้นชวนคิดแบบนี้เสียที่ไหนเล่า เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ร้อนหนาวเช่นนั้น ไม่เห็นคนทั้งห้องอยู่ในสายตาเลย แม้ฝานเจิ้นชวนจะตกตะลึงในความงาม แต่เก่อเจี้ยนเอ่ยปากทีก็จะฆ่าคน ฝานเจิ้นชวนกลัวว่านอนร่วมเตียงกับเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วจะหลับตาไม่ลงเหมือนกัน
หญิงงามสำคัญอย่างแน่นอน ทว่าสิ่งที่สำคัญกว่าคือชีวิตของเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับวิกฤติชีวิต เขายินดีคลุกคลีกับผู้หญิงดาษดื่นแก้ขัดเสียดีกว่า
“ช่างเถอะ ไม่แต่งแล้ว แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นมันไม่หวาน เื่แต่งงานก็ถือเสียว่าบ้านฝานไม่เคยพูดถึงแล้วกัน”
ฝานเจิ้นชวนยกเลิกการแต่งงานด้วยตนเองจริงๆ ทว่ามิใช่เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานเสียโฉม และมิใช่เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานขอให้บุคคลใหญ่โตอะไรมาออกรับแทน แต่เป็เพราะความพยายามสุดกำลังของเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งสิ้น
เหลียงปิ่งอันอารมณ์สับสนปนเปเหลือเกิน
ศักดิ์ศรีที่ฝานเจิ้นชวนทำหล่นหายไปในวันนี้ จะเก็บขึ้นมาโดยการเหยียบย่ำเหลียงปิ่งอันแน่นอน การคิดบัญชีในภายหลังต่างหากที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวน
เซี่ยเสี่ยวหลานหัวเราะแ่เบา “คุณผู้ชายฝาน คุณกำลังคิดว่าต้องรีบออกไปจากที่นี่ หลังจากนี้ค่อยๆ จัดการฉัน ถูกหรือเปล่า? จากพฤติกรรมที่ผ่านมาของคุณผู้ชายฝาน คนที่เคราะห์ร้ายทีหลังไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอก แค่เป็บุคคลสนิทชิดใกล้กับฉัน คุณผู้ชายฝานคงจะระบายอารมณ์โมโหใส่ทุกคน”
ฝานเจิ้นชวนข่มขู่คุกคามผู้อื่นแบบนี้นั่นเอง
วิธีที่เคยชินถูกเซี่ยเสี่ยวหลานแฉ สีหน้าของเขาย่ำแย่มาก
“ที่นี่คือบ้านพักรับรองประจำเมืองนะ ฆ่าคนแล้วพวกเธอคิดว่าจะหนีไปได้อย่างราบรื่นอย่างนั้นหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานมองนาฬิกาที่แขวนบนผนัง เธอตั้งใจจองห้องรับรองส่วนตัวที่ดูเวลาได้โดยเฉพาะ เข็มนาฬิกาสั้นกับยาวขาดอีกเพียงห้านาทีก็จะกัน เกือบถึงเวลาบ่ายโมงตรง โจวเฉิงเคยบอกไว้ ขอแค่ประวิงเวลาออกไปจนบ่ายโมงเป็พอ
เซี่ยเสี่ยวหลานอธิบายอย่างเนิบนาบ “ไม่ ฉันไม่มีทางฆ่าคนที่นี่หรอก แต่คุณผู้ชายฝานมาแล้วทั้งที ไม่อยากพบคนรักของฉันสักหน่อยหรือ? ฉันนึกว่าคุณจะสงสัยใคร่รู้เสียอีก ว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้แก่ผู้ชายแบบไหน”
ฝานเจิ้นชวนระแวง ก่อนเขามาที่นี่ คิดไว้ว่าจะยั่วยุอีกฝ่าย เหยียดหยามอีกฝ่าย
ในตอนนี้ ขนาดเซี่ยเสี่ยวหลานยังอยู่เหนือความคาดหมายของเขาแล้ว คนรักของเธอจะเป็ดั่งที่เขาคิดจริงหรือ?
ฝานเจิ้นชวนยังไม่ทันตอบ เสียงแอ๊ดลอยมาและประตูก็ถูกดันออก
“ขอโทษครับ ทำให้พวกคุณต้องรอนาน! ทำไมไม่กินกันเล่า อาหารไม่ถูกปากหรือ? ถ้าไม่กินตอนนี้ อีกหน่อยจะไม่มีโอกาสกินของหรูหราขนาดนี้แล้วนะ”
พอโจวเฉิงเข้ามา เขาดึงเซี่ยเสี่ยวหลานนั่งลงทันที ทักทายคนอื่นๆ แบบเสแสร้งแกล้งทำ ผู้ที่เขาห่วงใยยังคงเป็ภรรยาของเขาอยู่ดี
“เธอหิวหรือเปล่า?”