บทที่5 หมู่บ้านเหลาจิน
ต้าหวังก้มศีรษะด้วยความซาบซึ้ง "ขอบคุณในความเมตตาของท่าน พวกเราจะไม่ลืมบุญคุณนี้"
ชายชรายิ้มบางๆ "ในยามยากเช่นนี้ ผู้คนต้องช่วยเหลือกัน ข้าว่าเดินทางเป็กลุ่มปลอดภัยกว่า"
คืนนั้น พวกเขาได้พักในเกวียนของชายชรา ฉินรั่วหนิงนอนบนฟางนุ่ม ว่านเจิ่นชุบผ้าเย็นเช็ดตัวให้นางเพื่อลดไข้
ขณะที่ดวงจันทร์ลอยเด่นบนท้องฟ้า ฉินรั่วหนิงมองออกไปนอกเกวียน เห็นดาวนับพันดวงเปล่งประกายระยิบระยับ ช่างต่างจากท้องฟ้าในโลกที่เธอจากมา ซึ่งแทบไม่เห็นดวงดาวเลย
"เหยา... เธออยู่ที่ไหน..." เธอกระซิบในใจ มองลวดลายสีเงินบนนิ้วนางซ้ายที่ยังคงปรากฏอยู่ เลือนรางแต่ยังไม่จางหาย
การเดินทางของเธอในโลกใหม่นี้เพิ่งเริ่มต้น และเธอรู้ว่ามันจะยากลำบาก แต่อย่างน้อยก็ยังมีสองคนที่คอยปกป้องเธอ... และความหวังเล็กๆ ว่าสักวัน เธออาจค้นพบความลับของชิปอิมมอร์ทัลและหาทางกลับบ้านได้
ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญของผู้อพยพและเสียงล้อเกวียนที่เคลื่อนตัวช้าๆ ฉินรั่วหนิงค่อยๆ หลับตาลง จมดิ่งสู่ห้วงนิทราที่เต็มไปด้วยความฝันสับสนเกี่ยวกับสองโลกที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน...
แสงสีทองของยามเย็นทาบทาผืนทุ่งกว้าง ขบวนคาราวานผู้อพยพเคลื่อนตัวช้าๆ มุ่งหน้าผ่านไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่ปรากฏ อยู่ไกลลิบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความหวังบางเบา หลังเดินทางมาทั้งวัน ในที่สุดพวกเขาก็เห็นปลายทางที่รอคอย
ฉินรั่วหนิงนอนบนเกวียนของผู้เฒ่าอี๋ นางยังคงตัวร้อนผ่าวด้วยพิษไข้ แม้ว่านเจิ่นจะพยายามเช็ดตัวให้ด้วยผ้าชุบน้ำเย็นตลอดทั้งวัน แต่อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร ความอ่อนเพลียทำให้นางสลับระหว่างหลับกับตื่น ภาพเบลอเลือนสลับกับความมืดมิด
"เรากำลังจะถึงหมู่บ้านเหลาจินแล้ว" เสียงของต้าหวังดังแว่วมา
"อดทนอีกนิดนะ... เสี่ยวชุน"
ฉินรั่วหนิงพยายามลืมตา ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือท้องฟ้าสีทองแดงของยามอัสดง และเงาตะคุ่มของหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขา ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินทุกอย่าง...
ในห้วงความฝัน ภาพต่างๆ ไหลผ่านจิตใจของฉินรั่วหนิงราวกับสายน้ำที่ปะปนกัน ห้องทดลองสว่างจ้าด้วยแสงไฟนีออนสีขาว... เสียงะเิและเสียงปืน... ชิปอิมมอร์ทัลที่เรืองแสงในมือเธอ... ประตูมิติที่เปิดออก... แล้วภาพก็สลับไปเป็รถม้าที่กำลังพุ่งทะยานตกลงไปในความมืด... เสียงกรีดร้องของม้า... ความรู้สึกของการล่องลอยในอากาศ... ความเ็ปที่แล่นปราดไปทั่วร่าง... แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบ
จู่ ๆ ภาพในความฝันก็ชัดเจนขึ้น เธอเห็นตัวเองลอยอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าสีขาวโพลน ไร้ขอบเขตและไร้ทิศทาง
"ดร.ฉิน" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
"เหยา?" ฉินรั่วหนิงหันไปมองรอบตัว แต่ไม่เห็นใคร มีเพียงความว่างเปล่าสีขาว
"ระบบกำลังทำงานอีกครั้ง แต่ยังไม่เสถียร" เสียงของ AI ดังมาเหมือนมาจากทุกทิศทุกทาง "ชิปอิมมอร์ทัลได้รับความเสียหายระหว่างการข้ามมิติ ต้องใช้เวลาซ่อมแซมตัวเอง"
"เหยา! ฉันดีใจที่ได้ยินเสียงเธอ" ฉินรั่วหนิงร้องตอบ
"เราอยู่ที่ไหน? นี่คือโลกอะไร?"
"จากข้อมูลที่เก็บได้ นี่คือโลกยุคโบราณที่มีระดับเทคโนโลยีต่ำกว่าโลกของเรามาก อยู่ใน่เวลาที่คล้ายกับยุคจีนโบราณ" เสียงของเหยาตอบ "การเชื่อมต่อระหว่างเรายังไม่เสถียร ดร.ฉิน ฉันไม่แน่ใจว่าจะสามารถติดต่อกับคุณได้อีกเมื่อไร"
"แล้วฉันจะกลับไปยังโลกเดิมได้ไหม?" ฉินรั่วหนิงถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล
"ตามทฤษฎีแล้วเป็ไปได้ แต่ต้องใช้พลังงานมหาศาล" เหยาตอบ "ชิปอิมมอร์ทัลต้องได้รับการฟื้นฟูพลังงานให้เต็มที่ก่อน และเราต้องค้นหาจุดเชื่อมต่อระหว่างมิติ ซึ่งอาจอยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่เราเข้ามา..."
"จุดเชื่อมต่อ?" ฉินรั่วหนิงทวนคำ
"ใช่ ที่ที่พลังงานจากสองมิติซ้อนทับกัน แต่การค้นหาจุดนั้นไม่ใช่เื่ง่าย..." เสียงของเหยาเริ่มแ่ลง
"ระบบกำลังอ่อนแรง ต้องเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานเพื่อซ่อมแซมตัวเองต่อไป..."
"เหยา ๆ รอก่อน! ยังมีอีกเื่ที่ฉันต้องถาม!" ฉินรั่วหนิงพยายามร้องเรียก
"ชิปอิมมอร์ทัล... จะให้พลังพิเศษกับคุณ... จะพยายามฟื้นฟูการเชื่อมต่อโดยเร็วที่สุด... ดร.ฉิน... โชคดี..." เสียงของเหยาค่อยๆ จางหายไป
"เหยา!" ฉินรั่วหนิงะโก้องในความว่างเปล่า แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
ความว่างเปล่าสีขาวค่อยๆ มืดลง กลายเป็สีดำสนิท แล้วทุกอย่างก็เงียบงัน...
"เสี่ยวชุน... เสี่ยวชุน..."
เสียงเรียกแ่เบาปลุกฉินรั่วหนิงให้ตื่นจากห้วงความฝัน เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าของว่านเจิ่นที่กำลังก้มมองเธอด้วยความเป็ห่วง
"เ้าฟื้นแล้ว!" ว่านเจิ่นร้องด้วยความดีใจ "ข้ากลัวว่าเ้าจะไม่ฟื้น ไข้ของเ้าสูงมาทั้งวันเลย"
ฉินรั่วหนิงกวาดสายตามองรอบตัว เธออยู่ในห้องเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเตียงไม้ที่เธอนอนอยู่ โต๊ะเล็กๆ และเก้าอี้ไม้สองตัว ผนังทำจากดินเหนียวผสมฟาง หน้าต่างบานเล็กเปิดให้แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามา
"นี่... ที่ไหน" เธอถามเสียงแหบแห้ง
"นี่คือบ้านของญาติห่างๆ ของต้าหวัง ในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อเหลาจิน" ว่านเจิ่นตอบพลางยื่นถ้วยน้ำชาให้นาง "พวกเราอยู่ไกลจากเมืองหลวงมาก... ตอนนี้เราปลอดภัยจากการไล่ล่าของทหารพวกนั้นแล้ว"
ฉินรั่วหนิงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ด้วยความช่วยเหลือจากว่านเจิ่น เธอรู้สึกว่าร่างกายยังคงอ่อนแรง แต่พิษไข้เริ่มคลายลงแล้ว
"เรา... เดินทางมาถึงเมื่อไร" นางถามพลางจิบน้ำชาที่รสชาติขมเล็กน้อย แต่ให้ความรู้สึกสดชื่น
"คืนวาน เ้าหลับไปตลอดทาง" ว่านเจินตอบ
"เมื่อมาถึง ต้าหวังก็รีบพาเ้ามาที่นี่ ลุงเฉินญาติของเขาเป็หมอประจำหมู่บ้าน เขาให้ยาสมุนไพรแก่เ้า ไข้จึงลดลง"
ฉินรั่วหนิงพยักหน้า ก่อนจะนึกถึงความฝันที่เพิ่งผ่านพ้นไป เธอรีบมองดูนิ้วนางซ้ายของตน ลวดลายสีเงินรูปวงแหวนยังคงปรากฏอยู่ แม้จะจางลงกว่าเดิมมาก
"เหยา..." เธอกระซิบเบาๆ กับตัวเอง
"เ้าว่าอะไรนะ?" ว่านเจิ่นถาม สีหน้าสงสัย
"ไม่... ไม่มีอะไร" ฉินรั่วหนิงรีบตอบ "พี่ต้าหวังอยู่ที่ไหน?"
"เขาออกไปกับลุงเฉิน เพื่อหางานในหมู่บ้าน" ว่านเจิ่นตอบ
"พวกเราต้องหาเงินเพื่อยังชีพ และไม่ควรพึ่งพาลุงเฉินมากเกินไป"
จากนั้นประตูห้องเปิดออกพอดี ต้าหวังเดินเข้ามาพร้อมชายสูงวัยที่มีเคราขาวยาวเรียวลงมาถึงหน้าอก ดวงตาของชายชราเป็ประกายแห่งปัญญาและความเมตตา
"คุณหนู... เอ่อ... เสี่ยวชุนฟื้นแล้วหรือ?" ต้าหวังถาม พยายามแก้ไขคำพูดเมื่อเห็นคนแปลกหน้า
"ใช่ เธอฟื้นแล้ว ไข้ก็ลดลงมาก" ว่านเจิ่นตอบด้วยรอยยิ้ม
ชายชราเดินเข้ามาใกล้ เอามือแตะที่หน้าผากของฉินรั่วหนิง
"ดี ไข้ลดลงแล้ว ยาสมุนไพรของข้าไม่เคยทำให้ผิดหวัง"
"ขอบคุณท่านมาก" ฉินรั่วหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"ลุงเฉิน นี่คือหลานสาวของพวกเรา เสี่ยวชุน" ต้าหวังแนะนำ "เสี่ยวชุน นี่คือลุงเฉิน ญาติห่างๆ ของข้า และเป็หมอประจำหมู่บ้านแห่งนี้"
ลุงเฉินยิ้มกว้าง "ยินดีที่ได้รู้จักเ้า แม่สาวน้อย"
ฉินรั่วหนิงยกมือไหว้อย่างนอบน้อม "ขอบคุณท่านที่ช่วยรักษาข้า"
"ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร" ลุงเฉินโบกมือไปมา
"เ้าต้องพักผ่อนให้มากๆ อีกสักวันสองวันก็น่าจะหายดี" เขาหันไปหาต้าหวังและว่านเจินก่อนถอนหายใจยาว สีหน้าเปลี่ยนเป็กังวล
"ท่านลุงเฉินมีอะไรหนักใจท่านหรือไม่?" ต้าหวังถามด้วยความเป็ห่วง
ลุงเฉินนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างเตียง มือลูบเคราขาวยาวอย่างครุ่นคิด "เื่ที่พวกเ้าจะพักอยู่กับข้าที่นี่... ข้าได้พูดคุยกับผู้นำหมู่บ้านแล้ว พวกเขาไม่อาจให้พวกเ้าอยู่ที่นี่ได้"
เขาถอนหายใจอีกครั้ง "จริงอยู่เ้าก็เป็คนหมู่บ้านนี้ แต่เ้าก็ออกไปทำมาหากินที่อื่นนานแล้ว จึงถือว่าเป็คนนอกไปแล้ว และยิ่งกว่านั้นเมื่อวานทหารของต้าเท้าเซินอวี้เขามาในหมู่บ้าน พวกเขาประกาศกับพวกเราว่าห้ามผู้ใดให้ที่พักพิงแก่คนต่างถิ่นเป็เด็ดขาด"
ใบหน้าของลุงเฉินเต็มไปด้วยความเศร้าใจ "เห็นทีข้าคงให้พวกเ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วต้าหวัง พอหลานของเ้าฟื้นตัวหายไข้ในวันพรุ่งนี้พวกเ้าต้องออกจากหมู่บ้านเหลาจินนี้ทันที"
ทั้งสามคนต่างได้แต่มองตากันไปมา ฉินรั่วหนิงรู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้นในอากาศ ความทุกข์ยากลำบากเริ่มทวีขึ้นทันที
"ไม่เป็ไรลุงเฉิน" ต้าหวังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความกังวล
"เมื่อไม่ให้เราอยู่พวกเราก็ต้องไป เสี่ยวชุนเ้ารีบนอนพักเถอะ พรุ่งนี้พวกเราต้องออกเดินทางแต่เช้า"
ลุงเฉินส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด "ข้าเองก็หนักใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือหลานชายได้มากกว่านี้..."
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยอยู่ในเรือน ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก เสียงฝีเท้าหลายคู่เดินมาที่ประตูบ้าน ก่อนจะมีเสียงเคาะประตูอย่างแรง
"ลุงเฉิน! เปิดประตู!" เสียงะโดังลั่น
ลุงเฉินรีบลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู เผยให้เห็นชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ย สวมเสื้อคลุมสีเขียวเข้ม สีหน้าบึ้งตึง พร้อมด้วยชายฉกรรจ์อีกห้าคนยืนอยู่เื้ั
"จางฮุย มีอะไรหรือ?" ลุงเฉินถามอย่างสงบ
"ลุงเฉิน เ้าต้องให้หลานของเ้าออกไปจากหมู่บ้านของพวกเราในคืนนี้!" จางฮุยลูกชายของผู้นำหมู่บ้านเหลาจินะโ
"ท่านพ่อข้าไม่อาจเลื่อนเวลาเป็วันอื่นได้!"
"ใช่ๆ ... พวกเ้าต้องออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะไปแจ้งทหารของใต้เท้าเซินอวี้คืนนี้เลย" ลูกน้องคนหนึ่งของจางฮุยเสริมขึ้น
ต้าหวังรีบก้าวออกมาข้างหน้า ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม "โธ่พี่จางฮุย หลานข้าก็เพิ่งฟื้นไข้ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าพวกข้าค่อยไปมิได้หรือ... นี่มันก็มืดค่ำแล้ว เมตตาพวกข้าด้วยเถอะ"
จางฮุยมองดูต้าหวังด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ "ก็ได้ เว้นแต่ว่าเ้าจะมีสิ่งใดเป็ของแลกเปลี่ยน"
ว่าแล้วเขาก็พยักหน้าให้ลูกน้อง ชายฉกรรจ์ทั้งห้าก็แทรกตัวเข้ามาในบ้าน เดินตรงไปที่ห่อสัมภาระเล็กๆ ของพวกเขาที่วางอยู่มุมห้อง
"นี่พวกเ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ!" ว่านเจินร้องเสียงหลง รีบวิ่งไปดึงห่อผ้าจากมือของลูกน้องจางฮุย
"จางฮุย เ้าเป็ถึงลูกชายผู้นำหมู่บ้าน ไม่ควรทำแบบนี้นะ!" ลุงเฉินพูดห้ามด้วยความโกรธ
"พวกเขาเป็แขกของข้า!"
"แขกที่ผิดกฎของใต้เท้าเซินอวี้!" จางฮุยะโกลับ "เ้าคิดว่าข้าอยากให้หมู่บ้านทั้งหมดเดือดร้อนเพราะคนพวกนี้หรือ? ถ้าทหารรู้ว่าเรารับคนแปลกหน้าเข้าหมู่บ้าน พวกเขาจะเผาหมู่บ้านเราทิ้งแน่นอน!"
ลูกน้องสองคนชิงห่อผ้าจากมือว่านเจินได้สำเร็จ เทของทั้งหมดลงบนพื้น เสื้อผ้า อาหารแห้ง และข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจาย
"ดูซิ มีอะไรมีค่าบ้าง" จางฮุยสั่ง สายตาจับจ้องที่ข้าวของบนพื้นและเห็นหยกและกำไรของมีค่าที่ติดตัวอวิ๋นฮวามา พวกเขาจ้องสมบัติพวกนั้นและเตรียมเข้าไปแย่งทันที
ฉินรั่วหนิงมองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัวและความโกรธ เธอรู้สึกถึงความร้อนแผ่ซ่านในร่างกาย แต่ไม่ใช่จากพิษไข้อีกต่อไป มันเป็ความรู้สึกแปลกประหลาดที่แล่นไปตามเส้นเื ลวดลายสีเงินบนนิ้วมือเธอเริ่มเรืองแสงเล็กน้อย
"หยุด!" เธอะโออกมา น้ำเสียงของเธอทรงพลังกว่าที่คาดคิด
ทุกคนในห้องหันมามองเธอ จางฮุยขมวดคิ้วมองเด็กสาวที่เพิ่งลุกขึ้นนั่งบนเตียง
"เด็กน้อย เ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า!" เขาตวาด "พวกเ้าต้องออกไปจากหมู่บ้านนี้คืนนี้ หรือไม่ข้าจะ..."
คำพูดของเขาขาดห้วงเมื่อแจกันดินเผาบนโต๊ะข้างเตียงสั่นไหว และลอยขึ้นจากโต๊ะราวสองนิ้ว ก่อนจะตกลงมาแตกกระจาย
ทุกคนในห้องตกตะลึง มองดูเศษแจกันแตกด้วยความใ
"ผี!" ลูกน้องคนหนึ่งของจางฮุยร้องเสียงหลง ถอยกรูดไปที่ประตู "บ้านนี้มีผี!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้