ทุกปีกระทรวงการต่างประเทศจะจัดงานเลี้ยงประเภทงานเชื่อมสัมพันธไมตรีอยู่บ่อยครั้ง
มันไม่ใช่งานเลี้ยงเต้นรำแนบชิดของคนหนุ่มสาว แต่เป็งานเลี้ยงที่เหล่าข้าราชการในแต่ละกระทรวงจะมาเข้าร่วม คืองานเชื่อมสัมพันธไมตรีตามแบบแผนทุกอย่าง ข้าราชการหนุ่มสาวจะได้รับคำเชิญให้ไปทำความรู้จักกัน รวมถึงข้าราชการที่มีอายุเองก็ได้รับคำเชิญเช่นกัน หากที่บ้านมีลูกชายหรือลูกสาว ก็จะถือโอกาสนี้ทำการดูตัวคู่ครอง ซึ่งนับว่าเป็เื่ปกติสำหรับงานเลี้ยงประเภทนี้
ถึงได้กล่าวว่านักศึกษามหาวิทยาลัยในยุค 80 นั้นเป็คนโปรดของพระเ้า เพราะหลังเรียนจบประเทศจะจัดสรรตำแหน่งงานให้ มีบ้านพักประจำตำแหน่งให้พักอาศัย หากหาคู่ครองไม่ได้ ทางหน่วยงานก็อาจจะช่วยหาให้สักคนได้เช่นกัน
ไม่แต่งงานรึ?
ไม่ได้ ไม่ได้ เช่นนั้นคงเป็เพราะหาคนที่เหมาะสมไม่ได้เป็แน่
งานเชื่อมสัมพันธไมตรีสำหรับคนกลุ่มหนึ่งคืองานสร้างเส้นสาย แต่กับอีกกลุ่มคืองานจับคู่ดูตัวครั้งใหญ่
เมื่อก่อนกวนฮุ่ยเอ๋อไม่ชอบร่วมงานเช่นนี้เพราะเธอนั้นงานยุ่ง อีกทั้งโจวเฉิงยังไม่ถึงวัยที่จะหาคู่ดูตัว แต่กวนฮุ่ยเอ๋อยังไม่ทันได้ลงมือ โจวเฉิงก็พาแฟนสาวกลับมาเปิดตัวที่บ้านเสียแล้ว กวนฮุ่ยเอ๋อจึงยิ่งไม่จำเป็ต้องไปร่วมงานเชื่อมสัมพันธ์ ทว่างานเชื่อมสัมพันธ์นั้นมีผู้เข้าร่วมงานมากหน้าหลายตา คงไม่มีงานไหนเหมาะแก่การพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปเดินเปิดตัวมากกว่านี้อีกแล้ว
ตระกูลโจวคงไม่สามารถลงโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์ แปะรูปภาพของเซี่ยเสี่ยวหลานลงไป และบอกว่าโจวเฉิงมีแฟนแล้วได้น่ะสิ
เพราะกวนฮุ่ยเอ๋อบอกว่างานลักษณะนั้นมีคนร่วมงานจำนวนไม่น้อย หลังเซี่ยเสี่ยวหลานออกจากบ้านโจว เธอจึงครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไรดี
แต่งหน้าจัดคงไม่ได้อย่างแน่นอน
เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คุณหนูไฮโซ งานเชื่อมสัมพันธ์ลักษณะนี้ แม้แต่ต่งลี่ลี่ที่เคยพบเจอกันก่อนหน้านี้ยังต้องล้างหน้าให้เกลี้ยงเกลา อย่างมากก็คงแค่แต่งหน้าบางๆ เท่านั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดจะสวมชุดที่ดูโดดเด่นมากเกินไป หาก้ามีที่ยืนในงานลักษณะนี้ ไม่ควรพึ่งพารูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ควรขึ้นอยู่กับภายในด้วย อีกทั้งเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ไปดูตัว เธอไปกับกวนฮุ่ยเอ๋อไม่ได้ไปเพื่อหาคู่ครอง!
ทว่าอย่างไรก็ไม่อาจสวมชุดที่ดูมอซอจนเกินงามได้อยู่ดี
ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยเสี่ยวหลานต้องคอยกระชับสัมพันธ์กับเพื่อนนักศึกษา ดังนั้นงานเลี้ยงเช่นนี้เธอไม่จำเป็ต้องอวดรวย และไม่จำเป็ต้องแต่งตัวเหมือนคนจน เป็คนแบบไหนก็แต่งกายไปแบบนั้น เข้าห้องจัดเลี้ยงแล้วมีเครื่องทำความร้อน เช่นนั้นก็สวมเสื้อขนเป็ดไปแล้วกัน ถึงเวลาพอถอดเสื้อนอกออก ด้านในค่อยใส่เสื้อไหมพรมกับกางเกงยีนส์ ดูเหมาะสมกับสถานะนักศึกษายิ่งนัก
เซี่ยเสี่ยวหลานมีเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวอยู่จำนวนไม่น้อย แค่เสื้อขนเป็ดก็มีถึงสามตัว สะดวกเวลาอยากซักหรือเปลี่ยนชุดอย่างยิ่ง
เธอไม่ใช่คนโง่ที่จะใส่ชุดที่มีการออกแบบและสีสันเหมือนกันหมด หากไม่ใช้แว่นขยายจับจ้องเธอทั้งวัน คนอื่นอาจจะคิดว่ามันคือชุดเดียวกันก็เป็ได้ ตอนแรกเธออยากเอาชุดที่หน้าตาเหมือนกันทั้งสีและการออกแบบมาด้วยซ้ำ นั่นเพราะเธอกลัวว่าจะมีคนมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเธอใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอีกน่ะสิ แต่ป้าสะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยทนดูไม่ไหว “ไปเรียนหนังสือต้องระวังตัวถึงเพียงนี้เลยหรือ?”
มหาวิทยาลัยไม่ใช่สถานที่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายนี่นา เซี่ยเสี่ยวหลานกลัวคนในครอบครัวจะคิดมาก จึงหยิบชุดที่หน้าตาคล้ายกันมาสามชุด
หยิบมาสวมสักชุด แต่งตัวสะอาดสะอ้าน ยังจะมีที่ไหนบ้างที่ไปไม่ได้?
ชาวห้อง 307 ไม่มีใครเดาออกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะไปร่วมงานเชื่อมสัมพันธ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ทุกคนค่อนข้างเป็ห่วงเื่ของจี้หย่ามากกว่า เพราะจนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่ได้บทสรุปที่ชัดเจน
สองวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานออกไปข้างนอกตลอด ทุกคนรู้ดีว่าเธอไปที่บ้านของโจวเฉิง
เื่ที่โจวเฉิงคือแฟนหนุ่มของเซี่ยเสี่ยวหลาน ชาวห้อง 307 ยอมรับได้แล้ว ไม่มีใครติดใจว่าการที่โจวเฉิงเป็หัวหน้าครูฝึกทหาร กับการที่เซี่ยเสี่ยวหลานได้รับรางวัล ‘ผู้สำเร็จการฝึกดีเด่น’ นั้นมีพิรุธแต่อย่างใด นั่นเป็เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงมาก ในห้อง 307 ไม่มีใครเทียบเธอได้เลยสักคน แม้แต่หยางหย่งหงที่รูปร่างใหญ่และเกิดในชนบทเหมือนกัน แต่เพราะไม่ค่อยออกกำลังกายนัก ความถึกทนจึงสู้เซี่ยเสี่ยวหลานที่ดูบอบบางไม่ได้!
เซี่ยเสี่ยวหลานมีความอดทน เรียนรู้ไว ระหว่างการฝึกเธอได้คะแนนนำในทุกหัวข้อการฝึก เป็เด็กปีหนึ่งที่ได้เข้าร่วมเดินขบวนเกียรติยศที่เทียนอันเหมิน เมื่อนำทุกอย่างมาประกอบกันก็คือสาเหตุที่ทำให้สุดท้ายเธอได้รับตำแหน่ง ‘ผู้สำเร็จการฝึกดีเด่น’ นั่นเอง
ชาวห้อง 307 เห็นทุกอย่างด้วยตาตนเอง และเชื่อในนิสัยใจคอของเซี่ยเสี่ยวหลาน ดังนั้นย่อมไม่มีใครคิดไปในแง่ร้ายอย่างแน่นอน
“น้องหก คืนนี้เธอจะออกไปข้างนอกอีกหรือ”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับ “ฉันต้องไปเจอมิตรสหายของคุณน้ากวน พี่ใหญ่ ถ้ามีคนมาตรวจหอพักเร็วกว่าที่คาด ช่วยพูดแก้ตัวให้ฉันทีนะ ฉันจะรีบกลับมาก่อนเวลาดับไฟแน่นอน”
่กลางคืนของสุดสัปดาห์ จะมีการตรวจให้มั่นใจว่านักศึกษาที่พักอยู่หอพักมหาวิทยาลัยอยู่กันครบหรือไม่
ห้องสมุดปิดทำการเวลาสามทุ่มครึ่ง สี่ทุ่มแล้วอย่างไรนักศึกษาก็ควรกลับมายังหอพักสิ
มหาวิทยาลัยจัดตั้งทีมตรวจตราหอพัก่ประมาณสี่ทุ่มกว่า และไม่อนุญาตให้นักศึกษาออกไปค้างคืนข้างนอก แต่ทุกอย่างย่อมสามารถอะลุ่มอล่วยได้ บางครั้งหากติดธุระ เพื่อนร่วมหอพักก็จะช่วยกันกลบเกลื่อน มิตรภาพระหว่างเพื่อนนักศึกษาสั่งสมได้จากเื่เล็กๆ อย่างการตรวจหอพัก ช่วยซื้ออาหาร และเช็กชื่อแทนกันนั่นเอง
ชาวห้อง 307 ย่อมรู้สึกดีกับกวนฮุ่ยเอ๋อทุกคน หากไม่ใช่เพราะแม่ของจี้เจียงหยวนมาหาเื่ถึงมหาวิทยาลัย ชาวห้อง 307 ก็คงไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมี ‘ว่าที่แม่สามี’ เช่นนี้ ซูจิ้งพูดหยอกเย้าเื่นี้ตลอดทั้งวัน ส่วนหยางหย่งหงนั้นอายุมากที่สุด อาจเพราะเธอเคยเห็นอะไรมาไม่น้อยที่ชนบท พอได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะออกไปกับกวนฮุ่ยเอ๋ออีกแล้วจึงรีบลากเซี่ยเสี่ยวหลานไปคุยด้วยตรงบันได
“น้องหก เธออย่าลืมตัวเด็ดขาด ต่อให้บ้านสามีดีแค่ไหนก็ไม่อาจสู้ยืนหยัดได้ด้วยตัวเองจริงไหม ถึงมีแฟนก็ไม่ควรปล่อยให้กระทบกับการเรียน และยิ่งไม่ควรไปไหนมาไหนกับครอบครัวว่าที่สามีทั้งวัน ตอนนี้พวกเธอยังไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน!”
กวนฮุ่ยเอ๋อดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนสามัญทั่วไป
โจวเฉิงมีตำแหน่งใหญ่ได้ั้แ่อายุยี่สิบต้นๆ ครอบครัวของเขาจะธรรมดาได้อย่างไร
พอรู้ว่าคู่ครองของเซี่ยเสี่ยวหลานคือโจวเฉิง และเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่คิดที่จะปิดบังว่าโจวเฉิงต้องไปเรียนที่จี้เป่ยเป็เวลาสองปี จากความคิดเห็นของหยางหย่งหง เสี่ยวหลานนั้นมีหน้าตาสะสวย การเรียนยอดเยี่ยม ใครยังจะกล้าบอกว่าไม่คู่ควรกับโจวเฉิงบ้าง?
ได้นับญาติกับข้าราชการนับได้ว่าเป็เกียรติ แต่นักศึกษาหญิงของหัวชิงไม่จำเป็ต้องใช้เกียรติเหล่านี้มาประดับเกียรติยศของตัวเอง
นักศึกษาหญิงของหัวชิงสามารถตอบแทนประเทศชาติ สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมืองได้ด้วยตัวเอง นักศึกษาหญิงของหัวชิงไม่จำเป็ต้องพึ่งพาผู้ชาย!
หากจะบอกว่าใครไม่คู่ควร คงเป็โจวเฉิงที่ไม่คู่ควรกับเสี่ยวหลาน เพราะทั้งคู่มีพื้นเพการศึกษาที่ต่างกัน หยางหย่งหงคิดว่า ดีไม่ดีเซี่ยเสี่ยวหลานกับโจวเฉิงอาจจะไปกันไม่รอดด้วยซ้ำ จึงไม่จำเป็ต้องลดตัวไปประจบเอาใจคนตระกูลโจว
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกขอบคุณในความห่วงใยของหัวหน้าหอเช่นหยางหย่งหง
แต่เื่ความสัมพันธ์ของเธอกับโจวเฉิง เธอรู้ตัวดี และเธอก็ไม่จำเป็ต้องพึ่งพาครอบครัวของแฟนหนุ่มด้วย หยางหย่งหงเป็คนมีสติ แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตแค่ไหนก็สู้ยืนหยัดด้วยตัวเองไม่ได้ และเมื่อใดที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของตนเอง อยากแต่งงานกับใครย่อมมีสิทธิ์เลือก กลายเป็ฝ่ายเลือกผู้อื่น หาใช่รอให้ผู้อื่นมาเลือกตนเอง!
“พี่ใหญ่ ฉันรู้ดี คุณน้ากวนเรียกฉันออกไปก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเื่อย่างแม่ของจี้เจียงหยวนอีก”
“เธอรู้ก็ดี!”
หยางหย่งหงเป็คนที่รู้ซึ้งในเื่นี้เป็อย่าดี กว่าเธอจะสอบติดหัวชิงได้นั้นไม่ง่ายเลย ต้องใช้เวลาสอบถึงสี่ปี การแต่งงานแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ หยางหย่งหงรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมาจากชนบทเหมือนกัน แม้ที่บ้านจะทำธุรกิจอิสระจนมีเงินทอง แต่อย่างไรพื้นเพของเธอกับเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นเหมือนกันมากที่สุด
พวกเธอต้องเพียรพยายามถึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต สิ่งที่แบกอยู่บนบ่าไม่ได้มีแค่โชคชะตาของตนเองเท่านั้น แต่ยังมีโชคชะตาของคนในครอบครัวอีกด้วย เื่เหล่านี้จะพึ่งพา ‘การแต่งงาน’ ได้หรือ? สู้พึ่งตัวเองยังดีเสียกว่า!
เซี่ยเสี่ยวหลานออกหอพักไปตอนหนึ่งทุ่ม หลังออกจากหอพักไม่นานก็มีรุ่นพี่หญิงมาตามหาเธอ
“นักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่หรือเปล่า”
วันนี้ทำไมถึงมาตรวจหอพักไวนัก! หยางหย่งหงยังคิดไม่ตกว่าจะหาข้ออ้างอะไรถึงจะไม่ถูกจับได้ รุ่นพี่หญิงที่มาเคาะประตูก็เริ่มหงุดหงิดใจ “ฉันมาส่งข่าว อาจารย์ของภาควิชาเรียกเธอไปพบ!”