เ่ิูไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าการที่ตัวเขาหนีมาจนถึงที่นี่ได้นั้น บางทีอาจเกี่ยวข้องกับชีพจรัเทพในตัวเขาอยู่บ้าง ทว่าก็ห้ามละเลยความช่วยเหลือจากร่างหมอกควันมายาตรงหน้านี้โดยเด็ดขาด อย่างน้อยสิ่งลึกลับนี้ก็ช่วยเหลือเขา ให้หนึ่งในสิบยอดสัจธรรมวรยุทธ์ ‘สัจธรรมัฟ้า’ กับเขา นับได้ว่าเป็ผู้มีพระคุณต่อเขาแล้ว
ดังนั้นเขาจึงมีท่าทีนอบน้อมเป็อย่างยิ่ง
“สัจธรรมัฟ้า เ้าเข้าถึงแล้วกี่ขั้น?” ร่างมายาใบหน้าประดับรอยยิ้ม
เ่ิูหลับตา เขารับรู้อยู่ครู่หนึ่งอย่างเงียบงัน จากนั้นจึงสูดลมหายใจลึกแล้วตอบไป “ข้ารุ่นหลังละอายใจนัก ประมาณขั้นหนึ่งขอรับ...”
“ขั้นหนึ่ง? ไม่เลวแล้ว ข้านึกว่าเ้าต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายปีถึงจะเข้าใจความลึกซึ้งของมันเสียอีก” ร่างมายาพยักหน้า “เ้าสามารถเดินเข้าส่วนลึกของบัลลังก์น้ำแข็งได้ ต้องเป็คนแห่งโชคชะตาแน่ ตัวเ้ามีวาสนาดี มิใช่คนสามัญทั่วไป นับแต่โบราณกาลมา นี่ก็เป็...เ้าใช่ทายาทของเผ่ามนุษย์ัหรือเปล่า?”
มนุษย์ั?
มีเผ่านี้อยู่บนโลกด้วยหรือ?
เ่ิูอึ้ง พลันก็ส่ายหน้าทันที “ข้ารุ่นหลังเป็มนุษย์ในอาณาจักรเสวี่ย ฐานันดรแต่กำเนิดต้อยต่ำ มิใช่เผ่ามนุษย์ัขอรับ”
“เผ่ามนุษย์อาณาจักรเสวี่ย?” ร่างมายานิ่งไป เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จัก เขาถามอย่างสงสัย “ในเมื่อเ้ามิใช่มนุษย์ั แล้วเหตุใดในร่างกายเ้าถึงมีชีพจรัเทพไหลเวียนอยู่ได้เล่า?”
เ่ิูส่ายหน้ารับ
ตอนที่ถูกเพลิงสีเงินยอดยุทธ์จ่อมจมร่างนั้น บุรุษลึกลับผู้นี้เคยเปรยไว้ก่อนว่าในร่างของเขามีชีพจรัเทพ กล่าวกันตามจริง เ่ิูไม่รู้เื่เลยว่าอะไรเป็อะไร ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยได้ยินเื่ชีพจรัเทพมาก่อน เด็กหนุ่มไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าในร่างกายของตัวเองมีชีพจรเช่นนี้อยู่...ฟังแล้วน่าขำนัก ตัวเขาเกิดมาในครอบครัวธรรมดา บิดามารดาเป็มนุษย์ธรรมดาโดยแท้ ทำไมจู่ๆ ถึงมีชีพจรัอยู่ได้กัน?
“เ้าไม่รู้หรือ?”
ร่างมายาขมวดคิ้วอย่างคาดไม่ถึง
เ่ิูตอบอย่างเคารพ “ข้ารุ่นพลังความรู้ตื้นเขิน ไม่เคยได้ยินนามเผ่ามนุษย์ันี้มาก่อน อีกทั้ง...”
เขาบรรยายเื่ราวของตัวเองให้ผู้าุโฟังโดยละเอียด
ไม่รู้เพราะเหตุใด เ่ิูถึงรู้สึกเชื่อถือในร่างมายาลึกลับตรงหน้านี้มาก จนไม่ปิดบังเื่ราวของตัวเองเลย
ร่างมายาฟังจบแล้วก็ส่ายหน้าแช่มช้า “มิใช่ มิใช่...เ้าไม่น่าเกิดมาเช่นนั้น...ผิดพลาดตรงไหนกันหนอ...”
เขาเหมือนกำลังคิดหนัก
เ่ิูไม่รู้ว่าคำว่ามิใช่ที่ชายลึกลับผู้นี้พูดหมายความถึงอะไร เขาเพียงรอคอยอย่างเงียบๆ อยู่อีกด้านเท่านั้น
เ้าตะกละเสียวจิ่วที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนบ่า จมูกเล็กๆ สีชมพูตั้งขึ้น สูดดมร่างมายานั้นไม่ได้ขาด ดวงตาโตสีดำขลับฉายแววฉงน เหมือนยากจะเข้าใจว่าทำไมั์ตาถึงมองเห็นร่างมายาชัดเจน แต่กลับไม่ได้กลิ่นอายอะไรจากร่างนี้เลย ราวกับตรงหน้าเป็แค่อากาศธาตุเท่านั้น เื่พรรค์ไหนกันเนี่ย ที่เก่งจนหลอกจมูกโฮ่งได้?
เวลาอันยาวนานผ่านพ้นไป ร่างมายาส่ายหน้า สีหน้ายังคงฉงนอยู่ เขาหยุดลงแล้วพูด “สหายน้อย หากเ้าไม่ถือ ข้าขอตรวจดูดวงชะตาของเ้าได้หรือไม่?”
ชะตา?
เ่ิูชะงัก
คัมภีร์โบราณส่วนหนึ่งกล่าวถึงดวงชะตานี้ไว้ว่ามิใช่เื่งมงายเสียทีเดียว หลายศักราชที่ผ่านมา ดวงชะตากลายเป็แค่สาขาหนึ่งแยกไปจากส่วนอื่น ไม่มีใครสนใจมันอีกแล้ว
ทว่าเขาก็ยังพยักหน้า
ชายลึกลับคนนี้มาจากยุคหลายล้านปีก่อนหน้า บางทีอาจมีอะไรแตกต่างกันก็ได้
เมื่อเห็นเ่ิูเห็นด้วย ดวงเนตรของร่างมายาลึกลับพลันฉายสีทองคำสองสายออกมา สาดส่องบนร่างกายเ่ิู
ทุกที่ที่แววสีทองประหลาดนี้พาดผ่าน กายของเ่ิูเหมือนถูกมองทะลุปรุโปร่ง เนื้อหนัง กระดูก ตลอดจนอวัยวะทั้งห้าถูกมองเห็นเป็ชั้นๆ ไป สภาพการณ์น่าพิศวงยิ่งนัก
“เหตุใดจึงเป็เช่นนี้?” ร่างมายาลึกลับยิ่งมองยิ่งใ “เ้า...เ้าไม่มีดวงชะตา เ้าไม่น่าจะเป็คนจากห้วงเวลานี้ เ้า...ข้าไม่เคยเจอดวงชะตาเช่นนี้มาก่อน น่าแปลกเกินไปแล้ว น่าแปลกเหลือเกิน...หรือจะมีผู้สูงล้ำที่สุดบดบังดวงชะตาของเ้าอยู่?”
เ่ิูฟังไม่เข้าใจ
พลังและความคิดความอ่านของทั้งสองช่างห่างไกลกันโขนัก
เนิ่นนานกว่าร่างมายาลึกลับจะเก็บสายตาคืน เขาส่ายหน้าแกมความเสียดาย “ข้ามองดวงชะตาของเ้าไม่ออก หากไม่ใช่เพราะผู้สูงล้ำที่สุดกำลังช่วยปิดบังวงโคจรดวงชะตาของเ้าแล้วไซร้ เช่นนั้นก็เหลือความเป็ไปได้อีกทาง...”
“ความเป็ไปได้อะไรหรือ?” เ่ิูเปิดปากถาม
“เ้าอาจเป็ผู้สูงล้ำที่สุดคนใดคนหนึ่งกลับชาติมาเกิด ข้าถึงได้มองไม่เห็น” กายมายาลึกลับตอบ
“กลับมาชาติมาเกิด? บนโลกนี้มีการกลับชาติมาเกิดจริงๆ หรือ?” เ่ิูถามอย่างประหลาดใจ เื่การเกิดใหม่ในอีกชาตินั้น มีกล่าวขานกันมาแต่โบราณ แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้กลับชาติมาเกิดสำเร็จจริงๆ ไม่มีกรณีตัวอย่างเกิดขึ้นมาก่อน แม้ว่าจะเป็ผู้แข็งแกร่งวรยุทธ์อำนาจะเืโลกหล้าในสมัยโบราณ ก็ล้วนถูกคลื่นลมและสายฝนพัดพาหายไปเป็ธรรมดา ไม่มีทางมีชีวิตอยู่ได้เป็หมื่นยุคหรอก
“บางทีอาจมี บางทีอาจไม่มี” กายมายาทอดถอนใจพลางเอ่ย “สมัยเทพมารแรกเริ่ม ไม่รู้ว่ามีบุคคลเป็ที่กล่าวขวัญแห่งโลกโบราณอย่างน่าใอยู่เท่าใด ให้กำเนิดวิชาลึกลับไม่อาจคาดเดามากมาย บางทีอาจทะลวงเข้าถึงความลึกลับและลึกซึ้งแห่งฟ้าดิน ทิ้งรูปกายอันทรุดโทรม กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ไม่แน่ไม่นอน โลกนี้อะไรก็มีความเป็ไปได้ทั้งนั้น”
เ่ิูยินคำแล้วก็ตกตะลึงอย่างหนัก
คำพูดเช่นเดียวกันนี้หากออกมาจากปากคนอื่น บางทีอาจเป็เื่เหลวไหล แต่ยามออกมาจากปากของกายมายาลึกลับผู้นี้แล้ว ย่อมหมายความถึงความเป็ไปได้อย่างมากทีเดียว
“แม้ข้าจะไม่ได้เห็นดวงชะตาของเ้า แต่ข้าเห็นอย่างอื่นในกายเ้า” ร่างมายามองเ่ิูแล้วไต่ถาม “สหายน้อย อาจารย์เ้ามาจากสำนักไหนแห่งหนใดกัน? ไฉนวิชาที่เ้าฝึกถึงเป็วิชาเมื่อล้านปีก่อน?”
วิชาเมื่อล้านปีก่อนหรือ?
เ่ิูใจเต้น ฉับพลันนึกถึงกระบวนยุทธ์ต่างๆ ที่ตนฝึกจากท่วงทำนองยุคเทพมาร หรือว่าบุรุษลึกลับผู้นี้มองออกกันนะ?
ไม่ใช่!
เ่ิูส่ายหน้าปฏิเสธ
สิ่งที่ได้จากท่วงทำนองยุคเทพมารนั้นเป็กระบวนยุทธ์ทั้งสิ้น เป็เคล็ดกระบวนท่าสู้ศึก ไม่นับเป็วิชา เช่นนั้นก็หมายความว่า...
พอคิดถึงตรงนี้แล้ว เ่ิูพลันใจเต้นระรัวอย่างรุนแรง นับแต่เกิดมา ตัวเขาฝึกแต่วิชาลมหายใจไร้ชื่อที่บิดาถ่ายทอดให้ทั้งสิ้น หรือว่าวิชานี้จะเป็วิชาสมัยเทพมารเมื่อล้านปีก่อน?
เป็ไปได้อย่างไร?
บิดาของเขา เป็แค่จอมยุทธ์ธรรมดาของเมืองลู่ิเท่านั้น ทำไมแตกฉานวิชาเมื่อล้านปีก่อนได้กันเล่า?
เ่ิูรู้สึกหัวชาไปหมด
เขารู้สึกว่าตนเลินเล่อเื่เกี่ยวกับพ่อแม่ไปตรงไหนหรือเปล่า?
“อาจารย์าุโของข้ามาจากสำนักกวางขาว วิชาที่ข้าฝึกนั้นที่บ้านถ่ายทอดมาให้...” เ่ิูไม่ลังเล เขาเท้าความเื่ฝึกฝนวิชานั้นให้อีกฝ่ายฟังโดยละเอียด กระทั่งเนื้อหาวิธีของวิชาลมหายใจไร้ชื่อก็ยังเล่าให้ฟังจนหมดเปลือก เด็กหนุ่มอยากส่งต่อให้ร่างมายาลึกลับท่านนี้ได้ยืนยันความลึกซึ้งของวิชา ตัดสินที่มาแท้จริงของวิชาไร้ชื่อ เื่แบบนี้ บางทีอาจทำให้เขารู้อะไรเกี่ยวกับบิดามากขึ้นก็เป็ได้?
ร่างมายาฟังเ่ิูเล่าจบก็ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ธรรมชาติอิสระ ฉกาจแต่ตีหน้าเฉื่อยชา ปริศนาซ้อนปริศนา ซับซ้อนไม่อาจเอื้อนเอ่ย นี่คือวิธีฝึกฝน ประตูสู่ความอัศจรรย์ อยู่ใน...” ร่างมายาเอ่ย “วิชาฝึกที่ธรรมดาที่สุด แต่ก็เป็วิชาสู่หนทางแห่งธรรมชาติ แม้แต่ในสมัยสามจักรพรรดิก็สามารถพลิกฟ้าดินได้...เมื่อฝึกวิชานี้ บางทีอาจสามารถพอเปลี่ยนแปลงชะตา ข้าเพียงััหนทางได้เล็กน้อยเท่านั้น ต้องใช้การฝึกวิชาอันยาวนานถึงจะััความลึกซึ้งนั้นได้...ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาจริงแท้!”
“ผู้าุโบอกข้าได้หรือไม่ขอรับ ว่าวิชานี้มาจากสำนักใด?” เ่ิูเร่งถาม
“ไร้สำนักไร้ที่มา กลิ่นอายเหมือนมาจากสมัยเทพมาร ทว่ามิใช่ จุดนี้ข้ายืนยันได้ว่าเป็คนรุ่นหลังข้าคิดขึ้นมา” กายลึกลับเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ “อีกทั้ง วิชานี้เหมาะกับเ้าเท่านั้น มีเ้าเท่านั้นถึงจะใช้ประโยชน์จากมันได้ คนอื่นฝึกไม่ได้ แม้จะบังคับฝึกวิชา กลับกันก็จะไม่ได้อะไรขึ้นมา แค่เสียเวลาไปเปล่าๆ เท่านั้นเอง”
“อะไร? เป็...เป็ไปได้อย่างไร?” เ่ิูนิ่งอึ้ง
วิชาที่เหมาะกับเขาเพียงผู้เดียว?
ผิดมนุษย์มนาเกินไปแล้วมั้ง
ในภพแห่งนี้มีวิชาเป็ร้อยแปดพันเก้า แม้ว่าจะมีวิชาบางส่วนที่การจะฝึกต้องฝึกชนิดรากเื คนส่วนมากฝึกไม่ได้ ทว่าขอเพียงเตรียมร่างกายให้พร้อมเป็พิเศษเท่านั้น คนจำนวนน้อยก็ยังสามารถฝึกได้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีวิชาที่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฝึกได้ แต่คนอื่นฝึกไม่ได้
“เพราะนี่คือวิชาที่คนไร้ดวงชะตาเท่านั้นจึงจะฝึกฝนได้ นับั้แ่โบราณกาลมา มนุษย์จะมีดวงชะตา เว้นเพียงเ้าที่ไม่มี”
เ่ิูนิ่ง
เขาค่อยๆ รู้สึกไม่เข้าใจทุกอย่างในวันนี้เอาเสียเลย
หรือว่าชาติกำเนิดของเขาจะมีสิ่งใดพิเศษจริงๆ สิ่งที่แม้แต่เขาก็ยังไม่ล่วงรู้?
แต่ว่า...
เ่ิูสมองขาวโพลน
ตอนนี้เองที่เขานึกถึงเื่หนึ่งซึ่งบิดาเคยสั่งเสียแก่เขาตอนใกล้จะสิ้นใจ
“หากมีสักวันหนึ่ง ที่เ้าแข็งแกร่งจนเข้าอาณาทะเลระทมได้ จงไปยังแท่นบูชาของราชสำนักเสวี่ย ไปหาของที่เป็ของเ้า หากหามันพบ ทุกอย่างจะกระจ่าง หากเ้าเข้าอาณาทะเลระทมไม่ได้ ก็จงใช้ชีวิตเช่นคนธรรมดาเถอะลูกพ่อ...”
คำสั่งเสียของบิดาตอนใกล้สิ้นใจ
บัดนี้เองที่คำสั่งเสียของผู้เป็พ่อชัดเจนอยู่ในความคิดเ่ิูยิ่งกว่าคราวไหนๆ
หากเมื่อก่อนเขาคิดว่านี่เป็คำสั่งเสียอันซับซ้อนของบิดาที่กำชับต่อความหวังอันยังไม่ถูกเติมเต็มแล้วล่ะก็ ตอนนี้เ่ิูได้เข้าใจความหมายแฝงของประโยคนั้นแล้ว มีความเป็ไปได้มากว่าในราชวังอาณาจักรเสวี่ย แท่นบูชาของราชวงศ์นั้นแอบซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่ไว้อยู่ รอตัวเขาเท่านั้นไปค้นพบมัน
เ่ิูอยากจะไปเสียตอนนี้เลย
ทว่าเมื่อคิดถึงคำของบิดาที่้าให้เขาเป็จอมยุทธ์อาณาทะเลระทมให้ได้ก่อนแล้วจึงไป แสดงว่าเงื่อนไขนี้ต้องสำคัญอย่างมากเป็แน่
คิดถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ค้อมกายคำนับร่างมายาลึกลับอยู่นานนัก แล้วเอ่ย “ขอบพระคุณผู้าุโที่ชี้ทางแก่ผู้หลงทาง ข้ารุ่นหลังซาบซึ้งยิ่งนัก”
“บางทีข้าอาจพูดเื่ที่ไม่ควรพูดไปแล้ว ล้านปีผ่านไป หรือว่าเด็กพวกนั้นจะปูทางมาถึงเดี๋ยวนี้ได้...” ร่างมายาทอดถอนใจ เหมือนคิดอะไรได้อีกอย่าง เขาว่า “ข้าควรไปแล้ว หลับใหลมานานล้านปี ยุคสมัยของข้าจบสิ้นแล้ว แต่ข้ายังต้องออกไปด้านนอก ตามหาของที่ข้าตามหาเมื่อก่อนเก่า สหายน้อย แม่น้ำนั้นยาวไกล หากเรามีวาสนาต่อกันคงได้พบกันอีก!”