ชายารองตู๋กูเรียกคนเข้ามา ชำเลืองสายตาเ็าไปทางพวกนาง
“เฮือก” ร่างของทั้งสามพลันสั่นสะท้านเพราะความหนาวเหน็บ
ยาสลบในร่างกายเริ่มสลายไป สติของทั้งสามเริ่มกลับมาเป็ปกติ
“พวกเ้าเป็ใครกัน?”
ไท่จื่อนั่งประจำที่ ก้มลงเอ่ยถาม
ทว่าหญิงสาวทั้งสามกลับจ้องหน้าเขานิ่งก่อนจะหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า
“เกิดอะไรขึ้น?”
ไท่จื่อคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น สายตาจับจ้องหญิงสาวสติฟั่นเฟือนตรงหน้า
“อาปา....อาปาอาปาอาปา...”
หญิงสาวอ้าปาก ส่งเสียงพิลึกพิลั่น หัวเราะเสมือนคนเสียสติอีกทั้งน้ำลายยังไหลย้อยตกลงพื้น
“ไท่จื่อเพคะ นี่...นี่มัน....”
ชายารองตู๋กูตกตะลึงเหตุใดทั้งสามจึงมีท่าทางเหมือนคนเสียสติเช่นนี้?
“เหตุใดพวกเ้าจึงบังอาจทำเื่น่าขายหน้าต่อหน้าข้าที่เป็องค์ชายรัชทายาทเช่นนี้!”
ไท่จื่อโกรธเกรี้ยวเป็อย่างมาก ส่งเสียงเย็นเอ่ยถามทว่าหญิงสาวทั้งสามกลับไม่สนใจพวกนางยังคงพ่นน้ำลายลงพื้นและพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น
“ไท่จื่อ พวกนางเหมือนจะเสียสติไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ใต้เท้าจางปาดเหงื่อบนหน้าผากไม่ว่าใครต่างก็มองออกว่าไท่จื่อกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง
“เสียสติ? เข้ามา ไปตามหมอมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
ความโกรธเกรี้ยวรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเขาจะจับตัวพวกนางมาจากหลงเทียนอวี้ได้นั้นยากมากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกนางจะกลายเป็บ้า
ฮึ ต่อให้เป็บ้าแต่เขาก็จะง้างปากพวกนางเพื่อล้วงความลับออกมาให้ได้
หมอหลวงประจำจวนของไท่จื่อรีบร้อนวิ่งเข้ามาหลังจากตรวจสอบอาการของทั้งสามแล้ว เขาเอ่ยรายงานผลด้วยท่าทางลำบากใจ
“ทูลไท่จื่อ พวกนางล้วนเสียสติยิ่งไปกว่านั้นยังถูกคนวางยาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ปัง” เสียงมือของไท่จื่อฟาดลงบนโต๊ะ
เหตุเพราะออกแรงค่อนข้างมาก ดังนั้นบนโต๊ะจึงปรากฏรอยแตก
ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเพราะความโกรธเกรี้ยว
“เ้าหมายความว่าอย่างไร? ไม่มียารักษาหรือ?”
หมอหลวงลังเล ก่อนจะพยักหน้าลง
หญิงสาวทั้งสามเสียสติอย่างสิ้นเชิง อย่าว่าแต่การรักษาเลยแม้เขาจะลองฝังเข็มดูอาการแล้ว เกรงว่าพวกนางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน
“ไร้ประโยชน์! พวกคนไร้ประโยชน์!”
ลมหายใจเข้าออกไร้ซึ่งความสมดุลเพราะความโกรธเหตุใดคนของเขาจึงไร้ประโยชน์เช่นนี้
“ไท่จื่ออย่าทรงกริ้วไปเลยเพคะ เซี่ยเฉินมีเื่จะกราบทูล มิรู้ว่าจะสามารถพูดออกมาได้หรือไม่”
ชายารองตู๋กูส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้กับหมอหลวงเขาจึงรีบถือกล่องยากลับออกไป
“พูดมา”
ชำเลืองสายตาเ็าไปทางชายารองตู๋กู นางหดตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
“แม้พวกนางทั้งสามจะไร้ประโยชน์ แต่ถ้าหากฆ่าพวกนางให้ตายทั้งหมดนั่นเท่ากับว่าพวกเราได้ตัดเส้นทางเอาตัวรอดของอ๋องอวี้ เวลายังเหลืออีกหนึ่งวันหากหนึ่งวันหลังจากนี้หลงเทียนอวี้ไม่อาจจับตัวคนผิดมาได้เช่นนั้นเขาจะต้องหาคำอธิบายมาให้พระองค์ เมื่อถึงเวลานั้น...”
เหตุเพราะคำพูดของชายารองตู๋กู คิ้วของไท่จื่อจึงคลายออกจากกัน
ถูกต้องเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะใช้โอกาสนี้เล่นงานหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้
“เ้าพูดได้ไม่เลว สมแล้วที่เป็ชายาที่ข้ารัก เ้าเข้าอกเข้าใจข้ายิ่งนัก”
มือหนายื่นเข้าไปดึงร่างบางเข้าหาอ้อมกอด
ั์ตาเผยให้เห็นร่องรอยของความพึงพอใจ
“ใต้เท้าจาง ข้ามอบพวกนางให้เ้าเป็คนจัดการก็แล้วกัน”
ใต้เท้าจางรีบถวายคำนับถอนตัวออกไป ขณะเดียวกันเขาร้องสั่งทหารให้มาพาพวกนางออกไป
ทว่า ยังไม่ทันที่สีหน้าของไท่จื่อจะกลับมาเป็ปกติดังเดิมด้านนอกพลันเกิดเสียงเอะอะโวยวายขึ้น
“เสียงเอะอะโวยวายอันใด นี่พวกเขาไม่รู้กระนั้นหรือว่าข้าชอบความสงบ?”
คิ้วของไท่จื่อขมวดเข้าหากัน คลายตัวพระชายารองตู๋กูออกสายตาพลันเหลือบเห็นขันทีวิ่งเข้ามา สีหน้าตื่นตระหนก
“ทูลไท่จื่อ ฮ่องเต้ิขอเข้าเฝ้าอีกทั้งยังบอกด้วยว่ามีคนของพระองค์พบเจอตัวคนร้ายที่ลอบสังหารองค์ชายรองแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เป็ไปได้อย่างไร? เขาเพิ่งจะสั่งให้ใต้เท้าจางนำตัวพวกนางทั้งสามออกไปปะาเหตุใดฮ่องเต้ิจึงมาที่นี่ได้?
“ตามข้ามา”
ชายารองตู๋กูพยักหน้าลง เดินตามหลังไท่จื่อออกจากกระโจม
ขณะเดียวกันใต้เท้าจางที่กำลังพาคนออกมาเพื่อนำไปปะายังที่ไร้ผู้คนถูกรั้งเอาไว้ที่ด้านหน้าประตู
ฮ่องเต้ิและหูเทียนเป่ยซึ่งสวมใส่ชุดไว้อาลัยพาคนเข้ามาหยุดอยู่หน้ากระโจมของไท่จื่อ
แตกต่างจากตอนที่เผชิญหน้ากับหลินเมิ้งหยาเมื่อคืนตอนนี้สีหน้าและแววตาของทั้งคู่เปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ิและองค์ชายมีเื่อันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ใต้เท้าจางมิอาจหลบเลี่ยงได้ ดังนั้นจึงเดินเข้าไปถวายคำนับพลางเอ่ยถาม
“พวกข้าได้ยินมาว่าไท่จื่อจับตัวคนร้ายที่ลอบสังหารลูกชายของข้าได้แล้วใช่หรือไม่?”
ฮ่องเต้ิเอ่ยถามตรงๆ เหงื่อบนหน้าผากของใต้เท้าจางเริ่มไหลลงมา
หญิงสาวทั้งสามอยู่ด้านหลังของพวกเขา หากปฏิเสธมิรู้ว่าจะโดนลงโทษเช่นไร
“เื่นั้น...”
“พวกนางทั้งสามคนนั้นพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้ องค์ชายนักเต้นระบำที่อยู่รับใช้องค์ชายรองในคืนวันนั้นคือพวกนางทั้งสามพ่ะย่ะค่ะ”
มิรู้ว่าผู้ใดเป็คนร้องป่าวประกาศเื่ของพวกนางออกมา
สีหน้าของฮ่องเต้ิและหูเทียนเป่ยเคร่งขรึมไปในทันทีเมื่อครู่หลงเทียนอวี้เข้าพบพวกเขาอีกทั้งยังบอกด้วยว่าคนที่ฆ่าหูเทียนเป่ยคือนักเต้นระบำทั้งสาม
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมาเอาตัวพวกนาง
“คือ...คือ...”
ใต้เท้าจางคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นสถานการณ์กำลังบีบบังคับมากขึ้น จนเขาไม่รู้ว่าต้องอธิบายเช่นไรออกมา
“ฮ่องเต้ิอุตส่าห์เสด็จมาถึงที่นี่ พวกเรากลับมิได้ทำการต้อนรับ”
ในที่สุดไท่จื่อก็เดินออกจากกระโจม
แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดฮ่องเต้ิจึงมาถึงที่นี่ได้ทันเวลาแต่เมื่อตัวตนของหญิงสาวทั้งสามถูกเปิดเผยแล้ว เช่นนั้นคงไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป
“ไท่จื่ออย่าได้มากพิธีเลย เมื่อครู่อ๋องอวี้แจ้งให้เหล่าฟูรู้แล้วว่าคนที่ทำร้ายหูลู่หนานคือนักเต้นระบำทั้งสามคนนี้ในเมื่อไท่จื่อจับตัวฆาตกรได้แล้ว เช่นนั้นมอบพวกนางให้ข้าเถิด”
หลงเทียนอวี้ได้หน้าอีกแล้ว! ไท่จื่อโกรธแค้นหลงเทียนอวี้เหลือเกิน
ทว่าใบหน้ายังคงเป็ปกติดังเดิม
“ฮ่องเต้ิรับสั่งถูกแล้วข้ากำลังคิดจะส่งมอบพวกนางให้กับท่านอยู่พอดี ใต้เท้าจางส่งมอบพวกนางให้กับฮ่องเต้ิไป”
กว่าจะจับพวกนางมาได้ไม่ง่ายเลย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกฮ่องเต้ิชิงไประหว่างทาง
ไท่จื่อไม่อาจทำใจได้ เหตุเพราะหลงเทียนอวี้และหลินเมิ้งหยาจะหลุดจากข้อกล่าวหาอีกครั้ง
ทว่าพวกนางทั้งสามกลายเป็คนสติฟั่นเฟือนอีกทั้งยังไม่อาจให้การอะไรออกมาได้ ดังนั้นพวกนางจึงมิอาจโต้แย้งใดๆฉะนั้นเขาจึงยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์
ใต้เท้าจางทำตามคำสั่งสั่งให้ลูกน้องนำตัวพวกนางมาส่งมอบให้กับฮ่องเต้ิ
แต่ใครจะรู้ว่าลูกน้องของเขาจะรายงานด้วยท่าทางตื่นตระหนก
กระซิบข้างหูใต้เท้าจาง เพียงไม่กี่ประโยคสีหน้าของใต้เท้าจางพลันเปลี่ยนไป
“อะไรนะ? เ้ารับผิดชอบกักขังพวกนางมิใช่หรือ?”
สายตาไม่พึงพอใจของไท่จื่อชำเลืองมองทางใต้เท้าจางนี่เขาต้องลงมือจัดการเื่เล็กๆ นี้เองอย่างนั้นหรือ?
“ไท่จื่อ นักโทษทั้งสามถูก...ถูกกำจัดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ!?”
ขณะเดียวกันในกระโจมของจวนอวี้หลินเมิ้งหยากำลังแกล้งลูกหมาป่าและลูกเสือเล่น
“ดูเหมือนสถานการณ์ทางด้านไท่จื่อจะยิ่งน่าสนุกขึ้นแล้วเ้าค่ะ! ฮ่องเต้ิรีบรุดไปหาไท่จื่อด้วยท่าทางขึงขังแต่สิ่งที่ได้เห็นกลับเป็ศพของคนร้าย”
ป๋ายจื่อเล่าเื่ที่ตนเองแอบไปดูเมื่อสักครู่มา
รอบๆ มีเพียงสาวใช้คนสนิทของหลินเมิ้งหยา ส่วนหลินจงอวี้มิได้อยู่ที่นี่
“โอ้ว? จริงหรือ?”
มือจับถ้วยนมแพะอุ่นๆก่อนจะวางให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองได้ลิ้มรสชาติหวานอร่อย
สัตว์เลี้ยงทั้งสองเติบโตอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ารูปร่างของพวกมันเปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน สิ่งเดียวที่ยังคงเหมือนเดิมคือพวกมันชอบอยู่ข้างกายหลินเมิ้งหยาเสมือนว่าหลินเมิ้งหยาเป็แม่ของพวกมัน
“แน่นอนเ้าค่ะ ตอนที่ข้ากลับมาข้าได้เห็นฮ่องเต้ิถามหาเอาคำอธิบายจากไท่จื่อด้วยความโกรธ!”
ตอนนี้ความสนใจของทุกคนพุ่งไปที่ไท่จื่อ
คิดไม่ถึงเลยว่าหลงเทียนอวี้จะชิงบอกทุกคนก่อนว่าใครคือคนร้ายอีกทั้งยังวางกับดักและรอเวลาให้ไท่จื่อติดกับนั้นอีกด้วย
ทุกคนต่างรู้แล้วว่าคนร้ายคือใคร เกรงว่าคนเดียวที่จะไม่รู้ในตอนนั้นคือไท่จื่อ
อีกทั้งคนของไท่จื่อยัง “บังเอิญ” ฆ่าพวกนางทั้งสามไปแล้ว
เื่ทั้งหมดล้วนเป็ความบังเอิญที่ช่างเหมาะเจาะเสียเหลือเกิน
“จริงซิ ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ไหน?”
หลินเมิ้งหยาลูบขนนุ่มนิ่มของอาเสวี่ยและเสือน้อยก่อนจะเอ่ยถามด้วยความอารมณ์ดี
“เื่นั้น...หนู่ปี้ก็ไม่รู้เ้าค่ะ”
ป๋ายจื่อก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดโชคดีที่หลินเมิ้งหยาไม่ทันสังเกต นางยังคงให้ความสนใจกับสัตว์เลี้ยงทั้งสองจนไม่เห็นถึงความผิดปกติของป๋ายจื่อ
“นายหญิง หนู่ปี้ทำขนมหนิวหรู่ซูเสร็จแล้วเ้าค่ะนายหญิงลองชิมดูหน่อยนะเ้าคะ”
ป๋ายจีเป็คนเอาใจใส่ นางบังเอิญเห็นถึงความผิดปกติของป๋ายจื่อ ดังนั้นจึงเอ่ยเบี่ยงเบนความสนใจ
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง ป๋ายจีมีฝีมือในการทำอาหารยิ่งไปกว่านั้นอีกเดี๋ยวนางต้องไปแสดงละครตบตาคนอื่นดังนั้นนางจะปล่อยให้ท้องของตนเองว่างไม่ได้
“ป๋ายจื่อเองก็มานี่ซิ มาลองดูว่านายหญิงชอบขนมอันไหน”
ป๋ายจื่อเลิกคิดเื่อื่น เพียงได้ยินเื่ของกินดวงตาของนางเปล่งประกายแทบจะทันที
รีบย้ายก้นเดินตามป๋ายจีเข้าไปเตรียมขนมให้กับชายาอวี้ในห้องครัวเล็ก
ทันทีที่เข้าไป ป๋ายจีปิดผ้าม่านลง มองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงหยิบขนมที่อยู่ในหม้อออกมาวางตรงหน้าป๋ายจื่อ
“ว้าว พี่ป๋ายจีทำขนมอร่อยจังเลย!”
หยิบขนมส่งเข้าปากทันที รอยยิ้มของป๋ายจื่อพลันปรากฏออกมาก่อนจะส่งเสียงเจื้อยแจ้วชมเปาะ
“เ้านี่หนา! กินเสร็จแล้วรีบบอกข้ามาเร็วเข้าว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋อง? เหตุใดเ้าจึงไม่กล้าเอ่ยออกมา”
เคาะหน้าผากของนาง ทว่ากลับได้เห็นป๋ายจื่อก้มหน้าลง
“จะทำอย่างไรดี ข้าเห็นองค์หญิงิเยว่เกาะแกะวอแวท่านอ๋องไม่หยุดอีกทั้งยังพูดอีกว่าจะทูลขอฮ่องเต้ิไปเป็ชายารองของท่านอ๋อง”
ไม่ว่าจะเป็คุณหนูรองหรือคุณหนูเจียงต่างไม่มีใครกล้ามากพอจะขอเป็ชายารองของท่านอ๋องเลยแม้แต่น้อย
