“หม่อมฉันพอจะรู้อยู่บ้าง” เมื่อเห็นสายตาของฮวาเชียนจือ เซียวซู่ซู่ก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตนเอง แต่ว่าตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จึงได้แต่ตอบกลับไปอย่างระมัดระวัง
“เช่นนั้นก็คงต้องรบกวนคุณหนูเล็กสกุลเซียวแล้ว” แม้ว่าฮวาเชียนจือจะเป็คนมุทะลุ แต่หลังจากกลับมาที่แคว้นป่ายฮวานางก็คอยระมัดระวังตลอดเวลา ท่าทางเสียมารยาทเมื่อครู่ก็ได้กลับมาเป็ปกติอย่างรวดเร็ว
สีหน้ากลับมามีความหยิ่งทะนงเหมือนดั่งเดิม
สำหรับท่าทางประหลาดเมื่อครู่ของฮวาเชียนจือนั้นมีหลายคนรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง กระทั่งเซียวเอินที่พยุงนางอยู่ก็ขมวดคิ้วของตนเข้าหากันแน่น
สำหรับการที่เซียวซู่ซู่รู้วิชาการแพทย์นั้นแม้ว่าเขาจะตกตะลึงอยู่บ้าง แต่ก็สามารถทำใจให้ยอมรับได้
เพราะขอเพียงเขาสามารถยอมรับการที่เซียวซู่ซู่สลบไสลไปถึงสิบห้าปีแล้วฟื้นขึ้นมาได้สามารถยอมรับการที่นางมีความสามารถโดดเด่นและเก่งกาจเหนือผู้คน เช่นนั้นเขาก็สามารถยอมรับทุกอย่างของนางได้แล้ว
อีกทั้งเขาเองก็คิดที่จะยอมรับทุกอย่างของนางอีกด้วย แน่นอนว่าทุกคนในที่นั้นก็ล้วนทำใจยอมรับได้ เพราะว่าพวกนางเห็นเซียวซู่ซู่เป็คนประเภทที่ดูแปลกประหลาดมาั้แ่แรกแล้ว ไม่ว่านางจะทำเื่อันใดก็ไม่ถือว่าเป็สิ่งที่น่าใอีก
ฮวาเชียนจือเป็คนฉลาด ทว่าเซียวซู่ซู่นั้นกลับฉลาดยิ่งกว่านางจึงพยักหน้ารับทันที “องค์หญิงอย่าได้ทรงเกรงใจถึงเพียงนี้” นางเอ่ยเสร็จพลางหันไปมองทางเซียวเอิน “พี่ใหญ่ ท่านพยุงองค์หญิงไปพักผ่อนที่ห้องเถิดที่นี่ไม่สะดวกต่อการทำการรักษา” นางเอ่ยออกมาประโยคหนึ่งพลางถึงแขนของเซียวเอินออกมา
เซียวเอินเองก็เข้าใจว่านี่เป็วิธีเดียวที่จะถอนตัวออกมาได้ จึงพยักหน้าเป็การเห็นด้วย
สวี่เว่ยหรานและป๋ายหลี่ม่อหันมาสบตากันแวบหนึ่งสีหน้าของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลงขณะจ้องมองไปทางเซียวซู่ซู่และฮวาเชียนจือแผนการหลบหนีของหญิงสาวทั้งสองนั้นมิได้ฉลาดหลักแหลมมากนัก แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการที่พวกนางรู้ว่าจะต้องหาทางรอดให้กับตนเอง
ไม่เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นที่รู้เพียงแต่จะชื่นชมทิวทัศน์ธรรมชาติและพูดคุยเริงร่าอย่างมีความสุข
ดูเหมือนว่าพวกนางล้วนแต่เป็กลุ่มคนที่ไม่ได้เื่ ถูกคนในบ้านเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจ ให้พวกนางเป็เพียงแค่สิ่งสวยงามประดับไว้ในบ้านเท่านั้น
หนานกงม่อเองก็ลอบมองไปทางเซียวซู่ซู่ คอยสังเกตทุกการกระทำของนางในใจก็รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย
ในสายตาของเขาเซียวซู่ซู่ในตอนนี้เปรียบดังเทพธิดามาจุติก็มิปาน
เซียวซู่ซู่นั้นได้มอบรอยยิ้มที่อ่อนหวานให้กับฮวาเชียนเย่อีกครั้ง “องค์ชายเพคะ หม่อมฉันขอตัวสักครู่แล้วจะกลับมา”
โดยไม่ถามความเห็นของเขาแม้แต่น้อยเวลานี้ต่อให้ต้องล่วงเกินบุรุษผู้นี้ นางก็จะไม่ขออยู่ที่นี่ต่อเป็อันขาด ถ้าหากถูกเขาผูกมัดเอาไว้ทุกอย่างก็จะพังทลายลงทันที
เมื่อกล่าวเสร็จเซียวซู่ซู่ก็ได้เร่งให้เซียวเอินรีบพยุงฮวาเชียนจือไปทางแถวเรือนพักที่อยู่สุดทางของทิศตะวันออกเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรเสียที่นั่นก็มีคนจำนวนไม่น้อยถ้าหากเกิดเื่อันใดขึ้นจริงๆ คำอธิบายของนางก็จะดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
แม้ว่านางจะรู้ว่าสวี่เว่ยหรานและป๋ายหลี่ม่อจะไม่ใช่เต้าหู้ที่ปล่อยให้คนบีบทุบได้และคนทั้งสองเองก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะตกหลุมพรางของฮวาเชียนเย่ได้ง่ายๆ แต่ว่าการที่จะไม่ถูกดึงเข้าไปในภัยอันตรายเช่นนั้นได้ก็จะถือว่าเป็การดีที่สุด
อีกทั้งเซียวซู่ซู่ก็ไม่คิดอยากจะอยู่ในสถานที่เดียวกับคนเ่าั้ด้วยเพราะว่านางมิได้ชื่นชอบพวกเขา รวมถึงสตรีเ่าั้ นางเองก็ไม่ชอบ
การที่นางมาร่วมงานเลี้ยงร้อยบุปผานั้นก็เป็เพราะถูกบีบบังคับไม่มีทางเลือกอื่น
เมื่อเห็นคนทั้งสามจากไปแววตาของฮวาเชียนเย่ก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของเขาดำเข้มเสมือนก้นทะเลสาบที่นิ่งสงบไม่มีคลื่นน้ำแม้แต่นิดเดียว ทว่าความสงบนิ่งนั้นกลับทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
“พวกเราเที่ยวเล่นต่อกันเถิด” ผ่านไปเนิ่นนาน ฮวาเชียนเย่ถึงจะเอ่ยกับทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขณะก้าวเท้าเดินขึ้นไปบนขั้นบันได องครักษ์ที่เดินอยู่ด้านหลังเขาเองก็ล้วนแต่หรี่ตาของตนลง
เพราะว่าพวกเขาเห็นท่าสะบัดปลายเสื้อคลุมตัวยาวของฮวาเชียนเย่จึงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะก้มหัวลงอีกครั้ง
ในชิงชวนหยวนเต็มไปด้วยใบหญ้าสีเขียวประกอบกับสายลมอ่อนๆ พัดเป็ระยะๆ
ละอองน้ำจากน้ำตกกระจายออกไปยังบริเวณโดยรอบ หากนั่งอยู่บนศาลาที่อยู่้าแล้วมองลงมาที่ทิวทัศน์ด้านล่างก็จะทำให้คนรู้สึกอารมณ์เบิกบานขึ้นกว่าปกติ
เดิมทีที่นี่ย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่เพราะว่าแคว้นป่ายฮวานั้นเป็ภูมิประเทศทางตอนใต้ อุณหภูมิจึงสูงกว่าแคว้นอื่นดอกไม้ใบหญ้าจึงเติบโตเร็วกว่าที่อื่นเช่นกัน
“แคว้นป่ายฮวานั้นถือเป็ภูมิประเทศที่งดงามจริงๆ” สวี่เว่ยหรานมองไปทางน้ำตกที่ไหลลงมาจากยอดเขาสูงพลางเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เขารู้ว่าขณะที่พวกเซียวซู่ซู่ทั้งสามคนขอตัวจากไปนั้นฮวาเชียนเย่ก็ได้ออกคำสั่งให้ลูกน้องยกเลิกแผนการแล้ว จึงได้รู้ว่าเซียวซู่ซู่ผู้นี้คงถือได้ว่าเป็ตัวการหลักในการดำเนินแผนการครั้งนี้
เขากำลังคิดแผนการในใจพร้อมกับที่รอยยิ้มบนใบหน้าที่เด่นชัดขึ้น
เดิมเขาคิดจะหักหน้าตัดสัมพันธ์กับฮวาเชียนเย่หนานเจียงที่กว้างใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าจะมียอดฝีมือนับไม่ถ้วน ทว่าคนที่สามารถต้านทานกับเฮ้ออี้เทียนได้นั้นกลับมีไม่มากและคนที่จะสามารถต่อกรกับหอเงาคมของเฮ้ออี้เทียนได้นั้นก็เรียกได้ว่าไม่มีเลยเสียดีกว่า
ต่อให้แคว้นป่ายฮวาดำเนินการอย่างสุดกำลังก็ใช่ว่าจะสามารถทำร้ายเขา สวี่เว่ยหรานได้
ทว่าที่นี่ยังมีป๋ายหลี่ม่ออีกด้วยสิ่งที่เขากลัวก็คือการที่ฮวาเชียนเย่สร้างสถานการณ์ลำบากทำให้แคว้นทั้งสองต้องแตกหักกันอีกครั้ง
เดิมทีหลายปีมานี้อ้าวอวิ๋นและโยวเจิ้นล้วนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกันมาก่อนพวกเขามิได้มีสัมพันธ์อันดีต่อกันแต่ก็ไร้ซึ่งข้อบาดหมาง แต่จากการที่แคว้นทั้งสองต่างฝ่ายต่างแข็งแกร่งขึ้นทำให้พวกเขาค่อยๆ กลายมาเป็ศัตรูของกันและกัน
และก็เป็เพราะเช่นนี้ ทำให้ต่างฝ่ายต่างคิดหาแผนการดึงแคว้นป่ายฮวามาเป็พรรคพวกและถ้าหากทำไม่สำเร็จ พวกเขาก็ตั้งใจจะทำลายทิ้งเสีย
วันนี้หากว่าฮวาเชียนเย่ชิงลงมือก่อนไม่ว่าจะเป็ทางด้านอ้าวอวิ๋นหรือว่าโยวเจิ้นนั้นก็ล้วนแต่ต้องเสียหายเป็อย่างมาก
แคว้นทั้งสองหากมีากันแล้ว ฝ่ายที่ได้เปรียบนั้นก็จะเหลือเพียงแคว้นป่ายฮวา
ต้องรู้กันว่าตำแหน่งมหาปุโรหิตของวังคลื่นจันทราในครั้งนี้คือคนของแคว้นป่ายฮวา
จุดนี้ทำให้คนทั้งหมดล้วนไม่พึงพอใจและกังวลใจเช่นกัน
ทว่า ครั้งนี้ฮวาเชียนเย่ยอมยกเลิกแผนการอันชั่วร้ายของเขาทำให้บรรยากาศกลับมาครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง นอกจากกลุ่มสาวงามไร้สมองเ่าั้แล้วคนที่เหลือล้วนอดไม่ได้ที่จะเช็ดเหงื่ออย่างหมดกังวล
พวกเซียวซู่ซู่สามคนที่มาถึงเรือนพักเองก็ถอนหายใจยาวๆออกมาอย่างโล่งอก ยังดีที่พวกนางหลบหนีออกมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาก็ยากจะคาดเดาได้แล้วมิว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะหรือพ่ายแพ้ พวกเขาก็ยากที่จะปลีกตัวออกมาได้โดยเฉพาะสกุลเซียวที่ทำตัวเป็คนกลางเสมอมา เกรงว่าจะต้องถูกดึงให้ตกต่ำไปด้วยแน่
เพราะว่าทางสกุลเซียวนั้นมีเซียวซู่ซู่และเซียวเอินถึงสองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“คุณหนูเล็กสกุลเซียวถือว่าฉลาดหลักแหลมไม่เบาเลย” เมื่อเข้ามาถึงห้องพัก แผลที่ขาของฮวาเชียนจือก็หายไปในทันทีนางเลิกตาขึ้นเล็กน้อย หางตากระดกขึ้นเบาๆ ขณะเหล่มองไปทางเซียวซู่ซู่
ในดวงตาแฝงด้วยความชื่นชมอยู่ไม่น้อย
“เทียบกับองค์หญิงมิได้แม้แต่น้อย” เซียวซู่ซู่ก็ทำเพียงแค่ตอบกลับเรียบๆ ประโยคหนึ่ง “ถ้าหากองค์หญิงทรงมิได้เป็อะไรมากแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่ขออยู่รบกวน”
การรุกถอยพร้อมกับฮวาเชียนจือนั้นก็เป็เพราะไม่มีทางเลือกอื่นเซียวซู่ซู่หาได้คิดที่จะมีความเกี่ยวข้องกับสตรีเช่นนี้ไม่ หนี้แค้นในอดีตนางยังคิดที่จะชำระมันอยู่ นางไม่มีทางลืมเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นได้
พูดจบนางก็หมุนตัวจากไปทิ้งเพียงแผ่นหลังที่หยิ่งทะนงของตนให้กับฮวาเชียนจือเท่านั้น สิ่งที่ได้กลับมานั้นมีเพียงเสียงหึเบาๆในลำคอของฮวาเชียนจือ
ความตกตะลึงในใจก็ค่อยๆ สงบลง เวลานี้ฮวาเชียนจือถึงจะรู้ว่าเซียวซู่ซู่จะรอบรู้วิชาการแพทย์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ เพราะว่านางได้ใช้ตนหลบหนีจากเหตุการณ์เมื่อครู่ไปแล้ว มุมปากของฮวาเชียนจือกระดกขึ้นเบาๆเป็รอยยิ้มเย็น
แม้ว่าตอนนี้พวกนางต่างฝ่ายต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกันและกันอีกทั้งภายใต้การข่มขู่ของนาง เซียวซู่ซู่เองก็ไม่ได้แสดงจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจนถ้าหากคิดจะดึงนางมาเป็พวกก็เกรงว่าจะอันตรายอยู่มากนัก
แต่ความแค้นที่ให้นางร่ายรำต่อหน้าผู้คนนั้นนางได้จดจำเอาไว้ไม่ลืม
“รู้วิชาแพทย์...” ฮวาเชียนจือหัวเราะจนไหล่ทั้งสองของตนสั่นอย่างแรงขณะเอียงตัวพิงกับเก้าอี้ตัวยาวดวงตาของนางหมุนกลอกไปมา
ความอดสูในวันนี้นางจะต้องหาโอกาสชำระมันให้จงได้
หลังจากที่เซียวเอินและเซียวซู่ซู่ออกจากห้องพักที่ฮวาเชียนจือพำนักอยู่ทั้งสองก็หันมาสบตากันก่อนจะตัดสินใจออกจากชิงชวนหยวนในทันที ที่แห่งนี้ไม่ควรอยู่นาน ไม่ว่าฮวาเชียนเย่จะยกเลิกแผนการของตนหรือไม่พวกเขาก็ไม่คิดจะอยู่เสี่ยงอันตรายอีก
อีกทั้งพวกเขาเองก็รู้ว่า่เวลาอันสั้นนี้พวกเขานั้นถือว่าอยู่บนเรือลำเดียวกันกับฮวาเชียนจือแล้ว การจากไปโดยไม่ลานั้นก็ไม่ถือเป็ปัญหาอะไรเพราะถึงอย่างไรก็มีสตรีผู้นั้นคอยรับหน้าให้
งานเลี้ยงร้อยบุปผานี้ก็ถือว่าไม่ต่างอะไรกับงานเลี้ยงที่หงเหมินสักเท่าใดนัก
“ซู่ซู่ เ้ารู้วิชาแพทย์จริงหรือ?” ระหว่างทางกลับจวน เซียวเอินก็เอ่ยถามขึ้นมากะทันหัน
เซียวซู่ซู่ที่เดิมกำลังจมอยู่กับความคิดของตนเองนั้นก็อึ้งไปเช่นกัน “ข้า...”
“ดูเหมือนว่าเื่นี้ออกจะลำบากอยู่บ้าง องค์หญิงผู้นั้นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้โดยง่าย” เซียวเอินส่ายศีรษะพลางตบเบาๆ ลงบนไหล่ของเซียวซู่ซู่ “ไม่ต้องห่วง คอยดูไปทีละก้าวแล้วกันพี่ใหญ่จะคอยอยู่ด้านหลังสนับสนุนเ้าเสมอ สกุลเซียวเองก็จะคอยสนับสนุนเ้า” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความซื่อตรง
เซียวซู่ซู่พยักหน้าอย่างแรง นางที่แต่เดิมกำลังจมอยู่กับความคิดของเื่ราวในอดีตนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าในที่สุด
ไม่ว่าภายภาคหน้าจะเป็เช่นไรนางก็จะเผชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญ เพราะว่าชาตินี้นางมีสกุลเซียวทั้งหมดคอยให้การสนับสนุนอยู่