เงามืดของถ้ำทอดยาวไปตามระเบียงหินโบราณ เสียงน้ำหยดจากเพดานถ้ำดังเป็จังหวะไม่สม่ำเสมอ หลินเว่ยยืนนิ่งที่ช่องแคบของถ้ำ หายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อควบคุมพลังชิวเสวียนในร่างกาย แสงจากคบเพลิงของทหารองค์กรเทียนซื่อสาดส่องเข้ามาในถ้ำเรื่อยๆ
"รีบเข้าไป!" เสียงทหารคนหนึ่งะโสั่ง "อย่าให้พวกมันหนีไปได้!"
หลินเว่ยใช้ ท่าัตื่นกาย ขยายการรับรู้ ััได้ถึงการเคลื่อนไหวของทหารหลายคนที่กำลังเข้ามา เขาเตรียม ท่าัพ่นไฟ รวบรวมพลังชิวเสวียนไว้ที่ฝ่ามือ
ทหารคนแรกปรากฏตัวที่ทางเข้าถ้ำแคบ เขาถือปืนในมือและมีไฟฉายติดหมวก
"นั่นมัน!" ทหารคนนั้นะโ เมื่อเห็นหลินเว่ย รีบยกปืนขึ้นเล็ง
หลินเว่ยไม่รอช้า เขาพุ่งพลังชิวเสวียนออกจากฝ่ามือทันที
บ้าม!
พลังสีม่วงอมฟ้าพุ่งไปกระแทกผนังถ้ำเหนือทางเข้า ทำให้หินและดินร่วงลงมาปิดทางเข้าบางส่วน ทหารคนแรกถอยกรูดออกไปอย่างรวดเร็ว
"มันมีพลัง! ระวัง!" เสียงะโจากด้านนอก
หลินเว่ยรู้ดีว่าเขาเพียงแค่ถ่วงเวลาได้ชั่วครู่ ไม่นานทหารจะหาทางเข้ามาได้ เขาต้องรีบตามเพื่อนๆ ไป
เขาหันหลังวิ่งลึกเข้าไปในถ้ำตามทางที่เพื่อนๆ ไป ความมืดปกคลุมรอบตัว แต่เขายังคงใช้ ท่าัตื่นกาย นำทาง รู้สึกได้ถึงลมที่พัดมาจากอีกด้านหนึ่งและเสียงน้ำที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
"หลิงเยว่! เสวียนเหมย!" หลินเว่ยเรียกเบาๆ ขณะวิ่งไปตามทางเดินในถ้ำ
ไม่มีเสียงตอบกลับ แต่เขาเห็นแสงสลัวลอยอยู่ข้างหน้า คงเป็คบเพลิงของพวกเขา
เสียงะเิดังมาจากทางเข้าถ้ำ แสดงว่าทหารเทียนซื่อพยายามะเิทางเข้าที่ถูกปิดกั้น ไม่นานพวกเขาจะตามมาได้
หลินเว่ยเร่งฝีเท้า วิ่งไปตามทางเดินในถ้ำที่ค่อยๆ กว้างขึ้น จนมาถึงโถงถ้ำขนาดใหญ่ ที่นั่นเขาพบกับหลิงเยว่ เสวียนเหมย และประมุขเจิ้งลี่หัวกำลังยืนอยู่ริมธารน้ำใต้ดินที่ไหลเชี่ยวกราก
"หลินเว่ย!" เสวียนเหมยร้องเรียกเมื่อเห็นเขา "นายรอดมาได้!"
"ยังไม่นาน" หลินเว่ยบอก หอบเล็กน้อย "ทหารเทียนซื่อกำลังตามมา พวกเขาะเิทางเข้าถ้ำแล้ว"
"ธารน้ำนี้จะไหลลงสู่แม่น้ำใหญ่ด้านล่าง" ประมุขเจิ้งลี่หัวอธิบาย ชี้ไปที่ธารน้ำที่ไหลหายไปในความมืด "เราต้องลงไปตามกระแสน้ำ"
"แต่กระแสน้ำเชี่ยวมาก" หลิงเยว่ทักท้วง "และเรายังไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไรรออยู่"
"ไม่มีทางเลือกอื่น" หลินเว่ยตัดสินใจ "เราต้องไปก่อนที่ทหารจะตามมาทัน"
เสียงฝีเท้าและเสียงะโของทหารดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเขาไม่มีเวลาอีกแล้ว
"จับมือกันไว้" หลินเว่ยออกคำสั่ง "เราจะะโลงไปพร้อมกัน"
ทุกคนจับมือกันเป็ห่วงโซ่ หลินเว่ยอยู่หน้าสุด ตามด้วยเสวียนเหมย หลิงเยว่ และประมุขเจิ้งลี่หัวปิดท้าย
"พร้อมนะ" หลินเว่ยนับ "หนึ่ง...สอง...สาม!"
พวกเขาะโลงไปในธารน้ำเย็นเฉียบพร้อมกัน ทันทีที่ร่างััน้ำ กระแสน้ำเชี่ยวกรากก็พัดพาพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว จมหายไปในความมืดของถ้ำ
น้ำเย็นเฉียบแทบแข็ง หลินเว่ยพยายามสุดกำลังเพื่อรักษาการลอยตัวและจับมือเสวียนเหมยไว้แน่น เขาใช้ ท่าัทะยานน้ำ ช่วยให้ร่างกายเคลื่อนตัวไปตามกระแสน้ำได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
กระแสน้ำพาพวกเขาผ่านอุโมงค์ถ้ำที่มืดสนิท มีเพียงแสงสลัวจากธรรมชาติที่สาดส่องลงมาจากรูหินเป็ระยะ ช่วยให้พวกเขาเห็นเส้นทางบ้าง
"ระวัง!" หลิงเยว่ะโ เมื่อธารน้ำพาพวกเขาไปชนกับผนังถ้ำอย่างแรง
กระแสน้ำไหลเชี่ยวขึ้นเรื่อยๆ หลินเว่ยรู้สึกว่ามือของเสวียนเหมยเริ่มหลุดจากมือเขา
"จับให้แน่น!" เขาะโ พยายามกระชับการจับมือ
แต่กระแสน้ำแรงเกินไป มือของเสวียนเหมยค่อยๆ หลุดออกจากมือของหลินเว่ย
"ช่วยด้วย!" เธอร้องเสียงหลง ถูกกระแสน้ำพัดพาห่างออกไป
"เสวียนเหมย!" หลินเว่ยะโ พยายามว่ายน้ำไปหาเธอ แต่กระแสน้ำพัดแยกพวกเขาออกจากกัน
ไม่นานนัก ธารน้ำก็แยกเป็สองทาง หลินเว่ยถูกพัดไปทางหนึ่ง ขณะที่คนอื่นๆ หายไปอีกทาง
"หลิงเยว่! ประมุขเจิ้งลี่หัว!" หลินเว่ยะโเรียก แต่มีเพียงเสียงน้ำไหลเชี่ยวกรากตอบกลับมา
เขาถูกกระแสน้ำพัดไปตามอุโมงค์มืด ไร้ทิศทาง พยายามประคองตัวไม่ให้กระแทกกับผนังหินที่คดเคี้ยว หลินเว่ยใช้ ท่าัทะยานน้ำ ช่วยให้ร่างกายลื่นไหลไปตามสายน้ำได้อย่างนิ่มนวลมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจควบคุมทิศทางได้อย่างสมบูรณ์
ทันใดนั้น ธารน้ำก็พุ่งตกลงในแนวดิ่ง ราวกับน้ำตกใต้ดิน หลินเว่ยรู้สึกว่าร่างกายตกลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดำดิ่งลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง
ตูม!
น้ำกระจายเป็ฝอยเมื่อร่างของเขากระแทกผิวน้ำ หลินเว่ยจมลงไปใต้น้ำลึก ก่อนจะรวบรวมแรงว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำ หายใจเฮือกใหญ่
เขามองไปรอบๆ พบว่าตนเองอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ มีแสงสว่างสาดส่องลงมาจากรูเพดานถ้ำ ทำให้เห็นสภาพโดยรอบได้บ้าง เขากำลังลอยอยู่ในทะเลสาบใต้ดินที่กว้างใหญ่ กระแสน้ำที่นี่สงบกว่าในธารน้ำมาก
"เสวียนเหมย! หลิงเยว่! ประมุขเจิ้งลี่หัว!" หลินเว่ยะโเรียกอีกครั้ง เสียงสะท้อนก้องไปทั่วถ้ำ
ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงเสียงน้ำหยดจากเพดานถ้ำลงสู่ทะเลสาบใต้ดิน
หลินเว่ยว่ายน้ำไปที่ริมฝั่งทะเลสาบซึ่งมีหาดทรายเล็กๆ เขาขึ้นจากน้ำ หอบหายใจเหนื่อย ร่างกายเปียกโชกและหนาวสั่น
"ต้องหาทางออก..." เขาพึมพำกับตัวเอง พลางบิดเสื้อผ้าให้หมาดๆ
หลินเว่ยตรวจสอบคัมภีร์โบราณในกระเป๋าเสื้อ โชคดีที่ห่อผ้าป้องกันน้ำได้ดี คัมภีร์ยังอยู่ในสภาพดี แต่เขารู้สึกได้ถึงความร้อนแผ่ซ่านออกมาจากคัมภีร์นั้น ราวกับมีชีวิต
"แปลกจริง..." เขาพึมพำ นึกถึงคำเตือนของประมุขเจิ้งลี่หัวที่ไม่ให้เปิดอ่านคัมภีร์
หลินเว่ยสำรวจถ้ำ พบว่ามีทางออกหลายทาง แต่ไม่รู้ว่าทางไหนจะพาเขาไปพบกับเพื่อนๆ หรือพาเขาออกจากเขาลงไปยังหมู่บ้านได้
เขาเลือกทางออกที่พอจะมีแสงสว่างลอดเข้ามาบ้าง เดินไปตามอุโมงค์หินที่ลาดขึ้น ใช้ ท่าัตื่นกาย เพื่อเพิ่มการรับรู้ในความมืด
หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่ง อุโมงค์ก็กว้างขึ้นและแสงสว่างมากขึ้น จนในที่สุดเขาก็มาถึงปากถ้ำที่มองออกไปเห็นแนวป่าเขาเบื้องล่าง
หลินเว่ยสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึกๆ รู้สึกโล่งอกที่หลุดพ้นจากความมืดของถ้ำ เขาสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัว และพบว่าตนเองอยู่บนหน้าผาสูงชันด้านหนึ่งของูเา ไกลลงไปเบื้องล่างมีหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ น่าจะเป็หมู่บ้านที่พวกเขา้าไปถึง แต่ระยะทางไกลพอสมควร
"ต้องหาทางลงไป" เขาพูดกับตัวเอง มองหาเส้นทางที่พอจะปีนลงไปได้
ขณะที่กำลังสำรวจ หลินเว่ยได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังมาจากไกลๆ
"ไม่นะ..." เขากระซิบ รีบถอยกลับเข้าไปในถ้ำ แอบมองออกไปอย่างระมัดระวัง
เฮลิคอปเตอร์สีดำลำหนึ่งบินวนเหนือพื้นที่ป่าเขา ติดสัญลักษณ์ขององค์กรเทียนซื่อ กำลังบินสำรวจพื้นที่
"พวกเขายังไม่ยอมแพ้..." หลินเว่ยพึมพำ รู้ดีว่าองค์กรเทียนซื่อจะไม่หยุดตามล่าพวกเขาจนกว่าจะได้คัมภีร์ครอบงำจิตไปครอง
เขาต้องรอให้เฮลิคอปเตอร์บินผ่านไปก่อนจึงจะออกจากถ้ำได้ หลินเว่ยนั่งพักที่ปากถ้ำ พยายามคิดถึงแผนต่อไป
"หวังว่าทุกคนจะปลอดภัย..." เขาเอ่ยเบาๆ นึกถึงเสวียนเหมย หลิงเยว่ และประมุขเจิ้งลี่หัว และยังมีหลิวซินกับจ้าวหยางที่แยกไปก่อนหน้านี้ด้วย
ขณะที่นั่งรอ หลินเว่ยรู้สึกถึงคัมภีร์โบราณที่ร้อนขึ้นในกระเป๋าเสื้อ เขาหยิบห่อผ้าออกมาดู และรู้สึกราวกับมีพลังงานแผ่ซ่านออกมาจากข้างใน เรียกร้องให้เปิดออก
"อย่าเปิดอ่านมันเด็ดขาด..." คำเตือนของประมุขเจิ้งลี่หัวดังก้องในความคิด
หลินเว่ยสั่นศีรษะ พยายามขจัดความคิดที่จะเปิดคัมภีร์ออกไป เขาเก็บคัมภีร์กลับเข้ากระเป๋าเสื้อ แต่ความรู้สึกแปลกประหลาดยังคงแผ่ซ่านในจิตใจ
เฮลิคอปเตอร์บินผ่านไปแล้ว แต่ยังวนอยู่ห่างๆ ไม่หายไปเสียที หลินเว่ยต้องหาเส้นทางลงจากเขาให้เร็วที่สุด เขาสำรวจหน้าผาด้านหน้าถ้ำ และพบทางเดินแคบๆ ที่ทอดลงไปตามไหล่เขา
"ไม่มีเวลาให้รอแล้ว..." เขาตัดสินใจ เริ่มไต่ลงไปตามทางเดินแคบนั้นอย่างระมัดระวัง
ทางเดินชันและลื่น บาง่แคบจนต้องเกาะผนังหินไว้แน่น หลินเว่ยใช้ ท่าัทะยานน้ำ ช่วยให้การเคลื่อนไหวลื่นไหลและมั่นคงมากขึ้น ค่อยๆ ไต่ลงมาทีละก้าว
เขาได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังใกล้เข้ามาอีกครั้ง รีบแนบตัวติดกับผนังหิน หวังว่าตนจะกลมกลืนไปกับเงาของหน้าผา
เฮลิคอปเตอร์บินผ่านไป โดยไม่สังเกตเห็นเขา หลินเว่ยถอนหายใจโล่งอก และรีบไต่ลงต่อ
ทันใดนั้น ก้อนหินที่เขาเหยียบพลันหลุดออก ทำให้หลินเว่ยเสียหลักและลื่นไถลลงไปตามไหล่เขา
"อ๊าก!" เขาร้องออกมา พยายามคว้าหากิ่งไม้หรือหินที่ยื่นออกมา แต่ความเร็วมากเกินไป
หลินเว่ยกลิ้งและไถลลงไปตามเนินเขาชัน ผ่านพุ่มไม้และโขดหิน รู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งร่างจากรอยขีดข่วน ก่อนที่จะหยุดลงเมื่อร่างกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่
"โอ๊ย..." เขาครางเบาๆ ตรวจสอบร่างกายตัวเอง ดูเหมือนไม่มีอะไรหักหรือาเ็รุนแรง แค่รอยขีดข่วนและฟกช้ำเท่านั้น
เขาลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล มองไปรอบๆ พบว่าตนเองอยู่ในป่าทึบด้านล่างของูเา หมู่บ้านน่าจะอยู่ไม่ไกลนัก
หลินเว่ยตรวจสอบคัมภีร์ในกระเป๋าเสื้อ ยังคงอยู่ครบถ้วนดี เขาถอนหายใจโล่งอก
"ต้องหาทางไปที่หมู่บ้าน..." เขาพูดกับตัวเอง พยายามหาทิศทาง
แต่ก่อนที่เขาจะเดินต่อไปได้ เสียงคำรามต่ำๆ ก็ดังมาจากพุ่มไม้ไม่ไกล หลินเว่ยชะงัก ดวงตาจับจ้องไปยังทิศทางของเสียง
จากเงามืดของป่า ร่างใหญ่ของเสือดำค่อยๆ ปรากฏ แต่นี่ไม่ใช่เสือธรรมดา มันมีขนาดใหญ่กว่าปกติเกือบสองเท่า ตาเรืองแสงสีเขียวอมเหลือง และมีเขี้ยวที่ยาวผิดปกติยื่นออกมาจากขากรรไกร
หลินเว่ยกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก "เสือกลายพันธุ์..."
เสือดำค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหา ตาจับจ้องหลินเว่ยอย่างไม่วางตา หลินเว่ยไม่กล้าขยับตัว รู้ดีว่าการวิ่งหนีจะกระตุ้นสัญชาตญาณการล่าของมัน เขาค่อยๆ ยกมือขึ้น เตรียมพลังชิวเสวียนไว้ป้องกันตัว
เสือกลายพันธุ์คำรามดังขึ้น ก่อนจะพุ่งเข้าใส่หลินเว่ยอย่างรวดเร็ว!
ตอนที่ 29: พันธมิตรใหม่
เสือกลายพันธุ์กระโจนเข้าใส่หลินเว่ยด้วยความเร็วที่น่าใ กรงเล็บแหลมคมพุ่งตรงมายังลำคอของเขา หลินเว่ยใช้ ท่าัทะยานน้ำ หลบหลีกอย่างเฉียดฉิว ร่างกายเคลื่อนไหวราวกับไร้น้ำหนัก
"เฮือก!" เขาหอบหายใจ รู้สึกถึงลมจากกรงเล็บที่พลาดไปเพียงไม่กี่นิ้ว
เสือกลายพันธุ์ลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล หันกลับมาคำรามใส่หลินเว่ยอย่างดุร้าย ดวงตาสีเขียวอมเหลืองจ้องมองอย่างหิวกระหาย
หลินเว่ยเตรียมพลังชิวเสวียนใน ท่าัพ่นไฟ กำลังจะปล่อยพลังออกไป แต่จู่ๆ ก็ชะงัก เมื่อสังเกตเห็นบางสิ่งบนตัวเสือ
"รอยแผลเป็..." เขาพึมพำ เมื่อเห็นรอยแผลเป็ยาวพาดผ่านข้างลำตัวของเสือ "และสร้อยคอ?"
รอบคอของเสือกลายพันธุ์มีสร้อยที่ทำจากเชือกถักและลูกปัดไม้คล้องอยู่ นี่ไม่ใช่เสือป่าทั่วไป แต่เป็เสือที่เคยถูกเลี้ยงหรือฝึกฝนมาก่อน
เสือกำลังจะกระโจนใส่อีกครั้ง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงผิวปากแหลมดังมาจากป่าลึก
"ฟี้ว! ฟี้ว! ฟี้ว!"
เสือชะงักทันที หูตั้งชันไปยังทิศทางของเสียง ก่อนจะหันไปมองต้นเสียงนั้น
"ิเฟย! มานี่!" เสียงเรียกดังขึ้น
เสือกลายพันธุ์หันกลับมามองหลินเว่ยอีกครั้งด้วยสายตาดุร้าย ก่อนจะค่อยๆ ถอยกลับเข้าป่าไปในทิศทางที่เสียงดังมา
หลินเว่ยยืนนิ่ง หายใจหอบ มองตามเสือที่เดินจากไป ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าและกิ่งไม้ดังกรอบแกรบ มีคนกำลังเข้ามาใกล้
เขาเตรียมพลังชิวเสวียนไว้ ไม่รู้ว่าผู้มาใหม่คือมิตรหรือศัตรู
จากเงามืดของป่า ร่างของชายชราปรากฏตัวขึ้น เขาสวมชุดสีน้ำตาลเข้มเรียบง่าย ถือไม้เท้าไผ่ยาว ผมและเคราสีขาวยาวถึงอก ดวงตาคมกริบจ้องมองหลินเว่ยอย่างพิจารณา ข้างกายมีเสือกลายพันธุ์ยืนอยู่อย่างเชื่องๆ
"น่าสนใจ..." ชายชราเอ่ยเสียงแหบแห้ง "มีไม่กี่คนที่จะรอดชีวิตจากการเผชิญหน้ากับิเฟย"
หลินเว่ยยังคงระแวดระวัง ไม่ลดการป้องกันลง "ท่านเป็ใคร?"
"คนที่เพิ่งช่วยชีวิตเ้าไว้" ชายชราตอบ ลูบหัวเสือกลายพันธุ์เบาๆ "ยินดีที่ได้พบ หลินเว่ย"
ดวงตาของหลินเว่ยเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ "ท่านรู้จักผม?"
ชายชรายิ้มบางๆ "ข่าวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ใช้พลังชิวเสวียนได้โดยไม่กลายพันธุ์แพร่สะพัดไปทั่วหุบเขานี้แล้ว" เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย "และข่าวเื่การบุกวัดเมฆาอรุณก็ด้วย"
หลินเว่ยยังคงระมัดระวัง "ท่านเป็พวกองค์กรเทียนซื่อหรือ?"
ชายชราหัวเราะเบาๆ "ไม่ใช่" เขาตอบ "ข้าคือ อาจารย์เหลียงเจิน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า 'ปรมาจารย์แห่งูเาหลิงซาน' ข้าอาศัยอยู่บนูเาแห่งนี้มาหลายสิบปี"
"แล้วท่านรู้เื่องค์กรเทียนซื่อได้อย่างไร?" หลินเว่ยถาม
"ข้ารู้มากกว่าที่เ้าคิด เด็กหนุ่ม" อาจารย์เหลียงเจินตอบ "แต่นี่ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยที่จะพูดคุย" เขาชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่เฮลิคอปเตอร์ขององค์กรเทียนซื่อยังคงบินวนอยู่ห่างๆ
"ตามข้ามา" เขาพูดพลางหันหลังเดินนำเข้าไปในป่าทึบ เสือกลายพันธุ์เดินตามไปอย่างเชื่องๆ
หลินเว่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าควรไว้ใจชายชราคนนี้หรือไม่ แต่เสียงของเฮลิคอปเตอร์ที่ดังใกล้เข้ามาทำให้เขาตัดสินใจติดตามอาจารย์เหลียงเจินไป
พวกเขาเดินลัดเลาะผ่านป่าทึบ อาจารย์เหลียงเจินดูคุ้นเคยกับเส้นทางเป็อย่างดี เขานำทางด้วยก้าวย่างที่คล่องแคล่วแม้จะมีอายุมาก เสือกลายพันธุ์ชื่อิเฟยเดินอยู่ข้างๆ คอยสำรวจอันตรายรอบทิศ
"เพื่อนๆ ของผม..." หลินเว่ยเอ่ยขึ้นระหว่างเดินทาง "พวกเขาหายไประหว่างลอยไปตามกระแสน้ำในถ้ำ"
"อีกกลุ่มที่หลุดออกจากถ้ำทางทิศใต้ใช่ไหม?" อาจารย์เหลียงเจินถาม
"ท่านรู้?" หลินเว่ยถามอย่างตื่นเต้น "พวกเขาปลอดภัยไหม?"
"ข้ายังไม่ได้พบพวกเขาโดยตรง" อาจารย์เหลียงเจินตอบ "แต่มีข่าวจากสัตว์ป่าว่ามีกลุ่มคนหลุดออกมาจากถ้ำน้ำทางใต้ของูเาเมื่อไม่นานมานี้"
"สัตว์ป่า?" หลินเว่ยงุนงง
อาจารย์เหลียงเจินยิ้มบางๆ "เมื่อเ้าอยู่กับธรรมชาตินานพอ เ้าจะเรียนรู้วิธีสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตรอบตัว" เขาลูบหัวเสือิเฟยเบาๆ "โดยเฉพาะหลังการระบาดของพลังชิวเสวียน สัตว์หลายชนิดพัฒนาความฉลาดขึ้นมาก"
หลินเว่ยพยักหน้า ก่อนจะสังเกตเห็นบ้านไม้เล็กๆ ซ่อนอยู่กลางป่าเบื้องหน้า
"นั่นคือบ้านของท่าน?" เขาถาม
"ใช่" อาจารย์เหลียงเจินตอบ พาหลินเว่ยเข้าไปในบ้านไม้ที่เรียบง่ายแต่แข็งแรง
ภายในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ไม้ เรียบง่าย มีชั้นวางหนังสือเต็มไปด้วยคัมภีร์โบราณ และสมุนไพรแห้งแขวนอยู่ตามเพดาน กลิ่นอายของสมุนไพรอบอวลไปทั่วบ้าน
"นั่งลงเถอะ" อาจารย์เหลียงเจินชี้ไปที่เก้าอี้ไม้ "เ้าดูเหนื่อยมาก และาเ็ด้วย"
หลินเว่ยนั่งลง รู้สึกเจ็บระบมไปทั้งร่างจากการตกจากหน้าผาและการต่อสู้ที่ผ่านมา
อาจารย์เหลียงเจินจุดเตาไฟเล็กๆ ต้มน้ำ และหยิบสมุนไพรแห้งหลายชนิดมาบดในโกร่งหิน "เล่าให้ข้าฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้นที่วัดเมฆาอรุณ"
หลินเว่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าควรเปิดเผยเื่คัมภีร์ครอบงำจิตให้คนแปลกหน้ารู้หรือไม่ แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าอาจารย์เหลียงเจินไม่ใช่คน