"ป้าคะ แม่นงให้มาเอาไก่ 2 ตัวที่สั่งไว้"
หงส์เ้าของแผงไก่สดที่ใหญ่ที่สุดในตลาด เหลียวมามองเด็กหญิงความแปลกใจ "นงที่ขายก๋วยเตี๋ยวด้านหน้าตลาดใช่ไหมลูก?"
"ใช่ค่ะ หนูชื่อนิดค่ะ เป็ลูกสาวแม่นง" อนงค์กานต์แนะนำตัวเองพร้อมส่งยิ้มกว้างกลับไปให้
"ไม่นึกเลยว่านงจะมีลูกโตขนาดนี้แล้ว หน้าตาน่ารักเหมือนแม่ อายุเท่าไรแล้วลูก" หงส์ถามพลางหยิบไก่สดสองตัวใส่ถุงพลาสติกและยื่นให้
"12 ปีแล้วค่ะ จะขึ้น ม.1 แล้ว" อนงค์กานต์ยื่นเงินให้สามสิบบาทหลังจากได้รับไก่เรียบร้อยแล้ว
"อายุเท่ากับชมพูลูกสาวป้าเลย จะขึ้น ม.1 เหมือนกัน" ว่าแล้วหงส์ก็เอี้ยวตัวไปหาเด็กหญิงอีกคนที่นั่งอยู่ในร้าน
อนงค์กานต์มองตามสายตาไปก็เห็นเด็กหญิงคนหนึ่ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอกำลังก้มหน้าอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างใจจดใจจ่อ เป็เด็กหญิงที่หน้าตาน่ารัก ผิวขาว รูปร่างอวบเล็กน้อย หน้ากลม ตาเรียวเล็ก ปากอิ่ม
เด็กหญิงคนนั้นเมื่อได้ยินแม่เอ่ยชื่อตนเอง ก็ละสายตาจากหนังสือการ์ตูนที่กำลังอ่านอยู่ เงยหน้าขึ้นมองมารดา ก่อนหันมาสบตากับอนงค์กานต์ และเมื่อเห็นอนงค์กานต์มองมาด้วยสายตาที่มีไมตรี เธอก็ส่งรอยยิ้มบาง ๆ กลับไปให้
"รู้จักกันไว้สิ ชมพู นี่นิดลูกสาวอานง"
"ชมพูชอบก๋วยเตี๋ยวของแม่เรามาก ไปกินวันเว้นวันเลย พอนงหยุดไป 3 วัน แม่ตัวดีนี่ถึงกับบ่นอุบ"
ตามภาภรณ์ส่งรอยยิ้มกว้างกว่าเดิมมาให้ เมื่อรู้ว่าอนงค์กานต์เป็ลูกสาวของอนงค์ เ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวร้านโปรดของเธอ อนงค์กานต์ก็ส่งรอยยิ้มกว้างกลับไปให้เช่นกัน
"แล้วนิดเรียน ม.1 ที่ไหน พ่อเป็ครูแบบนี้คงส่งเรียนในเมืองใช่ไหม?"
"เปล่าค่ะ นิดเรียนที่อำเภอนี่แหละ พ่อบอกยังเด็กไปไม่อยากให้เรียนไกล รอ ม.ปลายก่อนค่อยไปค่ะ"
"อ้าว เหมือนชมพูเลย ดี ๆ รู้จักกันไว้ก่อนแบบนี้ อีกหน่อยจะได้ช่วยเหลือกัน" หงส์เอ่ยอย่างยินดี ขณะที่ตามภาภรณ์มีแววตาเป็ประกายเมื่อได้ยิน
"เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเธอมาตลาดเลย" ตามภาภรณ์เอ่ยถามเป็ประโยคแรกหลังจากส่งยิ้มให้กันไปมาหลายรอบ
"อื้อ..เราเรียนโรงเรียนในหมู่บ้านมาตลอด แม่กลัวจะเหนื่อย เลยไม่เคยให้เรามาที่ตลาดด้วย แต่ตอนนี้เรามาได้บ่อย ๆ แล้ว อีกหน่อยถ้าไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านเราจะปรุงให้กินเอง" อนงค์กานต์พูดพลางยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี แสดงออกถึงความ้าผูกไมตรีกับตามภาภรณ์อย่างเต็มที่ ตามภาภรณ์ก็ยิ้มตอบรับอย่างยินดี แววตาเผยถึงแววสนุกและซุกซนเพิ่มมากขึ้น
ที่จริงเมื่อชาติก่อนเธอก็เคยเจอกับตามภาภรณ์แล้ว และยังเรียนอยู่ห้องเดียวกันด้วย ตามภาภรณ์เป็คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก เพื่อน ๆ ในห้องต่างชื่นชอบเธอทุกคน ต่างจากอนงค์กานต์ที่เป็คนเก็บตัว บุคลิกไม่ร่าเริง อนงค์กานต์เมื่อชาติก่อนก็ชื่นชอบและอยากผูกมิตรกับตามภาภรณ์ แต่เพราะไม่กล้า และตามภาภรณ์มักจะมีเพื่อน ๆ อยู่รายล้อมเสมอ เธอเลยได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ สุดท้ายก็ไม่ได้สนิทพูดคุยกัน จนอนงค์กานต์ย้ายไปเรียนในเมืองตอน ม.1 เธอก็ไม่ได้เจอกับตามภาภรณ์อีกเลย
ตอนนี้เมื่อโอกาสได้ยื่นมือเข้ามาหา เธอก็ขอยื่นมือรับด้วยความยินดีเช่นกัน เธอเชื่อว่าการใส่ใจที่จะปรับเปลี่ยนเื่แวดล้อมพวกนี้ จะช่วยหนุนให้ชีวิตของเธอดีขึ้นอย่างแน่นอน
หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย อนงค์กานต์ก็เอ่ยปากลาเนื่องจากพ่อและแม่กำลังรอกลับบ้าน ก๋วยเตี๋ยวขายค่อนข้างดี อาจเพราะหยุดไปหลายวัน วันนี้เลยมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนเยอะ บ่ายโมงกว่าของที่เตรียมไว้ก็หมดแล้ว วันนี้ขายได้ประมาณ 70 ถ้วย ได้เงินมา 300 กว่าบาท หักทุนแล้วเหลือกำไร 100 กว่าบาท ถึงกำไรจะน้อย แต่อนงค์ก็พอใจมาก หลังจากเก็บล้างทุกอย่างเรียบร้อยแล้วทั้งครอบครัวก็นั่งซาเล้งกลับบ้านเพื่อไปเตรียมของสำหรับขายพรุ่งนี้
หลังจากอนงค์กานต์มาตลาดกับแม่ได้สองวัน ก็สามารถผูกมิตรกับพ่อค้าแม่ค้าได้เกือบทั้งตลาดแล้ว เดินไปไหนตอนนี้ก็มีเสียงทักทายเธออย่างเซ็งแซ่ ชวนกินข้าวกินขนมตลอดเวลา ภายใต้การยิ้มปลื้มของพ่อและแม่ จะมีคนที่แปลกใจบ้างก็คือบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันกับเธอ เพราะคุ้นชินกับบุคลิกที่ไม่สนใจ ไม่ค่อยทักทายใครของอนงค์กานต์เมื่อในอดีต พอตอนนี้เห็นบุคลิกที่เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม ถึงกับหันมามองอยู่หลายรอบ แต่ก็คิดสรุปในใจเองว่าอาจเป็เพราะโตขึ้น บุคลิกเลยเปลี่ยนไป พวกเขาเลยเปิดใจคุยเล่นกับอนงค์กานต์มากขึ้นใน่หลัง
การเปลี่ยนบุคลิกแบบ 180 องศาแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่อาย เธออายมากกับการฝืนเปลี่ยนบุคลิกที่ไม่ใช่พื้นนิสัยเดิมของเธอ อย่าลืมว่าเธอบุคลิกนิสัยแบบนี้มา 47 ปีเลยนะ การฝืนเปลี่ยนแบบนี้มันยากและและรู้สึกอายมากจริง ๆ
แต่นิสัยของคนไม่ว่ายุคไหน มักจะชอบคนที่ร่าเริงและอ่อนน้อม มากกว่าคนที่เงียบ ๆ เฉยชา ไม่สนใจใคร แม้แต่เธอเองก็ชอบแบบแรกมากกว่าเช่นกัน พื้นนิสัยเดิมของเธอจึงไม่ตอบโจทย์เลยแม้แต่น้อย ยิ่งเธอตั้งเป้าจะหารายได้จากการขายของในตลาดแห่งนี้ การผูกมิตรกับบรรดาผู้ค้าในตลาดก็ยิ่งจำเป็มาก
สองวันแรกของการฝืนตัวเองมันยากมาก ๆ แต่หลังจากเห็นผลลัพธ์ เธอรู้สึกภูมิใจและมีความสุขมาก พอวันหลัง ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนเริ่มง่ายขึ้น และมีความกล้ามากขึ้นด้วย เธอเชื่อว่าอีกไม่นานการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะค่อย ๆ แทรกซึมและกลายเป็พื้นนิสัยใหม่ของเธอในที่สุด
และตอนนี้ เธอก็ได้เป็เพื่อนกับตามภาภรณ์แล้ว เริ่มชวนกันไปหาขนมกินและพูดคุยเล่นหัวกันมากขึ้น ท่ามกลางความพึงพอใจของบรรดาแม่ ๆ หงส์ชอบนิสัยอ่อนน้อมของอนงค์ เธอพูดเพราะ ใจเย็นและยิ้มแย้มเสมอ อนงค์ขายของที่นี่มาจะสิบปีแล้ว เธอไม่เคยเห็นอนงค์โมโหหรือด่าว่าใครเลยสักครั้ง เธอจึงเชื่อว่าอนงค์กานต์ก็ไม่ต่างจากแม่ จึงอยากให้ลูกสาวคบกับเพื่อนที่ดี ๆ แบบนี้ ถึงแม้ฐานะของครอบครัวอนงค์จะไม่ค่อยดี แต่หงส์ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ
-----
"พี่ ล็อกกุญแจเก็บถังแก๊สกับเตาให้ดี ๆ นะ นิดเช็ดถ้วยกับจานให้แห้งเลยนะลูก แล้วเอาผ้าคลุมให้ทั่ว ๆ ฝุ่นจะได้ไม่เกาะ"
วันนี้ก๋วยเตี๋ยวและขนมจีนยังคงขายดี ของหมดั้แ่ยังไม่บ่ายโมง สามพ่อแม่ลูกช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาด และเก็บข้าวของให้แ่ากว่าปกติเพราะต้องหยุดขายไปอีกหลายวัน
พรุ่งนี้เป็วันนัดฟังผลการตรวจที่โรงพยาบาล สี่วันที่ผ่านมาจะบอกว่าทั้งครอบครัวไม่เครียดเลยก็เป็ไปไม่ได้ แต่ด้วยความที่ทำงานยุ่งตลอดเวลา ช่วยให้ลืมความกังวลนี้ไปได้ในบางขณะ และช่วยให้ระยะเวลาผ่านไปเร็วแบบไม่รู้ตัว พรุ่งนี้ก็รู้แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ค่อย ๆ แก้ไขกันไปทีละเปลาะ ชีวิตคนก็เป็แบบนี้ ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างหรอก อยู่ที่ยอมรับและแก้ไขอย่างไรมากกว่า กานต์และอนงค์คิดแบบนั้น จึงได้รอคอยผลแบบใจเย็นและมีสติมากขึ้น
