เห็นลูกชายขุ่นเคืองใจเช่นนี้ สะใภ้ใหญ่เฉินก็สะดุ้งเฮือก
เป็เธอที่เข้าใจผิดไปเอง เซี่ยเสี่ยวหลานมีใครเป็คู่หมายแล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเธอกันเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นเก่งภาษาอังกฤษ สอบสองครั้งติดกันก็ได้คะแนนเต็ม ขอเพียงช่วยให้เฉินชิ่งทำคะแนนเพิ่มได้เป็ลูกสะใภ้หรือไม่คือเื่สำคัญรองลงมา สะใภ้ใหญ่เฉินยินดีดูแลเซี่ยเสี่ยวหลานเสมือนว่าตนเป็ ‘แม่สามี’!
“แม่ผิดไปแล้ว ว่าแต่วิธีเรียนของเธอมีประโยชน์จริงหรือ?”
เฉินชิ่งพยักหน้า “ผมคิดว่าเธอเก่งมากถ้าพัฒนาต่อไป คะแนนสอบเกาเข่าปีหน้าต้องดีกว่าผมแน่ๆ ”
สะใภ้ใหญ่เฉินไม่สบายใจขึ้นมาทันที
คนเป็แม่ทุกคนล้วนคิดว่าลูกของตนยอดเยี่ยมที่สุด เฉินชิ่งกลับบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเก่งกว่าเขาสะใภ้ใหญ่เฉินย่อมไม่อยากยอมรับ แต่ความจริงนั้นวางอยู่ตรงหน้านี้แล้วเฉินชิ่งเจอตัวอักษรต่างภาษาเ่าั้ก็ปวดศีรษะ แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับสามารถคว้าคะแนนเต็มมาได้อย่างง่ายดาย
“แม่ว่าเธอใกล้กลับมาแล้ว ลูกอย่าร้อนใจไปเสี่ยวหลานจะไม่สนใจแม้แต่บ้านได้หรือ?”
กว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะเดินทางมาถึงก็กินเวลาไปสี่ห้าวันหลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินรออยู่ที่บ้านรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะหลิวเฟินเป็ครั้งแรกที่เธอแยกกับเซี่ยเสี่ยวหลานนานเพียงนี้ พอตกกลางคืนก็ได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาหลับไม่ลง
กังวลไปก็ไร้ประโยชน์ ธุรกิจในมือไม่สามารถหยุดพักไว้ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางไกลเพื่อทำธุรกิจเป็ครั้งแรกความปลอดภัยของเธอสำคัญที่สุด จะได้กำไรหรือขาดทุนล้วนเป็เื่รองลงมา ได้กำไรก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าขาดทุนขึ้นมา ชีวิตของคนทั้งบ้านคงต้องฝากความหวังไว้กับธุรกิจของหลิวเฟินในตอนนี้แล้ว
อากาศเริ่มเย็นลง
ยิ่งเวลาผ่านไป การรับซื้อปลาไหลก็ยากยิ่งขึ้น อีกไม่กี่วันธุรกิจนี้จำต้องหยุดพักไว้หลิวเฟินอดไม่ได้ที่จะไปโรงงานสกัดน้ำมันวันละหลายๆ รอบ กากน้ำมันที่นั่นกองรวมกันเป็ูเาขอแค่ยอมเปลืองแรงกาย ย่อมไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้กำไร
หลิวเฟินอุตส่าห์ขุนร่างกายขึ้นมาอย่างยากเย็น ในเวลาสั้นๆ ก็ผ่ายผอมลงอีกแล้ว!
หลี่เฟิ่งเหมยจึงเกลี้ยกล่อมเธอ “เสี่ยวหลานฉลาดออกเธอมีอะไรให้ไม่วางใจกัน”
หากเป็ลูกชาย หลิวเฟินก็คงไม่กังวลทว่าเสี่ยวหลานเป็ลูกสาวคนหนึ่งเท่านั้น
พี่สะใภ้กับน้องสามีต่างปลอบโยนพร้อมให้กำลังใจซึ่งกันและกันอยู่ที่บ้านมิใช่เื่ง่ายกว่าที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะนำสินค้าสามกระเป๋าลงรถได้ จะให้ขนสินค้ากลับหมู่บ้านชีจิ่งก่อนแล้วค่อยนำมาขายที่ซางตูอย่างนั้นหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คนไร้หัวคิด
เธอนำเงินพกติดตัวไป 900 หยวนเงินที่เหลือในกระเป๋าตอนลงจากรถไฟนี้เหลืออยู่ไม่เกิน 20 หยวน
เข็นเสื้อผ้ากลับไปเพื่ออะไรกัน ขายหมดเร็วเท่าที่จะทำได้ในซางตูดีที่สุดยังมีเวลาเหลืออีกทั้งวัน
เซี่ยเสี่ยวหลานหารถเข็นขนาดเล็กได้ขณะอยู่ที่หยางเฉิง ด้านล่างมีลูกรอกท่อเหล็กธรรมดาจำนวนหนึ่งเชื่อมเข้าด้วยกันเป็รูปร่าง ใช้เข็นสินค้าได้สะดวกสบายไม่เช่นนั้นเธอคงนำเสื้อผ้ากลับมาคนเดียวไม่ไหว
ขณะที่เข็นสินค้าไปอย่างช้าๆ ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้พบกับร้านตัดเสื้อแห่งหนึ่งข้างถนน
“ฉันขอยืมเตารีดของพวกคุณใช้สักหน่อยได้ไหม? ฉันยินดีให้ค่าตอบแทน”
เซี่ยเสี่ยวหลานเช่ายืมเตารีดหนึ่งอันสำเร็จ
เงินที่เหลือถูกเธอนำไปแปลงเป็ไม้แขวนเสื้อราวแขวนผ้าตั้งพื้นสองราวมีลักษณะเก่าเก็บ ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงซื้อเศษผ้าเล็กน้อยมาห่อหุ้มไว้ทำให้ดูมีราคาขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะเสื้อนอกกันหนาวขนสัตว์ที่มีเพียงไม่กี่ตัวเธอพิถีพิถันรีดจนเรียบแปล้ รอยยับเล็กน้อยก็ไม่มี ต่อให้เป็เสื้อผ้าที่ถูกแขวนไว้ข้างทางก็ยังดูดีมีระดับยิ่งนัก
ในเวลานี้ธุรกิจอิสระล้วนมีมากราวกับเป็กองโจรตรงไหนเหมาะแก่การตั้งแผงก็ตั้งตรงนั้น ตราบใดที่ไม่มีคนรายงานย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ต้องถกเถียงกัน ตอนนี้ผู้คนเคยชินกับการจับจ่ายสินค้าต่างๆตามถนนตรอกซอกซอยด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานหาที่ว่างตรงมุมถนนและแขวนเสื้อผ้าทั้งหมดไว้ไม่ทันไรก็มีคนมาถามไถ่ราคาแล้ว
“เสื้อถักของเธอนี่ขายอย่างไร?”
“คุณช่างตาถึงจริงนะคะ นี่เป็เสื้อถักแบบใหม่ล่าสุดจากหยางเฉิงคุณคือลูกค้าคนแรก ฉันคิดราคาให้คุณเท่านี้”
เสื้อไหมพรมสีสันฉูดฉาดดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมาเสื้อที่ผู้หญิงคนนี้ถูกใจคือเสื้อไหมพรมใบเมเปิ้ลสีเขียวซึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานโปรดปรานมากตอนนั้นเถ้าแก่บอกว่าราคา 15 หยวน เซี่ยเสี่ยวหลานอดที่จะเจรจาต่อรองราคาไม่ได้สุดท้ายราคาที่ได้คือตัวละ 14 หยวนส่วนตัวที่คอเสื้อมีขอบลูกไม้กับลูกปัดหลากสีราคาซื้ออยู่ที่ 12 หยวน
เสื้อไหมพรมราคารับซื้อ 14 หยวนเซี่ยเสี่ยวหลานกลับให้สัญญาณท่าทางว่า 36 หยวน!
แพงเกินไปหรือไม่?
เสื้อไหมพรมหนึ่งตัวราคาเท่าเงินเดือนเดือนหนึ่งแล้ว!
แพงเสียแทบตายให้ได้
ลูบไล้ไหมพรมแล้วนุ่มสบายมือทีเดียวแต่ถ้าซื้อไหมพรมมาถักเองย่อมใช้เงินไม่เท่าไร เงิน 36 หยวนซื้อเสื้อไหมพรมหนึ่งตัวหรือ? อย่างกับเธอมีเงินมากจนลวกมือ [1]!
เซี่ยเสี่ยวหลานราวกับอ่านความคิดของเธอออก
“นี่เป็แบบเสื้อซึ่งถักทอโดยเครื่องจักรอย่างประณีตที่ทั้งเมืองซางตูก็หาไม่ได้อีกทั้งโรงงานที่หยางเฉิงยังส่งออกไปต่างประเทศด้วย!”
ทุกฝีเข็มล้วนแ่าละเอียดลออ ใช้มือถักอาจมีบางตำแหน่งที่แน่นหลวมไม่เสมอกันมักเห็นร่องรอยของฝีมือคนบ้าง แม้ยอดฝีมือด้านการถักไหมพรมจะสามารถถักเสื้อไหมพรมได้คุณภาพเทียบเท่าเครื่องจักรแต่มิใช่ทุกคนที่จะเป็ผู้เชี่ยวชาญ... จะถักเป็เสื้อแบบนี้คนเก่งแค่ไหนก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือน
ลูกค้าหญิงใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
“36 หยวนแพงไปหน่อยนะ...”
เงิน 36 หยวนซื้อเสื้อไหมพรมนั้นสิ้นเปลืองแน่นอนทว่าเดิมทีการอุปโภคบริโภคของยุคนี้ก็บ้าระห่ำมากโดยปกติผู้คนบีบค่าใช้จ่ายทางวัตถุไว้ให้ต่ำที่สุดแต่ในบางครั้งเงินที่สะสมไว้กลับไม่เสียดาย
เซี่ยเสี่ยวหลานนำเสื้อคลุมสีขาวออกมาตัวหนึ่ง จากนั้นเอาเสื้อไหมพรมใบเมเปิ้ลสีเขียวซ้อนไว้ข้างใน
“ใส่ข้างนอกได้ และสามารถเข้าชุดกับเสื้อผ้าอื่นด้วยคุณภาพและการออกแบบโดดเด่นไม่มีใครเหมือน คุณจ่ายเงินจำนวนนี้คุ้มค่าอย่างแน่นอน!”
เสื้อนอกกันหนาวสีขาว!
เซี่ยเสี่ยวหลานนำเข้าสินค้านี้นี่ช่างกล้าเกินไปแล้ว
เสื้อนอกราคาสูงถึงร้อยกว่าหยวน สวมใส่แล้วคนต้องรักใคร่เอ็นดูมากเป็แน่สีขาวเป็สีที่เลอะเพียงเล็กน้อยก็ปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจนใส่แล้วยังทำงานได้หรือ? สวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงถึงเพียงนี้ย่อมต้องเป็โอกาสในการโอ้อวด ไม่จำเป็จะต้องทำงานด้วยซ้ำ
เดิมทีหญิงสาวคนนี้แม้แต่ซื้อเสื้อไหมพรมยังลังเล แต่กลับพบว่าขนาดเสื้อนอกสีขาวก็ดูดีมากเช่นกัน
ไม่ได้ ห้ามถามราคา เสื้อตัวนั้นเห็นแล้วก็รู้ว่าแพงเหลือเกิน
บริเวณด้านหน้าแผงลอยของเซี่ยเสี่ยวหลาน ไม่รู้ว่าถูกหญิงสาววัยรุ่นล้อมไว้ั้แ่เมื่อไรพวกเธอมองเสื้อคลุมด้วยดวงตาระยิบระยับ
“ราคาเท่าไร!”
“เป็ขนสัตว์คุณภาพดีจริงหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ทุกคนไม่ต้องรีบร้อนทีละคนๆ สินค้ามีเพียงพอ ต้องเลือกเสื้อผ้าที่ตัวเองพอใจได้แน่นอน”
คนหลอกลวง เสื้อคลุมสีขาวแขวนไว้มีแค่ตัวนั้น สินค้าเพียงพอที่ไหนกัน?
เสื้อไหมพรมของเซี่ยเสี่ยวหลานราคาสามสิบกว่าหยวนกางเกงขาบานก็ราคาสามสิบหยวน
เธอกลับตั้งราคาเสื้อนอกไม่โหดร้ายนัก ตัวละ 128 หยวน ในห้างสรรพสินค้าก็ออกแบบสวยงามสู้ของเธอไม่ได้ แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับคิดราคาแค่ 108 หยวนเท่านั้น น้อยกว่า 20 หยวนคนที่ควักเงินส่วนนี้ซื้อได้ล้วนรู้สึกคุ้มค่า
ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยเสี่ยวหลานจับคู่เสื้อผ้าได้ดีมาก ทั้งการบริการอัธยาศัยดีกว่าพนักงานขายในห้างสรรพสินค้าเป็ร้อยเท่า
หากจ่ายเงินซื้อเสื้อผ้าของเธอ เธอจะชมแล้วชมอีก ลูกค้าแต่ละคนที่เธอเอ่ยปากชมล้วนเป็มนุษย์ดุจเทพธิดาต่อให้รู้ว่าหลอก ก็รักที่จะฟังวาจาเยินยอหวานฉ่ำปานน้ำผึ้งอยู่ดี โดยเฉพาะคำกล่าวที่ออกมาจากปากของเซี่ยเสี่ยวหลานผู้งดงามช่างทำให้อารมณ์เบิกบานเสียจริง!
ทำการหว่านล้อมเหล่าสตรีจนพอใจก็ห่างจากการหลอกให้พวกเธอล้วงเงินไม่ไกลแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คาดคิด สิ่งที่ขายหมดก่อนกลับเป็เสื้อนอกกันหนาวซึ่งตั้งราคาเกินหนึ่งร้อยหยวน
เนื่องจากเธอมีขีดจำกัดทางด้านต้นทุน จึงรับสิ่งนี้มาแค่ 6 ตัวเท่านั้น!
เนื่องจากไม่มีใครนำเงินติดตัวเป็ร้อยหยวนมาเดินเตร่ ทุกคนจึงโยนเงินมัดจำให้กับเซี่ยเสี่ยวหลานจากนั้นรีบเร่งกลับบ้านไปนำเงินมา เซี่ยเสี่ยวหลานยืนอยู่ที่เดิมไม่กี่ชั่วโมง ก็ใในกำลังซื้ออันบ้าคลั่งของสตรีซางตูเพราะขอเพียงเป็เสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ ล้วนถูกคนแย่งชิงไปจนหมดเกลี้ยง
การออกแบบและคุณภาพของเสื้อไหมพรมชุดนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเลือกเฟ้นด้วยความตั้งใจ
ตลาดค้าส่งเสื้อผ้าในซางตูนั้นไม่มี ถือว่าคือสินค้าของหยางเฉิงไร้ที่เปรียบแต่ขายดีถึงเพียงนี้ ยังคงเหนือความคาดหมายของเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ดี
เสื้อไหมพรมเหลืออยู่ในมือเธอสองตัวเพราะตั้งใจเก็บไว้โดยเฉพาะ
เงินทองหาได้ง่ายเช่นนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย เธออดใจจองตั๋วรถไปหยางเฉิงแทบไม่ไหวเงินที่หามาหมุนเวียนอีกเพียงไม่กี่รอบ ปีหน้าเธอก็สามารถซื้อบ้านในซางตูได้แล้ว ถ้ามีคนยอมขายบ้านให้ล่ะนะ!
เธอวางแผนอาศัยในซางตูสักระยะเรียบร้อยแล้ว เมื่อเทียบกับซางตูตลาดของเขตอันชิ่งนั้นมีขนาดเล็กเกินไป
เซี่ยเสี่ยวหลานเข็นรถสินค้าของตนเองตอนแรก้าหาบ้านพักรับรองสักแห่งเพื่อพักผ่อน ทันใดนั้นก็คิดขึ้นได้ว่าเช่าบ้านก็ได้เช่นกันเธอจะไม่เข้าไปถามแต่ละแห่ง ในเมืองซางตูเซี่ยเสี่ยวหลานก็มีคนคุ้นเคยอยู่คนหนึ่งหูหย่งไฉแห่งบ้านพักรับรองประจำเมือง!
เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานเข็นรถสินค้าปรากฏตัวต่อหน้าตน หูหย่งไฉก็เกิดความฉงนขึ้น
“เสี่ยวหลานเองหรือ ไม่เจอกันนานฉันได้ยินจากจูฟ่างว่าเธอกลับไปเรียนมัธยมแล้ว?”
เชิงอรรถ
[1]钱多烫手 เงินมากลวกมือ มีคำพูดว่าเงินเยอะไม่ลวกมือ หมายถึง มีเงินมากเป็เื่ดี ในที่นี้ลูกค้าหญิงตั้งใจประชดประชันว่าเงินเธอมีมากจนลวกมือเลยต้องซื้อเสื้อราคาแพง