หลังจากที่เขาได้เเยกย้ายกับเหล่าสหายของตนที่อยู่คนละตำหนัก ศิษย์พี่จางลี่ได้ฝากฝังให้ศิษย์พี่ตงหยางเดินไปส่งตนที่หน้าตำหนักเหมือนครั้งเเรกที่ได้เจอกันตรงที่ตลาด ทว่าศิษย์พี่ใหญ่โจวเซินได้ผ่านมาทางนั้นพอดีจึงอาสาเดินกลับตำหนักไปพร้อมกับตน ถึงหนิงอ้ายจะสามารถเเยกแยะได้ว่าชายหนุ่มผู้เป็ศิษย์พี่นั้นเพียงเเค่มีใบหน้าเหมือนกับเเทนไทและไม่ใช่คนเดียวกันอย่างแน่นอน
หนิงอ้ายกลับมีความรู้สึกบางอย่างที่ว่าไม่ควรอยู่ใกล้กับคนนี้จะเป็การดีที่สุด อาจจะดูเสียมารยาทไปบ้างกับศิษย์พี่โจวเซินผู้เป็ถึงศิษย์พี่ใหญ่ในตำหนักของตนก็จริง ทว่าหนิงอ้ายยังมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ สายตาที่อีกฝ่ายมองมาชวนให้เขารู้สึกอึดอัดใจไปไม่น้อยเช่นกัน เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายจากชายหนุ่มทั้งสองคนหนิงอ้ายจึงเลือกที่จะเดินกลับตำหนักของตนในทันทีอย่างไม่รั้งรอโดยที่ไม่ต้องให้ผู้ใดต้องมาคอยรับส่งตนทั้งสิ้น
วิหคสอดแนมของหนิงอ้ายก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม หนิงอ้ายได้รับรู้ทุกสิ่งที่ศิษย์พี่ท่านนี้ทำเป็ประจำทุกวัน ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่เจอความผิดปกติก็จริง เเต่ถึงอย่างไรหนิงอ้ายยังคงสั่งให้วิหคสอดแนมติดตามอีกฝ่ายต่อไปด้วยเพราะยังรู้สึกไม่วางใจ
ส่วนทางฝั่งของเฟยหลงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของศิษย์พี่ตงหยางความรู้สึกในตอนนี้ที่มีต่ออีกฝ่ายก็เป็เพียงเเค่ความหมั่นไส้ในความเเข็งแกร่งที่ชวนให้หงุดหงิดใจเป็บางครั้ง สาเหตุก็เนื่องจากเนตรเเห่ง์ที่ยังไม่สามารถล่วงรู้ความลับของอีกฝ่ายได้เท่านั้นเอง
หากเฟยหลงได้ยินสาเหตุที่ร่างบางไม่ชอบหน้าตนนั้นคงจะพูดไม่ออกเลยทีเดียว...
วันพักผ่อนตามที่ทางสำนักกำหนดให้เป็วันหยุดได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วยิ่งนักให้ความรู้สึกเหมือนเพียงพริบตาเดียว แม้ว่าหนิงอ้ายจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝนตนแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็ทั้งในเชิงเวทย์ เชิงยุทธ์รวมไปถึงการหลอมสร้างโอสถระดับหนึ่งให้มีความแม่นยำที่มากยิ่งขึ้น
ทุกคืนเด็กหนุ่มยังคงดูดซับหินปราณที่ได้รับมาก่อนหน้าไปพร้อม ๆ กับการชักนำปราณฟ้าดินเข้าสู่ร่างกายของตนตามเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆา อีกทั้งยังเตรียมทำของขวัญให้กับสหายของตนอย่างอี้หลินล้วนเเต่เป็ความลับทั้งสิ้น แม้กระทั่งเ้าต้าเฮยที่ออดอ้อนด้วยความอยากรู้มากเเค่ไหนเเต่หนิงอ้ายก็ไม่ได้บอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ เพียงเเต่บอกให้อีกฝ่ายร่วมลุ้นไปพร้อมกับอี้หลินในวันนั้นจะดีกว่า
เ้าตัวน้อยพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะบอกว่าตนก็ควรเตรียมของขวัญบ้างเช่นกัน ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าวันหยุดที่ผ่านมาทั้งหนึ่งผู้ฝึกตนหนึ่งสัตว์อสูรต่างได้ใช้เวลาคุ้มค่าเป็อย่างมากที่สุด...
"ศิษย์น้องหนิงอ้ายช่างมากไปด้วยพร์ เ้าเห็นด้วยหรือไม่??" เหยียนฮุ่ยเอ่ยถามกับไป๋เหลียนฮวา
"เพียงไม่กี่วันก็สามารถหลอมสร้างปรุงโอสถระดับหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์ทั้งสิบส่วนเเล้ว หากศิษย์น้องหนิงอ้ายไปสอบเลื่อนระดับเป็นักปรุงโอสถระดับหนึ่ง ด้วยวัยเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้ ข้าว่าในบรรดาห้าสำนักที่เหลือหากทราบข่าวนี้คงไม่นิ่งนอนใจเป็แน่..." ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยตอบไปตามสิ่งที่ตนคิดซึ่งทุกคนในที่นี้ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้
"นอกจากฝีมือการหลอมสร้างปรุงโอสถที่เรียกว่าเก่งกาจไปมากกว่าอายุเเล้ว ความสามารถเชิงยุทธ์การต่อสู้ก็ไม่ด้อยไปเช่นกัน ฟังว่าการทดสอบเข้าสำนักนั้นกลุ่มของศิษย์น้องได้พบเจอกับสัตว์อสูรระดับสูงหลายครั้งเเต่ก็สามารถผ่านมาได้อย่างง่ายดาย..."
"ทั้งตัวของศิษย์น้องหนิงอ้ายรวมไปถึงสหายคนอื่น ๆ นับได้ว่ามากไปด้วยความสามารถทั้งในเชิงเวทย์และเชิงยุทธ์ที่มากกว่าศิษย์ใหม่ในรุ่นเดียวกันไปไม่น้อยเช่นกัน สหายเเต่ละคนยังมีิญญายุทธ์เฉพาะโดดเด่นที่คาดว่าน่าจะมาจากตระกูลใหญ่เสียด้วยซ้ำ..."
"ฟังว่าเเต่ละตำหนักที่ได้สหายของศิษย์น้องไปเข้าร่วมสังกัด ต่างได้เเสดงความสามารถอันโดดเด่นเป็ประจักษ์แก่สายตา บางคนนั้นถึงกับถูกรับเป็ศิษย์สายตรงของผู้าุโในตำหนักนั้นอีกด้วย ดูท่าเเล้วงานประลองระหว่างตำหนักในครั้งหน้าข้าว่าอันดับการเเข่งขันย่อมมีความเปลี่ยนเเปลงอย่างแน่นอน..."
"ช่างเป็กลุ่มรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยความสามารถอย่างเเท้จริง!!"
"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าเคยคิดว่าผู้ใดกันที่จะสามารถตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักเราได้ จนมาถึงตอนนี้กลับกลายเป็ศิษย์น้องหนิงอ้าย ยอมรับว่าครั้งเเรกข้าประหลาดใจและรู้สึกเคลือบเเคลงใจเป็อย่างมาก ทว่าความสำเร็จในก้าวเเรกของศิษย์น้องในวันนี้กล่าวได้ว่าเหนือชั้นกว่าข้าใน่อายุเดียวกันยิ่ง..."
"ทุกคนในที่นี้ก็ใช่ว่าจะธรรมดาไปเสียเมื่อไหร่ พวกเ้าที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปีเเต่กลับเป็นักปรุงโอสถระดับสี่กันเเล้ว...."
"ทุกคนล้วนมีแนวทางเป็ของตน ขอเพียงพวกเ้ามุ่งมั่นและทำอย่างเต็มที่ให้ถึงที่สุดเเล้วผลลัพธ์ที่ได้รับหลังจากนั้นย่อมเป็ผลดีต่อพวกเ้าอย่างแน่นอน..." เกาเจินกล่าวสำทับไปอีกครั้งกับบรรดาศิษย์น้องของตน
"เมื่อวานนี้ศิษย์พี่ใหญ่ก็ได้ทำการเก็บตัวเพื่อเลื่อนระดับพลังิญญา ไม่รู้ว่าในครั้งนี้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ฟังว่าท่านอาจารย์ได้มอบโอสถลมปราณระดับแปดให้ศิษย์พี่โจวเซินไปหนึ่งเม็ด หากว่าประสบวาสนา์มากพอศิษย์พี่ย่อมผ่านพ้นเป็ผู้ฝึกตนระดับราชันิญญาขั้นสูงได้เป็แน่..."
"ศิษย์พี่ใหญ่โจวเซินเป็ความภาคภูมิใจของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา สามารถและพร์ของนักปรุงโอสถระดับห้าด้วยอายุเพียงเท่านี้นับได้ว่าหาได้ยากยิ่งไม่รู้ว่าผู้ใดกันจะได้เป็เ้าของหัวใจดวงนี้ไป..."
"ตำหนักของพวกเราส่วนใหญ่เเล้วล้วนเป็บุรุษทั้งสิ้น ต่อไปข้าคงต้องเรียกขานฮูหยินของศิษย์พี่เเต่ละคนว่าพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้สาม พี่สะใภ้สี่เสียแล้วกระมัง..."
"ข้าคงจะเป็ท่านน้าเป็ท่านป้าของหลาน ๆ อีกหลายสิบคน หากเหมือนไปทางฝั่งมารดาข้าก็คงดีใจด้วยไม่น้อย เเต่หากเหมือนทางฝั่งบิดามากกว่าข้าขอสงสารพี่สะใภ้และหลานของข้าที่ต้องมีสามีและบิดาเป็ศิษย์พี่สี่อย่างแน่นอน..." เมื่อจบคำของสตรีเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้หรือไปเหลียนฮวาก็ได้สร้างเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างชอบใจจากทุกคนในที่นี้
ตัวคนที่เปิดประเด็นคุยนั้นในตอนนี้ได้หลบหลังศิษย์พี่และศิษย์น้องของตนไปมา ด้วยเพราะกำลังถูกเหยียนฮุ่ยผู้ที่ถูกพาดพิงถึงนั้นกำลังวิ่งไล่จับอยู่นั่นเอง...
หนิงอ้ายที่ได้เห็นและได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ผ่านวิหคสอดแนมของตนนั้นก็รู้สึกมีความสุขไปด้วยเช่นกัน เห็นว่าสมควรแก่เวลาตามนัดหมายที่ต้องไปหาท่านอาจารย์ของตนเพื่อเรียนรู้เนื้อหาในส่วนต่อไป หนิงอ้ายจึงตรวจสอบความเรียบร้อยของตนอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยชวนเ้าตัวน้อยให้ไปกับตนด้วย
ต้าเฮยก็ไม่ได้ปฏิเสธอันใดก่อนที่อีกฝ่ายจะหายไปอยู่ในอกเสื้อของเด็กหนุ่ม พร้อมกับชูคอไปมาส่งสัญญาณว่าพร้อมมากเเล้ว จากนั้นหนิงอ้ายจึงร่ายเวทย์ป้องกันคลุมทับเรือนพักหลังนี้ทันทีอย่างไรเสียปลอดภัยไว้ก่อนเป็การดีที่สุด
ถึงหน้าเรือนพักของเหวินหวู่ผู้เป็อาจารย์ของตนเเล้ว หนิงอ้ายได้ตั้งโตะเตรียมอาหารให้อีกฝ่ายเรียบร้อย อาหารเเต่ละวันหนิงอ้ายได้ใส่สมุนไพรบำรุงหลากหลายชนิด จุดประสงค์ก็เพื่อบำรุงร่างกายไปไม่ต่างการกินโอสถ ด้วยเพราะว่าสมุนไพรบางชนิดก็มีส่วนช่วยในการดึงรสชาติของอาหารให้อร่อยมากขึ้นเช่นกัน
เหวินหวู่ได้เห็นว่าศิษย์คนเล็กผู้นี้ได้นำความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่มีคุณสมบัติประโยชน์มาใส่ลงในเมนูอาหาร ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างไปจากการทานโอสถบำรุงในทุกวัน หนิงอ้ายจึงได้รับคำชมจากท่านอาจารย์ไปมากมายเลยทีเดียว
ให้เวลาท่านอาจารย์ในการทานมือเช้านี้ด้วยความไม่เร่งรีบ หนิงอ้ายจึงขอเเยกตัวไปทำหน้าที่ของตนเช่นเดิมนั่นคือการรดน้ำดูเเลสวนสมุนไพร อีกทั้งสมุนไพรเเห้งหลายสิบชนิดที่เขาได้ใช้ไปกับการหลอมสร้างโอสถในหลายวันที่ผ่านมาก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงไปบ้างเเล้ว เด็กหนุ่มจึงจัดการเก็บสมุนไพรเหล่านี้พร้อมกับนำมาตากเเห้งให้สนิท เพื่อที่จะได้ใช้สมุนไพรเหล่านี้ในการหลอมสร้างโอสถในครั้งต่อไป...
"ท่านอาจารย์วันนี้ข้าพาใครบางคนมารู้จักท่านด้วยนะขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
"ต้าเฮยเป็สัตว์อสูรที่ข้าเจอในขณะที่มันได้รับาเ็จากการไล่ล่าจากผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งตรงป่าข้างเมืองหมอกทมิฬ ตอนนั้นข้าคิดเพียงจะนำอีกฝ่ายมารักษาเเต่กลายเป็ว่าเ้าตัวน้อยนี้ถึงกับตามติดข้าไม่ห่าง จนสุดท้ายข้าจึงต้องยอมรับมันมาเป็สัตว์เลี้ยงจนได้ขอรับ..." หนิงอ้ายเล่าที่มาของเ้าตัวแสบนี้ให้กับอาจารย์ด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่ย้อนคิดไปถึงตอนนี้ที่อีกฝ่ายเเสดงท่าทางประหลาดและน่ารักมากเเค่ไหนเพื่อที่ออดอ้อนให้เป็สัตว์เลี้ยงของตน…
ทางฝั่งของเหวินหวู่ที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายได้พาบางคนหรือบางสิ่งมาแนะนำให้ตนรู้จักนั้น เขาก็พอรับรู้ได้ว่าอาจจะเป็สัตว์อสูรของอีกฝ่ายก็เป็ได้ กลิ่นอายของสัตว์อสูรที่เเผ่ออกมารอบตัวของเด็กหนุ่มให้ความรู้สึกไปไม่ต่างจากสิ่งป้องกันจากสัตว์อสูรระดับมายาเลยทีเดียว ศิษย์ของเขาช่างมากไปด้วยวาสนาเสียจริงที่สามารถสัตว์อสูรระดับสูงเช่นนี้ได้
เเต่เมื่อตนได้เห็นเ้าก้อนสีดำในมือศิษย์ของตน พร้อมกับถ้อยคำแนะนำที่บรรยายไปถึงความน่ารักของสัตว์เลี้ยงตัวนี้ เพียงเเค่มองครั้งเดียวเหวินหวู่ก็รู้ได้ทันทีว่าลูกศิษย์ของตนนั้นคงถูกหลอกหรือเต็มใจให้หลอกจากท่าทางและรูปลักษณ์ไปแล้วอย่างแน่นอน
ลักษณะภายนอกของสัตว์เลี้ยงที่เด็กหนุ่มตั้งชื่อให้ว่าต้าเฮยก็ช่างดูพอเหมาะเข้ากันเสียจริง ลำตัวเรียวยาวที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีดำเลื่อมระยิบระดับ ดวงตากลมโตสีเเดงฉานนั้นดูดุดันเป็อย่างยิ่ง เเต่เมื่อมือของเด็กหนุ่มผู้เป็ดั่งเ้านายของมันลูบส่วนหัว จากท่าทางข่มขวัญเมื่อครู่กลับแปรเปลี่ยนเป็ท่าทางออดอ้อนไปเสียอย่างนั้น ส่วนที่ยื่นออกมาคล้ายกับเขาเล็ก ๆ บนหัวยิ่งตอกย้ำว่าอีกฝ่ายนั้นเป็สิ่งใด
ไม่ผิด...ไม่ผิดแน่ นี่คืออสรพิษผู้เป็ดั่งมือขวาของท่านผู้นั้น เเล้วเหตุใดจึงได้ปรากฏตัวอยู่ข้างกายของเด็กหนุ่มได้กัน เเล้วการที่อีกฝ่ายถึงกับละทิ้งซึ่งศักดิ์ศรี ยอมเป็สัตว์เลี้ยงให้กับลูกศิษย์ของตนนั้นมีความหมายใดมากว่านี้หรือไม่กันนะ...
คล้ายกับว่าจะล่วงรู้ความคิดของอีกฝ่าย ทันใดนั้นได้ปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น มีเพียงชายชราผู้เดียวเท่านั้นที่ได้ยิน
'ตาเฒ่าเหวินไม่พบเจอกันนานสบายดีหรือไม่?? นายท่านมีคำสั่งให้ข้าคุ้มครองนายหญิงเเต่เพียงเท่านั้น ที่สำคัญอย่าได้แพร่งพรายออกไปว่าข้านั้นเป็ผู้ใดเเล้วกัน...'
ถ้อยคำข่มขู่อย่างอุกอาจที่ถูกส่งตรงให้กับชายชราผู้เป็เ้าตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานั้น ช่างเป็การข่มขวัญเอ่อ...เป็การพูดคุยที่ดูราวกับว่าสนิทสนมกันเสียจริง
ทางฝั่งของหนิงอ้ายที่ไม่ได้ยินหรือััถคงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเพียงชั่วขณะ ก็ยังคงพูดถึงความน่ารักของเ้าตัวน้อยให้อาจารย์ของตนได้ฟัง พร้อมกับเอ่ยสำทับไปหลายครั้งว่าต้าเฮยสัตว์เลี้ยงของตนนั้นน่ารักเป็ที่สุด
เหวินหวู่รู้สึกราวกับถูกทุบอย่างตั้งตัวไม่ทันเสียอย่างนั้น อันใดกันคือปกป้องนายหญิง เเล้วนี่ศิษย์คนเล็กของเขาไปข้องเกี่ยวกับท่านผู้นั้นได้อย่างไร แม้ว่าจะเต็มไปด้วยคำถามในตอนนี้เเต่เขาที่พอรู้จักและได้ยินกิตติศัพท์ของท่านผู้นั้นมาไม่น้อย ดังนั้นการไม่สงสัยจะเป็การดีที่สุด
เขาทำได้เพียงเป็ห่วงเด็กหนุ่มตรงหน้าตนยิ่งนัก ไม่รู้ว่าไปทำสิ่งใดให้ท่านผู้นั้นถูกใจได้จนถึงขั้นสั่งการให้มือขวาคนสนิทที่มักจะเคลื่อนไหวในภารกิจที่สำคัญเท่านั้นต้องมาแฝงตัวอยู่เคียงข้างเช่นนี้ได้...
หลังจากที่ฝืนตัวทำปกติราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งสิ้น ได้ทำการรู้จักต้าเฮยที่เป็สัตว์เลี้ยงของลูกศิษย์ของตนเเล้วนั้น เหวินหวู่จึงได้ออกปากอนุญาตให้ต้าเฮยสามารถเที่ยวเล่นทุกพื้นที่ในตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานี้ได้เพียงเเต่อย่าสร้างความวุ่นวายแก่ผู้อื่นก็เพียงพอเเล้ว
กล่าวจบชายชราก็ได้เห็นใบหน้าซาบซึ้งของเด็กหนุ่มตนที่มองมาไปพร้อม ๆ กับใบหน้าที่เชิดขึ้นของอสรพิษตัวน้อยนี้ ที่ส่งเสียงตอบกลับมาว่าหากไม่อนุญาตก็ไม่คิดจะฟังอยู่แล้วเช่นกัน
"ตอนนี้เ้าจะสามารถปรุงโอสถระดับหนึ่งความบริสุทธิ์สิบส่วนได้เเล้วก็จริง เเต่ถึงอย่างไรนเ้าก็ยังไม่ได้เป็นักปรุงโอสถระดับหนึ่งเต็มตัว เนื่องจากเ้ายังไม่ได้ไปสอบเลื่อนระดับที่สำนักโอสถอาจารย์จะพาเ้าไปเอง อย่างไรก็เตรียมตัวและวันพรุ่งนี้ให้เ้ามาเเต่เช้าเล่า..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าในตอนนี้สัตว์อสูรตัวน้อยได้ขอเด็กหนุ่มออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก ปล่อยให้หนิงอ้ายอยู่กับอาจารย์สองคนในห้องนี้
"ขอรับท่านอาจารย์..."
"อาจจะดูรวดเร็วและข้ามขั้นไปบ้าง เเต่ด้วยความสามารถของเ้าเเล้วในวันนี้อาจารย์จะสอนเ้าให้หลอมสร้างปรุงโอสถระดับสองเสียเเล้วกัน..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับภายมือตวัดสมุนไพรที่จำเป็ในโอสถระดับสองออกมาจากเเหวนมิติของตน
"โอสถระดับสองล้วนมีขั้นตอนและวิธีการเช่นเดียวกันกับการหลอมสร้างปรุงโอสถระดับที่หนึ่ง เพียงเเต่ว่าผู้ที่จะสามารถปรุงโอสถระดับสองขึ้นมาได้นั้นจะต้องเป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาขึ้นไป ส่วนรายละเอียดย่อยที่เหลือนั้นข้าจะบอกเ้าอีกทีเเล้วกัน..."
เหวินหวู่ก็ได้ใช้เตาโอสถเดิมก่อนหน้า ตวัดเรียกสมุนไพรที่้านั้นลงไปยังเตาโอสถทันที ิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟอันเป็เปลงเพลิงประจำตัวนั้นได้แผดเผาสมุนไพรเหล่านี้ด้วยความรวดเร็ว เพียงหนึ่งเค่อเท่านั้นสมุนไพรที่ได้เห็นก่อนหน้าก็แปรเปลี่ยนโอสถระดับสองจำนวนสองเม็ด ความบริสุทธิ์สิบส่วนนอนก้นอยู่ในเตาโอสถเป็ที่เรียบร้อย
"โอสถระดับสองที่เ้าปรุงได้ในวันนี้จะมอบคืนให้เ้าทั้งหมด อาจารย์อยากจะให้เ้านำโอสถระดับสองเหล่านี้ไปเเลกเป็แต้มคะแนนพร้อมกับขอเเลกเป็สมุนไพรตามที่เ้า้าที่อาคารส่วนกลางได้..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู
"ข้าจะทำตามที่ท่านอาจารย์แนะนำขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปด้วยความมุ่งมั่น เมื่อทบทวนขั้นตอนการหลอมสร้างปรุงโอสถระดับสองที่อาจารย์ของตนได้เเสดงให้เห็นเมื่อครู่เเล้วนั้น เด็กหนุ่มจึงนั่งอยู่หน้าเตาโอสถและพร้อมที่จะหลอมสร้างปรุงโอสถเสียที...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้