“จบเทศกาลไหว้พระจันทร์ก่อนค่อยขายขอรับ” ประโยคนี้ของหลี่ฝูคังทำให้ชายชราไฝดำรู้สึกยินดียิ่ง
บ้านหลี่ขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวานมาแล้วสี่วัน เมื่อรวมจำนวนที่ขายทั้งในอำเภอฉางผิงและตำบลจินจีแล้ว พวกเขาขายไปได้ทั้งสิ้นหกพันแปดร้อยชิ้น นับว่าเกินจำนวนที่หลี่หรูอี้คาดไว้มาก
ขายได้มากก็ได้เงินมาก เมื่อหักต้นทุนแล้ว กำไรของสามวันนี้ก็มากถึงห้าสิบตำลึง มากกว่าขายสูตรแป้งย่างใส่ไข่ยี่สิบตำลึง
วันที่สิบสี่เดือนแปดเป็วันสุดท้ายที่บ้านหลี่จะขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวานโดยจะส่งสินค้าเท่านั้น ไม่รับสั่งจองเพิ่มเติมแล้ว
ตอนนี้ลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ในอำเภอฉางผิงและตำบลจินจีซื้อกันไปจนครบแล้ว บ้านหลี่จึงให้คนงานทั้งห้ากลับบ้าน
ยามเย็นเมื่อดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำ หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังนั่งเกวียนลาเดินทางจากตัวอำเภอกลับมาบ้านด้วยอารมณ์ผ่อนคลายและยินดี
ยามเย็น หลี่อิงฮว๋า หลี่ิ่หาน และหลี่หรูอี้ ที่นอนชดเชยกันไปหนึ่งชั่วยามมีความกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นเล็กน้อย
เมื่อทั้งครอบครัวกินอาหารเย็นง่ายๆ และคำนวณบัญชีเสร็จแล้วก็รู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก จึงพากันไปอาบน้ำและเข้านอน คิดจะนอนพักผ่อนยาวๆ พรุ่งนี้จะได้ไปซื้อของในตำบลแล้วฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์กันให้สนุกสนาน
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด เวลาล่วงเลยไปอย่างเงียบเชียบ กระทั่งจ้าวซื่อก็หลับไปแล้ว
จู่ๆ ก็มีเสียงของบุรุษดังมาจากด้านนอก “เจี้ยนอัน ข้าลุงหวังเอง ใต้เท้าหลิวหัวหน้าผู้ดูแลศาลาพักม้ามาหา เ้ารีบตื่นขึ้นมาเปิดประตูเร็วเข้า”
จ้าวซื่อยังไม่ได้หลับลึกจึงตื่นขึ้นมาเป็คนแรก นางใจนใจเต้นตึกตัก เมื่อฟังแล้วพบว่าเป็เสียงของหวังไห่ จึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เด็กๆ ทั้งห้าคนเหนื่อยล้าจนหลับลึกกันไปแล้ว นางจึงต้องลุกไปปลุกพวกเขา
ใต้เท้าหลิวผู้เป็ขุนนางประจำศาลาพักม้ายังคงสวมชุดขุนนางสีเขียว พาผู้ติดตามสองคนที่มากับเขาเมื่อคราวก่อนมาด้วย เมื่อเดินมาถึงห้องโถงก็กล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม “ข้ามาบ้านพวกเ้าดึกดื่นเช่นนี้ เพราะขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน”
เมื่อคนบ้านหลี่ได้ยินว่า ใต้เท้าหลิวมาเพราะเื่อาหารเช่นคราวที่แล้วก็มองหน้าสบตากัน
ใต้เท้าหลิวเป็คนหน้านิ่ง แต่เมื่อพูดคิ้วจะขยับไปมาให้ความรู้สึกว่าเป็คนใจดี “ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของบ้านเ้าได้รับคำชมจากนายอำเภอ ท่านให้ข้ามาซื้อจากพวกเ้าสองพันชิ้น จะมารับพรุ่งนี้เช้า พวกเ้าจะว่าอย่างไร” กล่าวจบก็วางตั๋วเงินใบหนึ่งลงบนโต๊ะให้แสงตะเกียงสาดส่อง
แม้แสงจากตะเกียงจะค่อนข้างสลัว แต่เมื่อหลี่ิ่หานที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดปรายตามองไปก็ยังเห็นว่าเป็เงินจำนวนสิบตำลึง ดวงตาพลันเปล่งประกายสว่างไสว จึงรีบขยับปากอย่างไร้เสียงบอกจำนวนเงินกับหลี่หรูอี้งโดยพลัน
“นี่!?” หลี่เจี้ยนอันรับผิดชอบเพียงการขายจึงไม่แน่ใจ ได้แต่มองไปทางหลี่หรูอี้
หลี่หรูอี้กล่าวเสียงเบา “ใต้เท้าเ้าคะ ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของบ้านข้าน้อยขายออกไปหมดแล้ว ไม่มีเหลือแม้เพียงชิ้นเดียว ตอนนี้ยามไห่ (สี่ทุ่มกว่า) แล้ว เวลากระชั้นชิดเกินไป อีกทั้งหากจะทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานก็ต้องใช้น้ำมันงาเป็จำนวนมาก น้ำมันงาของพวกเราเหลือไม่มากแล้ว พอทำได้เพียงแปดร้อยชิ้น…”
ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหลิวเป็รองผู้ดูแลประจำศาลาพักม้า คอยดูแลเื่การซื้อของและการคลัง จึงรู้ว่ามีอะไรที่ศาลาพักม้าบ้าง เนื่องจากนี่เป็เื่เร่งด่วนจึงกล่าวไปว่า “ที่ศาลาพักม้ามีน้ำมันงาอยู่ ข้าจะส่งคนไปเอามาให้เ้า”
หลี่หรูอี้นึกไม่ถึงว่าจะมีน้ำมันงาอยู่ที่ศาลาพักมาด้วย ทว่าที่นั่นมีแขกสูงศักดิ์มาพักบ่อยๆ หากมีน้ำมันงาอยู่ก็คงเป็เื่ปกติ นางแบมือทั้งสองอย่างลำบากใจ “ใต้เท้า ต่อให้มีน้ำมันงาแล้ว แต่หากพวกเราเริ่มทำั้แ่ตอนนี้จนถึงพรุ่งนี้เช้า อย่างมากก็ทำได้เพียงหนึ่งพันสองร้อยชิ้น”
“หนึ่งพันสองร้อยชิ้นก็ได้ พวกเ้ารีบไปทำเถิด” สีหน้าของใต้เท้าหลิวดีกว่าตอนแรกมาก
เดิมทีเมื่อตอนเย็นเขาได้นำของขวัญไปเยี่ยมนายอำเภอห่าวที่อำเภอฉางผิงมาแล้ว ซึ่งของขวัญที่เขาเตรียมไปก็มีขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของตระกูลหลี่อยู่ด้วย
นายอำเภอห่าวเคยกินขนมไหว้พระจันทร์รสหวานที่จวนตนเองแล้ว เดิมทีคิดว่าอาหารเลิศรสโอชาเช่นนี้มาจากร้านขนมในเมืองเยี่ยน แต่มารู้จากใต้เท้าหลิวว่า บ้านหลี่เป็คนทำ นี่เป็อาหารเลิศรสที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง จึงรีบให้ใต้เท้าหลิวมาขอซื้อขนมไหว้พระจันทร์ถึงบ้านหลี่ วางแผนว่าพรุ่งนี้เช้าจะนำไปให้โจวโม่เสวียนที่จวนเยี่ยนอ๋องเพื่อตอบแทนบุญคุณที่สนับสนุนเขา
หลี่หรูอี้กล่าวเตือนไปว่า “ใต้เท้าต้องนำน้ำมันงามาจากศาลาพักม้าสักสิบชั่งนะเ้าคะ”
“ข้าจะกลับไปที่ศาลาพักม้า อย่างมากอีกครึ่งชั่วยามน้ำมันงาคงมาถึงบ้านเ้า” ใต้เท้าหลิวกลัวคนบ้านหลี่จะเร่งร้อนทำงานจนทำขนมไหว้พระจันทร์ออกมาได้ไม่ดี จึงกล่าวกำชับว่า “พวกเ้าต้องทำขนมออกมาให้ดี อย่าให้มีขนมที่เสียปะปนไปเป็อันขาด”
หลี่หรูอี้กล่าวด้วยใบหน้านอบน้อม “หากข้าน้อยรับปากว่า จะทำสองพันชิ้นก็คงจะต้องมีของเสียปะปนไปบ้าง ทว่าตอนนี้รับปากใต้เท้าว่า จะทำเพียงหนึ่งพันสองร้อยชิ้น นั่นก็เพื่อรับประกันคุณภาพสินค้า ใต้เท้าวางใจได้เลยเ้าค่ะ”
“ข้าทำการค้ากับครอบครัวพวกเ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง นี่นับเป็ครั้งที่สอง ข้าเชื่อใจพวกเ้า” ในที่สุดใต้เท้าหลิวก็กลับไปพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อหวังไห่ส่งใต้เท้าหลิวและผู้ติดตามเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาบอกเื่นี้กับเฟิงซื่อที่รอเขาอยู่ในบ้าน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอิจฉา “นายอำเภอซื้อขนมไหว้พระจันทร์บ้านหลี่อีกแล้ว ใต้เท้าหลิวจ่ายเงินรวดเดียวเป็ตั๋วเงินสิบตำลึง”
เฟิงซื่อกล่าวพึมพำ “ได้ยินมาว่า บ้านหลี่ขายขนมไหว้พระจันทร์ได้หลายพันชิ้น ขายชิ้นละสิบทองแดง” หวังจื้อเกาบุตรชายของนางเรียนหนังสืออยู่ที่ในตำบล สหายร่วมสำนักศึกษาซื้อให้อาจารย์สิบชิ้น อาจารย์ท่านนั้นดีใจยิ่งนัก ทว่าตระกูลหวังไม่อาจทำใจจ่ายเงินร้อยทองแดงเพื่อซื้อขนมไหว้พระจันทร์รสหวานจำนวนสิบชิ้นได้จริงๆ
หวังไห่นึกถึงบุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองที่ไม่ได้ความพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เด็กๆ บ้านหลี่มีความ สามารถจริงๆ”
เฟิงซื่อบ่นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “มิเช่นนั้นน้องจ้าวจะมาขอร้องข้าหรือ เซี่ยจื้อไปขายปลาที่เมืองเยี่ยน ข้าให้เขาไปบอกสองพี่น้องหลี่ซานแล้วว่าให้รีบกลับมา พรุ่งนี้ก็วันไหว้พระจันทร์แล้ว เหตุใดสองคนนั้นยังไม่กลับมาอีก?”
“หลี่ซานซื่อบื้อจริงๆ กิจการของที่บ้านใหญ่โตเช่นนี้กลับไม่สนใจ เอาแต่ไปทำงานขนย้ายก้อนหินที่เมืองเยี่ยน แต่ละวันเหนื่อยจนหอบลิ้นห้อยเหมือนหมาทั้งยังเสี่ยงอันตรายมาก เพิ่งจะได้เงินไม่กี่ทองแดง หากเขากลับมาข้าจะพูดกับเขาแน่นอน” ระยะนี้หวังไห่ใส่ใจแต่กิจการก่อสร้างเตียงเตาเพื่อให้มีชื่อเสียงดีงาม หวังให้ชื่อตระกูลหวังผู้ก่อสร้างเตียงเตาแห่งหมู่บ้านหลี่ขจรขจายไปไกล
แม้การก่อเตียงเตาจะมิได้ทำเงินได้รวดเร็วเช่นการขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน แต่เขาก็ยังใส่ใจมากเช่นนี้ ส่วน หลี่ซานกลับไม่สนใจกิจการขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของตระกูลหลี่สักนิด ถึงขั้นไม่ยอมกลับบ้านกลับเรือน
“ใช่แล้ว สองพี่น้องหลี่ซานโง่เขลาเช่นนี้ ทำให้น้องจ้าวโกรธเคืองไปหมดแล้ว เ้าต้องพูดกับพวกเขาดีๆ เล่า”
“หลี่ซานทึ่มทื่อกว่าลาของบ้านหลี่เสียอีก เขาจะฟังคำพูดข้าหรือ”
“ต้องฟังแน่ อย่างไรเ้าก็เป็หัวหน้าหมู่บ้าน”
เมื่อใต้เท้าหลิวกลับไปถึงศาลาพักม้าในตำบลจินจีแล้ว ก็ให้ผู้ติดตามนำน้ำมันงาสิบชั่งมาส่งที่บ้านหลี่
พี่น้องบ้านหลี่กระตือรือร้นเป็อย่างยิ่ง ทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตลอดคืนโดยไม่หลับไม่นอน เช้าวันต่อมาจึงส่งมอบขนมไหว้พระจันทร์รสหวานให้ใต้เท้าหลิวได้ทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยชิ้น
ใต้เท้าหลิวนำรถม้ามาด้วยคันหนึ่ง ผู้ติดตามช่วยกันขนตะกร้าที่ใส่ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานทั้งหกตะกร้าขึ้นรถม้าไป
“ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของบ้านเ้าอร่อยจริงๆ ปีต่อไปพวกเ้าก็ขายอีกเถิด ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานกลายเป็อาหารขึ้นชื่อประจำเมืองเสียเลย” ใต้เท้าหลิวสูดกลิ่นหอมอันอบอวลที่กระตุ้นความหิวเข้าไป จึงกล่าวชมเชยจากใจจริง จากนั้นก็วางตั๋วเงินให้อีกหนึ่งใบแล้วรีบพาคนกลับไป
หลี่เจี้ยนอันไปส่งใต้เท้าหลิวถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน กล่าวว่า “ใต้เท้าขอรับ พวกเรามอบขนมไหว้พระจันทร์รสหวานให้ท่านอีกห้าสิบชิ้น ให้ท่านนำไปฉลองเทศกาลขอรับ”
“พวกเ้าใส่ใจจริงๆ” ใต้เท้าหลิวให้ผู้ติดตามนำขนมไหว้พระจันทร์กลับไปที่จวนเพียงยี่สิบชิ้น ส่วนที่เหลือเขานำไปมอบให้นายอำเภอห่าวด้วยตนเองทั้งหมด
หลี่เจี้ยนอันมองส่งใต้เท้าหลิวจนกระทั่งลับตาแล้วจึงค่อยเดินกลับไปที่บ้านอย่างเร่งร้อน เมื่อเข้าไปยังห้องโถงก็ปรายตามองไปยังเหล่าน้องชายน้องสาว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “กี่ตำลึง!?”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้