“หมดเวลา...เย่ชิงหานเป็ฝ่ายชนะ”
เมื่อหมดเวลาเย่สือชีจึงประกาศผลการต่อสู้ออกมา
ผลที่ออกมาแน่นอนว่ามีทั้งคนมีความสุขและคนระทมทุกข์ แต่ผู้ที่อารมณ์เสียคนแรกกลับเป็ฮวาเฉ่า ใบหน้าที่งดงามที่ทำให้หญิงสาวหลายคนอิจฉาของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความแค้นเคือง ขว้างกระบี่ไม้ที่อยู่ในมือทิ้งพร้อมกับบ่นอุบอิบออกมา “ไม่สู้แล้ว ถือว่าข้าแพ้ก็แล้วกัน หากต่อสู้ไปเรื่อยๆ อย่างนี้ข้าคงได้กระอักเืตายจริงๆ ข้ายอมแพ้ ไม่เล่นแล้ว หอจันทงจันทราไม่ไปมันแล้ว...”
“อย่าเพิ่งสิ หลายครั้งที่เ้าเกือบจะทำสำเร็จแล้ว พรุ่งนี้มาลองกันใหม่รับรองว่าต้องชนะอย่างแน่นอน!”
เย่ชิงหานเดินเนิบๆ ตรงเข้ามาพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนใบหน้า สีหน้าอารมณ์ดีมีความสุข ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้น ท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ในที่สุดก็บรรลุถึงทักษะขั้นสูงของระดับชั้นที่หนึ่งเสียที ผลลัพธ์ที่ออกมาน่ายินดี ฮวาเฉ่าที่ระดับความเร็วสามารถเทียบได้กับผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นที่สามขอบเขตนักรบ ในเวลาหนึ่งชั่วโมงสามารถแทงถูกเขาได้เพียงแค่กระบี่เดียว แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าต่อไปหากพลังฝีมือเลื่อนขั้นขึ้นระดับความเร็วของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ถ้าเป็อย่างนั้นเขาก็จะสามารถเอาชีวิตรอดได้ท่ามกลางาที่ต่อสู้ตะลุมบอนกัน และยังมีโอกาสสังหารผู้มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตนักรบได้พริบตาเช่นเดียวกัน เก็บสะสมคะแนนได้อย่างเพียงพอนำไปแลกของรางวัลยาิญญาเทวะมาช่วยเหลือน้องสาวได้สำเร็จ...
“เฟิงจื่อ จ่ายเงิน จ่ายเงิน! ว่ะฮ่าๆๆ หนึ่งแสนก้อนผลึกพลัง!” เย่ชิงอู่ยืนอยู่ข้างๆ ะโโลดเต้นออกมาอย่างมีความสุข นางและเยว่ชิงเฉิงดูสังเกตการณ์อยู่หลายวันจึงได้คาดคะเนว่าวันนี้อัตราชนะของเย่ชิงหานสูงมาก จึงได้รวบรวมก้อนผลึกพลังทั้งหมดที่มีแทงข้างฝ่ายเย่ชิงหาน ผลที่ออกมาทำให้นางดีใจอย่างลิงโลดอย่างที่เห็น
“เอ่อ...เ้ากะเทย ทำไมถึงได้ไม่เอาไหนเช่นนี้ แล้วอย่างนี้ข้าจะเอากางเกงที่ไหนใส่ล่ะทีนี้” เฟิงจื่อสีหน้าขมขื่น คาดว่าหลังจากจบงานประลองคิดอยากจะไปเที่ยวหาความสำราญสักรอบคงยาก อย่าว่าแต่เหมาทั้งคืนเลย แค่อาหารตามสั่งสักชุดก็ไม่รู้จะมีเงินพอจ่ายหรือเปล่า...
สุดท้ายเฟิงจื่อจำต้องนำเงินที่มีทั้งหมดจ่ายออกไปจนหมดตัว แค่นั้นยังไม่พอยังไปขอยืมจากลูกหลานระดับหัวกะทิของตระกูลตนเองมาเพิ่มอีกนิดหน่อยถึงได้จ่ายออกไปจนครบ ส่วนฮวาเฉ่าเป็ตายอย่างไรก็ไม่สู้กับเย่ชิงหานอีก ขืนสู้ต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ เส้นประสาทของเขาคงได้ะเิแตกตายด้วยความอัดอั้นเป็แน่
เย่ชิงหานไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเรียกเย่สือชีมาฝึกซ้อมเป็เพื่อนตนเอง เดิมทีนักฆ่าตระกูลฮวาเป็คู่ซ้อมที่ดีที่สุด แต่ตนเองเกรงใจไม่อยากจะไปรบกวนคนอื่นๆ แม้การเรียกเย่สือชีมาช่วยเป็คู่ฝึกซ้อมจะดูสิ้นเปลืองทรัพยากรบุคคลไปหน่อย แต่นักรบต่างเผ่าที่ถูกเคลื่อนย้ายมานับวันยิ่งน้อยลงไปทุกที ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องใช้ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบมากอย่างที่เคย คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่อย่างใด
.................................
เวลาดั่งสายน้ำ ไหลผ่านไปไวโดยไม่รู้ตัว ชั่วพริบตาเดียวครึ่งเดือนผ่านไป ตอนนี้ก็ครบกำหนดระยะเวลาสามเดือนที่ทำการดักซุ่มตามที่เคยคุยกันไว้ วันนี้ทุกคนเตรียมตัวที่จะเดินทางออกจากสระสังหารมารแล้ว เดินทางลึกเข้าไปภายในป่ามายาพิศวงไปยังสถานที่ที่ทั้งสามเผ่าพันธุ์เริ่มเปิดฉากต่อสู้กันจริงๆ
ทุกคนในกองกำลังเริ่มยุ่งกับการทำงานกันั้แ่เช้าตรู่ คนที่เฝ้าระวังภัยก็เฝ้าระวังไป คนที่เก็บของก็เก็บไป คนที่เตรียมเสบียงอาหารก็เตรียมไป ไม่นานสระสังหารมารก็คึกคักขึ้นมาทันที
เย่ชิงหานและพวกฮวาเฉ่ากำลังกินขาหมูป่าย่างอย่างเอร็ดอร่อย ระยะทางจากที่ตรงนี้จนถึงใจกลางป่ามายาพิศวงยังอีกห่างไกล นั่งย่างเนื้ออยู่ตรงนี้จึงไม่กลัวที่จะถูกพบเห็น เมื่อกองกำลังออกเดินทางแล้วจะก่อกองไฟย่างเนื้อหรือทำอะไรเช่นนี้อีกย่อมไม่ง่าย อีกทั้งกลิ่นอาหารศัตรูอาจจะััได้ และยังต้องเตรียมตัวให้พร้อมสู้รบทุกสถานการณ์ขณะเดินทาง คงไม่ได้มีเวลามาให้ย่างเนื้อเช่นนี้อีก เนื้อย่างมื้อนี้เป็มื้อแรกในรอบเดือนที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น นายน้อยและคุณหนูทั้งหลายต่างกินกันจนอิ่มหมีพีมันก่อนจะยอมวางมือ
สำหรับระยะเวลาตลอดสามเดือนที่ดักซุ่มอยู่ที่นี่เย่ชิงหานค่อนข้างพอใจ ไม่เพียงทำให้สมาชิกของกองกำลังทุกคนได้เรียนรู้ถึงรูปแบบและวิชาของนักรบต่างเผ่าทั้งสองเผ่าที่ใช้ในการต่อสู้แล้ว ยังได้ประสบการณ์ในการสู้รบอีกด้วย อีกทั้งคนของตนเองไม่ได้าเ็ล้มตายแม้แต่คนเดียวแต่กลับสามารถสะสมคะแนนมาได้อย่างง่ายดายเกือบจะแปดร้อยคะแนน ที่สำคัญที่สุดคือท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ที่ฝึกฝนจนบรรลุถึงทักษะขั้นสูงของระดับชั้นที่หนึ่งได้ การเอาตัวรอดในการต่อสู้ข้างหน้ายิ่งมีมากยิ่งขึ้น ระดับพลังปราณรบเองก็เพิ่มขึ้นตามมาอีกมากเช่นกัน ตอนนี้เลื่อนขึ้นมาถึงระดับแรกขั้นสูงสุดของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์แล้ว
“เก็บของเสร็จแล้ว สามารถออกเดินทางได้ในทันที!”
ทางด้านทิศตะวันออกเมื่อเย่ชิงอู่ เยว่ชิงเฉิง และพวกนักรบหญิงเดินมาถึง ทุกคนเก็บของเสร็จนานแล้วรอเพียงแค่พวกนางเท่านั้น เมื่อมองเห็นพวกนางเดินมาเย่ชิงหานจึงโบกมือเป็สัญญาณพร้อมกับพูดขึ้น “ออกเดินทางได้!”
ถือเอาตามภูมิประเทศภายในเกาะแห่งความมืดมิดที่ตระกูลฮวาบันทึกไว้ ตอนนี้ทุกคนเดินทางเข้ามาได้เพียงหนึ่งในสามส่วนของเกาะเท่านั้น สนามรบที่ทั้งสามเผ่าจะต่อสู้กันอย่างชุลมุนวุ่นวายที่สุดคือบริเวณห้าสิบกิโลเมตรรอบๆ ทุ่งหญ้าสีเืที่อยู่ตำแหน่งใจกลางเกาะ เกาะแห่งความมืดมิดมีรูปทรงสามเหลี่ยม แต่ละมุมคือค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวของแต่ละเผ่าพันธุ์ ใจกลางเกาะเป็ทุ่งหญ้าสีเืที่มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล บริเวณรอบนอกของทุ่งหญ้าสีเืคือป่ามายาพิศวงที่ลักษณะภูมิประเทศค่อนข้างซับซ้อน เป็สถานที่เริ่มต้นให้เหล่านักรบระดับหัวกะทิทั้งหมื่นกว่าคนของทั้งสามเผ่าพันธุ์เปิดศึกเข่นฆ่ากันอย่างนัวเนียขึ้น เป้าหมายในตอนนี้ของพวกเย่ชิงหานเหล่าบุรุษนักรบเืร้อนทั้งหลายที่จะเดินทางไปก็คือ สนามรบตะลุมบอนแห่งนั้น
ผ่านการดักซุ่มมาสามเดือน กองกำลังของพวกเขาได้สังหารนักรบต่างเผ่าไปก็หลายคน สะสมทั้งประสบการณ์และการร่วมมือสอดประสานกันรบไปไม่น้อย กำลังใจในการรบเพิ่มขึ้นเป็อันมาก ตอนนี้มีพร้อมทั้งกำลังกายและกำลังใจอันฮึกเหิม พร้อมที่จะกระโจนเข้าสู่สนามรบต่อสู้โรมรันสักครา
กองกำลังค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ นับตามระยะทางที่ต้องเดินทางคาดว่าต้องใช้เวลาประมาณสิบวันถึงจะบรรลุถึงจุดหมายสนามรบตะลุมบอนแห่งนั้น นักฆ่าของตระกูลฮวาเริ่มแยกย้ายกันออกไปทั่วทุกทิศเพื่อสำรวจตรวจดูเส้นทาง
กองกำลังเดินทางอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงจุดสัญลักษณ์บนแผนที่ที่คาดว่าจะมีมารอสูรที่อันตรายอยู่ ยิ่งเวลาผ่านไปกองกำลังยิ่งค่อยๆ เข้าใกล้สนามรบที่ต่อสู้กันอย่างชุลมุนวุ่นวายนั้นมากขึ้นทุกที
ในวันที่เจ็ด กองกำลังของเย่ชิงหานพบเข้ากับกองกำลังแรกของเขตปกครองเทพา
กองกำลังนี้คล้ายกับว่าเพิ่งผ่านการสู้รบขนาดใหญ่มา จากเดิมสองร้อยคนตายไปสิบกว่าคนและคนอื่นๆ อีกกว่าครึ่งตามร่างกายยังมีอาการาเ็อยู่ ฮวาเฉ่าส่งสัญญาณบอกให้นักฆ่าของตระกูลรีบแยกย้ายกันออกไปเฝ้าระวังภัย จากนั้นเหล่านายน้อยทั้งหลายภายใต้การคุ้มกันของสมาชิกกองกำลังระดับขอบเขตจ้าวนักรบเดินตรงออกไปหายังกองกำลังนั้นในทันที
“สวัสดีนายน้อยหาน นายน้อยทั้งหลาย และนายท่านเย่สือซาน!”
ผู้นำกองกำลังเป็นายน้อยคนหนึ่งเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเื ข้างๆ มีผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบมือข้างซ้ายได้รับาเ็ ทั้งสองทำท่าเหมือนกับรู้จักพวกเย่ชิงหานที่เดินตรงเข้ามา ใบหน้ายิ้มเจื่อนๆ ออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้นต้อนรับ
“นายน้อยหาน ที่อยู่ตรงหน้าคือนายน้อยของตระกูลหลิวจากเมืองเฟิ้งหวง ส่วนชายร่างสูงใหญ่ที่ได้รับาเ็คือผู้คุมกันระดับขอบเขตจ้าวนักรบจากตระกูลของเขา” เย่สือซานเห็นเย่ชิงหานมองด้วยสายตาสงสัยจึงได้กระซิบบอกที่ข้างหู เย่ชิงหานตลอดการเดินทางล้วนใช้เวลาไปกับการฝึกฝนจึงไม่ได้มีเวลามาจดจำตระกูลเล็กต่างๆ ที่เป็บริวารอยู่ในสังกัดของตระกูลเย่
เมืองเฟิ้งหวง!
เย่ชิงหานพยักหน้าอย่างเข้าใจ เมืองเฟิ้งหวงเป็หนึ่งในยี่สิบเมืองใหญ่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองชาง ตระกูลหลิวเป็จ้าวปกครองเมือง หลังจากที่เข้าใจชัดเจนเย่ชิงหานจึงเอ่ยปากถามขึ้น “คุณชายหลิว เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้าเ็ล้มตายกันมากถึงเพียงนี้?”
คุณชายหลิวซิ่งได้ฟังใบหน้าขมขื่นมองไปยังด้านหลังของตนเองแล้วพูดขึ้น “เฮ้อ...ครั้งนี้เสียหายย่อยยับ ไม่รู้จะแบกหน้ากลับไปรายงานทางตระกูลอย่างไรดี นายน้อยหานไม่รู้หรอกรึว่าข้างหน้านั้นชุลมุนวุ่นวายกันขนาดไหน ชุลมุนวุ่นวายจนเละไปหมด...”
หลังจากฟังสิ่งที่คุณชายหลิวเล่ามา ทุกคนจึงได้เข้าใจเหตุการณ์ความเป็มาของเื่ราวทั้งหมด เหมือนว่างานประลองาระหว่างเขตปกครองของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิในครั้งนี้จะมีบุคคลสำคัญของเขตปกครองเทพปีศาจและเขตปกครองเทพคนเถื่อนมาเข้าร่วมด้วย กองกำลังของทั้งสองเขตปกครองที่จัดเตรียมมาในครั้งนี้แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังระดับหัวกะทิของแต่ละเขตปกครองมีนักรบระดับราชันย์ปีศาจและระดับราชันย์คนเถื่อนติดตามมาด้วยถึงเจ็ดแปดคน
ไม่ว่ากองกำลังใดของเขตปกครองเทพาที่พบเจอเข้ากับกองกำลังของทั้งสองเขตปกครองนี้ล้วนต้องาเ็ล้มตายกันเป็จำนวนมาก ไม่ก็ต้องแตกพ่ายกันไป กองกำลังของตระกูลหลิวโชคไม่ดีพานพบเข้ากับสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของเผ่าปีศาจ สุดท้ายเป็สมาชิกในกองกำลังอีกคนที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบทำการะเิตนเองจึงทำให้หนีรอดมาได้สำเร็จ...
สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิ?
ทางเผ่าปีศาจดูท่าคงจะเป็บุตรของหนึ่งในสองยอดฝีมือระดับขอบเขตปีศาจศักดิ์สิทธิ์มาเข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ ส่วนทางเผ่าคนเถื่อนแน่ชัดว่าน่าจะเป็ผู้ที่ถูกเล่าลือว่าสามารถทุบช้างให้ตายได้ด้วยมือข้างเดียวผู้นั้นเป็ผู้นำกองกำลัง รูปแบบการปกครองของเขตปกครองเทพปีศาจและเขตปกครองเทพคนเถื่อนไม่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนทางฝั่งเขตปกครองเทพา
เขตปกครองเทพคนเถื่อนมีเพียงหมันเสินที่เป็ผู้ปกครองแต่เพียงผู้เดียว เขตปกครองเทพปีศาจมียอดฝีมือระดับขอบเขตปีศาจศักดิ์สิทธิ์สองคนปกครองร่วมกัน สามารถทำให้เหล่ายอดฝีมือระดับหัวกะทิทั้งหลายต้องติดตามมาคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งถึงเพียงนี้แน่นอนว่าคงจะต้องเป็ทายาทของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไอ้บัดซบเอ้ย! กล้ารังแกคนของเขตปกครองเทพาของข้า อย่าให้เจอเชียวข้าจะบดขยี้ไม่ให้เหลือเลย ข้าไม่สนหรอกว่าจะเป็ลูกหลานหรือเมียน้อยของพวกมัน!” เฟิงจื่อเมื่อได้ฟังก็เดือดดาลจนควันออกจมูก เื่ราวเช่นนี้ควรเป็พวกเขาที่คิดจะทำก่อน ที่พวกเขารวมตัวกันเป็สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิก็เพื่อจะออกล่าสังหารศัตรู แต่ไม่คาดคิดว่าทั้งสองเขตปกครองกลับชิงเริ่มก่อนแล้ว...
“อืม...พวกเ้าเคยได้ยินไหมว่าเขตปกครองเทพาของพวกเรามีกองกำลังที่แข็งแกร่งเป็พิเศษปรากฏขึ้นมาบ้างไหม?” เย่ชิงหานนึกถึงพวกเย่อีขึ้นมาจึงรีบเอ่ยถามขึ้น
“มี! กองกำลังของแม่นางหลง ภายในสนามรบตะลุมบอนแห่งนั้นกองกำลังของนางบ่ายหน้าไปทางไหนล้วนกวาดล้างไปทุกที่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ และยังมีอีกกองกำลังหนึ่งที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ไม่รู้ว่าเป็ของขุมกำลังใด มีชื่อว่ากองกำลังเคียวสังหาร มีผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบสี่คน ที่เหลือล้วนเป็ระดับขอบเขตนักรบทั้งหมด แข็งแกร่งดุดันอย่างเหลือเชื่อ ข้าเคยเห็นกองกำลังระดับหัวกะทิของเผ่าคนเถื่อนถูกกองกำลังเคียวสังหารบดขยี้ไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียวภายในเวลาไม่ถึงสามสิบนาที
จากที่ข้าคาดเดา สาเหตุที่สุดยอดกองกำลังของเผ่าปีศาจเดือดดาลบ้าคลั่งเช่นนี้ คิดว่าคงเป็เพราะกองกำลังเคียวสังหารบดขยี้คนของเขตตนเองไปอย่างมากมายจนเกินไป...” คุณชายหลิวขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่สักพักจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับกล่าวออกมา
“อืม แล้วพวกเ้าเตรียมตัวที่จะกลับไปยังค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราว? หรือมีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกแล้วกัน” เย่ชิงหานกับเย่สือซานมองตากันเห็นได้ถึงแววของความดีใจและความเป็ห่วงกังวลที่อยู่ภายในดวงตาของอีกฝ่าย ดีใจเพราะคิดว่าพวกเย่อีคงเก็บสะสมแต้มได้เป็จำนวนมากแล้ว เป็ห่วงเพราะสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของเขตปกครองเทพปีศาจที่ไล่ตามฆ่า ดังนั้นเย่ชิงหานจึงรีบคุยอย่างรวบรัดเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“อืม กองกำลังของพวกข้าาเ็อย่างหนักคงต้องกลับไปรักษาก่อน คิดว่าคงรอให้ถึงศึกตัดสินสุดท้ายค่อยออกไปเสี่ยงดวงดูอีกสักรอบ ขอให้ทุกท่านราบรื่นและโชคดีในหนทางข้างหน้า...”
เย่ชิงหานมอบยารักษาอาการาเ็และเสบียงอาหารส่วนหนึ่งให้พวกเขาไป จากนั้นจึงออกเดินทางต่อ หลังจากทราบข่าวว่าพวกเย่อีอาจจะกำลังถูกสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของกองกำลังนักรบเผ่าปีศาจไล่ตามฆ่าอยู่ การเคลื่อนพลของพวกเขาจึงเพิ่มระดับความเร็วมากขึ้น พวกเฟิงจื่อเองก็เร่งความเร็วขึ้นเช่นกันเมื่อได้ทราบว่ากองกำลังเคียวสังหารเป็คนของตระกูลเย่ ทุกคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงเร่งระดับความเร็วในการเคลื่อนไปข้างหน้าให้เร็วขึ้นอีกหลายส่วน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้