ยามที่จ้าวลี่เจียตื่นขึ้นมา และได้เห็นร่องรอยเ่าั้บนร่างตน ใบหน้าของนางก็แดงทันที เพียงไม่นานอวิ๋นซานก็เดินเข้ามา เขาใช้เสื้อคลุมคลุมร่างนางไว้ และเตรียมจะอุ้มคนไปอาบน้ำ แต่จ้าวลี่เจียกลับหลบเลี่ยงในทันใด
อวิ๋นซานมองสตรีตรงหน้าอย่างมีนัยยะ ก่อนจะยิ้มปลงๆ “ซานเหนียง เ้าแน่ใจนะว่ายามนี้ยังมีเรี่ยวแรงให้ลุกเดินไปเอง? หรือว่า เ้าอยากจะรอให้อาซีและคนอื่นๆ กลับมาเห็นเ้าในสภาพนี้? ”
เมื่อคืนนี้ตัวเขาถูกพิษจนทำให้เป็คนบ้าคลั่งมากเพียงไร แน่นอนว่าเขายังคงจำได้อย่างชัดเจน นับแต่ที่มารดาของอวิ๋นซีเลือกจากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้เขาก็ไม่เคยแตะต้องสตรีคนใดแม้แต่คนเดียว ในชีวิตของเขา มารดาของอาซีถือเป็สตรีคนแรก ส่วนจ้าวลี่เจียผู้นี้เป็สตรีคนที่สอง และจะเป็คนสุดท้ายของเขา
“ไม่ใช่เพราะเ้าหรือไร” จ้าวลี่เจียแค่นเสียงเ็า เมื่อคืนเขาบ้าคลั่งมากจริงๆ มิคาดชายวัยกลางคนที่ดูสุภาพเรียบร้อยจะมีมุมบ้าดีเดือดเช่นนี้อยู่ด้วย ซึ่งนั่นก็มากพอจะทำให้คนใจริงๆ
อวิ๋นซานพยักหน้าอืมออกมาเสียงหนึ่ง “เป็ความผิดของข้าทั้งสิ้น เป็ข้าที่ไม่ดีเอง ดังนั้น ตอนนี้ให้ข้าชดเชยความผิดนั้นได้หรือยัง? ”
เมื่อพูดจบ เขาก็อุ้มคนขึ้นมาแล้วมุ่งหน้าไปยังถังอาบน้ำ จากนั้นก็ทำเพียงวางคนลงในถังแล้วพูดว่า “ข้าเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เ้าแล้ว อีกเดี๋ยวหากเ้าสวมเสื้อตัวในเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้บอกข้า”
“เหตุใดต้องบอกเ้า” จ้าวลี่เจียแอบอยู่ในถังอาบน้ำ สายน้ำอบอุ่นที่โอบล้อมกายช่วยผ่อนคลายเส้นประสาททุกเส้นของนาง ทำให้นางรู้สึกสบายไปทั้งร่าง ความเ็ปเมื่อแรกตื่นก็เหมือนว่าจะหายไปหมดแล้วเช่นกัน
อวิ๋นซานไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เพียงแค่หันกายไป “รอเ้า”
เมื่อจ้าวลี่เจียอาบน้ำเสร็จ นางก็สวมเสื้อตัวใน และหลังจากนั้น จู่ๆ อวิ๋นซานก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้นางต้องหันกายไปด้วยท่าทีราวกับทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ถึงกระนั้นอวิ๋นซานก็ยังคงนิ่งเฉยราวกับว่าไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้น เขาหยิบชุดที่วางอยู่อีกด้านหนึ่งขึ้นมา และเริ่มช่วยนางสวมใส่เสื้อผ้าทีละชั้นทีละชั้น ท่าทีเ่าั้ดูเหมือนเขาเคยปฏิบัติเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
นางเฝ้ามองบุรุษที่ช่วยสวมเสื้อผ้าให้ ชั่วขณะนั้นจ้าวลี่เจียก็ไม่รู้ว่าตนควรจะนิยามความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ถูกนี้อย่างไรดี นี่เป็ความรู้สึกที่ไม่อาจควบคุมได้ที่โลดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เมื่อก่อนตอนอาซียังเล็ก หลังจากที่แม่นมช่วยนางสวมเสื้อตัวในเสร็จแล้ว ข้าก็จะช่วยสวมเสื้อตัวนอกให้นางเสมอ ตอนเด็กๆ ร่างกายของอาซีไม่ค่อยแข็งแรง กลัวหนาว ดังนั้น เมื่อถึงฤดูหนาว นางจำต้องสวมเสื้อหลายชั้นมาก หลังจากนั้นนานวันเข้าก็กลายเป็ข้าที่เคยชินกับการช่วยแต่งตัวให้นางไปแล้ว มิคาดยามนี้ผ่านไปสิบกว่าปี แต่การทำเช่นนี้ก็ยังนับว่าคุ้นมืออยู่”
อวิ๋นซานเป็บุรุษที่แค่ได้เข้าใกล้ก็จะมอบความรู้สึกอันอบอุ่นให้ผู้อื่น
รอจนเขาช่วยจ้าวลี่เจียเกล้าผมเสร็จแล้ว นอกห้องก็มีเสียงของสาวใช้ดังลอดเข้ามา นางรายงาน “เรียนนายท่านอวิ๋น ฮูหยินอวิ๋น ท่านอ๋องและพระชายาพาซื่อจื่อน้อย จวิ้นอ๋องน้อย และจวิ้นจู่น้อยมาคารวะพวกท่านเ้าค่ะ”
เมื่ออวิ๋นซานได้ยินก็เดินออกไปต้อนรับทันที และเมื่อประตูถูกผลักเปิดออกก็เห็นครอบครัวของบุตรสาวยืนอยู่ในลาน ฉับพลันนั้นเสียงของจ้าวลี่เจียที่อยู่ในห้องก็ะโไล่หลังออกมา “ยังยืนนิ่งทำอันใดอยู่อีก? พวกเ้าเป็ผู้ใหญ่ทนหนาวหน่อยได้ แต่อย่าให้เด็กทั้งสามต้องหนาวไปด้วย”
เสียงเจื้อยแจ้วนั้นทำให้ในใจของอวิ๋นซีรู้สึกอบอุ่นยิ่ง ดูท่า บางทีจ้าวลี่เจียก็เหมาะสมกับบิดาตนจริงๆ คนทั้งอ่อนโยน จิตใจดี ซื่อสัตย์ และจริงใจต่อผู้อื่น ดังนั้น เมื่อนางได้รู้ว่าระหว่างพวกเขาได้เดินทางไปถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ในใจนางก็ดีใจยิ่งนัก
อวิ๋นซีเข้าไปคารวะปีใหม่อวิ๋นซานก่อน ชั่วขณะนั้นจ้าวลี่เจียที่คิดจะจากไปกลับถูกอวิ๋นซานรั้งตัวไว้ “นั่งลงตรงนี้”
ตอนที่เขาพูดจบก็สบเข้ากับสายตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของบุตรสาวพอดี นี่เป็ครั้งแรกที่อวิ๋นซีได้เห็นว่า เมื่อเป็เื่ของความสัมพันธ์ บิดานางเองก็เป็คนเด็ดขาดเผด็จการเพียงใด เมื่อก่อนนางคิดอยู่ตลอดว่าจะหาสตรีที่ดูแลเขาได้ให้เขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า อาจารย์อาน้อยจะได้ใจของท่านพ่อไปมากเชียวล่ะ
อวิ๋นซียิ้มชั่วร้าย ก่อนจะพูดว่า “ใช่แล้ว ท่านเป็มารดาข้า หากไม่นั่งตรงนี้ จะไปนั่งตรงไหนได้อีก”
ชั่วขณะนั้นจ้าวลี่เจียก็หมดคำจะพูด แต่เมื่อนึกถึงการตัดสินใจของตนก็ไม่คิดอิดออดอีกต่อไป นางกลับไปนั่งลงข้างกายอวิ๋นซานด้วยท่าทีสงบนิ่ง
อวิ๋นซีและจวินเหยียนคารวะปีใหม่คนทั้งสอง และได้รับอั่งเปามาสองอัน จากนั้นก็เป็หวานหว่านสามพี่น้อง เมื่อทุกคนคารวะปีใหม่ต่อผู้าุโทั้งสองเสร็จแล้ว อวิ๋นซีก็เสนอว่า หลังจากมื้ออาหารจะออกเดินทางไปบ่อน้ำร้อนด้วยกัน
ครั้งก่อนที่ได้ไปมาสองสามวัน นางรู้สึกชอบที่นั่นมาก
เดิมทีอวิ๋นซานคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นบุตรสาวและคนอื่นๆ ตื่นเต้นกันเพียงนั้น เขาก็ไม่อยากจะทำลายความสุขของทุกคน ดังนั้น ใน่บ่ายวันแรกของต้นปี ครอบครัวของอวิ๋นซีก็มุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำร้อนอย่างเอิกเกริก
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ข่าวเื่ที่หนิงอ๋องทั้งครอบครัวเดินทางไปบ่อน้ำร้อนก็ไปถึงหูของเสี้ยวเหวินตี้ที่อยู่ในวังหลวง ชายผู้สูงศักดิ์ถึงกับมุมปากกระตุก แต่สุดท้ายก็พูดเรียบๆ เพียงสั้นๆ “ปล่อยพวกเขาไปเถอะ” รอจนออกว่าราชการแล้ว เขายังมีโอกาสอีกมากที่จะจัดการกับลูกชายคนนี้ของตนผู้ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา
ทว่า ฮองเฮาที่ได้ทราบเื่แล้วเช่นกันกลับมีสีหน้าดำคล้ำ นางพูดเสียงเ็า “ตอนเด็ก หนิงอ๋องไม่ชอบเที่ยวเล่นเป็ที่สุด แต่ตอนนี้พอได้แต่งสตรีนางนี้เข้ามา วันทั้งวันไม่ทำการทำงาน คิดแต่จะไปเที่ยวเล่น”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็นึกถึงเฉิงิฮุ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เฉิงิฮุ่ยเป็แม่นางน้อยที่หลักแหลมยิ่ง สตรีที่มีสถานะสูงส่งเช่นนี้ต่างหากที่มีสิทธิ์จะมาเป็ลูกสะใภ้ตน ถึงแม้ไทเฮาและฮ่องเต้จะโปรดอวิ๋นซีมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็สตรีที่ไม่มีคนหนุนหลัง
ฉับพลันนั้นนางก็หันไปพูดสองสามประโยคกับนางกำนัลคนสนิทที่อยู่ข้างกาย ทว่า นางกำนัลคนนั้นเมื่อได้ยินแล้วก็อึ้งไป แต่ใช้เวลาไม่นานก็สามารถดึงสติกลับมาได้ “หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
……...........................................................................................
อวิ๋นซีไม่รู้เลยว่า ยามนี้ตนได้กลายเป็หนามยอกอกในใจผู้อื่นไปแล้ว ตกกลางคืนนางเดินนำเพ่ยเอ๋อร์และสาวใช้คนอื่นไปจัดการเื่ย่างเนื้อด้วยตนเอง ส่วนเนื้อที่จะใช้ย่างนั้นเป็พวกเว่ยหลงที่ขึ้นเขาไปล่ามา
ยากนักที่ทั้งครอบครัวจะได้มาอยู่พร้อมหน้ากันเช่นนี้ แน่นอนว่าในใจของอวิ๋นซียินดีปรีดาเป็อย่างยิ่ง ไม่ว่าคิดจะทำเื่อะไร ยามนี้แรงกายแรงใจก็มีเปี่ยมล้น คนทั้งกลุ่มอยู่ด้วยกันจนถึงยามไห่ถึงได้แยกย้ายไปพักผ่อน แต่อวิ๋นซานกลับรั้งอวิ๋นซีไว้ก่อน “พ่อมีเื่บางอย่างจะพูดกับเ้า”
อวิ๋นซานและอวิ๋นซีมุ่งหน้าไปยังห้องที่อวิ๋นซานใช้พักเป็การชั่วคราว โดยด้านนอกมีเพ่ยเอ๋อร์คอยเฝ้าอยู่ อวิ๋นซีถาม “ท่านพ่อ ท่านจะพูดกับข้าเกี่ยวกับเื่ของนางหรือเ้าคะ? ” จริงๆ แล้วนางมีลางสังหรณ์ว่า บิดาจะต้องเรียกหานางแน่
อวิ๋นซานพยักหน้า ก่อนจะหยิบกล่องที่พกติดตัวอยู่ตลอดออกมา จากนั้นก็วางลงบนมือของอวิ๋นซี “นี่เป็โอสถที่นักบวชใหญ่รูปหนึ่งจากซีอวี้เป็ผู้หลอมขึ้นมา หากว่านางกินเข้าไปแล้ว นางก็จะลืมเลือนข้าและเ้าไปจนหมดสิ้น”
มือของอวิ๋นซีสั่นน้อยๆ นางมองไปยังอวิ๋นซาน เม้มปาก “ท่านพ่อ ท่านตัดสินใจแน่แล้วหรือเ้าคะ? ” อันที่จริงหลิงเยว่เซวียนไม่ได้สำคัญสำหรับนางขนาดนั้น เพียงแต่คนเป็มารดาผู้ให้กำเนิดของเ้าของร่างเดิม นางจึงให้ความสนใจเป็พิเศษ และให้อีกฝ่ายได้มีที่ยืนอยู่ในใจนาง
หากให้เทียบระหว่างหลิงเยว่เซวียนกับอวิ๋นซาน หลิงเยว่เซวียนก็ไม่นับเป็อะไรทั้งนั้น ไม่ใช่ว่านางเืเย็นหรอกนะ เพียงแต่ใจของอวิ๋นซีไม่ได้ใหญ่นัก ในแต่ละห้องล้วนบรรจุสามี ลูก บิดาอวิ๋น พี่รอง และท่านน้าหานอี้ไว้แล้ว จึงไม่เหลือพื้นที่ว่างแบ่งให้หลิงเยว่เซวียน
อวิ๋นซานพูดด้วยสีหน้าท่าทางที่ตั้งใจยิ่ง “เมื่อคืน ตอนอยู่ในวังข้าถูกพิษหอมกินกระดูกเข้า นางเองก็ถูกพิษหอมเย้ายวนนี้เช่นกัน ข้าจึงให้นางกินยาแก้พิษเข้าไป เพื่อกดข่มไว้ชั่วคราว สุดท้าย นางก็ยังคงเลือกอวี๋อ๋อง อาซี พ่อรู้ว่า ต่อให้นางจะนึกออกแล้ว แต่พ่อกับนางคงไม่อาจกลับไปเป็เหมือนเดิมได้ อีกทั้ง พ่อเองก็ควรจะรับผิดชอบซานเหนียง ดังนั้น ในเมื่อทุกอย่างเป็เช่นนี้แล้ว เหตุใดจึงไม่ทำให้มันหมดจดไปเลยเล่า”
แม้ปากจะบอกเช่นนี้ แต่ใจเขาก็ยังเ็ปมาก ความยึดมั่นที่มีมากว่ายี่สิบปีจะให้วางลงทั้งหมดในทันทีก็ถือว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ