บทที่ 115 เกิดใหม่
ยามนี้ ฉู่ซินเหยาทนไม่ได้กับข่าวที่ว่าฉู่อวิ๋นตายแล้ว ก็รู้สึกหมดหวังอย่างยิ่ง นางยอมตายดีกว่ายอมแต่งงานกับคนอื่น
หัวใจของนางเป็ของฉู่อวิ๋น!
“ฟุ่บ——”
ในชั่ววินาที มีดที่วาววาบ รวดเร็ว ก็กำลังจะแทงทะลุหน้าอกของคนงาม
แต่ในยามนี้ ฉู่เจิ้นหนานสูดลมหายใจอย่างเยือกเย็นแล้วหันกลับมา เขาโบกมือใหญ่เบาๆ ลมที่ฝ่ามือก็พัดออกมาทำลายใบมีดจนแตกเป็เสี่ยงๆ เศษเหล็กปลิวว่อนจนฉู่ซินเหยาแทงตัวเองไม่ได้
“เ้าอยากลงนรกไปอยู่กับไอ้ตัวหายนะนั่นหรือ? อยากตายหรือ?! หึ! มันไม่ง่ายขนาดนั้น!”
ฉู่เจิ้นหนานตะคอก ดวงตาของเขาเบิกโพลงด้วยความโกรธแล้วสาวเท้าไปตบหน้าฉู่ซินเหยาอย่างแรง
“เพียะ!”
เสียงตบดังขึ้น ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบทั่วทั้งลาน พลังนั้นแข็งแกร่งมากจนฉู่ซินเหยากระเด็นตกลงไปในทะเลสาบ ราวกับว่าวที่เชือกขาด
เมื่อเห็นสิ่งนี้ คนรับใช้ที่อยู่ใกล้ๆ ก็ตัวสั่นด้วยความกลัว นี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นฉู่เจิ้นหนานทุบตีฉู่ซินเหยาโดยไร้ความเมตตาใดๆ ทั้งสิ้น
ในเวลานี้ ฉู่ซินเหยาถูกแช่อยู่ในทะเลสาบเย็นๆ ร่างกายของนางเปียกโชกจนความหนาวกัดกินกายและจิตใจ
“อึก...”
นางลอยอยู่บนน้ำอย่างอ่อนแรงและไอเป็เืสีแดงสดออกมา น้ำตาแห่งความสิ้นหวังของนางปนเปกับน้ำในทะเลสาบ นางรู้สึกผิดอย่างยิ่ง
“มานี่! พานังหญิงโง่คนนี้ขึ้นมา! ดูแลนางให้ดี อย่าปล่อยให้ทำเื่โง่ๆ อีก!”
“ขังนางไว้ในห้อง! หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามออกไปข้างนอก!”
ฉู่เจิ้นหนานสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด หายใจแรงและโกรธมาก ถ้าฉู่ซินเหยาตาย เขาจะอธิบายให้กองกำลังเ่าั้ฟังอย่างไร?
อย่างน้อยจนกว่าการแต่งงานจะเสร็จสิ้น ฉู่เจิ้นหนานจะไม่ยอมให้นางตาย
สินค้ากระเบื้องเคลือบอันประณีตนี้ จะต้องเก็บไว้อย่างดีและบรรจุหีบห่อเหมือนเดิม เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉู่เจิ้นหนานก็หันหลังกลับไปที่ห้องเพื่อนับของขวัญที่ตระกูลอื่นส่งมา
ยามนี้ ดวงตาของฉู่ซินเหยาเลื่อนลอย นางจมอยู่กับความคิด ทำเพียงนอนอยู่บนทะเลสาบและลอยไปตามกระแสน้ำ จับจ้องไปยังเมฆสีขาวบนท้องฟ้า ร่างกายที่เปียกชื้นตกอยู่ในความงุนงง
ดวงตาของนางว่างเปล่าราวกับศพเดินได้ ิญญาแตกสลายราวกับว่าได้ตายไปแล้ว
“พี่ซินเหยา ทำไมท่านถึงอ้วนขึ้นอีกแล้ว? ทำไมในชามข้าไม่เห็นมีเนื้อเลย ข้าเศร้ามาก!”
“พี่ซินเหยา ท่านเล่นกู่ฉินได้ไพเราะมาก ขอฟังไปตลอดเลยได้หรือไม่? ฮิๆ”
“พี่ซินเหยา ข้าจะปกป้องท่านอย่างแน่นอน! แน่นอน!”
คำพูดของชายหนุ่มที่เด็ดเดี่ยวยังคงอยู่ในใจ นางหลับตาลงอย่างเศร้าโศก เ็ป และไม่กล้ามองเมฆสีขาวบนท้องฟ้าอีกต่อไป
เพราะมีน้ำตาใสๆ ไหลออกมาจากหางตา เมื่ออัดอั้นไว้ไม่ได้จึงพรั่งพรูออกมาเหมือนเขื่อนแตก
ท้องฟ้ากว้างใหญ่ สีครามใสดุจน้ำ เมฆขาวลอยล่องข้ามเวหาไกลหลายพันลี้
“เจ็บ!”
“เจ็บนัก!”
ทันใดนั้น กลางป่าสีเื ก็มีเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น
จากนั้นก็มีเพียงเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง สั่นะเืจนแผ่นดินแยก สัตว์ปีศาจตัวสั่น ส่งเสียงคำรามก้องกังวาน เช่นเดียวกับ่เวลาที่ท้องฟ้าเปิด เสียงแห่งธรรมก็ทำให้ท้องฟ้าใ ราวกับมีวัตถุศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดขึ้น
“ตูม!”
ทันใดนั้น งูเงินหลายพันตัวก็ฟาดฟันสะเปะสะเปะ แยกท้องฟ้าสีครามออกจากกัน สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้าสีใส ทะเลเมฆเคลื่อนคล้อยอย่างรวดเร็ว ลมพัดโหยหวนหวีดหวิว หินถล่มกึกก้อง และทันใดนั้น เสียงแห่งธรรมก็ดังขึ้น ราวกับได้สัญจรท่องหล้ามาชั่วนิรันดร์
ในใจกลางของป่าสีเื มีเส้นตรงเล็กๆ ตัดผ่านความว่างเปล่า
ทันใดนั้น ลมและเมฆก็โหมกระหน่ำ แผ่นดินสั่นะเื และเส้นนั้นก็ค่อยๆ ยาวขึ้น ยาวขึ้น...แล้วขยายไปทางซ้ายขวา และในที่สุด ช่องรูปวงกลมสีเข้มที่ล้อมรอบด้วยความวุ่นวายก็ปรากฏขึ้น
“ตูม!”
มีเสียงดังอีกครั้งบนท้องฟ้า และวงกลมสีดำก็พังทลายลงเหมือนกระจกที่แตกสลาย
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเปลือยเปล่า ผมเผ้ายุ่งเหยิงก็พุ่งออกมาจากวงกลมอย่างเร็วราวกับผี
ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าและเหยียบพื้นอย่างแ่เบา ก่อให้เกิดเสียงดังปัง
ดินแดนแห้งแล้งถูกเหยียบย่ำเป็เสี่ยงๆ รอยแตกกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง และในทันใดนั้น พื้นดินในรัศมีร้อยหมี่ก็ยุบสลายหายไปหมด ฝุ่นควันลอยล่อง เศษหินพังทลาย
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็ยืดตัว ดวงตาของเขาเป็ประกาย!
“ควั่บ!”
สายลมหยุดนิ่ง วาริธรหยุดไหว แม้กระทั่งเสียงฟ้าร้องก็หายไป!
วงกลมสีดำพังทลายลง ปาฏิหาริย์ทั้งหมดก็หายไป และทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“์ เสียงดังขนาดนั้นถ้ามีใครผ่านไปผ่านมาจะทำยังไง? จะไม่ใตายเอาหรือ?”
เมื่อมองดูท้องฟ้าที่สดใส ฉู่อวิ๋นมองลงไปยังโลกอันกว้างใหญ่ที่ถูกทำลายด้วยการเหยียบของเขา เขาแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าหลังจากกลืนิญญาไฟหยางศักดิ์สิทธิ์ลงไปแล้ว พลังของเขาจะแข็งแกร่งมากจนไม่อาจหยั่งรู้ได้
วิถีการกลั่นกรองศักดิ์สิทธิ์อันลึกลับนี้เป็คัมภีร์ลับแห่ง์จริงๆ อัศจรรย์มาก!
“แต่ทำไมจู่ๆ เมื่อกี้นี้หัวใจข้าถึงเจ็บขึ้นมาล่ะ? เป็ผลมาจากการเดินทางผ่านความว่างเปล่าหรือ?” ฉู่อวิ๋นกดหน้าอกที่เปลือยเปล่า รู้สึกสับสนและไม่สบายใจอย่างยิ่ง
ความรู้สึกนี้เหมือนถูกมืออันอ่อนแอจับที่หัวใจแล้วบีบแน่น ทั้งเ็ปและเสียวแปลบ
ฉู่อวิ๋นส่ายหัวโดยไม่คิดมาก เขาหลับตา หายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างจริงจัง “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลังจากประสบกับความตายและการเกิดใหม่ ข้าฉู่อวิ๋น ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!"
“พี่ซินเหยา ท่านต้องรอข้านะ! ไม่ว่าเมืองชุยเสวี่ยจะอันตรายแค่ไหน ข้าก็จะไปช่วยท่าน! ข้าจะปกป้องท่าน นี่คือคำสัญญาของลูกผู้ชาย! นี่คือคำสัญญาของข้าฉู่อวิ๋น!”
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นยืนตัวตรงราวกับหอก จ้องมองไปในทิศทางนั้นด้วยสายตาที่เฉียบคม
ด้วยเสียง “วั่บ” ร่างกายของเขาก็ะเิพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ออกมา ผมสีดำของเขาขยับได้เองแม้ไม่มีลม พลิ้วไหว เฉียบคมและโดดเด่น เมื่อเปรียบเทียบกับอดีต มันแตกต่างจริงๆ
ตอนนี้สามารถพูดได้ว่าร่างกายพลังยุทธ์ของฉู่อวิ๋นเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เต็มไปด้วยพลังปราณ และอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็มา
หลังจากผ่านการเกิดใหม่ พายุยุทธ์ห้าระดับก็ควบแน่นอยู่ในจุดตันเถียนของเขา แม้ดูเหมือนว่าเขาจะยังคงอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แต่ในความเป็จริงแล้วครึ่งหนึ่งของเขาคือนักรบขั้นมหาสมุทร
เนื่องจากระดับพลังยุทธ์ของเขาทะลุผ่านไปยังระดับสูงขั้นมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายะเิ นี่เท่ากับได้สูญเสียส่วนหนึ่งของพลังปราณขั้นมหาสมุทร ส่วนหนึ่งของพายุยุทธ์ถูกทำลายแล้วกลับมาเป็พลังยุทธ์ขอบเขตควบแน่นพลังปราณเหมือนเดิม
สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือการค่อยๆ รวมพลังปราณในร่างกาย ตราบใดที่หยดของเหลวแก่นแท้ถูกควบแน่นอีกครั้ง ฉู่อวิ๋นจะกลายเป็นักรบขั้นมหาสมุทรที่แท้จริงทันที
หลังจากนั้น ก็ค่อยๆ ควบแน่นพายุยุทธ์ที่เหลือทั้งหมดให้เป็ของเหลวแก่นแท้ จากนั้นก็สามารถกลับสู่ระดับบนได้!
อันที่จริงจุดตันเถียนของฉู่อวิ๋นเคยขยายไปถึงระดับเจ็ดของขั้นมหาสมุทร ดังนั้นด้วยประสบการณ์ที่ก้าวหน้านี้แม้ว่าตอนนี้พายุยุทธ์มีเพียงระดับห้า แต่ก็เป็เพียงเื่ของเวลาก่อนที่จะเปลี่ยนกลับคืนสู่สภาพเดิม
แน่นอนว่า แม้ว่าสถานะการฝึกฝนของฉู่อวิ๋นจะมีความพิเศษ แต่ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขานั้นเหนือกว่านักรบขั้นมหาสมุทรระดับต่ำทั่วไปมาก
“อ๊ากกก-!”
ในเวลานี้ มีเสียงคำรามดังออกมา ขัดขวางความคิดของฉู่อวิ๋น และทำให้เขาส่ายหัวด้วยความโมโห
นี่คือเสียงร้องอันแปลกประหลาดของโยวกู่จือ ผู้ได้ชื่อว่าเป็จอมยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันในใต้หล้า ตอนนี้เขาไม่มีกายแท้ จึงซ่อนตัวอยู่ในวงแหวนอวกาศ แต่ก็ยังสามารถััถึงโลกภายนอกได้
“ข้ากลับมาแล้ว!” โยวกู่จือร้องไห้อย่างขมขื่น เขาโผล่ออกมาจากวงแหวนอวกาศแล้วรีบวิ่งไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น เขาถูกกักขังมาเป็พันปี และในที่สุดเขาก็เป็อิสระแล้ว!
“ข้าจะปลูกต้นไม้ จะเปิดถนนสายนี้ จะสร้างอนุสรณ์ไว้ที่นี่เพื่อรำลึกถึงชีวิตที่โดดเดี่ยวนับพันปีของข้า!”
“ข้าอยากให้เหล่าสุกร สุนัข และนักรบผู้ต่ำต้อยมาที่นี่เงยหน้าขึ้นมามองข้า! เงยหน้าขึ้นมามองข้าสิ! ดูสิว่าคนที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กอย่างข้าถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร!”
“ฮ่าๆๆ! ข้าเกิดใหม่แล้ว! ข้าจะครองโลก! เ้าหนู มีข้าอยู่ เ้าไม่ต้องกังวลเื่เมืองชุยเสวี่ยเลย! ใครกล้ารังแกเ้า ข้าจะเสกสายฟ้ามาฟาดพวกมันให้ตาย!” โยวกู่จือมั่นใจมาก ลูกไฟเล็กๆ ลอยสูงและวนเป็วงกลม
ก่อนหน้านี้ ฉู่อวิ๋นเล่าเื่ราวของเขาคร่าวๆ ให้ฟังครั้งหนึ่ง ทำให้โยวกู่จือโกรธมากและเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เขาบอกว่าจะช่วยฉู่อวิ๋นบดขยี้ฉู่เจิ้นหนานและอัจฉริยะหนุ่มเ่าั้ให้ตาย และดูเหมือนว่าเขากำลังทำตามที่พูด
แต่คำพูดของชายชรานั้นไม่น่าเชื่อถือจนทำให้ฉู่อวิ๋นไม่คิดจะเชื่อ หากอีกฝ่ายมีความสามารถนั้นจริง คงไม่ต้องมาอยู่ในวงแหวนอวกาศหรอก หากเขาไปไกลกว่านี้สักหน่อยอีกฝ่ายคงกรีดร้องโวยวายแล้วไล่ตาม
คำพูดของโยวกู่จือนั้น มีสิบส่วนก็หลอกลวงไปแล้วสิบส่วน
“ผู้าุโ ตอนนี้ท่านเป็เพียงิญญาเล็กๆ ดังนั้นใจเย็นๆ ลงก่อนเถิด ท่านยังอยู่ห่างไกลจากความสามารถในการครองโลกอีกสักหน่อย…”
ฉู่อวิ๋นกลอกตาและไม่สนใจโยวกู่จืออีก เขาหยิบเสื้อผ้าหนังสัตว์ออกมาจากวงแหวนแล้วสวมเข้าไป นี่คือเสื้อผ้าของเผ่าสุนัข เพราะเสื้อคลุมเดิมของเขาถูกเผาไปแล้ว
สวมเสื้อผ้าหนังสัตว์และผมสีดำยุ่งเหยิง ตอนนี้ฉู่อวิ๋นดูเหมือนเป็คนป่าไปแล้วจริงๆ
“เ้าเด็กน้อย เ้าไม่รู้อะไรเลย! ขอเพียงข้าปรับรูปร่างและฝึกฝนอีกไม่กี่ร้อยปี เมื่อออกจากกักตน ข้าก็จะกลับไปสู่จุดสูงสุดเหมือนเมื่อพันปีก่อนอย่างแน่นอน!” โยวกู่จือภาคภูมิใจมาก และะโอย่างตื่นเต้นไปตามทาง
“ไม่กี่ร้อยปี…” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวของฉู่อวิ๋นก็เต็มไปด้วยความว่างเปล่า เขาพูดไม่ออก ตาเฒ่าคนนี้พูดเล่นเพราะคงเหนื่อยจากการถูกขังมานับพันปีแน่!
ไม่กี่ร้อยปี ตอนที่เขาฝึกตนเสร็จ ดอกไม้จีนคงเย็นหมดแล้ว[1]
ฉู่อวิ๋นถอนหายใจเบาๆ และจ้องมองลูกไฟนั่นอย่างเหม่อลอย เขาต้องพึ่งตัวเองสำหรับการเดินทางครั้งนี้!
“ข้าไปล่ะ ถ้าผู้าุโคิดจะสร้างอนุสรณ์ที่นี่ก็อยู่ต่อเถอะ แต่อย่าโทษที่ข้าไม่เตือนว่าที่นี่มีสัตว์ปีศาจมากมาย ถ้าไม่ระวังโดนกินท่านอาจจะติดอยู่ในร่างของพวกมันอีก แค่คิดก็รู้สึกแย่แล้ว”
พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็เก็บสัมภาระ สะพายกระบี่ชื่อยวนไว้บนหลัง มองไปทางทิศใต้ของป่าสีเื และเตรียมออกเดินทาง
“เอ๊ะ นี่! เ้าเด็กหน้าเหม็น! ขาของผู้เฒ่าเช่นข้าอ่อนแรง... รอหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร?”
“อ๊ะ! แดดแรงมาก ข้าจะไหม้ตายแล้ว ช่วยด้วย!”
“นี่ เ้าเด็กหน้าเหม็น อย่าเดินเร็วนักสิ! ให้ข้าเข้าไปในวงแหวนอวกาศก่อน!”
ลูกไฟเล็กๆ บินผ่านความว่างเปล่าอย่างรวดเร็วก่อนที่จะตามทันในที่สุด ด้วยเสียงฟู่ มันก็กลับมาที่วงแหวนอวกาศ โยวกู่จือใมาก เด็กคนนี้คิดจะทิ้งเขาไว้ที่นี่จริงๆ ไร้จิตสำนึกสิ้นดี!
เมื่อรู้สึกว่าวงแหวนสั่น ฉู่อวิ๋นก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เงยหน้าขึ้นสูง เริ่มแสดงท่าทีที่น่าเกรงขามอีกครั้ง ดวงตาเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันไม่มีที่สิ้นสุด
เขากำหมัดแน่น มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันห่างไกล และพึมพำกับตัวเอง เผยให้เห็นจิติญญาที่ไม่เปลี่ยนแปลง
“เมืองชุยเสวี่ย! ข้าฉู่อวิ๋น มาแล้ว!”
----------
[1] คำแสลงที่อุปมาว่ารอนานมาก สายเกินไปแล้ว โดย 黄花菜 “ดอกไม้จีน” หรือบางทีเรียกว่า “จำฉ่าย” เป็สมุนไพรจีนที่ได้รับความนิยมมาก และนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู มีเื่เล่ากันว่า ในสมัยก่อน งานเลี้ยงมักจะมีเมนูอาหารที่ทำจากดอกไม้จีน ซึ่งจะเป็เมนูจานสุดท้ายที่จะเสิร์ฟบนโต๊ะ ถ้าคนไหนมาสาย ก็จะโดนล้อกันว่า ให้รอนานจนอาหารที่ทำจากดอกไม้จีน (ซึ่งเป็เมนูสุดท้าย) เย็นหมดแล้ว