หลังจากเตรียมชุดเรียบร้อย โหยวเสี่ยวโม่ลูบปานหยดน้ำตา เมื่อลืมตาเขาก็มาอยู่ในห้วงเวลาแล้ว
ครั้งนี้จุดที่มาโผล่ไม่ใช่ในน้ำ แต่เป็ริมทะเลสาบ นี่คือผลลัพธ์ที่เขาได้จากการทดสอบเมื่อคืน แค่ใช้จิตที่ตั้งมั่นก็พอแล้ว
หลังจากอาบน้ำอย่างสบายตัว โหยวเสี่ยวโม่จัดการซักผ้าเสร็จสรรพ
เพราะอีกหน่อยต้องมาอาบน้ำที่นี่บ่อยๆ ฉะนั้นเขาจึงย้ายราวตากผ้ามาด้วย ซักเสร็จก็ตากได้เลย วันถัดไปก็ไม่จำเป็ต้องเตรียมชุดมาอีก
เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อย ยังพอมีเวลาจึงตัดสินใจเดินดูรอบๆ ในห้วงเวลานี้
จนถึงตอนนี้ ข้อดีอย่างเดียวที่เขาเห็นจากในห้วงนี้ก็คือ การได้อาบน้ำ แต่ในห้วงเวลานี้ก็เรียบง่ายเหลือเกิน กวาดตามองไปก็มีแค่ทะเลสาบกับทุ่งหญ้าเท่านั้น
ทะเลสาบกับผืนดินโดยรอบทำอะไรได้บ้างนะ
โหยวเสี่ยวโม่แหงนมองท้องฟ้า จากนั้นก้มมองผืนหญ้าที่ขึ้นเต็มไปหมดตรงเท้า ทันใดนั้น ‘เอ๊ะ’ เขาร้องเสียงหลงออกมา
“ใช่แล้วๆ ที่นี่ยังมีประโยชน์อย่างนึง ทำไมเราถึงนึกไม่ได้มาก่อนนะ” โหยวเสี่ยวโม่เดินไปมาอย่างดีใจ เคาะหัวตัวเองที่ลืมเื่สำคัญแบบนี้ได้ พลันจดจ้องอยู่ที่ผืนหญ้าตรงปลายเท้า
ในที่สุดเขาก็นึกออก ตอนทานข้าวกลางวัน ศิษย์พี่จ้าวบอกไว้ว่า
กฎของแขนงโอสถเมื่อศิษย์คนไหนก็ตามที่เลื่อนขั้นถึงระดับสี่จะได้รับที่ดินหนึ่งแปลง ซึ่งสามารถปลูกหญ้าเซียนได้ แม้จะไม่ใหญ่ แต่ก็เป็ความใฝ่ฝันของศิษย์ทุกคน เมื่อมีแปลงดินก็ไม่ต้องทำงานหนักหรือลงเขาไปซื้อหญ้าเซียนแล้ว
เมื่อคิดได้ก็ลงมือทำ โหยวเสี่ยวโม่ม้วนแขนเสื้อ เตรียมถอนต้นหญ้า
ถึงถอนหญ้าจะเหนื่อยมากก็ตาม แต่เมื่อคิดว่ากำลังจะมีแปลงดินขนาดใหญ่ของตัวเอง ก็ตื่นเต้นดีใจ ความดีใจเปลี่ยนเป็แรงกาย จนเมื่อถอนเสร็จในแปลงขนาดสิบตารางเมตร เขาก็เหนื่อยหอบจนแทบกระดิกนิ้วไม่ได้
หว่านพืชใดย่อมได้ผลนั้น พูดไม่ผิดเลย
เมื่อจัดการกับกองหญ้าเรียบร้อย โหยวเสี่ยวโม่จัดการถอดเสื้อผ้ามอมแมม และอาบน้ำที่ริมทะเลสาบอีกรอบ จากนั้นก็ออกจากมิติเวลามาโลกความจริง
โหยวเสี่ยวโม่นอนแผ่หลาบนเตียง ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น เหมือนว่าไม่ได้พึ่งถอนหญ้าจนเหนื่อยปางตายมาก่อนเลย นี่ทำให้โหยวเสี่ยวโม่รู้สึกทึ่งอีกครั้งกับความอัศจรรย์ของทะเลสาบนี้
การอาบน้ำติดต่อกันหลายๆ ครั้ง ทำให้เขาค้นพบเื่หนึ่ง
น้ำในทะเลสาบนั้นมีความสามารถในการฟื้นฟูพลังชีวิต เหมือนครั้งนี้ ทั้งที่เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่พออาบน้ำเสร็จ เขารู้สึกถึงพลังที่มีอยู่นั้นใช้ไม่มีวันหมด
เมื่อคิดเช่นนี้ โหยวเสี่ยวโม่หัวเราะคิกคักในใจ กอดหมอนแน่น ทำให้รู้สึกเหมือนเก็บสมบัติล้ำค่าได้ ยิ่งนึกก็ยิ่งเคลิ้มจนผล็อยหลับไป
วันที่สอง ฟ้ายังไม่สาง เขาก็ตื่นแล้ว
ยังไม่ถึงเวลาเรียน โหยวเสี่ยวโม่รีบคว้าตำรามาเปิดอ่านอีกให้แน่ใจว่าจำแม่นแล้ว จากนั้นถือตำราไปยังหอคัมภีร์
การไปหอคัมภีร์ครั้งนี้ หนึ่งคือตั้งใจคืนตำราที่ยืมมาทั้งสี่เล่ม สองคือ้ายืมตำราเพิ่ม
กลัวว่าถ้ายืมเยอะไป ผู้เฒ่าที่เฝ้าหอคัมภีร์จะดุเอาได้ เลยตั้งใจคืนตำราที่ยืมไปก่อนนี้
การพบเจอเื่ที่ดีนำพาความปลื้มปริ่มมาสู่คน โหยวเสี่ยวโม่ก็ด้วย
ทว่าเมื่อล่องลอยอยู่บนฟ้า ใครจะรู้ตรงหัวมุมข้างหน้าอาจจะเป็เื่เศร้าก็ได้ เมื่อเขาได้ยินเสียงคนคุยกันจากอีกฟากของกำแพง ก็ตั้งใจฟัง
เขาคิดมาตลอดว่า พวกเื่ราวรักใคร่ร้อยเล่ห์ในหนังจะห่างไกลจากเขามาก ไกลจนไม่มีทางที่จะข้องเกี่ยวกับเขา นี่คือครั้งแรก แถมยังอยู่ใกล้เหลือเกิน
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องเล็กชอบพอท่าน ทำไมท่านถึงทำทำทีห่างเหินนางล่ะ”