ทั้งทหารม้าและทหารราบของราชวงศ์ฮั่นจำนวน สองแสนนายได้เข้า ล้อมพระราชวังฉางเล่อไว้อย่าง แ่าราวกับกรงเหล็ก นักโทษหลายพันคน และราษฎร กว่าสามหมื่นคนพยายามต้านทาน ด้วยความสิ้นหวัง
จนกระทั่งองค์รัชทายาทจำเป็ต้องส่งนักโทษ ตำแหน่งโหว นำตราพยัคฆ์ไปขอกำลังเสริมจากพลทหารม้าชาวหูทั้งจากฉางสุ่ยและเซวียนชวี ซึ่งกลับมาพร้อมอาวุธที่ครบมือ ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งฮ่องเต้ก็ได้ส่งตราพยัคฆ์เคลื่อนทัพทหารมาหยุดยั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน เขายังได้พระราชทานเชือกถักสีเหลืองให้แก่ทัพทหารฝ่ายนั้นอีกด้วย ถึงอย่างไรกองกำลังของหลิวจวี้ก็ไม่อาจสู้ได้ แต่ก็ทำให้เขาได้รู้ว่าเสด็จพ่อของตนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ทว่าในขณะที่เขากำลังสิ้นหวัง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเว่ยคั่งพร้อมรอยยิ้ม “เดิมพันครั้งนี้ เห็นทีเราคงเป็ฝ่ายพ่ายแพ้เป็แน่”
“เช่นนั้นเรารีบไปกันเถิด ข้าเตรียมคนไว้แล้ว ในวังมีทางลับ เ้ารีบหนีไปจากฉางอันก่อน ตราบใดที่ยังมีชีวิต ย่อมต้องมีความหวัง ถึงตอนนั้นค่อยกลับมาแก้แค้นก็ยังไม่สาย”
หลิวจวี้ส่ายหน้าพร้อมเอ่ยอย่างใจเย็น “ข้าคือองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ฮั่น จะหนีไปจากฉางอันเอาตัวรอดคนเดียวได้อย่างไร? เพื่อข้าผู้เดียว ผู้คนต้องล้มตายกันไปไม่น้อย พอแล้ว เพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้ว อี๋ชุน… เดือนเจ็ดปีนี้มีผู้คนล้มตายเยอะเกินไปแล้ว”
ทั้งพี่สาวและพี่เขย ทั้งญาติพี่น้อง แล้วก็...
มารดาของเขา
ฮ่องเต้ทรงกริ้วที่รับรู้ว่าฮองเฮาเป็ผู้อยู่เื้ัในการช่วยรัชทายาทก่อฏ จึงส่งคนไปยึดตราประทับประจำตำแหน่ง แต่ผู้ใดเล่าจะคิดว่าฮองเฮาจะชิงปลิดชีพตนเองไปเสียก่อน
พ่อลูกแตกแยก ขุนนางกษัตริย์เข่นฆ่ากันเอง นางทนเห็นเื่พวกนั้นมามากพอแล้ว นางจึงไม่อาจทนเห็นความอัปยศของตนเองได้อีกต่อไป
พอฮ่องเต้ทราบข่าวก็ใมาก ไม่คาดคิดว่าภรรยาของตนจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ เหตุการณ์คราวนี้เป็ครั้งแรกที่เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีว่าเื่มันจะไปกันใหญ่จนเกินการควบคุม
“ท่านเสนาบดีหลิว!” หลิวจวี้ะโลงมาจากกำแพงเมือง “เสด็จพ่อส่งท่านมาจับกุมข้าหรือให้ท่านมาสังหารข้า?”
หลิวชวีเหมามาพร้อมกองกำลังจำนวนไม่น้อย พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมว่านักโทษฏจะต้องยอมแพ้ “บุตรชายก่อฏต่อบิดา มิได้ต่างจากขุนนางต่อต้านกษัตริย์ ท่านยังคิดว่าตนจะรอดพ้นจากความผิดอยู่อีกหรือ! ฏหลิวจวี้ เ้าอย่าได้คิดหลบหนี ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”
คนผู้นี้เป็ถึงบุตรชายของฮ่องเต้หลิวเช่อ เป็หลานชายของฮ่องเต้องค์ก่อน หลิวชวีเหมาคิดว่าไม่ควรปล่อยให้องค์รัชทายาทรอดเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคนที่ต้องตายอาจเป็เขา
“ราษฎรทั้งหลายในที่นี้ ล้วนเป็ข้าที่บังคับพวกเขามา หากข้ายอมแพ้ ท่านรับปากว่าจะไม่ตามเอาผิดพวกเขาได้หรือไม่?”
หลิวชวีเหมาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกยิ้มแฝงความนัย เลิกคิ้ว ลูบเคราด้วยท่าทางเ้าเล่ห์ ก่อนจะให้สัญญาณมือ เรียกรถม้าที่มีกรงขังนักโทษเคลื่อนมาข้างหน้า “ได้ เช่นนั้นก็เชิญเถิด”
“ข้าเป็ถึงองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ฮั่น ไหนเลยจะทนแบกรับความอัปยศอดสูเช่นนั้นได้” หลิวจวี้ถอนหายใจก่อนจะชักดาบออกมาบั่นคอตนเอง
“จวี้เอ๋อร์!!!” เืร้อนสาดกระเซ็นเต็มใบหน้า เว่ยคั่งเห็นเช่นนั้นก็พลันร้องลั่น
ในขณะที่กายกำลังล้มลง หลิวจวี้หันมองอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม ราวกับ้าพูดกับเขาว่า ข้าไม่ได้ยินเ้าเรียกข้าเช่นนี้มานานแล้ว
หลิวชวีเหมาเห็นเช่นนั้นใบหน้าก็พลันถอดสี เขา้าให้หลิวจวี้ตายก็จริง แต่ไม่ได้้าให้เขาตายด้วยน้ำมือของตนเอง เป็เช่นนี้ฮ่องเต้ต้องไม่พอพระทัยเป็แน่
ผู้คนทั้งในและนอกกำแพงเมืองต่างเฝ้ามองร่างของหลิวจวี้ค่อยๆ ล้มลง มันเป็ภาพที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะได้เห็น หลังได้สติ หลิวชวีเหมาก็รีบะโเสียงดัง “ฉางผิงโหวเปิดประตูเมือง!”
“ข้ามิใช่ฉางผิงโหวอีกต่อไปแล้ว ท่านไม่รู้หรือ?”
เว่ยคั่งยิ้มเยาะ ก่อนจะทรุดตัวอุ้มร่างไร้ิญญาของหลิวจวี้ขึ้นมาแนบอก แล้วเดินหายเข้าไปในกองเพลิงที่โหมกระหน่ำ
……
องค์รัชทายาทสิ้นใจ ราษฎรร่ำไห้
องค์รัชทายาทแคว้นฮั่นหายตัวไปในกองเพลิง หลายคนเผลอคิดว่าเหตุการณ์สะท้านโลกานี้ได้จบสิ้นลงแล้ว
แต่พวกเขาลืมไปว่ามีชายชราผู้หนึ่งพึ่งสูญเสียบุตรชายไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น
“พวกมันกล้าดีอย่างไร! ผู้ใดสั่งให้พวกมันบีบบังคับให้องค์รัชทายาทปลิดชีพตน!”
ฮ่องเต้ผู้เป็บิดาโศกเศร้าเสียใจ น้ำตาไหลแทบเป็สายเื
เหล่าหมอผีทั้งในพระราชวังเว่ยหยางและพระราชวังกานเฉวียนล้วนถูกตัดหัวเสียบประจาน
ขันทีซูเหวินที่เป็คนใส่ร้ายองค์รัชทายาท ก็ถูกปะาชีวิตด้วยการหันครึ่งตัว
หลิวชวีเหมาผู้กดดันองค์รัชทายาทจนต้องปลิดชีพตนเองถูกต้องโทษปะาชีวิต
สือเต๋อและจางกวงให้ความช่วยเหลือองค์รัชทายาทก่อฏ ถูกตัดหัวเสียบประจาน
เหรินอันปฏิเสธการช่วยเหลือองค์รัชทายาท ถูกตัดหัวทั้งตระกูล
สกุลหลี่มีส่วนรู้เห็น พยายามผลักดันหลี่ซื่อจื่อขึ้นสูงอำนาจ ถูกตัดสินปะาชีวิตทั้งตระกูล ส่วนหลี่กวงลี่เข้าสวามิภักดิ์กับฝ่ายศัตรู
ผู้ที่แก้ต่างให้องค์รัชทายาท ผู้ที่เพิกเฉยต่อองค์รัชทายาท ผู้ที่ทำเป็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ยามเห็นองค์รัชทายาทกำลังหลบหนี ผู้ที่แจ้งเบาะแส ผู้ที่ปล่อยความเท็จใส่ร้ายองค์รัชทายาท ผู้ที่ยินดีกับความโชคร้ายของผู้อื่น ผู้ที่โศกเศร้า ผู้ที่โศกเศร้าจนเกินเหตุ... ล้วนตายตกไปตามกัน
แม้แต่เหล่าสนมที่เอ่ยขอติดตามกลับไปรับใช้เขาที่เมืองฉางอัน ก็ยังถูกลดตำแหน่ง
ราษฎรต่างคร่ำครวญที่บัดนี้ฮ่องเต้ได้เสียสติไปแล้ว
เขาเสียสติไปแล้ว เป็จริงดังนั้น เขามิใช่เพียงบิดาที่สูญเสียบุตรชาย แต่เขาเป็บิดาอายุเจ็ดสิบที่สูญเสียบุตรชายผู้เป็ความหวังเดียว ทายาทที่เขาเฝ้าเลี้ยงดูบ่มเพาะจนเติบใหญ่เป็เวลาหลายสิบปี แล้วต่อจากนี้เขาจะยกแผ่นดินกว้างใหญ่ที่เขาและเว่ยชิงสร้างไว้ให้ผู้ใดปกครอง?
รัชศกเจิงเหอปีที่สาม ฮ่องเต้ผู้สติเลอะเลือน เก็บตัวในวัง เฝ้าฝันถึงการกลับมาของคนผู้หนึ่ง นับั้แ่สิ้นเื่ราวในคราวนั้น เขาก็นำแิขององค์รัชทายาทมาปกครองบ้านเมือง หยุดสร้างา และหันมาใส่ใจทุกข์สุขของราษฎร
ฮ่องเต้เฒ่าไร้ทายาทสืบบัลลังก์ สั่งปลดโอรสที่เติบใหญ่ทั้งสองคนแต่ได้ยกบัลลังก์ให้กับโอรสวัยเพียงแปดชันษา
อีกทั้งยังออกราชโองการรับหลิวปิ่งอี่ผู้สืบเชื้อสายจากองค์รัชทายาทเว่ยผู้ล่วงลับเข้ามาเลี้ยงดูในวัง
รัชทายาทองค์ก่อนแม้กายจะล่วงลับ ทว่ายังคงเป็ผู้สืบเชื้อสายของราชวงศ์ฮั่นสืบต่อไป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] หลิวปิ่งอี่ (刘病已) คือ หลานชายของหลิวจวี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้