“แกร่ก!” ขณะที่ชายหนุ่มแซ่ซ่างกวนมองแผ่นหลังของเย่เฟิงไกลออกไป พลันหยกชิ้นหนึ่งปรากฏในมือก่อนจะถูกเขาบดขยี้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นสลักลึกลงกระดูก เขาซ่างกวนหงคือศิษย์แห่งสำนักแสงอรุณ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 3 การแข่งขันใหญ่ปลายปีของสำนักยุทธ์ในอีกสามเดือน นามของเขาอาจไปอยู่ในรายนามขั้นรวมชี่
วันนี้มีคนเข่นฆ่าศิษย์ร่วมสำนักของเขาไปห้าคนในแดนทดสอบหุบเขาเทียนเสวียน ทั้งยังพูดจาท้าทายเขา แต่เพราะกฎของแดนทดสอบ เขาจึงทำได้เพียงมองดูโดยมิอาจทำอะไรอีกฝ่ายได้ นี่ทำให้ซ่างกวนหงมิอาจระบายโทสะที่อยู่ในใจออกไปได้ ไม่ว่าสำนักหรือสำนักยุทธ์ก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุเขามานานแล้ว ดังนั้นเมื่อใดที่เขาหาโอกาสได้ เย่เฟิงต้องตายคามือเขาแน่นอน
ตลอดการเดินทางของเย่เฟิง เขาไม่มีทางเก็บเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มาใส่ใจ และยิ่งไม่นึกเสียใจภายหลัง หากอีกฝ่าย้าแก้แค้นและฆ่าเขา เช่นนั้นเย่เฟิงก็จะทำให้อีกฝ่ายชดใช้ด้วยราคาแสนเ็ป แม้ต้องล่วงเกินซ่างกวนหงที่อยู่ขั้นรวมชี่และทั้งสำนักแสงอรุณแล้วอย่างไรเล่า?
เขาเย่เฟิงยึดมั่นในปณิธานของตนเสมอมา ไม่ว่าใครก็มิอาจเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม เย่เฟิงยังคงเดินลึกเข้าไปในหุบเขา เพราะต้องระวังสัตว์อสูร และมนุษย์ที่อาจจู่โจมเข้ามาได้ทุกเวลา เขาจึงกำหอกัเงินประกายแน่น
ใน่เวลานี้เย่เฟิงพบเจอสัตว์อสูรลอบโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน ส่วนใหญ่อยู่ระดับแปดไม่ก็ระดับเก้า พลังแกร่งกล้า ทว่าพลังของเย่เฟิงต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาทั่ว ๆ ไป ดังนั้นพวกสัตว์อสูรที่ลอบโจมตีจึงถูกเขาฆ่าทั้งหมด ส่วนผู้เข้าทดสอบหลายคนด้อยกว่าเย่เฟิงจึงตายอย่างน่าอนาถ และระหว่างทางเย่เฟิงก็พบเจอไม่น้อย
ที่นี่ยังไม่พ้นจากพรมแดนของหุบเขาเทียนเสวียน แต่ก็ถือว่าเป็ที่ที่อันตรายมาก หากเข้าไปยังส่วนลึกที่แท้จริงจะมีบททดสอบอะไรรออยู่
ขณะนั้นบางแห่งในหุบเขา มีสองเงาร่างกำลังปะทะกับสัตว์อสูรวานรระดับเก้าตนหนึ่ง สองคนนี้ก็คือหญิงชุดเหลืองและหญิงชุดขาวที่เย่เฟิงเจอก่อนหน้านี้
สัตว์อสูรวานรระดับเก้ามีพลังโจมตีที่น่าหวาดกลัว แม้หญิงสาวทั้งสองจะร่วมมือกันจัดการก็ยังผลาญพลังงานไปมาก ตอนนี้พวกนางตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ บนเสื้อผ้ามีรอยขาดหลายแห่งเผยให้เห็นผิวขาวนวล
“ศิษย์พี่ พวกเราควรทำอย่างไรดี?” หญิงชุดเหลืองเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ นางอยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 แค่การโจมตีเดียวของสัตว์อสูรวานร นางก็รับไม่ไหวแล้ว
“สัตว์อสูรวานรตนนี้ไม่ได้มีแค่พลังโจมตีที่แกร่งกล้า แต่พลังป้องกันยังน่าทึ่ง เราสองคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน เห็นทีต้องหาจังหวะหนีแล้ว” หญิงชุดขาวกล่าวพลางปาดเหงื่อ
“โฮก!” วานรั์คำรามพร้อมวาดมือ หญิงชุดเหลืองหลบด้วยความรวดเร็ว แม้ไม่ถูกโจมตีโดยตรง แต่กรงเล็บของมันกรีดผ่านหน้าอกนางจนเืซึมออกมา
หญิงชุดเหลืองตื่นใจนใบหน้าขาวซีด หุบเขาเทียนเสวียนอันตรายกว่าที่คาดไว้มาก นางและศิษย์พี่เจออันตรายไม่หยุดหย่อน กว่าจะมาถึงที่นี่ก็ลำบากเอาการ ส่วนวานรตรงหน้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของพวกนางสองคน
“ศิษย์น้อง เ้าเป็อะไรไหม!” หญิงชุดขาวเอ่ยถามด้วยความใ
“ไม่เป็ไร แต่ข้าเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ท่านรีบหาวิธีเร็วเข้า” หญิงชุดเหลืองกล่าวด้วยเสียงสะอึกสะอื้น นางอายุเพียง 15-16 ปี และยังไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน การเผชิญหน้ากับความโเี้ของวานรก็ยังทำให้หญิงชุดเหลืองเริ่มจิตใจสับสน
“ศิษย์น้อง เ้าต้องอดทนไว้” หญิงชุดขาวมองสถานการณ์ของหญิงชุดเหลืองออก จึงตวัดดาบออกไป
“โฮก!” วานรแผดเสียงคำรามก่อนจะใช้กรงเล็บต่อต้านดาบของหญิงชุดขาว พร้อมใช้กรงเล็บอีกข้างโจมตีหญิงชุดเหลือง
“อ้าก!” หญิงชุดเหลืองกรีดร้องด้วยความใ ด้วยการโจมตีนี้ของวานรั์ ดูเหมือนนางจะไม่มีทางรอด
“ศิษย์น้อง!” หญิงชุดขาวตื่นใ ก่อนจะใช้ตัวขวางบริเวณด้านหน้าหญิงชุดเหลืองพร้อมตวัดดาบออกไป เพื่อต่อต้านการโจมตีอันบ้าคลั่งของวานร
“เคร้ง!” กรงเล็บวานรตะปบดาบจนหลุดจากมือของหญิงชุดขาว การโจมตีนี้เพียงพอจะฉีกกระชากร่างของหญิงสาวสองคนนี้ให้แหลกเป็ชิ้น ๆ ได้
“ข้าจะตายหรือ?” หญิงชุดขาวเผยสีหน้าสิ้นหวัง ด้วยการโจมตีนี้ดูเหมือนว่าจะมีเพียงความตายที่รอนางอยู่ หญิงชุดเหลืองก็สิ้นหวังเช่นเดียวกัน นางเพิ่งอายุ 16 ปี กำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต ทว่ากลับต้องมาตายอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ
“ฟิ้ว!” ขณะที่หญิงสาวทั้งสองกำลังสิ้นหวัง พลันมีลำแสงสายหนึ่งอัดแน่นด้วยพลังทำลายล้างทะลวงอากาศมา
“วูบ” ลำแสงที่น่าสะพรึงกลัวนั่นทะลวงผ่านหัวของวานรจนเืพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ ก่อนที่ร่างจะล้มลงไปกองกับพื้น ครู่ต่อมาหญิงสาวทั้งสองลืมตาขึ้น พบว่ายังไม่ตาย มีคนช่วยพวกนางไว้
นาทีต่อมามีเงาร่างหน้าตาหล่อเหลาปรากฏในสายตาของพวกนาง ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็เย่เฟิงที่บังเอิญผ่านมาทางนี้
“พวกเ้าเป็ไรไหม!” เย่เฟิงถามพวกนาง ก่อนหน้านี้หญิงชุดขาวได้แนะนำเื่ราวเกี่ยวกับหุบเขาเทียนเสวียนให้กับเขา แล้วเขาจะไม่ช่วยเหลือได้อย่างไร
“ไม่เป็ไร ศิษย์น้อง ไม่นึกว่าจะเป็เ้าที่ช่วยพวกเราไว้ ขอบคุณมาก” หญิงชุดขาวกล่าวพลางยิ้มให้เย่เฟิง แต่ในใจกลับรู้สึกใในพลังของเย่เฟิง
“หึ!” หญิงชุดเหลืองเห็นเย่เฟิงปรากฏตัว นางกลับไม่เอ่ยขอบคุณแม้แต่นิดเดียว เพียงแค่นเสียงอย่างเ็า “ก็แค่ฉกฉวยโอกาส คิดว่าเก่งนักหรือ? ถ้าเ้าไม่ปรากฏตัว ข้ากับศิษย์พี่ก็ฆ่าสัตว์อสูรนี่ได้เหมือนกัน”
“งั้นหรือ?” เย่เฟิงขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจหญิงชุดเหลืองผู้นี้ว่าทำไมถึงชอบหาเื่เขา
“แน่นอน เ้าอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 ถ้าข้ากับศิษย์พี่ไม่ตรึงเ้าสัตว์อสูรนี่ไว้ คิดว่าเ้าจะจัดการมันได้เหรอ?” หญิงชุดเหลืองดูแคลน ดูเหมือนว่านางได้หลงลืมความสิ้นหวังเมื่อครู่นี้ไปแล้ว และการที่เย่เฟิงช่วยเหลือนางสองคนราวกับเป็เื่สมเหตุสมผล
“ศิษย์น้อง ทำไมเ้าพูดจาเยี่ยงนี้? เมื่อครู่หากไม่ได้ศิษย์น้องคนนี้ช่วยพวกเราไว้ พวกเราคงถูกกรงเล็บวานรฆ่าตายไปแล้ว ยังไม่รีบขอบคุณเขาอีก?” หญิงชุดขาวกล่าว
“ศิษย์พี่ ข้าว่าท่านถูกคนผู้นี้ทำเสน่ห์ใส่แล้ว เขาอยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 จะฆ่าสัตว์อสูรระดับเก้าได้อย่างไร? ก็แค่ฉวยโอกาสตอนพวกเราตรึงสัตว์อสูรไว้” หญิงชุดเหลืองยังคงยืนกรานความคิดของตัวเอง คิดว่าเย่เฟิงแค่บังเอิญฆ่าสัตว์อสูรได้เท่านั้น
“เอาเถอะ ไม่พูดแล้ว ข้าจะไปเก็บชิ้นส่วนสัตว์อสูร” หญิงชุดเหลืองหมดความอดทน จากนั้นนางไปที่ด้านหน้าศพสัตว์อสูรวานรเพื่อเก็บชิ้นส่วนของมัน ทำให้หญิงชุดขาวส่ายหัวเบา ๆ และส่งยิ้มขอโทษให้เย่เฟิง
ครู่ต่อมาหญิงชุดเหลืองเดินกลับมาพร้อมกับเยาตานวานรและกระดูกอักขระ จากนั้นนางส่งเยาตานให้หญิงชุดขาวพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านเก็บเยาตานนี่ไป ส่วนข้าจะเก็บกระดูกอักขระ”
หญิงชุดขาวรับเยาตานมา จากนั้นหมุนตัวและส่งมันไปให้เย่เฟิง ซึ่งดวงตาคู่นั้นของนางเผยความจริงใจไร้ความกังขาใด ๆ “ศิษย์น้อง เ้าเป็คนฆ่าสัตว์อสูร รับเยาตานนี้ไปเถอะ!”
“ศิษย์พี่ เยาตานเป็ของท่าน จะให้เขาทำไม?” หญิงชุดเหลืองได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดย่นอย่างไม่พอใจ เยาตานของสัตว์อสูรระดับเก้าเป็สิ่งล้ำค่า ไม่ใช่ว่าจะให้ใครก็ได้
“ศิษย์น้องคนนี้เป็คนฆ่าสัตว์อสูรก็ย่อมเป็เขาทั้งหมด ศิษย์น้อง ถ้าเ้าอยากได้กระดูกอักขระก็ต้องถามความคิดเห็นคนอื่นก่อน” หญิงชุดขาวกล่าว
“ถามความคิดเห็นของเขาน่ะหรือ?” หญิงชุดเหลืองแสยะยิ้ม และมองเย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลน “เขาฆ่าสัตว์อสูรแล้วอย่างไร? ถ้าเราสองคนไม่ผลาญพลังงานของมันก่อน เขาก็เป็ได้แค่อาหารของมัน สามคนฆ่าสัตว์อสูร ทุกคนก็ย่อมได้ส่วนแบ่ง เยาตานและกระดูกอักขระเป็ของเราสองคน ส่วนหนังสัตว์ที่เหลือก็เป็ของเขา”
ชิ้นส่วนของสัตว์อสูรระดับเก้าเป็สมบัติล้ำค่าที่ค่อนข้างหายาก โดยเฉพาะเยาตานและกระดูกอักขระ เป็สองวัสดุที่มีราคามากที่สุด ส่วนหนังสัตว์อสูรไม่ค่อยมีประโยชน์มากนักสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ แต่หญิงชุดเหลืองผู้นี้กลับบอกว่าจะให้หนังสัตว์กับเย่เฟิง นี่เป็การดูถูกเย่เฟิงแบบไร้เสียงอย่างไม่ต้องสงสัย
“เยาตาน เ้าเก็บไว้ ของสิ่งนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์กับข้าเท่าไรนัก” เย่เฟิงส่งคืนเยาตานในมือของหญิงชุดขาว เพราะเขาไม่ขาดแคลนของสิ่งนี้อยู่แล้ว
“จะได้อย่างไร...” หญิงชุดขาวไม่ยอม แต่กลับเห็นสีหน้าแน่วแน่ของเย่เฟิง นางจึงไม่ดื้อดึงต่อและเก็บเยาตานไว้
“นับว่ารู้ความ!” หญิงชุดเหลืองกล่าวเสียงเย็น แต่เย่เฟิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและไม่อยากทะเลาะกับอีกฝ่าย
“ศิษย์น้อง ในหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย เ้ายินดีเดินทางไปกับพวกเราหรือไม่?” หญิงชุดขาวกล่าวด้วยแววตาคาดหวัง ทำให้เย่เฟิงประหลาดใจแต่ไร้ซึ่งคำพูด มีบางอย่างในตัวของหญิงชุดเหลืองผู้นั้นทำให้เย่เฟิงรู้สึกรังเกียจ
“ศิษย์น้อง เ้าวางใจได้ เราสองคนไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาเ้าหรอก หากไม่ไหวจริง ๆ เราสองคนจะใช้ยันต์เคลื่อนย้าย และให้เ้าไปคนเดียว” หญิงชุดขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เหมือนนางดูออกว่าเย่เฟิงไม่ใช่คนธรรมดา
“ได้!” เย่เฟิงพยักหน้า อีกฝ่ายพูดมาขนาดนี้แล้ว มีหรือเขาจะปฏิเสธ
“คิดว่าอยู่คนเดียวรึไง? ศิษย์พี่ข้าให้เ้าร่วมเดินทางถือว่าเป็เกียรติยศของเ้า แต่กลับกล้าลังเลงั้นหรือ?” หญิงชุดเหลืองพูดจาก้าวร้าว และไม่เห็นเย่เฟิงอยู่ในสายตาแม้แต่นิดเดียว
“ในเมื่อ้าสหายร่วมเดินทาง เช่นนั้นก็นับข้าไปอีกด้วยแล้วกัน!” ขณะนั้นมีเสียงสดใสดังขึ้น ก่อนจะเห็นเงาร่างหนึ่งเดินมาหาพวกเย่เฟิง ชายหนุ่มผู้นี้ดูไม่ธรรมดา ใบหน้าแฝงกลิ่นอายชั่วร้าย อาภรณ์สีขาวที่สวมใส่ก็ดูงามสง่า
พวกเย่เฟิงหันไปมองชายหนุ่มผู้นี้และมองสำรวจครู่หนึ่ง จากนั้นแววตาของหญิงชุดเหลืองทอประกายพลางจ้องมองชายหนุ่มผู้นั้นด้วยใจเต้นโครมคราม
หญิงชุดขาวยังไม่ทันมีปฏิกิริยาใด ๆ หญิงชุดเหลืองก็ยิ้มให้ชายชุดสีขาวผู้นั้นพร้อมกล่าวว่า “คุณชายอยากร่วมเดินทางไปกับพวกเราย่อมไม่มีปัญหา แต่ขอบังอาจถามได้หรือไม่ว่าท่านชื่อแซ่อะไร?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้