ทว่าสิ่งที่ทำให้กู้เจิงคาดไม่ถึงก็คือนางไม่ต้องรอจนถึงตอนบ่ายแม่เฒ่าซุนมาบอกกับนางว่าบรรดาขุนนางที่อยู่สูงกว่าป๋อเจวี๋ยขึ้นไปให้มาร่วมมื้ออาหารกลางวันในที่ประทับ ด้วยเหตุนี้นางจึงรีบจัดการเสื้อผ้าของตนเองและเข้าไปในที่ประทับพร้อมกับสามแม่ลูกสกุลเว่ย
ที่ประทับของฐานล่าสัตว์มีขนาดใหญ่มาก ทางเดินคดเคี้ยว มุมทั้งสี่ของชายคาถูกยกขึ้นสูงเมื่อออกจากประตูกลมมาถึงทางเดินที่ทับซ้อนกันหนึ่งในข้ารับใช้ได้นำนายหญิงเว่ยซื่อและบุตรสาวทั้งสามคนไปที่ประตูกลมทางด้านซ้ายซึ่งนั่นเป็ทางไปตำหนักของพระสนมซูส่วนข้ารับใช้อีกคนหนึ่งได้แยกนำทางนางไปที่พระราชอุทยานทางด้านขวามือ
พระราชอุทยานงามยิ่ง พื้นที่ส่วนมากเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี นอกจากนี้ยังมีูเาหินที่วิจิตรอีกหลายแห่ง
ในตอนที่ข้ารับใช้นำนางเดินผ่านูเาหินเสียงโต้เถียงก็ดังขึ้นเบาๆ จากด้านหลังูเาหิน
“ปล่อยข้า ในเมื่อข้ามาแล้วก็จะไม่กลับไป”
“ท่านยังอับอายไม่พอหรือ?”
“ข้ามีอะไรน่าอาย?”
เป็เสียงของบุรุษและสตรี ฟังแล้วอายุยังไม่มากนัก
ข้ารับใช้ผู้นั้นหยุดเท้าและหันมาพูดอย่างลังเลกับกู่เจิ้งว่า“คุณหนูใหญ่กู้ ข้าว่าไปที่อุทยานอีกทางหนึ่งดีหรือไม่?”
กู้เจิงครุ่นคิดครู่หนึ่งเพิ่มเื่อีกสักเื่ก็ไม่เท่าลดเื่ลงสักเื่[1] คิดได้ดังนั้นแล้วจึงพยักหน้า แต่ก่อนที่พวกเขาจะขยับเท้าคนสองคนที่โต้เถียงกันก็เดินออกมาจากด้านหลังูเาหิน
เป็หญิงสาวอายุประมาณนางและบุรุษหนุ่มอายุประมาณสิบสี่สิบห้าเค้าหน้าหญิงสาวงดงามหมดจด มีคู่คิ้วใบหลิวงามล้ำคู่หนึ่ง ส่วนบุรุษหนุ่มมีร่างกายหนาแข็งแรง ใบหน้าโค้งกลมซึ่งกำลังจับมือเด็กสาวไว้แน่น และพยายามดึงนางไปแต่อีกฝ่ายไม่ยินยอมและมีท่าทีขุ่นเคืองทั้งสองไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ด้านนอกูเาหินสีหน้าจึงแข็งค้างไปครู่หนึ่งแต่ก็ได้สติกลับมาโดยเร็วต่างคนต่างจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย ทำสีหน้าไม่สะทกสะท้านราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กู้เจิงเอ่ยชมในใจต่อความเร็วในปรับสีหน้านี้ว่าช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก
“หนูเจีย[2] คารวะคุณหนูใหญ่หนิง คุณชายสามหนิง”เมื่อข้ารับใช้เห็นทั้งสองคนก็รีบทำความเคารพทันที
สายตาของคุณหนูใหญ่หนิงจับจ้องมาที่ใบหน้ากู้เจิงถามด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวลว่า “ท่านนี้คือ?”
“นี่คือคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้เ้าค่ะ” ข้ารับใช้ตอบ
“ที่แท้ก็เป็คุณหนูใหญ่ของจวนกู้ ข้าเป็คุณหนูใหญ่ของจวนหนิงมีนามว่า ‘ซิ่วหลัน’” หนิงซิ่วหลันเดินไปตรงหน้ากู้เจิงและแนะนำตัวเองอย่างเป็มิตร
“คุณหนูใหญ่หนิง ข้ามีนามว่า ‘เจิง’ เ้าค่ะ”อีกฝ่ายทักทายกันด้วยรอยยิ้ม กู้เจิงก็ย่อมต้องยิ้มกลับไปก่อนจะกวาดสายตามองคุณชายสามหนิงที่อยู่ข้างกายซิ่วหลันนางเห็นว่าสีหน้าของคนผู้นี้เปลี่ยนเป็ดำมืดในทันที
“เ้าจะพาคุณหนูใหญ่กู้ไปอุทยานล่าสัตว์เพื่อร่วมมื้ออาหารใช่หรือไม่?” หนิงซิ่วหลันถามข้ารับใช้
“เ้าค่ะ”
“ข้าและน้องชายก็กำลังจะไปพอดี ไม่ต้องให้เ้านำทางแล้วข้าจะพาคุณหนูใหญ่กู้ไปเอง”
ข้ารับใช้มีสีหน้าลังเลแต่อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็คุณหนูใหญ่ของจวนหนิงป๋อเจวี๋ย ในเมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วตนเองที่เป็แค่บ่าวรับใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งก็พูดอะไรมากไม่ได้จึงได้แต่ทำความเคารพและจากไป
เมื่อเดินผ่านูเาหินวิจิตรงดงาม ก็พบกับทะเลบุปผาตรงหน้ายิ่งในฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ทิวทัศน์รอบข้างจึงยิ่งงดงามบานสะพรั่งมีเพียงคนในราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถชมได้
“ข้ามักจะได้ยินกู้อิ๋งเอ่ยถึงท่าน” หนิงซิ่วหลันกล่าวไปยิ้มไป“นางบอกว่าพี่ใหญ่ของนางมักจะเก็บตัวอยู่แค่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนนักทั้งท่านน่าจะไม่ชอบความครึกครื้นเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้ท่านจะมา”
“ท่านกับกู้อิ๋งรู้จักกันหรือ?” กู้เจิงไม่เชื่อว่ากู้อิ๋งจะเอ่ยถึงนางบ่อยๆ
“ข้าและกู้อิ๋งเป็...” ยังไม่ทันที่หนิงซิ่วหลันจะพูดอะไรคุณชายสามหนิงซึ่งเดินตามอยู่ด้านหลังก็กระแอมไอขึ้น
ไอจริงไอปลอมกู้เจิงยังฟังออกเมื่อหันมองกลับไปก็เห็นคุณชายสามหนิงกำลังมองหนิงซิ่วหลันด้วยสายตากล่าวเตือนพอสายตาเขาสบเข้ากับกู้เจิงก็รีบเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว
กู้เจิง “...” สองพี่น้องคู่นี้ช่างน่าสนใจ
“ข้ากับกู้อิ๋งเคยเจอกันไม่กี่ครั้งเ้าค่ะ” หนิงซิ่วหลันกล่าว“แล้วกู้อิ๋งเล่า? นางไปอุทยานล่าสัตว์ก่อนแล้วหรือ?”
“นางได้รับเชิญจากพระสนมซูให้ไปร่วมมื้อกลางวันน่ะ”
หนิงซิ่วหลันยังคงยิ้มแย้ม ทว่าในดวงตากลับไม่ยิ้มตาม “ก็ใช่นางกำลังจะมาเป็พระชายาขององค์ชายห้า พระสนมซูย่อมต้องอยากพบนางอย่างแน่นอน”
กู้เจิงรู้สึกว่าระหว่างหนิงซิ่วหลันกับกู้อิ๋งน่าจะมีเื่อะไรบางอย่างเกิดขึ้น?
“นี่ไม่ใช่หนิงซิ่วหลันหรอกหรือ?” มีเสียงทักทายจากเด็กสาวห้าหกคนดังขึ้น
“เ้ายังมีหน้ามาปรากฎตัวที่นี่อีกหรือ?”
“ถ้าเป็ข้า คงไปจากเยว่เฉิงนานแล้วไม่มีหน้ากลับมาอีกตลอดชีวิตแล้วล่ะ”เด็กสาวเ่าั้เดินไปยังเบื้องหน้าหนิงซิ่วหลัน และต่างมองเธออย่างดูถูก
รอยยิ้มบนใบหน้าของหนิงซิ่วหลันค่อยๆ มลายหายไปนางหมุนตัวจะเดินหนีไป ทว่ากลับถูกเด็กสาวคนหนึ่งขวางไว้ “หนังหน้าเ้าหนาเป็ที่สุดไม่ใช่หรือ? อย่าคิดจะหนีล่ะจงเล่าเื่ที่เ้าสวมรอยทำตัวเป็บุตรสาวภรรยาเอกของตระกูลหนิงเพื่อไปผูกมิตรกับกู้อิ๋งเสียสิ”
แววตากู้เจิงสั่นไหว คุณหนูใหญ่หนิงเป็บุตรีอนุของตระกูลหนิง?
“ข้าไม่เคยเห็นคนหน้าไม่อายเช่นนี้มาก่อน เห็นๆอยู่ว่าเพียงเป็ลูกอนุกลับยังดึงดันสวมรอยเป็บุตรสาวภรรยาเอกไปสนิทสนมกับกู้อิ๋งก็ไม่รู้ว่ามีความคิดอะไรอยู่”
“แล้วเ้าเป็ใคร?”สายตาเหล่าหญิงสูงศักดิ์จับจ้องมาที่กู้เจิง
กู้เจิงคิดว่าตนเองควรเดินออกไปก่อนจะดีกว่าไม่คิดว่าหนิงซิ่วหลันที่อยู่ด้านข้างจู่ๆ ก็รั้งแขนนางขึ้นก่อนที่ใบหน้าแข็งทื่อจะแปรเปลี่ยนเป็มิตรในชั่วพริบตานางพูดกับกู้เจิง“เราไม่ต้องสนใจพวกนาง ไปกันเถิด” ว่าแล้วก็จูงนางเดินผ่านคนเหล่านี้ไป
กู้เจิงแอบร้องว่าแย่แล้วหนิงซิ่วหลันจูงนางไปเช่นนี้จะต้องไม่ดีเป็แน่ระหว่างกู้อิ๋งกับหนิงซิ่วหลันมีความขัดแย้งกันแต่นางที่เป็คุณหนูใหญ่กลับกลายมาเป็เพื่อนกับอีกฝ่ายในสายตาคนนอกจะต้องเห็นแบบนั้นแน่ๆหากเล่าสู่กันไปคาดเดาว่าหนิงซิ่วหลันคงจะต้องเพิ่มปัญหาให้นางแน่นอน
----------------------------------------
[1] เพิ่มเื่อีกสักเื่ก็ไม่เท่าลดเื่ลงสักเื่ หมายถึง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เื่ราว ธุระ หรืองานยิ่งน้อยก็ยิ่งดี และแสดงออกถึงตนเองนั้นไม่อยากเกี่ยวข้องหรือไม่อยากรับหน้าที่ในเื่ใดเื่หนึ่ง
[2] หนูเจีย เป็คำเรียกแทนตนเองของสตรีที่เป็ข้ารับใช้