จันทราลอยเด่นบนท้องฟ้ามืดมิด สายลมเหนือพัดผ่านหวีดหวิว
เข้าสู่่เหมันต์ ทั่วทั้งเมืองอวี่ฮว่าค่อนข้างหนาวเย็น ตอนกลางคืนอากาศเย็นลงกว่าตอนกลางวันมาก เสิ่นเสวียนและเสิ่นล่างมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วสูง
ป่าเขายามค่ำคืนเงียบสงัด แต่เป็เพราะทั้งสองคนผ่านเข้ามาทำให้เกิดการเคลื่อนไหว นกทั้งหลายจึงพากันโบยบินออกไป
เสิ่นเสวียนรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะใกล้ได้เจอหลินจือโมราแล้ว
หลินจือโมราเป็ของดี และยิ่งเป็หลินจือโมราพันปีด้วยแล้ว จะเป็ประโยชน์อย่างมหาศาลต่อเขาในตอนนี้มาก เสิ่นเสี่ยวเม่ยต้องกระตุ้นร่างิญญาเพลิง จำเป็ต้องมีหลินจือโมราเป็ตัวนำ อีกทั้งหลินจือโมราคือวัตถุดิบสำคัญในการปรุงยาผสานก่อกำเนิดด้วย
ใช่ เขา้ายาผสานก่อกำเนิด
มาถึงโลกใหม่แห่งนี้ได้หลายวันแล้ว ภายใต้การหล่อเลี้ยงด้วยพลังฟ้าดินที่บ้าคลั่ง ทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้รวดเร็วกว่าในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสู้กับหานเฟิงครั้งที่แล้ว ทำให้พลังขั้นปี้กู่ระดับกลางของเขามั่นคงได้ในที่สุด
หากจะใช้การบำเพ็ญเพียรของตนเองทะลวงไปถึงขั้นแก่นทองคำพร้อมกับผสานก่อกำเนิดต้องใช้เวลานานมาก ทว่าหากมียาผสานก่อกำเนิดจะได้ผลที่ต่างออกไป มันช่วยให้ผู้บำเพ็ญเพียรผสานก่อกำเนิดได้อย่างราบรื่น ทะลวงไปถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดได้เร็วที่สุด
เมื่อบำเพ็ญเพียรถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดแล้ว อายุขัยจะไม่ถูกจำกัดอยู่ภายใต้ร่างเนื้ออีกต่อไป แต่จะใช้ชีวิตได้ถึงหลายร้อยปี หรือกระทั่งเป็พันปี
หลินจือโมราก็คือวัตถุดิบที่จำเป็
“เ้าบอกข้าได้ไหม เ้าคือเสิ่นเสวียนจริงๆ หรือ”
ระหว่างเดินทาง เสิ่นล่างถามเสิ่นเสวียนอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อ การกระทำทุกอย่างของเสิ่นเสวียนทำให้เขามิอาจเชื่อได้
ตอนเจอกันครั้งแรกพลังอยู่แค่ขั้นแม่ทัพเท่านั้น ผ่านไปเพียงสามวันพลังกลับแข็งแกร่งมากถึงขั้นที่สู้กับขั้นบรรพบุรุษได้แล้ว ทั้งยังเอาชนะได้อีกด้วย
และเมื่อครู่เขายังปรุงยาระดับสี่ขึ้นมาได้ถึงสามเม็ดในคราวเดียว ด้วยความสามารถเช่นนี้ แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่นักปรุงยาระดับห้าแต่ก็เกือบถึงขั้นนั้นแล้ว หากเป็นักปรุงยาระดับห้าจริงๆ อำนาจของตระกูลเสิ่นจะยิ่งใหญ่กว่าตระกูลหานอีกไม่รู้กี่เท่า
นี่คือสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้จริงๆ หรือ
“ผู้าุโใหญ่ยังไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ หากข้าไม่ใช่ ข้าจะมาทำเื่วุ่นวายแบบนี้ไปทำไมกัน”
เสิ่นเสวียนตอบกลับ เขาเห็นตนเองเป็คนตระกูลเสิ่นแล้วอย่างแท้จริง ไม่ว่าคนในตระกูลนี้จะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร แต่ก็เป็ครอบครัวเดียวกัน เขาอยู่ในโลกเดิมอย่างโดดเดี่ยวมานับพันปี มีเพียงอาจารย์หลี่ฉุนเฟิงเท่านั้น และอาจารย์ยังเสียชีวิตไปแล้วจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด ความโดดเดี่ยวพันปีทำให้เขาให้ความสำคัญกับตระกูลเสิ่นเท่าทวีคูณ
“เปล่าเลย ข้าเพียงแค่ประหลาดใจ เช่นนั้นเ้าบอกข้าได้ไหมว่าเ้าคือนักปรุงยาระดับไหน”
“ระดับสี่ ที่สามารถปรุงยาได้หลายเม็ดในคราวเดียวเพราะพลังสมาธิของข้าเหนือกว่าคนทั่วไป สามารถแบ่งใจควบคุมได้พร้อมกัน”
เสิ่นเสวียนยิ้มพลางตอบกลับ อีกฝ่ายไม่ใช่นักปรุงยา ไม่มีทางรู้รายละเอียดเบื้องลึกอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นเสิ่นล่างหยุดเท้าลง เสิ่นเสวียนก็หยุดตามไปด้วย
เสิ่นเสวียนเห็นเสิ่นล่างไม่เดินต่อจึงถามขึ้น “มีอะไรหรือ”
“นักปรุงยาระดับสี่! นักปรุงยาระดับสี่! บรรพบุรุษตระกูลเสิ่น ในที่สุดลูกหลานตระกูลเสิ่นก็มีนักปรุงยาปรากฏขึ้นแล้ว!”
ขณะที่เสิ่นล่างกล่าว ดวงตาพร่ามัวของเขาพลันมีน้ำตารื้นขึ้นมา เขาอายุมากแล้ว อารมณ์ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย เขาได้เห็นนักปรุงยาจากตระกูลเสิ่นขณะยังมีชีวิตอยู่ แม้ต้องตายก็ไม่เสียดายแล้ว
“ท่านผู้เฒ่า พวกเรารีบเดินทางกันเถอะ! นักปรุงยาระดับสี่อย่างข้าอยากเลื่อนเป็ระดับห้า จำเป็ต้องใช้หลินจือโมรา”
เสิ่นเสวียนเห็นเสิ่นล่างมีการตอบสนองที่รุนแรงแบบนั้นก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากบอกเขาไปว่าขอเพียงพลังของตนแข็งแกร่งขึ้นไปอีกก็จะสามารถปรุงยาเซียนขึ้นมาได้ ไม่รู้ว่าจะทำให้เขาใจนอ้าปากค้างไปเลยหรือเปล่า
“ระดับห้า! ดีเลย! เยี่ยมเลย! พวกเราไปกันเถอะ!”
เสิ่นล่างพยักหน้าถี่ๆ จากนั้นจึงเช็ดน้ำตา เขาตื่นเต้นมาก ลากเสิ่นเสวียนให้เดินทะลุผ่านป่าเขาไปอย่างรวดเร็ว
ความปรารถนาสูงสุดของเขาในตอนนี้คือทำทุกอย่างให้สุดความสามารถ ในสถานการณ์ที่ตนเองสามารถช่วยเหลือเสิ่นเสวียนได้ เขาจะช่วยอย่างเต็มที่ เพื่อให้เสิ่นเสวียนเติบใหญ่ขึ้นโดยเร็วที่สุด
ในสายตาคนอื่นเขาแข็งแกร่งมาก แต่มีเพียงเขาที่รู้ว่าโลกภายนอกยิ่งใหญ่มากแค่ไหน และเขาเป็เพียงมดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
ในค่ำคืนที่มืดมิด เสิ่นเสวียนและเสิ่นล่างวิ่งไปราวเจ็ดร้อยลี้[1] แล้ว ตลอดการเดินทางเสิ่นล่างหายใจค่อนข้างลำบาก ต่างกับเสิ่นเสวียนอย่างสิ้นเชิง
“เ้าทำได้อย่างไร”
เสิ่นล่างกล่าวพลางหายใจหอบ
“ท่านลองโคจรลมปราณผ่านจุดถันจง[2] และจุดหยุนเหมิน จากนั้นจึงปล่อยลมออกมาทางปาก แต่ท่านต้องหายใจตามจังหวะของปอดตนเอง ลองดูอีกครั้ง”
เสิ่นเสวียนอธิบายวิธีการหายใจของตนเองแก่เสิ่นล่าง เคล็ดวิชาบำเพ็ญเพียรค่อนข้างสมบูรณ์แบบกว่าเคล็ดวิชาในโลกใหม่นี้มาก การโคจรลมปราณก็เป็สิ่งที่เขาฝึกฝนมาั้แ่เด็ก
เสิ่นล่างมองเสิ่นเสวียนอย่างไม่ค่อยเชื่อ แต่เขาก็ยังลองดู การโคจรลมปราณครั้งแรกยังไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ เขาจึงโคจรลมปราณดูอีกที ครั้งนี้เขาโคจรได้คล่องกว่าครั้งแรกเล็กน้อย ในที่สุดก็เกิดผล ทำให้เขาหายใจได้สะดวกกว่าเดิมมาก
แม้จะยังมิอาจโคจรได้คล่องอย่างเสิ่นเสวียน แต่ก็มั่นใจได้แล้วเื่หนึ่งว่ามันได้ผลจริงๆ
“ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าในหัวของเ้ายังมีอะไรเก็บไว้อีก!”
เสิ่นล่างที่ได้ลิ้มรสความรู้สึกหอมหวานเป็ครั้งแรกกล่าวกับเสิ่นเสวียนพร้อมรอยยิ้ม
“จริงๆ แล้วนี่เป็เพียงเื่เล็กน้อยเท่านั้น เทียบกับผู้าุโใหญ่แล้วข้ายังห่างไกลนัก! จากนี้พวกเราจะเดินทางอย่างไรต่อหรือ”
เสิ่นเสวียนจิตใจจดจ่ออยู่กับหลินจือโมรา
“ให้ข้าดูแผนที่ก่อน”
เสิ่นล่างเอาแผนที่ที่เสิ่นเสวียนให้เขาก่อนหน้านี้ออกมาดูอย่างจริงจัง
“ข้าไม่ได้มาที่นี่นานหลายปีแล้ว น่าจะต้องไปทางนี้”
เสิ่นล่างชี้ไปทางทิศตะวันออก จากนั้นทั้งสองก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกอีกครั้ง
ใกล้ถึง่เที่ยงวัน ทั้งสองออกห่างจากเมืองอวี่ฮว่าไปแล้วหนึ่งพันสองร้อยลี้ หากเดินหน้าต่อไปทางทิศตะวันออกจะเข้าสู่อีกเมืองหนึ่ง ทว่าพวกเขาเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าทิศเหนือแทน
่กลางวันกับกลางคืนสภาพอากาศต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้จะเข้าสู่่เหมันต์แล้ว แต่ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าก็ยังทำให้อากาศร้อนได้อยู่
และยิ่งมุ่งหน้าทิศเหนือไปเรื่อยๆ อากาศก็ยิ่งร้อนมากขึ้น ไม่มีร่องรอยความหนาวเย็นเลย
แต่ทั้งสองก็เข้าใจดี เพราะยิ่งร้อนมากเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใกล้จุดหมายปลายทางของพวกเขามากขึ้นเท่านั้น
ในที่สุดก็ถึงแผ่นดินสีแดงฉาน!
แผ่นดินแล้งขาดน้ำ รอยแตกระแหงดูราวกับใยแมงมุมแผ่ขยายเป็วงกว้าง
“ที่นี่ไม่ค่อยมีใครเข้ามา เดินหน้าต่อไปอีกก็คือปล่องูเาไฟ เ้าเองก็คงรับรู้ได้แล้ว แม้พวกเราจะมีไอพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่คงเดินไปได้อีกไม่ไกล”
“ไม่เป็ไรหรอก ลองดูเถอะ!”
เสิ่นเสวียนยิ้มให้ก่อนจะย่างเท้าเดินต่อไป
ทั้งสองคนเดินหน้าไปอีกห้าร้อยลี้ ในที่สุดก็ผ่านพุ่มไม้แห้งๆ ไป มองเห็นยอดเขาที่อยู่ไม่ไกลนัก
พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยกำมะถันส่งกลิ่นฉุน ส่วนบนยอดเขานั้นก็มีเปลวเพลิงปะทุออกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นมันก็รวมตัวกันอยู่รอบๆ ทำให้ยอดเขานั้นสูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“้านั้นคือปากปล่องูเาไฟแล้ว สวมชุดนี้เอาไว้”
เสิ่นล่างเอาชุดสีแดงออกมาจากแหวนมิติสองชุด และส่งให้เสิ่นเสวียนหนึ่งชุด
“ชุดนี้เมื่อสวมแล้วจะทนทานต่อความร้อน ทำให้เ้าเข้าใกล้ปากปล่องูเาไฟได้”
เสิ่นเสวียนสังเกตชุดนั้น วัสดุที่ใช้ทำชุดสกัดมาจากธาตุไฟในลาวาของูเาไฟ เป็เกราะกำบังที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เขาจึงสวมมันไว้ ทำให้ความรู้สึกร้อนก่อนหน้านี้จางหายไปทันที กระทั่งมีความรู้สึกเย็นสบายแผ่กระจายออกมาด้วย
ทั้งสองชุดนี้คือสิ่งที่เสิ่นล่างไปหายืมมาจากที่อื่น
ทั้งสองคนเดินหน้าต่อไป แต่อานุภาพกำบังความร้อนของชุดค่อยๆ ถดถอยลง ขณะที่อยู่ห่างจากปากปล่องูเาไฟอีกเพียงสามสิบจั้ง พลันมีควันขาวคลุ้งออกมาจากชุดที่สวม
“เร็วหน่อย ข้าได้ยินว่าที่นี่มีสัตว์ร้ายด้วย”
จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลจากพวกเขา
..........................................................
[1] ลี้ เป็หน่วยวัดระยะทาง ยาวประมาณ 500 เมตร
[2] จุดถันจง เป็จุดลมปราณ อยู่บริเวณกึ่งกลางหน้าอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้