เมืองหยางโจวอยู่ห่างจากนิกายหยุนไห่ประมาณหมื่นลี้ ถึงแม้ว่าม้าพันลี้จะสามารถวิ่งได้พันลี้ต่อวัน แต่หลินเฟิงก็ต้องใช้เวลาสิบวันกว่าจะไปถึง
แต่สิบวันที่ผ่านมา หลินเฟิงไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า ขณะที่ควบม้าผ่านดินแดนที่กว้างใหญ่ หลินเฟิงที่ไม่เคยรู้สึกเืร้อนระอุมาก่อนก็ได้ทะลวงขอบเขตอย่างไม่รู้ตัว และก้าวเข้าสู่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 7 อย่างราบรื่น เมื่อน้ำมาคลองก็เกิด ทักษะคลื่น์เก้ากระแทกเหลือเพียงฝึกฝนขั้นสุดท้าย ขั้นที่ 9 เขาก็จะบรรลุทักษะนี้แล้ว!
ตอนนี้พลังของหลินเฟิงใกล้เคียงแปดพันห้าร้อยจิน นับว่าร้ายกาจมากเมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน
นิกายหยุนไห่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงของเทือกเขา ถึงแม้ว่ายอดเขาหยุนไห่จะไม่ใช่ยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขา แต่ก็มีพื้นที่กว้างขวาง ถ้ามองลงมาจาก้า ก็จะเห็นยอดเขาหยุนไห่เหมือนเมืองในหุบเขา ที่ถูกล้อมรอบด้วยยอดเขาสูงเสียดฟ้าอีก 8 ลูก ถือว่าเป็ฮวงจุ้ยที่ดีเยี่ยม ในทวีปเก้า์นั้น ถ้าฮวงจุ้ยดีการไหลเวียนของชี่ก็ดีตามไปด้วย
“หยุด แล้วลงจากม้าซะ” ที่ตีนเขา มียามกรูกันเข้ามาขวางทางหลินเฟิงไว้และพูดอย่างเ็า
หลินเฟิงขมวดคิ้ว เขาชี้นิ้วไปที่คนข้างหน้าที่เพิ่งควบม้าขึ้นเขาไป “ทำไมข้าไม่เห็นพวกเ้าขวางพวกเขาล่ะ”
“ฮึ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะ “เ้าอาศัยอะไรไปเทียบกับศิษย์สายในเ่าั้ ในเมื่อขยะอย่างเ้าเกือบถูกตีจนตาย”
ที่แท้มันก็เป็เื่ของสถานะและพลัง หลินเฟิงแสยะยิ้ม ยามของนิกายหยุนไห่ก็เป็เหมือนของตกแต่ง เช่นเดียวกับศิษย์สายนอกอย่างเขา ถ้าหากมีแขกมาที่นี่พวกมันก็แค่ต้องไปแจ้งให้นิกายทราบ จะมีอำนาจที่ไหนมาขวางทางคนอื่นเขา ก็แค่ลูกจ๊อกดีๆ นี่เอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขวางทางลูกศิษย์ไม่ให้ขี่ม้าเข้านิกายเลย
“ผู้ที่อ่อนแอจะถูกข่มเหงรังแก” หลินเฟิงยิ้มอย่างเ็า ไม่เพียงแต่จะไม่ลงจากม้า กลับกันเขายังกระตุกบังเหียนให้ม้าพันลี้เดินไปข้างหน้า
“ไอ้ขยะ นี่เ้ากล้า!” ทั้งสองคนะโออกมาพร้อมกัน พวกเขาอยากจะหยุดหลินเฟิง แต่ทว่ากลับเห็นหลินเฟิงปล่อยหมัดคู่ออกมา ทันใดนั้นคลื่นพลังอันรุนแรงก็พุ่งเข้ามาปะทะร่าง จนทำให้พวกเขากระเด็นออกไป
“ถ้ามีครั้งหน้าอีก ข้าจะทำลายการบ่มเพาะของพวกเ้าซะ” หลินเฟิงพูดขณะที่ควบม้าออกไป เพียงแค่มีพลังก็มีสิทธิ์พูด ยามสองคนนั้นพยายามลุกขึ้น ก่อนจะเงยหน้ามองเงาของหลินเฟิงที่วิ่งห่างออกไป บนใบหน้าของพวกเขาปรากฏรอยยิ้มขมขื่น กระทั่งขยะก็ยังแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะเป็ได้แค่ยาม
ที่นิกายหยุนไห่ ส่วนใหญ่แล้วผู้เยาว์ที่อายุ 15 - 16 ปี จะบรรลุขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 6 หรือขั้นที่ 7 นี่คือคุณสมบัติทั่วไป ส่วนขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 จะถือได้ว่าโดดเด่น แต่ถ้าสามารถไปถึงขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 9 จะถูกเรียกว่าอัจฉริยะ และจะถูกนิกายหยุนไห่ให้ความสำคัญ แต่ถ้าสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตแห่งจิติญญาได้ในขณะที่อายุ 15 - 16 ปี พวกเขาจะถูกยกย่องว่า เป็สุดยอดอัจฉริยะของประเทศเสวี่ยเยว่
แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากอายุ 15 ปีแล้วแต่ยังหยุดอยู่ที่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 5 ก็สามารถกล่าวได้ว่ามีคุณสมบัติต่ำ และถือได้ว่าเป็พวกไร้พร์ที่สุดในนิกายหยุนไห่ ดังนั้นหลินเฟิงจึงเป็ได้แค่ขยะที่ถูกผู้คนรังแก
ข่าวการกลับมาของหลินเฟิงได้แพร่กระจายในหมู่ศิษย์สายนอกอย่างรวดเร็ว ที่นิกายหยุนไห่ ‘ขยะ’ อย่างเขามีชื่อเสียงั้แ่เด็กๆ ขณะที่เดินอยู่ในนิกายหยุนไห่ หลินเฟิงได้พบทุกอากัปกิริยาของทุกคนรอบข้าง แต่เขาก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ และมุ่งหน้าไปยังหอแห่งดวงดาวของนิกายหยุนไห่
หอแห่งดวงดาวเป็สถานที่ที่เก็บรักษาเทคนิคและเคล็ดวิชาของนิกายหยุนไห่เอาไว้ ทุกๆ วันจะมีลูกศิษย์จำนวนมากเดินทางมาที่หอแห่งดวงดาว วันนี้ก็เช่นกัน
“หลินเฟิง” เสียงะโดังขึ้นมา ทำให้หลินเฟิงต้องหยุดเดิน เมื่อหันไปมองก็พบเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังมองมาด้วยสายตาเ็า
“เ้านี่มันโชคดีจริงๆ ที่ยังไม่ตาย” เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือหลินเหิง คนที่ทำร้ายหลินเฟิงก่อนหน้านี้ และเป็บุตรชายคนโตของหลินเฮ่าหลัน
หลิงเฟิงกวาดสายตามองหลินเหิง ในใจนึกหัวเราะอย่างเ็า เพราะหลินเหิงบรรลุแค่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 หลินเฟิงอาศัยแค่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่7 รวมกับเคล็ดวิชาคลื่น์เก้ากระแทก แค่นี้เขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่ายเลย ขอเพียงฝึกเคล็ดวิชาเพิ่มอีกสักท่าสองท่า เขาก็จะสามารถเอาชนะหลินเหิงได้แล้ว
ดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่สนใจหลินเหิง เขาเดินไปยังหอแห่งดวงดาวต่อ เขาจะต้องเพิ่มพลังของตัวเองเพื่อล้างแค้น
“ครั้งหน้าข้าจะทำให้เ้าตายอย่างแน่นอน” เมื่อหลินเหิงเห็นหลินเฟิงไม่สนใจตัวเอง ในดวงตาของเขาก็ปรากฏเจตนาฆ่าฟันออกมา
ด้านหน้าประตูของหอแห่งดวงดาวจะมีชายชราคนหนึ่งนั่งเอกเขนกอยู่ตรงนั้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเกียจคร้าน
“ท่านผู้าุโ” หลินเฟิงโค้งกายให้ชายชราเล็กน้อย ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็เพียงผู้าุโดูแลหอคนหนึ่ง ซึ่งปกติแล้วจะไม่เป็ที่สนใจของคนอื่น แต่หอแห่งดวงดาวเป็สถานที่ที่สำคัญ แต่กลับมีเขาเพียงคนเดียวที่ดูแล แสดงว่าทางนิกายต้องมั่นใจในตัวเขาอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของอีกฝ่ายจะดูธรรมดาก็ตาม นี่มันเหมือนกับคนกวาดพื้นที่หอพระคัมภีร์ของวัดเส้าหลินในละครโทรทัศน์ที่เขาเคยดูเมื่อโลกก่อนเลย ลึกลับจนยากจะหยั่งถึง หลินเฟิงที่กลับมาเกิดใหม่จะดูไม่ออกได้อย่างไร
ดวงตาเกียจคร้านของชายชราชะงักเล็กน้อย เขามองหลินเฟิงด้วยสายตาประหลาดใจ จากนั้นก็พยักหน้าให้กับหลินเฟิง “ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 7 เ้าสามารถเลือกเคล็ดวิชาได้แค่ชั้นที่หนึ่งของหอแห่งดวงดาว สองวิชา”
“รับทราบ” หลินเฟิงตอบกลับ หอแห่งดวงดาวแบ่งออกเป็ 3 ชั้น ศิษย์ที่อยู่ในระดับขอบเขตนักรบลมปราณถ้าไม่มีแผ่นป้ายศิษย์สายใน ก็เลือกเคล็ดวิชาและเทคนิคได้แค่ชั้นที่หนึ่งเท่านั้น
เคล็ดวิชาและเทคนิคที่อยู่ในชั้นแรกของหอแห่งดวงดาวจะเป็ระดับเหลืองทั้งหมดซึ่งมีจำนวนมาก ทุกคนสามารถเลือกหาเคล็ดวิชาหรือเทคนิคที่เหมาะสมกับตัวเองได้จากที่นี่ นี่ก็คือสิ่งที่ตระกูลหลินไม่อาจกับเทียบนิกายได้
หลินเฟิงไม่้าเทคนิคในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงมองหาเคล็ดวิชาที่วางอยู่บนชั้น
“เจ็ดหมัดสังหาร เหมาะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่มีจิติญญาสายนักรบ”
“ตัดวายุ อาศัยพลังของลมเปลี่ยนให้กลายเป็คมมีดแห่งสายลม เพื่อโจมตี เหมาะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่มีจิติญญาแห่งลม”
“กระทิงคลั่ง เคล็ดวิชาระดับเหลืองขั้นสูง เหมาะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่มีจิติญญาสายอสูร”
หลินเฟิงพลิกเคล็ดวิชาในมืออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เก็บคืนที่เดิม จิติญญาแห่งความมืดของเขา สามารถยกระดับเคล็ดวิชาทั้งหมดได้ ประกอบกับความสามารถในการเข้าใจ ดังนั้นจึงไม่มีขีดจำกัดสำหรับเขา ไม่ว่าจะเป็เคล็ดวิชาอะไรเขาก็สามารถฝึกมันได้ นี่คือจุดพิเศษของจิติญญาแห่งความมืด ดังนั้นเขาจึงหวังว่าจะสามารถหาเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งได้
“ดาบแห่งสายลม ดาบที่เหมือนกับสายลม ทั้งรวดเร็วและสง่างาม สามารถแทรกซึมไปได้ทุกที่ เหมาะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่มีจิติญญาแห่งดาบ”
สายตาของหลินเฟิงหยุดชะงักเล็กน้อย เขาจินตนาการภาพที่ตัวเองถือดาบไปล้างแค้นออกมา อะไรที่เกี่ยวกับดาบมันทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก แต่ดูเหมือนว่าดาบแห่งสายลมจะไม่ใช่สิ่งที่เขา้า
“ทักษะชักดาบ ชักดาบรวดเร็วดุจสายฟ้าและสังหารศัตรูในดาบเดียว เหมาะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่มีจิติญญาแห่งดาบ”
“ทักษะชักดาบ” หลินเฟิงหยุดเคลื่อนไหว มันเหมือนกับว่าทักษะชักดาบแตกต่างจากทักษะดาบอื่นๆ ่เวลาในการชักดาบเป็สิ่งที่นักดาบไม่้ามากที่สุด เพราะถ้าชักดาบช้า อาจจะส่งผลกระทบในการออกดาบ อย่างไรก็ตามทักษะชักดาบกลับเป็ทักษะที่เน้นไปที่การสังหาร ถ้าออกดาบไปจะต้องเห็นเื ่เวลาที่ออกดาบเป็่เวลาที่ทรงพลังที่สุด หากพลาดนั่นหมายความว่าล้มเหลว
และทักษะชักดาบไม่ได้แบ่งออกเป็หลายท่าเหมือนทักษะดาบอื่นๆ มีเพียงแค่ท่าเดียวและการเคลื่อนไหวเดียว ชักและฆ่า ถ้าจะให้ดีที่สุด ทันทีที่ออกดาบ จะต้องให้ดาบนั้นดื่มเื
“ข้าเลือกมัน” หลินเฟิงหยิบทักษะชักดาบขึ้นมา หลังจากนั้นก็เตรียมหาเคล็ดวิชาตัวเบาต่อ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าทุกครั้งที่เขาโจมตี จะสามารถสังหารศัตรูได้หรือเปล่า ถ้าเกิดมันล้มเหลวขึ้นมา อย่างน้อยก็ยังมีวิชาตัวเบาดีๆ เพื่อหนีไปตั้งหลัก และการที่ได้เดินเหินอยู่บนหลังคาก็เป็ความฝันของทุกคนบนโลก!
เคล็ดวิชาตัวเบาที่หลินเฟิงเลือกมีชื่อว่า ‘เงา’ เมื่อฝึกฝนไปถึงระดับสูงสุดก็สามารถทำให้ร่างของตัวเองเลือนราง เห็นได้แต่เพียงเงาแต่ไม่เห็นคน
เมื่อหยิบเคล็ดวิชาทั้งสองเล่มเสร็จ หลินเฟิงก็เดินไปหาผู้าุโเพื่อลงทะเบียน
“ทักษะชักดาบ” ชายชราพึมพำออกมา และกล่าวออกมาว่า “พ่อหนุ่ม นี่เป็ครั้งแรกที่ทักษะชักดาบถูกคนเลือก เ้าควรรู้ไว้ว่าคนอื่นฟันดาบ แต่เ้าชักดาบ ความเร็วของเ้าจะต้องเหนือกว่าอีกฝ่าย และถ้าเ้าเร็วไม่พอสิ่งสุดท้ายที่จะได้รับคือความตาย ข้าบอกได้ว่าทักษะนี้แข็งแกร่งมาก แต่เงื่อนไขสูงเกินไป นั่นก็คือเ้าต้องเร็ว ถ้าเร็วกว่าคู่ต่อสู้ เ้าจะสามารถสังหารศัตรูได้ในดาบเดียว”
“ข้าเข้าใจแล้ว” หลินเฟิงรู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาที่ดีถึงได้เตือนเขา ถ้าชักดาบไม่เร็วพอ นอกจากทักษะชักดาบจะไม่สามารถดื่มเืศัตรูได้แล้ว ในทางกลับกันมันจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย
“เ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ถ้ายังไม่คล่องก็อย่าใช้มั่วๆ ส่วน ‘เงา’ เล่มนี้ เป็เคล็ดวิชาตัวเบาที่ไม่เลวจริงๆ” ผู้าุโไม่พูดอะไรมาก เขาช่วยหลินเฟิงลงทะเบียน เคล็ดวิชาและเทคนิคที่เลือกจากหอแห่งดวงดาวจะต้องส่งคืนภายในหนึ่งเดือน ไม่อย่างนั้นมันอาจส่งผลกระทบต่อลูกศิษย์ในนิกายคนอื่นๆ ที่อยากเรียนเคล็ดวิชาเดียวกัน
“ท่านผู้าุโ ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ” หลินเฟิงหยิบเคล็ดวิชาและกล่าวคำขอบคุณผู้าุโด้วยความเคารพ
“อืม” ชายชรายิ้มขณะที่พยักหน้า “ในยามปกติดาบอ่อนเล่มนี้สามารถใช้เป็เข็มขัดได้ หากอยู่กับข้ามันคงไร้ประโยชน์ เ้านำมันไปใช้เถอะ”
“เลิกขอบคุณเถอะ ผู้เฒ่าพยักหน้าไม่ไหวแล้ว รีบกลับไปฝึกซะ” ชายชราเห็นหลินเฟิงจะกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้งก็รีบโบกมือห้าม
หลินเฟิงได้แต่เกาหัวและเก็บคำขอบคุณไว้ในใจ สำหรับทักษะชักดาบแล้ว ถ้าหากมีดาบอ่อนพันอยู่รอบเอว มันอาจกลายเป็อาวุธสังหารที่น่าใและเพิ่มโอกาสในการฆ่าได้
หลินเฟิงยิ้มให้ชายชราแล้วเดินจากไป
“นานแล้วที่ไม่ได้เห็นคนรุ่นเยาว์ที่น่าสนใจเช่นนี้” ชายชราพึมพำกับตนเอง ก่อนจะกลับมามีท่าทีเกียจคร้านเช่นเดิม ทุกวันนี้คนวัยเยาว์สนใจแต่จะยกระดับ นับวันยิ่งใจร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนลืมเลือนมารยาทพื้นฐานไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้