ดวงตาของผมแดงก่ำ รู้สึกได้ว่ามีของเหลวค่อนข้างเหนียวและอุ่นอยู่ใต้ร่าง กลิ่นคาวคลุ้งโชยเข้าจมูกกระตุ้นประสาทััทั้งห้าทั่วร่างกาย
ผมฝืนลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเป็สิ่งแรกกลับเป็ฝ่ามือที่ขาดซึ่งเต็มไปด้วยเืสีแดงสดวางอยู่ตรงหน้าของตัวเอง รอบบริเวณรอยขาดนั้นมีเนื้อเน่าขนาดไม่เท่ากัน ตรงเส้นเืที่ขาดหลายเส้นยังคงมีเืสีแดงสดจำนวนมากพุ่งออกมาด้านนอก
รู้สึกจุกแน่นบริเวณลำคอจนผมแทบอยากจะอาเจียนออกมา ความรู้สึกสะอิดสะเอียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผมอยากลุกขึ้นมาเขี่ยไอ้เ้าฝ่ามือขาดที่อยู่ตรงหน้าออกไปให้พ้น ผลสุดท้ายกลับพบว่าไม่สามารถออกแรงได้เลย นี่ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้า แต่เหมือนกับว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของผมมาั้แ่แรก ผมเพียงแค่สามารถมองเห็นภาพ ได้ยินเสียง มีความรู้สึก แต่กลับไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ผมคงไม่ได้ฝันไปหรอกใช่ไหม?
ทันทีที่มีความคิดนี้เกิดขึ้นมาผมก็ยืนยันกับตัวเองได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมยังนอนอยู่บนเตียงหินซึ่งอยู่ในตำหนักบรรทมของวังปีศาจอยู่เลย เป็ไปไม่ได้ที่ผมจะมาปรากฏตัวอยู่ในสถานที่ที่แปลกประหลาดแห่งนี้
จากความคิดเหล่านี้ทำให้สรุปได้ว่า ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองต้องกำลังอยู่ในความฝันอย่างแน่นอน และตัวต้นเหตุหลักส่วนหนึ่งน่าจะเป็เพราะเ้าก้อนหินที่ผมนอนทับอยู่
หรือว่ามันกำลังจะบอกใบ้เื่บางอย่างในทางอ้อม...
“ดวงจิตของเ้ายังไม่ถูกทำลายอีกหรือ? ทั้งยังมีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้”
ตอนนี้มีเงามืดเงาหนึ่งปกคลุมอยู่เหนือร่างโอบล้อมผมคล้ายกับกรง สิ่งที่ติดอยู่้านั้นมีแต่เื โลหิตสีแดงเข้มกับเส้นผมที่ยาวติดกันจนบดบังใบหน้าของคนผู้นี้ ทำให้ผมมองไม่เห็นหน้าตาของเขาไปชั่วขณะ
แม้จะเห็นใบหน้าไม่ชัด ทว่าผมกลับมองเห็นอาวุธที่เขาถืออยู่ในมือได้อย่างชัดเจน! คมกระบี่ที่เปล่งประกายแวววาวนั้นเต็มไปด้วยเื แม้อยู่ท่ามกลางควันหมอกหนาแน่นก็ยังคงมองเห็นความแหลมคมที่ผิดปกติ ทำให้ผมรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วทั้งตัว
จู่ๆ ก็ขยับตัวไม่ได้อีกแล้ว!
แต่เมื่อดูจากอาการาเ็ของคนผู้นี้ คาดว่าเขาคงจะใกล้หมดลมหายใจแล้ว การกระทำของเขาตอนนี้พูดง่ายๆ ก็คือ แม้จะรู้ว่าหลังจากที่แทงเ้าตายแล้วตัวข้าก็ต้องจบสิ้นไปเหมือนกัน แต่ว่าข้าก็ยอมตายไปพร้อมกับเ้า
“การต่อสู้ระหว่างเ้ากับข้า ก็ยังคงเป็ข้าที่เป็ฝ่ายอยู่เหนือกว่าเ้า วันเดียวกันนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าคงเป็วันตายของเ้าแล้วสินะ? ”
“ข้าจะไปเยี่ยมเ้า”
เขาพูดจบด้วยสีหน้าท่าทางสบายอกสบายใจ มุมปากยกยิ้มแสดงถึงอารมณ์ของตัวเองที่กำลังมีความสุขเป็พิเศษ
ผลสุดท้ายเสียงพูดนั้นก็ยังคงติดอยู่ในหูของผม แล้วเืก็ไหลออกจากมุมปากของเขา ย้อยลงคางแล้วหยดลงมาจนทั่วร่างกายที่ผมอาศัยอยู่ตอนนี้
ผม : ...เ้า! เ้าจะพูดก็พูดไปสิ แต่อย่าทำให้ผู้คนรู้สึกสะอิดสะเอียนเช่นนี้ได้หรือไม่??
ยามคนผู้นี้กระอักเืออกมา สีหน้าเขาก็ยิ่งเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ช่างเถอะ เพราะว่ามีเืเปื้อนอยู่ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด...
เขาไม่สนใจสภาพร่างกายที่ย่ำแย่อย่างถึงขีดสุดของตัวเอง แต่กลับจับกระบี่ที่อยู่ในมือให้กระชับแน่นมากขึ้น แล้วออกแรงแทงเข้าไปยังร่างกายที่ผมติดอยู่ในตอนนี้อย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
แทงลงมาตรงกลางหน้าอกพอดี
แทงครั้งแรกไม่พอ ยังแทงซ้ำลงมาอีกครั้งหนึ่ง คงจะพูดได้ว่าแทงจนสาแก่ใจเขายิ่งนัก
เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาสบายแล้ว แต่ผมกลับได้รับความทุกข์ยากลำบากกว่า
เดิมทีผมที่ติดอยู่กับร่างกายนี้แล้วมีความคิดที่จะรอดูการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้น คิดแค่ว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวกับตัวเองจึงไม่ได้สนใจ แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่าความเ็ปจากการถูกแทงจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของผมทั้งหมดด้วย ในความเป็จริงผมสามารถรับรู้ความรู้สึกได้เกือบจะเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์!
อ๊าก! ซวยจริงๆ เลย! ทำไมแม้แต่ในความฝันผมก็ยังต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่แสนเ็ปอย่างนี้?!
ตอนนี้ผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็เป้านิ่ง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้พี่ใหญ่ท่านนี้ซึ่งคร่อมอยู่บนตัวผมแทงซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
กระบี่ของเขาคล้ายกับมีพลังที่สามารถลบล้างดวงจิตได้ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าดวงจิตของตัวเองเริ่มเลือนรางมากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะสลายหายไปในดินแดนที่รกร้างแห่งนี้
เสียงอาวุธที่มีความแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในเนื้อดังขึ้นอยู่ข้างหู ร่างกายผมที่กำลังจะถูกเจาะเป็รังต่อกลับรู้สึกว่าชีวิตไร้ซึ่งความหวัง
แต่คาดว่าเพราะเคยถูกซ่งฉียวนทรมานเมื่อชาติที่แล้วจึงทำให้มีความอดทนต่อความเ็ปได้ในระดับหนึ่ง จนกระทั่งตอนนี้ผมก็ยังคงมีสติอยู่
ดังนั้นเมื่อร่างกายนี้ยกมือขึ้นมาจนถึงหว่างคิ้วของตัวเอง ในใจของผมก็ตกตะลึงจนแทบจะะเิออกมา
นี่ๆๆ คิดจะะเิตัวเองอย่างนั้นหรือ???
ตัวละครในนิยายเื่ “มหันตภัยแห่งแดนเซียนปีศาจ” หาก้าะเิตัวเองก็จะใช้วิธีการที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือวางมือไว้ตรงหว่างคิ้ว รวบรวมพลังของตัวเองมายังจุดนี้ หลังจากนั้นร่างกายก็จะะเิทันที ซึ่งเพียงพอที่จะสามารถสังหารผู้ที่อยู่ใกล้ๆ ให้ตายไปพร้อมกันได้
ยิ่งเป็ผู้ที่บำเพ็ญเพียรสูงมากเท่าไร ระดับความรุนแรงของการะเิตัวเองก็ยิ่งน่ากลัวมากเท่านั้น แต่ผลกระทบของการะเิตัวเองก็ไม่ใช่ว่าใครๆ จะสามารถทนได้
ยกตัวอย่างเช่นผมที่อาศัยอยู่ในร่างกายนี้ หากว่าะเิตัวเองไปแล้ว เช่นนั้นจุดจบก็คือดวงจิตจะสลายหายไป ไม่มีทางที่จะเรียกกลับคืนมาได้อีก
ดูเหมือนว่าความเคียดแค้นของพี่ใหญ่ท่านนี้จะลึกล้ำมาก ท่านพี่ทั้งสองไปมีเื่โกรธแค้นอะไรกันมาอย่างนั้นหรือ?
ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าดวงจิตของตัวเองถูกบังคับให้มารวบรวมอยู่ตรงหว่างคิ้ว จากนั้นก็เกิดความเ็ปจากการพองบวมและฉีกขาดขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมกับที่หัวสมองเกิดการะเิ
“ปัง!!!”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไรแล้ว ดวงจิตของผมคล้ายกับอ่อนกำลังอยู่เล็กน้อย ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ยังเป็สถานที่รกร้างซึ่งเป็ที่เกิดเหตุนั่น รอบกายมีศพวางเรียงเกลื่อนไปทุกที่
คนผู้นี้ะเิตัวเองแล้วทว่ากลับยังไม่ตาย??
“เปรี้ยง!!!”
ขณะที่กำลังตกตะลึง ทันใดนั้น้าศีรษะก็เกิดเสียงดังลั่นราวกับฟ้าผ่า ดังจนแทบจะทำให้ผมหูอื้อได้ในชั่วพริบตา เสียงหึ่งๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตามด้วยเสียงฟ้าร้องที่สั่นะเื โดยที่ไม่ทันได้คาดคิดฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ผมเปียกปอนจนหนาวเย็นทะลุไปถึงขั้วหัวใจในชั่วพริบตา...
ผมลองขยับร่างกาย พบว่าเริ่มมีความรู้สึกแล้ว แต่กลับเหนื่อยล้าผิดปกติ รู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัว
ผมพยายามยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องหน้าหวังจะบังสายฝนที่ตกลงมาบนใบหน้า แต่หลังจากที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วก็ต้องตกตะลึงอย่างสุดขีด...
ขนาดของฝ่ามือนี่เล็กเกินไปแล้วหรือเปล่า??
ฝ่ามือที่อยู่ตรงหน้านั้นเล็กมาก นิ้วมือที่ทั้งเล็กและสั้นถ้าหากไม่เปื้อนเืคาดว่าคงจะดูน่ารักเป็อย่างยิ่ง
หากดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วคงจะเป็มือของเด็กน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้คืออะไรกันแน่?
“จิ๊บ! จิ๊บ! จิ๊บๆๆ ! ”
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ทันใดนั้นบนใบหน้ากลับถูกบางสิ่งที่มีลักษณะแหลมๆ จิกลงมาครั้งหนึ่ง การกระทำนั้นไม่ได้รุนแรงแต่รู้สึกว่าจั๊กจี้มากกว่า จากนั้นก็ยังจิกลงมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างรู้สึกสนุกไม่รู้สึกเหนื่อย
ผมคนนี้กลัวการโดนจั๊กจี้มาก การถูกจิกเช่นนี้ทำให้รู้สึกอึดอัดไปทั่วทั้งตัว อีกทั้งยังอยากหัวเราะมากเป็พิเศษ ทำให้จิตใจไม่สงบนิ่ง ส่งผลให้ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าค่อยๆ เลือนหายไป จนในที่สุดก็เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
เพียงชั่วพริบตาเดียว จากฝนที่ตกหนักและภาพสนามรบตรงหน้าก็หายไปจนหมด
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง บนศีรษะผมกลายเป็เพดานสีดำมืดของตำหนัก ในที่สุดความรู้สึกมั่นคงของดวงจิตในร่างกายก็กลับคืนมา
ทันทีที่ประสาทััทั้งห้ากลับคืนมาก็รู้สึกได้ถึงสิ่งเล็กๆ ที่อยู่ข้างหู ซึ่งสิ่งนั้นยังคงจิกลงบนใบหน้าของผมครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุดหย่อน
ผมหันศีรษะไป อยากจะดูว่าเ้าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่
ผลสุดท้ายเมื่อมองแล้ว ใจของผมก็อ่อนยวบลงในชั่วพริบตา ที่ขอบตากลับมีน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้น… คืออาจิ่ว