“หนักใจหรือ? หนักใจแล้วอย่างไร? สถานการณ์ในตอนนี้ เกรงว่าอวี่เหวินซินจะสังเกตเห็นตัวตนของเขาแล้ว ส่วนฉู่ชิงยังนำทหารรักษาพระองค์มาปิดล้อมเขตพำนักอีก ฉู่ชิงและทหารในค่ายเสินเช่อเกือบจะตายเพราะพิษกู่ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานครบถ้วนที่พิสูจน์ได้ว่าพิษกู่ในค่ายเสินเช่อเป็ของหนานเยวี่ยก็ตาม ทว่าในสายตาของทุกคนต่างเพ่งเล็งไปที่พวกเขา และวันนี้...”
ฉางไทเฮาครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ นางมิได้เอ่ยต่อ ทั้งยังถอนหายใจอย่างหนักหน่วงด้วยสีหน้าซีดขาว
"เขาต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้โดยเร็ว" จ้าวเยี่ยนเอ่ยอย่างใจเย็น ทั้งสองเข้าใจได้ทันที คำว่า “เขา” คำนั้น หมายถึงผู้ใด
ฉางไทเฮาเงยหน้ามองจ้าวเยี่ยน เพียงชำเลืองมอง พวกเขาก็รับรู้ความคิดของอีกฝ่ายโดยมิต้องเอ่ยกล่าวสิ่งใดแล้ว
ไม่ว่าจะต้องสูญเสียฉางหงเยียน ทว่าก็มิอาจให้อูเสียนอ๋องและฉางหลิงเกอผิดพลาดได้
ไม่เพียงแค่นั้น ห้ามให้ผู้คนรู้ถึงตัวตนของเขาเด็ดขาด หากโพล่งขึ้นมา การเตรียมรับมือของฮ่องเต้หยวนเต๋อที่มีต่อแคว้นหนานเยวี่ยคงแ่ายิ่งกว่านี้แน่ และนางที่เป็องค์หญิงจากหนานเยวี่ย รวมถึงโอรสของนางคงอยู่ในกลุ่มบุคคลที่ต้องระมัดระวังของฝ่าาอย่างแน่นอน
ฉางไทเฮาครุ่นคิดเื่นี้ในหัว ความอ่อนแอในดวงตาค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความทะเยอทะยานมุ่งมั่นอันแรงกล้า
“เยี่ยนเอ๋อร์ พวกเราสองแม่ลูก หาก้าบรรลุสิ่งใด แคว้นหนานเยวี่ยจะคอยหนุนหลังให้พวกเรา เป็ที่พึ่งพาของพวกเรา อวี่เหวินซิน วันนี้นางรับรู้ถึงความทะเยอทะยานของแม่อย่างกระจ่างแจ้งแล้ว แม้ไม่มั่นใจว่านางรู้ถึงตัวตนของฮ่องเต้องค์ใหม่หรือไม่ ทว่าคนที่แม่ปกป้อง นางย่อมไม่มีทางปล่อยไปแน่ เพราะฉะนั้น...เ้าต้องคิดหาวิธี ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด จะต้องพาเขาออกไปจากเป่ยฉีอย่างปลอดภัยให้ได้”
ฉางไทเฮากลับมาสงบนิ่งใจเย็นดังเดิมแล้ว ทั้งยังครุ่นคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ
จ้าวเยี่ยนฟังอย่างเงียบๆ เขาเองก็รู้ถึงความสำคัญของฮ่องเต้องค์ใหม่ของหนานเยวี่ยที่มีต่อพวกเขาดี
หากพวกเขาสามารถช่วยฮ่องเต้องค์ใหม่ของหนานเยวี่ยออกไปได้ในครั้งนี้ วันหนึ่งยามที่พวกเขา้าความช่วยเหลือจากหนานเยวี่ย เขาย่อมต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่แน่นอน ทว่าก่อนหน้านี้...
จ้าวเยี่ยนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ในดวงตาที่แต่เดิมฉายแววอ่อนโยนมาตลอดพลันลุกวาว เผยแผนการออกมาอย่างรางเลือน “ลูกรู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่โปรดวางใจ เื่ของเขา ลูกจะจัดการให้เรียบร้อย”
ฉางไทเฮาจ้องมองจ้าวเยี่ยน นางหวนนึกถึงการปรากฏตัวของจ้าวอี้ รวมถึงท่าทีโอหังพึงพอใจของอวี่เหวินซิน ความเกลียดชังอัดแน่นไหลวนทั่วดวงตาคู่นั้น “เดิมทีข้าคิดว่าจ้าวอี้ตายแล้ว เมื่อเทียบกับโอรสของฝ่าาอีกสองคนที่ถูกส่งไปคุมหัวเมืองด้านนอก วันนี้ฝ่าาทรงรู้ว่าเ้าคือโอรสของเขา เ้ามีข้อได้เปรียบ ทว่าตอนนี้จ้าวอี้ยังไม่ตาย...หนทางของพวกเราแปรเปลี่ยนพลิกผันหลายครั้ง ทว่าไม่ว่าอย่างไร เดิมทีมันควรเป็ของเ้า เพียงแค่เ้าต้องพยายามอย่างเต็มที่ เ้าจึงจะแย่งชิงมันกลับมาได้ เ้าจำได้หรือไม่?”
“ลูกจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ” จ้าวเยี่ยนคารวะคราหนึ่ง ดวงตาฉายแววแน่วแน่
เดิมทีมันควรเป็ของเขา เขาจะแย่งมันกลับมา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!
“ไม่มีอะไรแล้ว เ้าไปเถิด”
ฉางไทเฮาพยักหน้าอย่างพอใจ นางยกมือกุมหน้าผาก แขนตั้งลงบนโต๊ะตัวเล็กบนตั่งตัวยาว ครุ่นคิดถึงการออกจากเมืองชุ่นเทียนในวันพรุ่งนี้ ในใจของนางไม่พอใจอย่างพูดไม่ออก
นางไม่อยากไป ทว่าในยามนี้ นางจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อฟื้นฟูสถานการณ์?
ฉางไทเฮาหรี่ตาครุ่นคิด
ส่วนจ้าวเยี่ยนเหลือบมองฉางไทเฮา และก้าวเดินออกจากห้องพระไปอย่างเงียบเชียบ
เขตพำนัก ณ ลานตะวันออก
อวี่เหวินเจี๋ยและอวี่เหวินหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถง แม้ว่าอวี่เหวินเจี๋ยจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทว่าพอจะเข้าใจได้ทันที เมื่อได้ฟังอวี่เหวินหรูเยียนเล่าออกมาอย่างคร่าวๆ
ในเวลานี้เจินกูกูเดิมที่ที่ต้องติดตามฮองเฮาอวี่เหวินกลับวังแล้ว ทว่ากลับวกกลับมา
ในห้องโถง เจินกูกูคารวะให้ทั้งสองอย่างนอบน้อม “นายท่านทั้งสอง สถานการณ์ในเขตพำนักที่ลานทางใต้ รบกวนท่านทั้งสองช่วยจับตาดูทางนั้นเพิ่มขึ้นนะเพคะ โดยเฉพาะทหารองครักษ์คนนั้น”
ทหารองครักษ์คนนั้น...
อวี่เหวินหรูเยียนเข้าใจคำพูดของเจินกูกูได้ทันทีว่าทหารองครักษ์ที่นางพูดหมายถึงผู้ใด อวี่เหวินหรูเยียนจึงเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวลว่า “ข้าและเสด็จพี่รู้เื่นี้แล้ว ลำบากกูกูอีกรอบ ช่วยไปทูลต่อฮองเฮาแทนข้าและเสด็จพี่ด้วยว่าเื่ที่ฮองเฮารับสั่ง ข้าและเสด็จพี่จะทำให้ดีที่สุด”
"องค์หญิงโปรดวางใจ หม่อมฉันจะนำความนี้ไปทูลต่อพระนางให้เพคะ" เจินกูกูย่อกายคารวะ มิเอ่ยทิ้งความใดต่อ ในไม่ช้าก็ทูลลากลับไป
เหลือเพียงอวี่เหวินเจี๋ยและอวี่เหวินหรูเยียนในห้องโถงสองคนตามลำพัง
อวี่เหวินเจี๋ยยืนอยู่ที่หน้าต่าง จากมุมนี้จะเห็นลานทางใต้ที่อยู่ห่างไปหนึ่งทะเลสาบได้ ฟากฝั่งนั้น ล้อมรอบไปด้วยทหารรักษาพระองค์ในชุดดำมากมายคอยคุ้มกันอย่างแ่า ปิดล้อมเสียจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไปไม่ได้
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใน่สองสามวันที่ผ่านมา อวี่เหวินเจี๋ยพลันยกยิ้มมุมปาก “นึกไม่ถึงเลยว่าการมาแคว้นเป่ยฉีในครานี้จะมีเื่ราวเกิดขึ้นมากมาย หนานเยวี่ย...หึ ทำให้ฮองเฮาถึงขึ้นสั่งให้พวกเราเฝ้าจับตาดูเป็พิเศษเยี่ยงนี้ เกรงว่าตัวตนของคนผู้นั้นคงไม่ธรรมดา”
ทว่าตัวตนที่ไม่ธรรมดานั่นจะสูงส่งถึงเพียงใด?
อวี่เหวินหรูเยียนเหลือบมองอวี่เหวินเจี๋ย ในหัวนางผุดภาพเงาร่างของทหารองครักษ์ผู้นั้น “ไม่ธรรมดาแล้วอย่างไร? ครานี้ถึงแม้นไม่ธรรมดา เกรงว่าจะพ่ายแพ้เสียแล้ว”
อวี่เหวินหรูเยียนเพียงแค่คาดเดาก็พอจะมั่นใจได้แล้ว งิ้วในห้องพำนักวันนี้ ยังมิได้จบลงเท่านี้อย่างแน่นอน
เหนียนยวี่…
ยามนี้นางอดไม่ได้ที่จะตรวจสอบสตรีผู้นี้อีกครั้ง นางวางแผนอะไรไว้และจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้อีก
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด ทว่านางกลับตั้งตารอ
และในยามนี้ เหนียนยวี่เองก็ยังคงอยู่ในเขตพำนัก
ณ มุมเงียบสงบมุมหนึ่งในห้อง สตรีนางหนึ่งเดิมทีที่แต่งกายเป็นางกำนัล ยามนี้ได้เปลี่ยนชุดแล้ว นางสวมใส่ชุดดำทั้งตัว
หน้ากระจกเงาวาว สตรีผู้นั้นกำลังทำเช็ดร่องรอยที่เติมแต่งบนใบหน้า วงคิ้วงดงาม แต่งกายเฉกบุรุษ แลดูกล้าหาญอย่างเห็นได้ชัด
เหนียนยวี่เก็บทุกอย่างก่อนออกจากประตู ทันทีที่ออกจากห้องและก้าวออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว พลันเห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังยืนหันหลังให้ตนเอง ร่างกายนางพลันสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้ เขามาได้อย่างไร?
ก่อนที่เขาจะนางจะได้แสดงท่าทีอะไร บุรุษผู้นั้นหันหลังกลับมา สบเข้ากับดวงตานาง ดวงตาทอประกายสว่างไสวที่เผยให้เห็นนอกหน้ากากสีเงินยวง ประหนึ่งกำลังยกยิ้มให้นาง
ครั้นฉู่ชิงเห็นชุดของเหนียนยวี่ เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
เขาไม่เข้าใจ เห็นได้ชัดว่านางเป็สตรี ทว่ายามนางสวมชุดบุรุษ ความองอาจกล้าหาญของความเป็ชายกลับดูเป็ธรรมชาติอย่างยิ่ง ราวกับว่าแท้จริงแล้วนางเป็บุรุษ แม้นยามสวมชุดทหารรักษาพระองค์ เขายังคาดไม่ถึงเลยว่า ตนเองจะรู้สึกว่านางควรเป็ทหาร
ในหัวของฉู่ชิงเต็มไปด้วยความคิด ทว่าเขาไม่ได้ละสายตาจากเหนียนยวี่ เหนียนยวี่ที่ถูกมอง เริ่มมีท่าทีเก้กังไม่เป็ธรรมชาติเล็กน้อย นางกระแอมไอเบาๆ และคำนับให้คนตรงหน้าคราหนึ่ง “ผู้น้อยคารวะท่านแม่ทัพฝ่ายกองทหารขอรับ”
เหนียนยวี่เลียนแบบเหมือนทหารทุกประการ นางจงใจกดเสียงตัวเองให้ทุ้มลง ชาติก่อนนางอยู่ในค่ายทหารมาแปดปี ปิดบังความเป็อิสตรีของตนเอง นางคุ้นเคยกับสิ่งนี้มานานแล้ว
ฉู่ชิงกลับมารู้สึกตัว เขาตระหนักได้ทันทีว่าตนเองรู้สึกทึ่ง ดวงตาของเขาเป็ประกาย ทว่าเขากลับรีบเบนสายตาออกไปทันที
"อืม" ฉู่ชิงตอบอย่างเฉยเมย ราวกับจะปกปิดอะไรบางอย่าง "ต่อจากนี้ เ้ามีแผนอะไร?"
เขาไม่ลืมเื่ที่ตัวเองตกคำรับปากนางก่อนหน้านี้
หลังจากกลยุทธ์จักจั่นลอกคราบแล้ว นางจะเผยฝีมือ!
ฉู่ชิงมองไปทางทิศใต้ นึกถึงการจัดเตรียมของนางเมื่อคืนนี้ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย งิ้วในห้องนั้น คงจะจบลงแล้ว ทว่าต่อจากนี้เล่า?
การแต่งกายของเหนียนยวี่ ทำให้เขาอยากรู้อยากเห็นแผนการของนางอย่างมาก
"แผนการ..." เหนียนยวี่เลิกคิ้วขึ้นและมองไปยังทิศทางของลานทางใต้ นางย่อมมีแผนอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้...
"เฝ้ารอ สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือรอ!"
รออย่างนั้นหรือ?
ฉู่ชิงจ้องมองเหนียนยวี่อย่างแปลกใจ มิอาจปกปิดความสงสัยในใจของตนเองได้ "รออะไรหรือ"