บทที่ 49 ผ่าตัดใส่ขาเทียมนายพลเย่เฉิน
เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว เย่เฉิน นายพลหนุ่มผู้เก่งกล้าหาญ ล้มลงบนพื้นขาซ้ายของเขาแหลกละเอียด เืไหลอาบพื้น เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ความเ็ปแสนสาหัสบวกกับความสิ้นหวัง กัดกินจิตใจของเขา เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
"แกทำอย่างนี้ได้อย่างไร ถังซาน!"
เฉินหวังตง หนึ่งในลูกทีมของเขาะโถามถังซานคนทรยศที่พาเพื่อนเข้ามาในวงล้อมของแก๊งค้ามนุษย์เซียวจ้านเพื่อที่จะฆ่าพวกเขาทุกคน
"หึหึหึ"
ถังซานหัวเราะเสียงเย็น "ฉันไม่มีความจำเป็ต้องอธิบายอะไรกับพวกแก ชีวิตแลกชีวิต ครอบครัวของฉันสูญเสียไปหมดเพราะพวกแก พวกแกยังคาดหวังให้ฉันทุ่มเทเสี่ยงชีวิตให้อีกเหรอ แก๊งเซียวจ้านช่วยชีวิตฉันไว้ ดังนั้นฉันคือคนของเขา ฉันทำงานให้แก๊งเซียวจ่านเท่านั้น ที่ผ่านมาฉันอดทนมากเกินไปแล้ว” ถังซานพูดขึ้นมา ตอนนี้สติเย่เฉินกำลังจะหลุดลอยแล้ว เขาเ็ปาแมาก ยิ่งกว่านั้นคือความโกรธที่พวกเขาตกหลุมพลางของแก๊งค้ามนุษย์เซียวจ้าน
"ถังซาน แกมันเลว!" เฉินหวังตงะโคำพูดสุดท้ายด้วยความโกรธแค้น
ถังซานไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่ยักไหล่เล็งปืนมาเขา ขณะที่ถังซานกำลังจะเหนี่ยวไกยิงเฉินหวังตงก็ะโมาผลักเขาออกจากวิถีะุ และตัวเฉินหวังตงก็ล้มกระแทกหินด้านล้างเช่นกัน
ชั่วขณะที่เย่เฉินที่คิดว่าตัวเองต้องตายแน่แล้วเขาถูกผลักกลิ้งออกไปจากวิถีะุของถังซานและล้มลง ก่อนจะสลบเขาหันไปมองเห็นร่างของถังซานที่ถูกะุปืนกระหน่ำยิงและกระเด็นไปไกล และภาพต่างๆ ก็ดับลง
นายพลเย่เฉินถูกนำออกมาจากสถานที่ต่อสู้พร้อมกับเฉินหวังตงสภาพของเขาตอนนั้นใครมองก็คือไม่น่าจะรอด พวกเขาถูกนำตัวส่งที่โรงพยาบาลทหารและคณะแพทย์ได้ทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ตัวของนายพลเย่เฉินสามารถรักษาชีวิตไว้ได้แต่เสียขาข้างซ้ายไป
สัปดาห์ต่อมาเฉินหวังตงทำเื่ขอย้ายตัวเองกลับไปรักษาต่อที่บ้าน
ส่วนเขาได้รับการผ่าตัดหลายครั้ง แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่สามารถที่จะรักษาขาของเขาเอาไว้ได้ และครอบครัวของเขาก็ได้ให้เงินกับครอบครัวนายทหารเฉินหวังตงไปก้อนใหญ่ที่เขาช่วยรักษาชีวิตของเย่เฉินเขารับฟังเื่ราวที่มารดาเล่าให้ฟังโดยสงบ
เกือบหกเดือนแล้วที่เหตุการณ์นั้นผ่านมา นายพลเย่เฉินนอนนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาซีดขาว ดวงตาว่างเปล่า ไร้ซึ่งชีวิตชีวา ขาซ้ายของเขาถูกตัดขาด เหลือเพียงปลายขาที่พันด้วยผ้าขาว สะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายของการต่อสู้
เขาพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา พ่ายแพ้ต่อศัตรู และเขากำลังจะพ่ายแพ้ต่อความตาย
เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่อยากเห็นโลกที่โหดร้าย ไม่อยากรับรู้ความสูญเสีย ไม่อยากเผชิญกับอนาคตที่ไร้ซึ่งขา ทุกวันเขาปฏิเสธที่จะกินอาหาร เขาก็จิบเพียงน้ำนิดหน่อยพอประทังชีวิตเท่านั้น ไม่ว่าแม่หรือภรรยาของเขา เขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว เขาอยากจะตายให้มันพ้นๆ ไป จะได้ไม่ต้องทรมานอยู่แบบนี้ เป็วีรบุรุษที่ไร้ขา ไม่มีความสง่างามอีกต่อไป น้ำตาของเขาไหลอาบแก้มลงมา เขาทุกข์ใจเหลือเกิน
ในความมืดมิดของห้อง นายพลเย่เฉินนึกย้อนไปถึงอดีต นึกถึงวันที่เขายังแข็งแรง นึกถึงวันที่เขายังเป็วีรบุรุษผู้กล้าหาญ นึกถึงวันที่เขายังมีครอบครัวที่สมบูรณ์
เขานึกถึงภรรยาของเขา ผู้หญิงที่เขารักนึกถึงลูกสาวของเขา เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่ารัก นึกถึงแม่ของเขา หญิงชราผมสีขาวที่ทุ่มเทให้เขาจนหมดใจ
เขารู้ว่าเขากำลังทำผิด เขาทำผิดที่จะทิ้งครอบครัวของเขา เขาทำผิดที่จะทิ้งภาระให้พวกเขา เขาทำผิดที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่และหันหลังให้ทุกคนเช่นนี้ แต่เขาไม่สามารถหยุดคิดเื่การที่ไม่สามารถกลับมายืนได้อีกครั้งเลย
เขารู้สึกผิดต่อภรรยาของเขา ที่ต้องมาดูแลเขาที่ไร้ความสามารถ รู้สึกผิดต่อลูกสาวของเขา ที่ต้องเติบโตมากับพ่อที่พิการ รู้สึกผิดต่อแม่ของเขา ที่ต้องมาเห็นลูกชายของตัวเองในสภาพนี้
น้ำตาของเขายังคงไหลรินเขาทุกข์ใจเขารู้สึกไร้ค่าเขารู้สึกอยากตายแต่แล้วท่ามกลางความมืดมิด ท่ามกลางความทุกข์ ท่ามกลางความรู้สึกผิด ท่ามกลางความไร้ค่าและความอยากตาย เขาก็ได้ยินเสียงท่ามกลางความมืดมิด เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นข้างเตียงนายพลเย่เฉินลืมตาขึ้นมองเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
นายพลเย่เทียนบิดาของเขาผู้ล่วงลับไปหลายปีแล้ว นายพลเยเทียนมีใบหน้าที่ใจดี ดวงตาเปี่ยมไปด้วยเมตตา เขาเอื้อมมือไปแตะไหล่ของลูกชายของเขานายพลเย่เฉินแล้วพูดว่า
"ลุกขึ้นยืนเถิด ลูกชาย ลูกคือทหารกล้า"
นายพลเย่เฉินรู้สึกเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าช็อต เขาพยายามลุกขึ้นยืน แม้จะรู้สึกเ็ปที่ขาขาด แต่เขาก็ยืนขึ้นได้สำเร็จ
ชายชราพูดต่อว่า "ลูกไม่ได้พ่ายแพ้ ลูกคือผู้ชนะ ลูกได้ปกป้องบ้านเมืองของตัวเองจากเชื้อร้ายที่คอยกันกิน ได้ปกป้องครอบครัวของลูกเอง ลูกคือวีรบุรุษที่แท้จริง"
"ผม... ผมเป็แค่คนล้มเหลว" นายพลเย่เฉินสะอื้น
"ขาที่ขาดไป ไม่ได้วัดค่าความเป็วีรบุรุษ" ชายชราพูด "หัวใจที่กล้าหาญ จิติญญาที่เด็ดเดี่ยว ต่างหากคือสิ่งที่ทำให้ลูกเป็วีรบุรุษ"
"ผม... ผมจะทำอย่างไรต่อไป" นายพลเย่เฉินถามน้ำเสียงของเขาสับสนมาก
"ลูกยังมีภารกิจอีกมากมาย" ชายชราตอบ "ลูกต้องใช้ชีวิตต่อไป ใช้ชีวิตเพื่อครอบครัวของลูกเอง ใช้ชีวิตเพื่อบ้านเมือง ใช้ชีวิตเพื่อสานต่อความฝันของลูกให้เป็จริง"
"ผม... ผมไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่" นายพลเย่เฉินกังวล
"พ่อเชื่อในตัวลูก" ชายชราพูด "ลูกมีพลังมากกว่าที่คิด”
"ขอบคุณครับคุณพ่อ" นายพลเย่เฉินรู้สึกเหมือนมีพลังใหม่เกิดขึ้นภายในใจ
ชายชราเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของนายพลเย่เฉินแล้วพูดว่า "จงจดจำไว้ ลูกคือวีรบุรุษ จงอย่ายอมแพ้ต่อโชคชะตา จงอย่ายอมแพ้ต่อความยากลำบาก จงสู้ต่อไปเพื่ออนาคตที่สดใส"
พูดจบ ชายชราก็หายไปในความมืด เย่เฉินสะดุ้งตื่นขึ้นมาเหงื่อไหลท่วมตัวของเขา..คุณพ่อ
เช้าวันต่อมาภรรยา ลูกสาวและคุณแม่ของเขาก็เข้ามาที่ห้องพักเขา นำของต่างๆ มามากมายเช่นเดิม เขามองทั้งสามคนนิ่ง และยังคงปฏิเสธที่จะทานอาหารที่พวกเขานำมา
"ฉันรู้ว่าคุณท้อแท้ ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกผิดฉันรู้ว่าคุณรู้สึกไร้ค่า แต่ฉันอยากให้คุณรู้ว่า คุณยังมีฉันยังมีลูกยังมีแม่ยังมีครอบครัวของเรา เราจะผ่านมันไปด้วยกันเราจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอคุณไม่ใช่แค่ทหาร คุณไม่ใช่แค่วีรบุรุษ คุณคือสามีของฉัน คุณคือพ่อของลูกคุณคือลูกชายของแม่ คุณคือคนสำคัญของเรา คุณคือคนที่เรารักอย่าทิ้งพวกเราไป อยู่กับเราต่อไป อยู่เพื่อครอบครัวของเรานะคะที่รัก" เธอพูดไปน้ำตาก็ไหลไปเมื่อมองไปที่สามีที่เหมือนจะไม่ยอมรับรู้คำพูดที่เธอได้พูดออกไป เขาเพียงหลับตาคำพูดของภรรยาเขาผ่านเข้ามาในสมองของเขา
“วันนี้ท่านนายพลเซี่ยจงได้แจ้งแม่ว่าจะเข้ามาเยี่ยมลูกด้วย ลูกแม่ลุกมาทานอะไรหน่อยเถอะ” แม่ของเขายังคงพยายามที่จะตักอาหารใส่ปากป้อนเขา
ในขณะนั้นนายพลเซี่ยจงเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่เดินมาข้างๆ เขาคือนายทหารเฉินหวังตง ที่ตอนนี้เขาหายสนิทไม่เหมือนคนที่โดยยิงและล้มหัวกระแทกสภาพไม่ต่างจากเขาในวันนั้นเลย นายทหารเฉินหวังตง คนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ตอนนี้หายดีแล้ว
เขารู้สึกดีใจที่อย่างน้อยคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ก็ไม่ได้เป็อะไร
“นายพลเย่เฉิน”
นายพลเซี่ยจงเอ่ย เขามองเห็นความสิ้นหวังในดวงตาของนายพลหนุ่ม
“ผมรู้ว่าคุณกำลังทุกข์ใจ แต่คุณต้องอดทนและต้องผ่านมันไปให้ได้นะ ยังมีอะไรอีกมากมายที่คุณต้องทำ ยังมีคนมากมายที่รอคอยคุณอยู่ขาของคุณอาจจะหายไปแต่คุณยังมีหัวใจที่แข็งแกร่งคุณยังมีสมองที่เฉลียวฉลาดคุณยังมีสองมือที่พร้อมจะสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้ คุณคือวีรบุรุษที่สง่างาม” ท่านนายพลเซี่ยจงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะเป็วีรบุรุษในเมื่อไม่มีขาให้ยืนขึ้นแล้ว”
น้ำเสียงแหบแห้งไร้ซึ่งความหวังของเขากล่าวขึ้นมา
“คุณไม่คิดถึงภรรยาหรือครับไหนจะมารดาของคุณที่ชรามากแล้วแต่ต้องมานั่งดูแลว่าคุณจะกินข้าวหรือเปล่าหรือว่าเททิ้งเหมือนทุกครั้ง คุณทำแบบนี้ไม่ใช่คุณคนเดียวที่าเ็แต่รวมถึงครอบครัวของคุณด้วย”
เขายังคงนิ่งเงียบ ในที่สุดก็เอ่ยออกมา
“ผมยังไม่ได้ขอบคุณคุณที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้เลย ขอบคุณมากครับนายทหารเฉินหวังตง” นายพลเย่เฉินกล่าว
“ตอนนี้เขาเป็พันโทเฉินหวังตงแล้วครับและเขาย้ายมาอยู่แผนกของผมแล้ว” นายพลเซี่ยจงกล่าว
“ถ้าคุณพร้อมที่จะสู้กับโชคชะตา เรามาสู้ไปด้วยกันเถอะท่านนายพลเย่เฉิน อีก2 วันผมจะพาแพทย์ผ่าตัดที่เก่งกาจที่สุดที่ผมเคยพบมาในชีวิตนี้เข้ามาช่วยผ่าตัดขาของคุณ เธอบอกผมว่าสามารถทำให้คุณลุกยืนได้อีกครั้ง คุณอยากจะลองเสี่ยงกันดูสักครั้งไหมครับนายพลเย่เฉิน” นายพลเซี่ยเอ่ยขึ้นมา
‘นายพลเย่เฉินมองไปที่ท่านนายพลเซี่ยจง นายทหารรุ่นพี่ของเขา ดวงตาของเขาเริ่มมีประกายความหวัง
“ผมจะสู้กับมันครับ” นายพลเย่เฉินตอบ
ก่อนหน้าที่เขาจะมาที่นี้เขาได้ไปพบกับคุณหมอหยางชิงโม่และได้เล่าสถานการณ์ของนายพลเย่เฉินให้รู้ ซึ่งหมอหยางบอกเขาว่าขาซ้ายที่ขาดไปสามารถใส่ขาเทียมที่เป็เหล็กกล้าแต่มีความยึดหยุนสูงพอคนไข้ใส่เข้าไปสามารถเดินและใช้ชีวิตได้เป็ปรกติถึง 80 %
ท่านนายพลสนใจมากและได้ขอร้องให้คุณหมอหยางช่วยมาดูแลคนไข้เคสนี้ของกองทัพให้เขาด้วย หยางชิงโม่หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ ก็ได้ตกลงที่จะขึ้นมาดู เธอจะได้มาเยี่ยมเฉินหวังตงด้วยเลย
2 วันต่อคุณหมอหยางชิงโม่ก็ได้เข้ามาที่โรงพยาบาลทหารและเข้าตรวจอาการของนายพลเย่เฉินอดีตหัวหน้าชุดปฏิบัติภารกิจของสามีเธอ
หยางชิงโม่ก้าวเข้าไปในห้องผู้ป่วย สายตาของเธอจับจ้องไปที่ชายหนุ่มบนเตียง ใบหน้าของเขาซีดเซียว ไร้ซึ่งสีเื ดวงตาของเขาฉายแววความสิ้นหวังสภาพของเขาค่อนข้างแย่เธอเคยพบผู้ป่วยประเภทนี้มามากมายพวกเขาหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป
เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอเดินเข้ามา แววตาของเขากลับมีประกายของความหวังขึ้นมา แววตาที่บอกเธอว่าเขายังอยากมีชีวิตต่อไป ยังอยากต่อสู้กับมัน หยางชิงโม่รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอเริ่มตรวจดูสภาพร่างกายของเขาอย่างละเอียด
"สวัสดีค่ะฉันชื่อหยางชิงโม่ เป็แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดค่ะฉันจะทำการตรวจดูสภาพร่างกายของคุณเพื่อประเมินว่าคุณพร้อมสำหรับการผ่าตัดใส่ขาเทียมหรือไม่" หยางชิงโม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ
"ไม่ต้องกังวลนะคะ การผ่าตัดใส่ขาเทียมในปัจจุบันมีความปลอดภัยสูง และเทคโนโลยีขาเทียมก็พัฒนาไปมาก คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนเดิม"
หยางชิงโม่เริ่มตรวจดูแผลที่ขาของชายหนุ่ม แผลจากการตัดขาเริ่มแห้งตกสะเก็ด แต่ยังมีรอยช้ำอยู่บ้าง
"คุณรู้สึกเจ็บแผลมากไหมคะ" หยางชิงโม่ถาม
"ไม่มากครับ" ชายหนุ่มตอบ
"ดีแล้วค่ะ" หยางชิงโม่ยิ้ม "ต่อไปหมอจะวัดขนาดขาของคุณเพื่อเตรียมขาเทียมที่เหมาะสม"
หยางชิงโม่ใช้ไม้บรรทัดวัดขนาดรอบต้นขา น่อง และข้อเท้าของชายหนุ่มอย่างละเอียด
"คุณหมอครับ ผมจะกลับมาเดินได้อีกครั้งไหม" เสียงของเขาแหบแห้ง เต็มไปด้วยความกังวล
"แน่นอนค่ะ" หยางชิงโม่ตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
"ขาเทียมจะช่วยให้คุณกลับมาเดินได้อีกครั้ง คุณจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
"แต่ผม..." เขาอึกอัก ไม่กล้าพูดต่อ
"ไม่ต้องกังวลค่ะ" หยางชิงโม่ยิ้มให้เขา "หมอจะดูแลคุณเอง เชื่อใจหมอนะคะ"
คำพูดของหยางชิงโม่สร้างความมั่นใจให้กับเขาอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างไหลผ่านตัว กลัวน้อยลง มุ่งมั่นมากขึ้น
หยางชิงโม่ตรวจดูสภาพร่างกายของเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง จดบันทึกข้อมูลทุกอย่างอย่างครบถ้วน
"คุณหมอครับ ขาเทียมแบบไหนที่เหมาะกับผม" เขาถาม
"ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ" หยางชิงโม่ตอบ "ทั้งระดับการตัดขา สภาพร่างกาย กิจวัตรประจำวันของคุณ"
"ผมอยากกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม" เขาบอก
"หมอเข้าใจค่ะ" หยางชิงโม่พยักหน้า "เราจะเลือกขาเทียมที่เหมาะกับคุณค่ะนายพลเย่เฉิน ให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่คุณอาจจะไม่สามารถลงปฏิบัติภารกิจอยู่แนวหน้าได้แล้วนะคะ แต่อย่างไรก็ตามกองทัพยังมีหลายแผนกให้คุณได้ใช้ความสามารถช่วยเหลือ” หยางชิงโม่พูดคุยกับเขาอีกสักพัก อธิบายเกี่ยวกับขาเทียมประเภทต่างๆ ตอบคำถามของเขาอย่างละเอียด
เมื่อเสร็จสิ้นการตรวจ หยางชิงโม่ยิ้มให้เขา "อย่ากังวลนะคะ ทุกอย่างจะดีขึ้น เชื่อใจฉัน"
เขาพยักหน้า รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาเป็ครั้งแรก
หยางชิงโม่ก้าวออกจากห้องผู้ป่วย รู้สึกโล่งใจและมุ่งมั่น เธอมั่นใจว่าเธอสามารถช่วยเขาให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกครั้ง
หมอหยางผ่าตัดเย่เฉินอย่างประณีต เธอใส่ขาเหล็กให้กับนายพลหนุ่ม มันเป็ขาเทียมที่ทันสมัย แข็งแรง ทนทาน และสามารถใช้งานได้เหมือนขาจริง
หลังจากผ่าตัดเย่เฉินต้องพักฟื้นเป็เวลานานเขาต้องฝึกเดินด้วยขาเหล็กมันเป็่เวลาที่ยากลำบากแต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ เขามุ่งมั่นที่จะกลับมาใช้ชีวิตให้ปกติ
***มีแต่คนให้กำลังใจนายพลเย่เฉิน ***
