เสียงนั้นดังขึ้นจากทางซ้าย เสิ่นเสวียนและเสิ่นเลี่ยนหันไปมองทันทีด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงสังหารอันเย็นะเื
ที่ตรงนั้นมีคนยืนอยู่ทั้งหมดแปดคน พวกเขาสวมเกราะลวดลายสีแดงและขาวดูเหมือนเป็กลุ่มเดียวกัน คนที่กล่าวออกมาคือบุรุษหนุ่มร่างเตี้ยที่เป็ผู้นำ เขาดูมีอายุประมาณยี่สิบปี ร่างสูงสี่ฉื่อห้าชุ่น เตี้ยกว่าเสิ่นเลี่ยนเล็กน้อย
แต่ในตอนนี้เขายืนอยู่ด้านหน้าสุด ทุกคนต่างเห็นเขาเป็ผู้นำ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็หัวหน้าคนกลุ่มนี้
คนกลุ่มนี้ก็คือคนกลุ่มที่ขี่ม้าวิ่งเข้าใส่พวกเขา ตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึงหมู่บ้านชิงซานเมื่อวานนี้
“พวกเ้าเองหรือ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยมองอีกฝ่ายด้วยแววตารังเกียจ
เห็นเสิ่นเสี่ยวเม่ยตอบกลับ บุรุษหนุ่มร่างเตี้ยผู้นั้นจึงเดินเข้ามาอย่างอาจหาญ กระทั่งอยู่ห่างจากพวกเสิ่นเสวียนสามฉื่อแล้วจึงหยุดลง
“ข้าขอแนะนำตัว ข้าชื่อเหลยก่วน คุณชายใหญ่ตระกูลเหลยแห่งเมืองเสียเยว่ ข้าชอบเ้า อยากให้เ้ามาเป็อนุของข้า เ้าจะยินยอมไหม”
เหลยก่วนผู้นี้รูปร่างไม่สูงนัก ยังสูงไม่เท่าเสิ่นเสี่ยวเม่ยเลยด้วยซ้ำ แต่ขณะที่กล่าวเขามีความมั่นใจในตนเองมาก
แต่ก็จริง เมืองเสียเยว่เป็เมืองหลักที่ยิ่งใหญ่กว่าเมืองอวี่ฮว่า มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าเมืองอวี่ฮว่าไม่รู้กี่เท่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตระกูลเหลยเป็อำนาจยิ่งใหญ่ในเมืองเสียเยว่ และเมืองเสียเยว่ยังโดดเด่นที่สุดท่ามกลางหลายเมืองที่ล้อมรอบ ทำให้ฐานะของตระกูลเหลยสำหรับที่นี่ไม่ต่างจากจักรพรรดิเลย
“ตระกูลเหลยจากเมืองเสียเยว่”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวพึมพำอยู่ข้างๆ จากนั้นเขาก็กระซิบบอกเสิ่นเสวียน “ตระกูลเหลยไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ระวังด้วย”
“ดูเหมือนเ้าจะพอมีความรู้อยู่บ้าง ว่าอย่างไร ยินยอมหรือไม่”
เหลยก่วนได้ยินเสียงของเริ่นเสี้ยวเทียนจึงยิ่งลำพองใจ ทำท่าทางเหมือนข้ายิ่งใหญ่ ข้าไม่กลัวใคร
“ยินยอมแล้วเป็อย่างไร ไม่ยินยอมแล้วเป็อย่างไร”
เสิ่นเสวียนกล่าวถามเหลยก่วนด้วยความสนใจ
“เ้าเป็ใคร ถึงคราวเ้าคุยกับข้าแล้ว” เหลยก่วนหันมองเสิ่นเสวียนด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขาชอบเสิ่นเสี่ยวเม่ยแต่ไม่ชอบบุรุษหนุ่มหน้าโง่เหล่านี้ อาจเพราะรูปร่างที่ค่อนข้างเล็กของตนเอง จึงดูเหมือนเขาอ่อนเยาว์กว่าเสิ่นเสวียน
“บอกเขาไปว่าข้าเป็ใคร”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นเลี่ยนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
เสิ่นเสวียนกล่าวจบ จึงเห็นเสิ่นเลี่ยนหายตัวไปจากด้านหลังของเขา เมื่อเสิ่นเลี่ยนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็ไปอยู่ตรงหน้าเหลยก่วนแล้ว จากนั้นจึงใช้พลังหมัดโจมตีเข้าใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง หมัดนี้โจมตีด้วยพลังทั้งหมดของขั้นแม่ทัพ หากโดนเข้าจริงๆ ไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โต
แต่อย่างไรก็ตาม เื่ราวยังไม่ได้เกิดขึ้น
เสิ่นเลี่ยนแสดงพลังหมัดออกไปแล้ว แต่ขณะที่หมัดจวนจะถึงใบหน้าของอีกฝ่าย เหลยก่วนกลับเคลื่อนตัวหลบไปอย่างน่าประหลาด สามารถหลบพลังโจมตีของเสิ่นเลี่ยนไปได้โดยบังเอิญ ขณะเดียวกันกำปั้นของอีกฝ่ายก็อัดเข้าใส่หน้าอกของเสิ่นเลี่ยนอย่างเงียบเชียบ
ตึก! ตึก! ตึก!
เสิ่นเลี่ยนถอยหลังไปสามก้าวจึงตั้งหลักได้ เขารู้สึกแน่นหน้าอก เสิ่นเสวียนส่งพลังฝ่ามือเข้าใส่ด้านหลังของเสิ่นเลี่ยน จึงทำให้เขาหายใจสะดวกขึ้น
“พลังแค่นี้ยังกล้าอวดดีต่อหน้าข้าอีกหรือ”
เหลยก่วนมองพวกของเสิ่นเสวียน กล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็น
“สตรีที่ข้าหมายตาไม่เคยไม่ได้ หากเ้ายินยอมยังพอคุยกันได้ หากไม่ยินยอมข้าจะตีเ้าจนกว่าจะยินยอม”
หลังจากกล่าวจบ เจ็ดคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพลันก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวพร้อมๆ กัน ไอพลังต่อสู้ต่างคนต่างสีแผ่ซ่านออกมาก่อให้เกิดม่านพลังป้องกันตัวขึ้น พวกเขาต่างมีพลังยุทธ์ไม่ต่ำกว่าขั้นแม่ทัพทั้งสิ้น
เหลยก่วนบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว และเขาก็มีสิทธิ์ที่จะบ้าคลั่งขึ้นมาจริงๆ ขั้นแม่ทัพแปดคนนี้เพียงพอที่จะกวาดล้างหมู่บ้านชิงซานได้เลยทีเดียว ทำให้ไม่มีใครกล้าขัดขวางเขา
เสิ่นเสี่ยวเม่ยยืนอยู่ข้างๆ แววตาสาดประกายความโกรธแค้นออกมา นางรู้เพียงในเมืองอวี่ฮว่ามีคนดีโดนรังแก คิดไม่ถึงว่าโลกภายนอกยังมีคนกล้าท้าทายคนอื่นเช่นนี้ด้วย หากไม่ใช่เพราะนางมีพลังยุทธ์ขั้นแม่ทัพระดับกลางด้วยความช่วยเหลือจากเสิ่นเสวียนแล้วล่ะก็ นางคงต้องเผชิญหน้ากับคำท้าทายของคนเหล่านี้โดยไร้พลังตอบโต้กลับไป
“ท่านพี่ ท่านไม่ต้องลงมือ ปล่อยให้ข้าสั่งสอนพวกเขาเอง”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่ยืนอยู่ตรงนั้นกล่าว
“ระวังตัวด้วย”
เสิ่นเสวียนกล่าวพร้อมพยักหน้าให้เสิ่นเสี่ยวเม่ย
“ตอนนี้ข้าจะให้ทางเลือกแก่เ้าสองทาง หากไม่ไสหัวไปก็ตายซะ”
ตอนอยู่ตระกูลเสิ่นนางโดนรังแกมาตลอด ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีพลังอย่างทุกวันนี้ได้ ทั้งสองฝ่ายต่างเป็คนแปลกหน้าแล้วยังคิดรังแกนางอีก หากเสือไม่แสดงอำนาจออกมา คงคิดว่านางเป็เพียงแมวอ่อนแอจริงๆ สินะ!
“แม่นางน้อยผู้นี้ดื้อรั้นยิ่งนัก ข้าชอบ หากเ้ายินยอมข้าจะปลดภรรยาเอกของข้าให้เป็ภรรยารอง แล้วให้เ้าขึ้นเป็ใหญ่แทนดีไหม”
ความโกรธแค้นของเสิ่นเสี่ยวเม่ยในสายตาของเหลยก่วนกลับกลายเป็ ‘ความน่ารัก’ ไปเสียแล้ว ทว่าเขาต้องชดใช้ในการกระทำของตนเอง
“เ้าเลือกความตายสินะ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยมองอีกฝ่าย เจตจำนงสังหารพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ ในแววตาของนาง เป็เพราะติดตามเสิ่นเสวียนมาเป็เวลานาน การสังหารคนไม่ใช่เื่ใหญ่สำหรับเสิ่นเสวียน จึงนำพาให้เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่เพิ่งอายุสิบเอ็ดปีมีจิตสังหารก่อตัวขึ้นแล้ว ในขณะที่เด็กอายุสิบเอ็ดปีคนอื่นๆ ยังนอนเล่นดินเล่นทรายกันอยู่เลย!
เสิ่นเสี่ยวเม่ยค่อยๆ ยกมือขึ้น เพลิงิญญาสีเขียวเข้มพวยพุ่งออกมาจากใจกลางฝ่ามืออ่อนนุ่มของนางอย่างเชื่องช้า
ใจกลางเปลวเพลิงเป็สีเขียวเข้ม แต่ภายนอกกลับเป็สีดำ ลอยอยู่เหนือฝ่ามือประมาณครึ่งชุ่น
ทันทีที่เปลวเพลิงปรากฏขึ้น ไอพลังบนร่างของเสิ่นเสี่ยวเม่ยก็เปลี่ยนแปลงไป หากก่อนหน้านี้นางคือเด็กผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง เช่นนั้นนางในตอนนี้ก็เหมือนกับทูตที่มาจากนรก
ทั้งชวนขนลุกและอันตราย!
เสิ่นเสวียนเห็นดังนั้นจึงแสดงม่านพลังป้องกันออกมาบางๆ เพื่อขวางกั้นไอพลังเ่าั้เอาไว้
หมู่บ้านชิงซานมีคนผ่านเข้าออกหลายหมื่นคน ส่วนใหญ่จะเข้ามาทำภารกิจของสมาคมทหารรับจ้าง ในลานกว้างแห่งนี้มีคนอยู่ไม่ต่ำกว่าพันคน หากทำตัวเด่นจนเป็ที่จดจำคงไม่ใช่เื่ดีสักเท่าไร
เริ่นเสี้ยวเทียนกำลังยืนดูอยู่ เขาเขม้นมองเปลวเพลิงที่ใจกลางฝ่ามือของเสิ่นเสี่ยวเม่ยไม่วางตา พลันมีแววตาลุกวาวขึ้นมา!
ส่วนคนที่ท่าทีเปลี่ยนไปมากที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็เหลยก่วนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสิ่นเสี่ยวเม่ย ทันทีที่เขาเห็นเสิ่นเสี่ยวเม่ยแสดงเปลวเพลิงออกมา เขาถึงได้พบว่าเด็กหญิงที่ดูน่ารักผู้นี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น
อย่างน้อยที่สุดความรู้สึกของเขาในตอนนี้เหมือนกำลังจะถูกเอาชีวิต ทำให้จิตใจสั่นสะท้าน แต่เขาก็ไม่ได้ล่าถอยไป เขาเป็ถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเหลย จะตื่นใกับเื่เล็กน้อยแค่นี้ได้อย่างไร
เขาฝึกฝนถึงขั้นแม่ทัพระดับสูงสุดแล้ว เป็ผู้แข็งแกร่งที่สามารถทะลวงไปถึงขั้นบรรพบุรุษได้ทุกเมื่อ เมื่อครู่เขาเพียงล้อเล่นกับเสิ่นเลี่ยนเท่านั้น หาไม่เสิ่นเลี่ยนคงกลายเป็ศพไปแล้ว
“ตอนนี้ข้าจะให้เ้าเลือกเป็ครั้งสุดท้าย หากไม่ไสหัวไปก็ตายซะ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยในตอนนี้กำลังควบคุมเพลิงิญญาพลางกล่าวกับอีกฝ่ายเพื่อความมั่นใจ เพราะนี่คือการสังหารคนครั้งแรก นางยังควบคุมจิตใจไม่ได้
“ข้าชอบคนอย่างเ้า ไม่ว่าเ้าจะยินยอมหรือไม่ แต่ข้าต้องได้เ้ามา”
เหลยก่วนสลัดความหวาดกลัวออกไป เขาไม่เชื่อว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะเอาชนะตนที่เป็ผู้แข็งแกร่งได้
เสิ่นเสี่ยวเม่ยไม่กล่าวอะไรอีก ทว่าเปลวเพลิงที่ใจกลางฝ่ามือของนางเริ่มสั่นไหวไม่หยุด เพลิงิญญาสีเขียวเข้มเปล่งประกายแสงวูบวาบทำให้มิติโดยรอบบิดเบี้ยวไป
“นี่คือเพลิงิญญาอย่างนั้นหรือ”
เริ่นเสี้ยวเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ อดถามขึ้นมาไม่ได้ เมื่อครู่เขายังไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่ามันคือเพลิงิญญา
มันไม่มีความร้อน แต่สามารถแผดเผาได้รุนแรงกว่านั้นมาก
แล้วเขาก็ต้องเขม้นมองอีกครั้ง เพราะเพลิงิญญาสีเขียวเข้มได้ลุกโชนขึ้นบนร่างของเหลยก่วนอย่างช้าๆ