เส้นทาง์ที่จะถูกเปิดออกภายในูเาสุสานทวยเทพถึงเวลานั้นเหตุการณ์จะมีภาพที่น่าสลดสังเวชมากมายแค่ไหนหรือไม่อย่างไร เย่ชิงหานไม่สามารถรู้ได้และไม่สนใจ เขาสนใจแค่ว่าตอนนี้จิตใจของเขาจะเป็บ้าหรือกลายเป็โรคประสาทไปหรือไม่ หรือหัวสมองจะะเิแตกตายก่อนหรือไม่เท่านั้น
ทำการ “เก็บกู้ะเิ” มาตลอดระยะเวลาครึ่งปีทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากจะตายให้ได้ ด้วยสภาพจิตใจที่ตึงเครียดอยู่ตลอด สมองต้องทำงานหนักอยู่ทุกวินาที จิตใจทั้งลุ้นทั้งตื่นเต้นหวาดกลัวอยู่ทุกลมหายใจ กลัวว่าหากไม่ระมัดระวังอาจจะถูกพลังแสงคมกระบี่พุ่งออกมาแทงทะลุร่างกายจนแหลกเป็รูพรุนแน่นอน
เขาอยู่ในสภาพเช่นนี้มาเป็ระยะเวลาครึ่งปีแล้ว ระยะเวลาห่างจากเส้นทาง์ที่จะถูกเปิดออกนั้นเหลือเพียงไม่ถึงสองเดือน หากเป็คนอื่นอยู่ในสภาพเช่นนี้มาเป็เวลานานอย่างเขาคงจะเป็บ้าเสียสติหรือตายไปแล้วก็ได้
ในตอนนี้เย่ชิงหานไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายและดีใจเหมือนครั้งแรกที่เห็น “เกมกู้ะเิ” แต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกเลื่อมใสและโกรธแค้นที่ผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพที่คิดเกมทดสอบผ่านด่านเช่นนี้ออกมา
ด่านเช่นนี้ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะสามารถทะลวงผ่านไปได้ง่ายๆ จะมีสักกี่คนที่สามารถอดทนมาได้ถึงหลายสิบเดือนถึงเพียงนี้? อยู่ในสภาพตึงเครียด อยู่ในสภาวะแวดล้อมของอันตราย และยังต้องรักษาสภาพของสติสัมปชัญญะให้ปลอดโปร่งแจ่มใสอยู่ตลอดทุกวินาที ไม่สามารถจะเกิดความผิดพลาดได้แม้แต่น้อย
เมื่อนึกไปถึงด่านแรกดินแดนแห่งภาพลวงตาและด่านที่สองเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเา เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาลึกๆ ในขณะเดียวกันภายในใจก็เกิดความสงสัยขึ้นอย่างมากว่าผู้ที่สร้างูเาสุสานทวยเทพทำไมจะต้องสร้างด่านเหล่านี้ขึ้นมาด้วย? สร้างด่านเช่นนี้มีวัตถุประสงค์อะไร? หรือแค่อยากให้คนจำนวนมากเข้ามารับความตายเพียงแค่นั้น?
เป็ที่น่ายินดีอย่างหนึ่งว่า เย่ชิงหานอยู่ภายในตระกูลเย่มีชีวิตอย่างยากลำบากมาตลอด มาอยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพมาโดยลำพังหลายปีทำให้มีภูมิคุ้มกันทางด้านนิสัยและความอดทนที่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป เนื่องด้วยพลังทางด้านจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปจึงทำให้เขายืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้ มิฉะนั้นละก็เกิดความผิดพลาดขึ้นเล็กน้อยก็คงเสียชีวิตหรือเป็โรคประสาท บ้าไปนานแล้ว...
มองดูเสาหินศิลาที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งหมื่นกว่าต้น ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มแห่งความยินดีออกมา เขาได้ทำลายเสาหินศิลาที่ไม่มีพลังแสงคมกระบี่ไปเป็จำนวนมากแล้ว คิดคำนวณดูน่าจะใช้เวลาอีกประมาณสามวันคงจะสามารถจัดการกับเสาหินศิลาที่เหลือทั้งหมดได้และทะลวงผ่านไปเสียที
เย่ชิงหานไม่รู้เท่านั้นเองว่าจุดประสงค์ของผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพนั้นลู่ซีรู้เป็อย่างดี
เขารู้ดีว่าเ้านายของเขานั้นเป็ผู้ยิ่งใหญ่และน่ากลัวเพียงใด ในตอนนั้นเ้านายของเขาได้รับาเ็สาหัสก่อนที่จะตายจึงได้สุ่มเลือกเอาโลกจักรวาลชั้นนอกออกมาสิบสองแห่ง โยนูเาสุสานทวยเทพออกมาสิบสองลูก โยนหอเทพออกมาสิบสองแห่ง โยนกระบี่เทพออกมาสิบสองเล่ม จุดประสงค์ที่เขาทำเช่นนี้ค่อนข้างจะชัดเจนซึ่งก็คือการคัดเลือกหาผู้มีพร์ที่สูงส่งล้ำเลิศมาเป็ผู้สืบทอดวิชาพลังฝีมือและช่วยล้างแค้นแทนเขา
เขาสร้างเส้นทางเชื่อมต่อจากูเาสุสานทวยเทพขึ้นมาแล้วเชื่อมไปยังหอเทพจุดประสงค์ก็เพื่อใช้ทดสอบพร์ในด้านต่างๆ ของผู้ที่เข้าด่านทดสอบ ด่านดินแดนแห่งภาพลวงตาใช้ทดสอบจิตใจและอุปนิสัยของผู้ทดสอบ เส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาใช้ทดสอบคุณสมบัติและศักยภาพในการฝึกยุทธ์ ส่วนด่านที่สามใช้ทดสอบความอดทนและสติปัญญา
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ทุกๆ ด้านล้วนอยู่ในระดับล้ำเลิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลู่ซียังคิดอีกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่พร์ในทุกๆ ด้านอยู่ในระดับล้ำเลิศเพียงเท่านั้น แต่ยังมีเหตุผลและปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้เป็หนึ่งไม่เป็สองรองใคร ดังนั้นสายตาที่เขามองไปยังเย่ชิงหานยิ่งมองยิ่งอ่อนโยน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับเริ่มคาดหวังอยู่นิดๆ ว่าอนาคตภายภาคหน้าเด็กหนุ่มคนนี้จะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นไปถึงในระดับที่น่ากลัวเพียงใด
สามวันต่อมา
เย่ชิงหานกวาดตามองเสาหินศิลาจำนวนนับไม่ถ้วนบริเวณใกล้เคียงที่ถูกฟันพังทลายลง สุดท้ายสายตาจับจ้องไปที่เสาหินศิลาต้นหนึ่งที่อยู่เท้าด้านซ้าย
“ถ้าหากข้าจำไม่ผิดละก็เสาต้นนี้เป็ต้นสุดท้ายที่ปลอดภัยสินะ? หนึ่ง สอง สาม... อืม ไม่ผิดจริงๆ เสาต้นนี้ปลอดภัย!” เย่ชิงหานเมื่อทำการคิดทบทวนจนแน่ใจแล้วจึงก้าวข้ามไปโดยทันทีพร้อมกับจิตใจที่ตึงเครียดในระดับสูงสุด
ปลอดภัย! วินาทีต่อมาเมื่อเย่ชิงหานแน่ใจแล้วจึงดึงกริชออกมาฟันลงไป
หึ่ง...
เมื่อฟันลงไปกระทบเข้ากับเสาหินศิลาพลันบังเกิดแสงสีทองแสบตาสายหนึ่งปรากฏออกมา มันส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่จนเป็ประกายแสงสีทองระยิบระยับขึ้นอย่างงดงามลานตา
“ซวยแล้ว!”
เย่ชิงหานกลับสะดุ้งใจนิญญาแทบจะหลุดออกจากร่าง รีบโคจรพลังปราณรบขึ้นทำการกางสนามพลังออกมา ร่างกายเริ่มขยับเคลื่อนไหวขึ้นกำลังที่จะใช้ท่าเท้าเปลี่ยนรูปย้ายเงาเพื่อหนีเอาชีวิตรอด
“ฮ่าๆ... เ้าหนู อย่ากังวลมันไม่ใช่พลังแสงคมกระบี่ นั่นเป็สัญลักษณ์บ่งบอกว่าเ้าทะลวงผ่านด่านเสาหินแห่งโชคชะตาได้สำเร็จแล้วต่างหากล่ะ!” ในขณะที่เย่ชิงหานกำลังตื่นเต้นอย่างสุดชีวิตอยู่นั้น เสียงหัวเราะที่ฟังดูเบิกบานใจของลู่ซีพลันดังขึ้น ทำเอาร่างกายของเย่ชิงหานที่กำลังจะใช้ท่าเท้าเปลี่ยนรูปย้ายเงาเพื่อหนีเอาตัวรอดนั้นหยุดชะงักลงกลางอากาศโดยทันที
ครืน...ครืน...
หลังจากแสงสีทองที่ส่องสว่างขึ้น เสาหินศิลาทั้งหลายที่เหลืออยู่พลันค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ พื้นของห้องโถงใหญ่กลับมาราบเรียบดังเดิมอีกครั้ง
“ฮู่ว...ทำเอาใแทบตาย ฮึ! ผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพคงไม่ใช่คนดีอะไรอย่างแน่นอน!” เย่ชิงหานนั่งก้นกระแทกลงพื้นไปในทันที หอบหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง จิตใจอยู่ในสภาพอ่อนล้าอย่างถึงที่สุด
“ฮ่าๆ...” ลู่ซีเดินมาอย่างช้าๆ ใบหน้ารูปแพะของเขายิ้มกรุ้มกริ่มขึ้นพร้อมกับพยักหน้าออกมา “เ้าหนู ทำได้ดีมาก ด่านนี้ถ้าให้ข้ามาทดสอบก็คงเป็บ้าเสียสติไปอย่างแน่นอน เมื่อก่อนข้าไม่มีอะไรทำเลยลองมาทดสอบดูปรากฏว่าในระยะเวลาหนึ่งปีไม่สามารถจะทะลวงผ่านไปได้ ด่านนี้ต้องใช้สมาธิและกำลังมันสมองในการครุ่นคิดมากจนเกินไป!”
เย่ชิงหานไม่ได้ตอบคำถามของเขากลับไป ทำเพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างเจื่อนๆ จากนั้นล้มตัวลงนอนหมอบไปกับพื้นแล้วหลับผล็อยไปในทันที เขา...เหนื่อยล้าจนเกินไป!
เอ่ออ...ลู่ซีเมื่อเห็นดังนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างอับจนปัญญา จะว่าไปแล้วก็เป็เื่ที่ทรมานเ้าเด็กน้อยคนนี้จริงๆ ตอนนี้เขาเพิ่งจะอายุไม่เกินยี่สิบปี คาดว่าเมื่อตอนที่เข้ามาในูเาสุสานทวยเทพแรกๆ คงมีอายุเพียงแค่สิบห้าสิบหกปีเท่านั้น เด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดเช่นนี้อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายเป็เวลาหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็สถานที่ที่มีอันตรายแอบแฝงอยู่ทุกลมหายใจ ในสถานการณ์เช่นนี้ใช่ว่าใครๆ ก็ได้จะสามารถทนแบกรับอยู่ได้
ลู่ซีคำนวณเวลาดูยังเหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือนเส้นทาง์ก็จะถูกเปิดออกแล้ว เหลืออีกสองด่านข้างหน้า หากทำการทะลวงผ่านไปได้อย่างราบรื่นละก็ความจริงแล้วใช้เวลาไม่นานสักเท่าใดนัก ดังนั้นเขาจึงรออยู่อย่างเงียบๆ ให้เย่ชิงหานตื่นขึ้นมาเอง
การนอนของเย่ชิงหานในครั้งนี้นอนอย่างหอมหวานและยาวนาน เขาหลับไปเป็เวลาถึงสิบวันสิบคืน
“ตื่นแล้วรึ?”
ในขณะที่เย่ชิงหานกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้นเสียงพูดราบเรียบของลู่ซีพลันดังขึ้น มันทำให้สติสัมปชัญญะทั้งหมดของเขาถูกดึงกลับคืนมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง เขาขยี้ตาตนเองพร้อมกับลุกขึ้นบิดี้เีไปมาเพื่อยืดเส้นยืดสาย จากนั้นประสานมือไปทางลู่ซีพร้อมกับพูดขึ้น “ท่านผู้าุโ ขออภัยที่ทำให้ท่านรอคอยนาน!”
“เหอะๆ ไม่เป็ไร เ้าอยากที่จะพักต่ออีกสักหน่อยหรือจะเข้าไปในด่านที่สองต่อเลย?” ลู่ซียิ้มจางๆ ออกมาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
“อืม...ถ้าหากข้าคำนวณไม่ผิด เส้นทาง์คงใกล้ที่จะเปิดออกแล้วสินะ?” เย่ชิงหานนิ่งเงียบไปสักพักก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น
ลู่ซีพยักหน้าขึ้นตอบรับสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา “อืม...ถูกต้อง เวลาที่แน่ชัดจริงๆ ยังเหลืออีกหนึ่งเดือนครึ่งเส้นทาง์ถึงจะเปิดออกอย่างเป็ทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าอยากจะบอกเ้าว่า ถ้าหากเ้าทำการทะลวงผ่านด่านได้ทั้งหมดจริงๆ ละก็ เ้าจะต้องใช้เวลาอีกส่วนหนึ่งในการหลอมเพื่อรับเอาหอเทพ และที่สำคัญที่สุดคือเมื่อเ้าทะลวงผ่านด่านได้สำเร็จความยากของด่านทดสอบทั้งหมดทุกด่านจะลดลงมาครึ่งหนึ่ง แม้ว่าเ้าจะเป็ผู้ที่ทะลวงผ่านด่านได้แต่เ้าก็อาจจะถูกผู้ที่เข้ามาทีหลังชิงตัดหน้าแย่งเอาสมบัติล้ำค่าไปทั้งหมด ฉะนั้นเ้าต้องรีบทำเวลาแล้วละ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้