เป็เวลาเกือบหนึ่งปีที่นทีได้ใช้ชีวิตในนามของจางหนิงอ้าย อีกเพียงไม่กี่วันอายุของร่างนี้ก็ใกล้ครบสิบห้าปีแล้ว แต่จางเลี่ยงหวงผู้เป็บิดากลับไม่สนใจในสิ่งเหล่านี้ราวกับว่าเด็กหนุ่มไม่มีตัวตนในตระกูลเสียอย่างนั้น แต่แล้วอย่างไรเล่า? เพราะตัวของนทีเองก็ไม่ได้ยอมรับอีกฝ่ายในฐานะบิดาของเ้าของร่างเช่นกัน…
“อีกสามเดือนข้างหน้าจะมีงานประลองที่ทางแคว้นเต่าดำรับเป็เ้าภาพในครั้งนี้ จากนั้นอีกเพียงหนึ่งเดือนแต่ละสำนักศึกษาจะเปิดรับศิษย์ใหม่เข้าสังกัด ข้าจึงขออนุญาตจากท่านแม่ในการเข้าร่วมลงประลองครั้งนี้เพื่อลบล้างคำครหาที่ว่าเป็เพียงสวะของตระกูลซึ่งนั่นหาใช่ความจริงไม่ อีกทั้งข้ายังอยากเข้าทดสอบของสำนักศึกษาด้วยขอรับ!!” หนิงอ้ายบอกกับเยว่ซินถึงความ้าของตน
“มารดาล้วนตามใจเ้าทั้งสิ้น เื่เข้าสำนักศึกษาเอาไว้เ้าขอคำแนะนำจากท่านตาดีหรือไม่ ว่าสุดท้ายแล้วจะเลือกเข้าทดสอบสำนักศึกษาใดจึงจะเหมาะสมกับเ้ามากที่สุด...” เยว่ซินตอบรับคำขอนี้ พร้อมกับลูบหัวของอีกฝ่ายด้วยความรักใคร่
“เ้าจะเข้าร่วมงานประลองนี้กับข้าด้วยใช่หรือไม่??” หนิงอ้ายลู่ซีขึ้น
“เป็เช่นนั้นขอรับ...” ลู่ซีที่สามารถตัดผ่านเป็ผู้ฝึกตนราชทินนามขุนนางิญญาได้สำเร็จ อีกทั้งยังได้รับการสั่งสอนเพิ่มเติมศาสตร์ต่าง ๆ จากหวังฮุ่ยไปไม่น้อยด้วยหวังว่าเขาจะสามารถเป็อีกหนึ่งกำลังให้กับหนิงอ้ายได้
"ตอนนี้ข้าจะสามารถควบคุมปราณธาตุน้ำได้มากขึ้นก็จริง เเต่เหตุใดกับปราณสุริยะธาตุจึงไม่สามารถยึดกุมได้เท่าที่ควรกัน?” หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
เพราะเขาได้ดูดซับลมปราณฟ้าดินอย่างน้อยวันละหนึ่งชั่วยามเป็อย่างต่ำ รวมไปถึงการดูดซับผลึกปราณธาตุน้ำและผลึกปราณธาตุไฟที่ได้รับจากตระกูลหวังตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา จากการกระทำเช่นนี้ย่อมส่งผลให้ปราณธาตุทั้งสองของเขามีความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่เหตุใดกลับไม่เป็เช่นนั้นกัน
“ที่ผ่านมานายน้อยได้ดูดซับผลึกปราณธาตุน้ำไปเป็จำนวนมากจึงสามารถใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญ สำหรับปราณสุริยะธาตุแม้ระยะเวลาที่เท่ากันจะถูกเติมเต็มด้วยผลึกปราณธาตุไฟไปไม่น้อย แต่ทว่ายังไม่มีความเข้มข้นบริสุทธิ์ที่มากเพียงพอก็เป็ไปได้ ดังนั้นการหล่อเลี้ยงปราณสุริยะธาตุที่ควบคู่ไปกับการดูดซับพลังลมปราณฟ้าดินในการหล่อเลี้ยงจึงไม่อาจพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเทียบเท่ากับปราณธาตุน้ำในยามนี้ขอรับ...” หวังฮุ่ยบอกกับหนิงอ้ายถึงความเป็ไปได้เนื่องจากปราณสุริยะธาตุของอีกฝ่ายย่อมมีความลึกล้ำพิเศษเหนือกว่าปราณธาตุทั่วไปหลายเท่า
“ด้วยระดับพลังิญญาของเ้าในตอนนี้ หากอาศัยแรงหนุนจากการดูดซับปราณฟ้าดินในการตัดผ่านไปสู่ระดับขุนนางิญญาขั้นย่อยถัดไปเ้าอาจใช้เวลาหลายเดือน เช่นนั้นกระดูกิญญาที่ได้รับจากกล่อมสมบัติก่อนหน้าคงสมควรแก่เวลาแล้วในการประสานเข้ากับร่างกายของเ้าเสียแล้วกระมัง...” เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนดีแล้วเยว่ซินจึงแนะนำบุตรชายของนางไป
การประสานร่างกายเข้ากับกระดูกิญญาจะทำให้ผู้ฝึกตนมีความเเข็งแกร่งขึ้น และหากกระดูกิญญาชิ้นนั้นมีพลังลมปราณแฝงเร้นที่มากเพียงพอ ย่อมสามารถส่งผลให้ผู้ที่ทำการประสานเข้ากับร่างกายสามารถเลื่อนระดับตัดผ่านจุดคอขวดหรือเลื่อนในระดับย่อยได้เช่นกัน
“โดยปกติแล้ว กระดูกิญญาที่ควรดูดซับประสานเข้ากับร่างกายควรเป็อย่างไรหรือขอรับ?" หนิงอ้ายถามด้วยความสงสัย
“สำหรับมารดาแล้วกระดูกิญญานับว่าอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากเช่นกัน จริงอยู่ที่ว่าผู้ฝึกตนสามารถสลับสับเปลี่ยนกระดูกิญญาได้ตามปรารถนา แต่นั่นไม่ใช่เื่ง่ายที่จะกระดูกิญญาที่ส่งเสริมิญญายุทธ์ต้นกำเนิดเพราะอย่างไรแล้วควรมุ่งเน้นกระดูกิญญาที่ช่วยให้ร่างกายมีความทนทาน มีความรวดเร็วที่เพิ่มขึ้น หรืออาจเสริมแรงโจมตีก็ได้เช่นกัน..."
“ผู้ฝึกตนสามารถดูดซับกระดูกิญญาได้สูงสุดเจ็ดส่วนสำคัญในร่างกาย แต่กับเ้าที่เป็ผู้มีิญญายุทธ์มากกว่าหนึ่ง ดังนั้นย่อมหมายความว่าร่างกายของเ้าสามารถดูดซับกระดูกิญญาได้มากกว่านั้น..."
“มารดายังไม่แนะนำให้เ้าประสานกระดูกิญญาเข้ากับิญญายุทธ์ปราณสุริยะธาตุในตอนนี้ ไว้รอให้ร่างกายของเ้าสามารถรองรับกระดูกิญญาอายุหมื่นปีได้เสียก่อนก็ยังไม่สาย เข้าใจหรือไม่?"
“ท่านเเม่หมายถึง้าให้ิญญายุทธ์ปราณสุริยะธาตุของข้าดูดซับประสานเพียงแต่กระดูกิญญาอายุหมื่นปีเป็ต้นไปใช่หรือไม่ขอรับ?"
“เ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว..."
“เช่นนั้นในคืนนี้ข้าจะทำการประสานกระดูกิญญาที่ได้รับมาเข้ากับิญญายุทธ์ปราณธาตุน้ำนะขอรับ...” สิ่งที่มารดาได้แนะนำหนิงอ้ายล้วนยินดีทำตามทั้งสิ้น เมื่อเขาได้เลือกเข้าสู่เส้นทางการเป็ผู้ฝึกตนแล้ว การเป็ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งย่อมเป็ใหญ่เหนือทุกสรรพสิ่ง ดังนั้นเขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มระดับพลังิญญาให้เพิ่มขึ้นโดยเร็วที่สุด
“หนิงเอ๋อร์ เคล็ดวิชาฝ่ามือตระกูลจางที่เ้าได้รับไปมารดาว่าเ้าจงเร่งศึกษาให้สำเร็จเสีย เพราะเ้าสามารถใช้วิชาฝ่ามือนี้ในงานประลองได้เช่นกัน..." เยว่ซินบอกกับหนิงอ้ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แม้ว่าบุตรของนางพึ่งจะเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตนมาไม่ถึงหนึ่งปี แต่ทว่าพลังิญญากลับก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างก้าวะโ อาจด้วยเพราะเคล็ดวิชาตระกูลหวังอันเลื่องชื่อในการดูดซับลมปราณฟ้าดิน อีกทั้งพื้นฐานที่เ้าตัวหมั่นศึกษาตำราั้แ่เด็กและมีความทรงจำเป็เลิศจึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลมากนัก
“ขอรับท่านเเม่..." เด็กหนุ่มตอบกลับมารดาของตนไปอย่างเชื่อฟัง
การประสานกระดูกิญญาเข้ากับร่างกายไม่ได้เป็เื่ยากอย่างที่คิดไว้ หนิงอ้ายได้สอบถามเกี่ยวกับวิธีประสานกระดูกิญญากับผู้าุโหวังฮุ่ย เขาจึงได้รู้ว่าการดูดซับนี้ไม่ต่างไปจากการดูดซับผลึกปราณธาตุไม่มีขั้นตอนซับซ้อนทั้งสิ้น
หนิงอ้ายใช้เวลาเล็กน้อยไปกับการอาบน้ำ เมื่อมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจเเล้วก็ถึงเวลาเสียที หนิงอ้ายบัญชาการลมปราณโดยการชักนำกระดูกิญญาชิ้นนี้ออกจากกล่องสมบัติตรงหน้าให้เข้าสู่ระยะดูดซับ โดยไม่ลืมใช้เคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาเพื่อช่วยไหลเวียนพลังปราณในร่างกายให้เป็ไปตามที่ควรจะเป็โดยปล่อยให้พลังลมปราณในร่างกายหล่อหลอมกระดูกิญญาชิ้นนี้ให้ประสานเข้ากับร่างกายโดยสมบูรณ์
หวังว่าการดูดซับกระดูกิญญาในครั้งนี้ ข้าจะสามารถตัดผ่านเลื่อนระดับเป็ผู้ฝึกตนขุนนางิญญาได้สำเร็จ…
วูบ!
โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหนิงอ้ายก็ถูกดึงไปยังอีกสถานที่เต็มไปด้วยรัศมีแสงสีขาวของหิมะสุดสายตาราวกับไม่มีที่สิ้นสุด กระแสลมอ่อน ๆ วนเวียนพัดหมุนโดยรอบแ่เบา ร่องรอยความเย็นะเืล่องลอยไปทั่ว ทำให้อากาศลดลงอย่างเห็นได้ชัด พื้นที่ของรอยแยกได้ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น ดวงตาของหนิงอ้ายได้แปรเปลี่ยนเป็สีทองสว่าง ภายใต้รัศมี1ลี้ล้วนตกอยู่ในการรับรู้ของเนตรแห่ง์ของเขาทั้งสิ้น ไม่คาดคิดว่าในพื้นที่พิเศษแห่งนี้กระแสลมปราณฟ้าดินล้วนบริสุทธิ์กว่าที่เขาเคยได้ััไม่รู้กี่ร้อยพันเท่า
สิ่งที่ปรากฎขึ้นตรงหน้าชวนให้รู้สึกสงสัย นี่คงเป็จิติญญาของสัตว์อสูรเ้าของกระดูกิญญาที่เขากำลังดูดซับอยู่เป็แน่ หนิงอ้ายยังคงสามารถควบคุมสติได้อย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว เพราะในขณะที่ร่างกายค่อย ๆ หล่อหลอมให้เป็หนึ่งเดียวกันกับกระดูกิญญานั้น บางครั้งจิติญญาของสัตว์อสูรจะปรากฏขึ้นเพื่อเป็การทดสอบว่าคนผู้นั้นเหมาะสมที่จะกระดูกิญญานี้หรือไม่
'ในที่สุด ข้าก็ได้พบกับลูกหลานของตระกูลหวัง ไม่คิดว่าจะเจอรุ่นเยาว์ที่เปี่ยมไปด้วยความเข้มข้นของสายเืตระกูลหวังเช่นนี้ ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา...’ เสียงปริศนาดังขึ้นเป็เสียงสะท้อนดังก้องไปทั่ว ก่อนที่จะปรากฏชายหนุ่มวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดสีดำทอง ทั่วทั้งร่างกายส่งกลิ่นอายอันไม่ธรรมดาออกมาอย่างปิดไม่มิด ดวงตาสีแดงกล่ำราวกับอสรพิษร้าย เส้นผมสีขาวเงินบริสุทธิ์นั้นพริ้วไหวไปตามแรงลม บุรุษท่านนี้ช่างหล่อเหล่ามากไปด้วยเสน่ห์อันเหลือร้ายโดยแท้จริง
หนิงอ้ายผงะใ ไม่คาดคิดว่าเขาจะเจอกับสิ่งที่เหนือความคาดหมายไปได้เช่นนี้
‘หนิงอ้ายคำนับผู้าุโขอรับ...’ สองมือเรียวงามยังคงประสานยกขึ้นทำความเคารพตามมารยาทของผู้ฝึกตนที่พึงกระทำ
‘นี่คือเสี้ยวดวงจิตสุดท้ายของข้า อสรพิษเหมันต์า สัตว์อสูรระดับาอายุล้านปี ราชันย์แห่งพิษทั้งปวง เ้าสามารถเรียกว่าผู้าุโซีซวน เฮ้อ!! ไม่คาดคิดว่าผู้ที่ได้กระดูกิญญาของข้าจะมีอายุน้อยถึงเพียงนี้...’ ชายวัยกลางคนพยักหน้าตอบ เสียงของเขาที่เอ่ยขึ้นได้ดังไปทั่วทั้งบริเวณสะท้อนไปมายิ่งนัก
‘แต่ช่างเถอะสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็โชควาสนาของเ้าก็เป็ได้...’
'สัตว์อสูรอายุล้านปี??' หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นเบา ๆ
"แล้วท่าน้าอะไรหรือไม่ขอรับ?"
หนิงอ้ายยืนฟังบุรุษท่านนี้เอ่ยถึงเื่ราวสิ่งต่าง ๆ มากมาย ทำให้เขาได้รับรู้ถึงความเป็มาของตระกูลหวังมากยิ่งขึ้น ไม่คิดว่าในครั้งหนึ่งท่านบรรพชนตระกูลหวังจะสามารถสัตว์อสูรระดับาอันเป็ตัวตนสูงสุดของสัตว์ทั้งปวง อีกทั้งไม่คาดคิดว่าตัวเขาจะได้กระดูกิญญาอายุล้านปีเช่นนี้ได้
‘อนุชนตระกูลหวังเ้าสัญญากับข้า หากเ้าได้รับกระดูกิญญานี้ของข้าแล้วจะยอมทำตามคำร้องขอจากข้าหนึ่งประการ...’
‘ไม่ว่าท่านจะปรารถนาสิ่งใด หากว่าไม่เป็เื่ที่เลวร้ายและไม่เป็ภัยต่อตระกูลหวัง ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตข้าหนิงอ้ายผู้นี้ย่อมจะทำให้สำเร็จขอรับ...’ หนิงอ้ายตอบกลับไปอย่างมั่นคงหนักแน่น
‘ดี ดียิ่งนัก...’
‘ในฐานะผู้สืบทอดเผ่าพันธุ์อสูรอสรพิษเหมันต์า ข้าขอสังเวยกระดูกิญญาอายุล้านปีนี้แก่เด็กหนุ่มผู้มีนามว่าหวังหนิงอ้ายด้วยความยินยอมพร้อมใจ หากวันใดที่เขาพร้อมไปด้วยพลังิญญาที่คู่ควรแล้วความสามารถทั้งหมดของข้าย่อมล้วนสามารถนำใช้ได้ทั้งสิ้น...’
‘กระดูกิญญานี้จะแปรเปลี่ยนเป็ิญญายุทธ์ที่สามให้แก่เ้า และด้วยระดับพลังขุนนางิญญาในตอนนี้อายุของกระดูกิญญาที่เ้าสามารถดูดซับได้จึงมีอายุได้เพียง2,000ปีเท่านั้น และหากว่าสามารถเลื่อนระดับในขั้นถัดไปอายุของกระดูกิญญาแรกนี้ก็จะเพิ่มขึ้นตามขั้นสูงสุดที่ร่างกายเ้าสามารถรองรับได้ด้วยแรงหนุนจากกระดูกิญญาของข้า’
‘เมื่อใดที่เ้าทะลุถึงเขตขั้นจักรพรรดิวิญาณได้สำเร็จ ิญญายุทธ์ที่สามของเ้าจะปรากฏขึ้นนามของิญญายุทธ์นี้คือ ‘จักรพรรดิหมื่นพิษปลิดิญญา’ ผู้เป็นายแห่งพิษทั้งปวง...’
‘นี่เป็สิ่งเล็กน้อยที่ข้าสามารถมอบให้กับเ้าได้ สำหรับความ้าเพียงหนึ่งเดียวของข้า เมื่อิญญายุทธ์ที่สามของเ้าปรากฏขึ้นเ้าจึงได้รับรู้ได้ในที่สุด...’
"ผู้าุโ ข้ายังไม่เข้าใจในบางอย่าง ด้วยเพราะท่านเป็สัตว์อสูราอายุล้านปี และท่านต้องผนึกพลังตบะบำเพ็ญเพียรแปรเปลี่ยนเป็ิญญายุทธ์ที่สามของข้า แล้วิญญายุทธ์นี้ข้ายังสามารถดูดซับกระดูกิญญาชิ้นอื่นได้อีกหรือไม่ขอรับ?"
"เ้าอย่าได้เป็กังวลไป ข้าได้วางแผนและเตรียมการทุกอย่างที่เหมาะสมแก่เ้าแล้ว ผนึกที่ข้าได้สรรสร้างขึ้นจะปลดพันธนาการทุกครั้งที่เ้าเลื่อนขั้นราชทินนามที่สูงขึ้น..."
"แม้ว่ากระดูกิญญาชิ้นแรกนี้ของข้าที่เต้าได้ดูดซับไปจะมีอายุล้านปีก็จริง ร่างกายของเ้าในตอนนี้สามารถรองรับพลังจากกระดูกิญญาที่ไม่เกินสี่พันปี หลังจากที่เ้าทะลุเขตขั้นต่อไปได้กระดูกิญญาชิ้นนี้จะแปรเปลี่ยนเป็อายุแปดพันปีในทันที แน่นอนว่ากระดูกวิญาณชิ้นอื่นหลังจากนี้ที่เ้าได้ดูดซับก็จะได้รับแรงหนุนเหล่านี้เช่นกัน..."
"ยิ่งเ้าได้รับการดูดซับกระดูกิญญาที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใดในวันข้างหน้า ด้วยพลังตบะของข้าที่ถูกผนึกไว้ในร่างกายของเ้าก็จะสามารถช่วยส่งเสริมให้กระดูกิญญาทุกชิ้นที่เ้าได้ดูดซับไป สามารถพัฒนาไปได้ถึงอายุล้านปีเฉกเช่นเดียวกัน!!"
สิ้นคำกล่าวของชายวัยกลางคนตรงหน้า ได้สร้างความตกตะลึงเป็อย่างมาก ฟังว่ากระดูกิญญาสามารถพัฒนาเพิ่มอายุขึ้นไปตามระดับพลังิญญานับว่าเป็เื่น่ายินดีแล้ว นี่ถึงกับกระดูกิญญาทุกชิ้นสามารถพัฒนาไปได้ไกลถึงอายุล้านปี นี่จึงกล่าวว่าเป็เื่ที่ไม่อาจมีคำกล่าวใดจะเปรียบเทียบได้
"ในฐานะของกระดูกิญญาอายุล้านปี แม้ว่าข้าจะสามารถช่วยพัฒนากระดูกิญญาชิ้นอื่นของเ้าได้ก็จริง แต่อย่างไรแต่ละิญญายุทธ์เ้ายังคงต้องดูดซับกระดูกิญญา เพื่อที่จะสามารถเรียกใช้ทักษะิญญาได้ เข้าใจหรือไม่?"
สิ้นเสียงผู้าุโซีซวนกล่าวจบลง เงาร่างได้สลายไปเป็ดวงแสงสีขาวบริสุทธิ์ก่อนจะพุ่งเข้าส่วนหน้าผากก่อนที่หนิงอ้ายจะหมดสติไปในทันทีกระแสลมปราณฟ้าดินอันบริสุทธิ์จากทุกทิศต่างไหลเวียนเข้าสู่เส้นลมปราณในร่างกายอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะก่อตัวขึ้นเป็ผนึกสีทองสิบห้าวงแหวนที่เต็มไปด้วยอักขระเวทย์โบราณก่อนที่รูปลักษณ์ภายนอกของหนิงอ้ายจะแปรเปลี่ยนไปในที่สุด
หนิงอ้ายไม่รู้เลยว่าตอนที่เขาหมดสติไป ร่างกายนี้ได้ประสานเข้ากับกระดูกิญญาอายุล้านปีนีอย่างไร้ซึ่งอุปสรรคใด นอกจากนั้นแล้วกระดูกิญญาชิ้นนี้จะมอบทักษะิญญาที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างแท้จริง...
ยามเช้าของวันใหม่มาถึงหลังจากตื่นลืมตาเเล้ว หนิงอ้ายได้ล้างหน้าอาบน้ำเป็ปกติโดยที่ไม่ต้องมีลู่ซีมาช่วยในการแต่งตัว ต้องบอกว่าพื้นฐานของตัวหนิงอ้ายไม่ว่าจะเป็ในโลกเดิมหรือในโลกนี้ต่างชอบที่จะทำอะไรด้วยตนเองเสียเป็ส่วนใหญ่ จากนั้นจึงมุ่งตรงไปยังห้องรับรองที่คาดว่าในตอนนี้ทุกคนคงรออยู่ด้านในแล้ว และเป็ไปตามที่คาดการณ์เอาไว้เมื่อทุกคนได้เห็นรูปลักษณ์ของหนิงอ้ายในยามนี้ล้วนต่างตกตะลึงทั้งสิ้น
“ทำไมเส้นผมของคุณชายใหญ่ถึงกลายเป็สีขาวได้เล่าเมื่อวานยังเป็สีดำอยู่แท้ ๆ” เสียงของลู่ซีร้องดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ
คุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายนั้นจัดได้ว่าเป็ผู้ที่มีหน้าตางดงามล่มเมืองรูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอมคนหนึ่ง หากกล่าวว่าความงามนี้เป็ที่สองแล้วทั่วทั้งแคว้นคงไม่มีใครกล้ายกตนเป็ที่หนึ่ง แม้จะมีข่าวลือว่าอัปลักษณ์เพียงใดแต่หาใช่สำคัญไม่เพราะไม่ใช่ความจริงแม้แต่น้อย หากก่อนหน้าคิดว่าภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้ทั้งงดงามและสูงส่งแล้ว ในตอนนี้เส้นผมของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็สีขาวเงินเปล่งประกายงดงามหยอกล้อกับแสงของอาทิตย์ ผิวพรรณขาวผ่องดุจดั่งหิมะเเรกของฤดูหนาว ดวงตากลมโตสีฟ้าราวกับอัญมณีอันล้ำค่า พวงแก้มสองข้างเป็สีแดงระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี ริมฝีบางบางกระจับเป็สีชมพูสวย กลิ่นอายความงามอันสูงศักดิ์ได้แผ่กำจายไปโดยทั่ว หนิงอ้ายในรูปลักษณ์เช่นนี้ช่างดูงดงามและสูงส่งในเวลาเดียวกัน
“หนิงเอ๋อร์!! รูปลักษณ์ของเ้า??” เยว่ซินเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“รูปลักษณ์ของข้าที่เปลี่ยนไปเกิดจากการประสานกระดูกิญญาของ ‘อสรพิษเหมันต์า’ ซึ่งเป็สัตว์อสูรระดับาอายุล้านปี สัตว์อสูรเผ่าพันธ์นี้ได้อาศัยอยู่ในเขตหิมะพิเศษทางแดนเหนือ อีกทั้งยังมีพิษอยู่ในเืมากกว่าหนึ่งพันชนิด ผู้ฝึกตนหรือสัตว์อสูรหากได้ถูกพิษของมันเพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ หากว่าไม่ได้รับการถอนพิษร่างกายของผู้ถูกพิษจะถูกย่อยสลายจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกขอรับ และด้วยความพิเศษอันโดดเด่นนี้จึงส่งผลให้ปราณธาตุน้ำของข้ายังสามารถแฝงไปด้วยธาตุพิษและร่างกายยังสามารถต้านพิษนานาชนิดได้...”
“กระดูกิญญานี้ได้แปรเปลี่ยนเป็ิญญายุทธ์ที่สามให้แก่ข้า นอกจากนั้นแล้วด้วยแรงหนุนนี้จะส่งผลให้อายุของกระดูกิญญาที่ข้าได้ดูดซับจะเพิ่มขึ้นตามขีดจำกัดสูงสุดที่ร่างกายของข้าสามารถรองรับได้ หรือกล่าวได้ว่ากระดูกิญญาของทุกิญญายุทธ์ของข้าล้วนสามารถพัฒนาได้ตลอดเวลา เช่นในตอนนี้ข้าเป็ผู้ฝึกตนขุนนางิญญาดังนั้นอายุของกระดูกิญญาในตอนนี้คือ2,000 ปี และหากข้าเลื่อนระดับในขั้นถัดไปอายุของกระดูกิญญาแรกนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็4,000 ปีหรือ8,000ตามลำดับพลังิญญา...” เมื่อหนิงอ้ายพูดจบทุกคนในที่นี้ต่างตื่นตะลึงเป็อย่างมาก
“กระดูกิญญาที่แปรเปลี่ยนเป็ิญญายุทธ์และสามารถพัฒนาอายุของกระดูกิญญาที่ดูดซับไปได้เช่นนี้ ช่างสมกับเป็ของสัตว์อสูรระดับาอายุล้านปียิ่งนัก!!” เยว่ซินเอ่ยขึ้นด้วยความชื่นชม แม้ว่านางพอที่จะคาดเดาได้ว่ากระดูกิญญาอายุล้านปีย่อมเป็ประโยชน์เป็อย่างมากมายมหาศาล แต่นางไม่คาดคิดว่าจะมากถึงเพียงนี้เสียด้วยซ้ำ ด้วยแรงหนุนนี้กระดูกิญญาที่ได้ดูดซับไปย่อมพัฒนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด
“เป็เช่นนั้นขอรับท่านแม่...” หนิงอ้ายตอบกลับไป
“แต่ที่มารดาแปลกใจคือ ‘อสรพิษเหมันต์า’ อายุมากกว่าหนึ่งล้านปี หากสังเกตจากตัวกระดูกิญญาที่มีสีดำทองและกลิ่นอายความแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออกมา ด้วยระดับพลังิญญาของเ้าในตอนนี้ที่อยู่เพียงระดับขุนนางิญญาขั้นสามัญ กระดูกิญญาที่เหมาะสมในการประสานกับร่างกายควรมีอายุไม่เกินสองพันปีเท่านั้น แต่เ้าสามารถประสานกระดูกิญญาที่ข้ามระดับเช่นนี้เป็เื่ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน...ตอนนี้เ้ารู้สึกผิดปกติในที่ใดบ้างหรือไม่??” เย่วซินถามหนิงอ้ายด้วยกังวลว่าบัตรชายของนางจะได้รับผลกระทบที่ไม่คาดคิดก็เป็ไปได้
“ข้ารู้สึกปกติขอรับท่านแม่...” หนิงอ้ายััได้ว่าพลังิญญาและพลังปราณธาตุน้ำของเขาตอนนี้มันแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่านัก
“มากไปกว่านั้นปราณธาตุน้ำของข้าย่อมสามารถแฝงปราณธาตุพิษได้เช่นกัน จากการประสานกระดูกิญญาของ ‘อสรพิษา’ นี้ไปขอรับ...” หนิงอ้ายตอบกลับมารดาไปด้วยความยินดี เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าการประสานร่างกายเข้ากับกระดูกิญญาครั้งนี้จะทำให้เขาสามารถปราณธาตุพิษได้เช่นนี้
กระดูกิญญาคือส่วนที่อยู่ในบริเวณส่วนศรีษะของสัตว์อสูรที่มีความพิเศษทางสายเื สามารถดูดซับประสานกับร่างกายของผู้ฝึกตนเพื่อความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น สำหรับการประสานกระดูกิญญาเข้ากับร่างกายสามารถทำได้ทั้งหมดเจ็ดส่วนดังนี้ ศรีษะ 1 ส่วน ดวงตาซ้าย/ขวา 2 ส่วน เเขนซ้าย/ขวา 2 ส่วน ขาซ้าย/ขวา 2 ส่วน และเชื่อกันว่ายิ่งประสานกระดูกิญญามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเเข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนในระดับเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถสลับปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมไปตามระดับพลังิญญาที่เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
“กระดูกิญญานี้แม้จะเปี่ยมไปด้วยอานุภาพที่ไม่ธรรมดาสามัญก็จริง แต่ยังคงต้องดูดซับกระดูกิญญาจากสัตว์อสูรปราณธาตุพิษเพื่อเรียกใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ ข้าต้องขอรบกวนท่านลุงฮุ่ยด้วยนะขอรับ...” หวังฮุ่ยพยักหน้ารับคำจากนายน้อยของตน
สำหรับพิธีสวมกวานในวัยสิบห้าปีของเขาในอีกไม่กี่วันนี้ที่ได้ข้อตกลงว่าจะจัดเป็งานพิธีเล็ก ๆ ในเรือนเพียงเท่านั้น หนิงอ้ายที่ไม่ชอบความวุ่นวายจึงสนับสนุนความคิดนี้ของมารดาตนอย่างเต็มที่ ทางฝั่งของหวังฮุ่ยเมื่อรู้ว่านายน้อยของตน้าวงแหวนิญญาที่เหมาะสมที่สุดในการประสานเข้ากับร่างกาย ดังนั้นจึงไม่รอช้าติดต่อไปยังประมุขตระกูลหวังหรือท่านตาของเด็กหนุ่ม เพื่อที่วางแผนในการเข้าป่าอสูรเพื่อตามล่าหากระดูกิญญาที่เหมาะสมที่สุด...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้