เสียงผิวปากเป็ทำนองเพลงดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่ร่างสูงของ อัคนี จะก้าวเข้ามาในบ้าน ดวงตาคมเปล่งประกายมีชีวิตชีวา ท่าทางของเขาบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังอารมณ์ดีเป็พิเศษ
"อารมณ์ดีขนาดนี้ มีอะไรดี ๆ รึไงจ๊ะ" เสียงของคุณหญิงอภิญญา ดังขึ้นขณะที่เธอเดินผ่านมาเห็นลูกชายพอดี
อัคนีหันไปหาแม่ ยักคิ้วข้างหนึ่งก่อนตอบลอย ๆ "ไม่มีอะไรครับ แค่รู้สึกอารมณ์ดีเฉย ๆ"
“น่าจะอารมณ์ดีจริง ถึงได้กลับบ้านได้” อดที่จะแขวะลูกชายที่หายหน้าหายตาไม่ยอมกลับมาบ้านสักที คุณหญิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นเล็กน้อย
"ถ้าว่างอยู่ ก็มาคุยกับแม่หน่อยสิ แม่มีเื่อยากปรึกษา" อัคนีเลิกคิ้ว แต่ก็เดินตามเข้าไปในห้องรับแขกโดยไม่อิดออด
"เื่อะไรเหรอครับ?" อัคนีถามขณะทิ้งตัวลงนั่ง
คุณหญิงอภิญญานั่งลงตรงข้าม มองลูกชายด้วยสายตาจริงจัง "เื่หมั้นหมายของลูก"
"หมั้น?" มือที่กำลังจะหยิบแก้วน้ำของอัคนีชะงักไปทันที เขาเงยหน้าขึ้นสบตาแม่
คุณหญิงพยักหน้า "ใช่จ้ะ แม่กับคุณปู่คุยกันแล้ว หนูหลินหลานสาวของเพื่อนคุณปู่นะ จำได้ไหม เห็นว่าเพิ่งเรียนจบจากอังกฤษทางผู้ใหญ่เขาเลยอยากให้จัดการเื่หมั้นหมายกันสักที ลูกว่ายังไงจ๊ะ"
อัคนีนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเอนตัวพิงพนักโซฟาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ "แม่ครับ ผมยังไม่สนใจเื่หมั้น แล้วก็ยังไม่คิดจะแต่งงานตอนนี้ด้วย"
คุณหญิงถอนหายใจ "ลูกก็อายุไม่น้อยแล้วนะไฟ การแต่งงานไม่ใช่เื่ที่ควรผลัดไปเรื่อย ๆ"
"ผมยังไม่แก่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย แล้วการแต่งงานก็ไม่ใช่เื่ที่ต้องรีบเร่งเหมือนกัน อีกอย่างผมก็เพิ่งจะเข้าไปดูบริษัท" เขาตอบกลับทันควัน อย่างเขาเนี่ยไม่ได้เรียกว่าอายุเยอะสักหน่อย เขาเพิ่งจะ 32 เองนะ
คุณหญิงหรี่ตามองลูกชายอย่างจับผิด "หรือว่า… ลูกมีคนที่ชอบอยู่แล้ว? หรือแอบคบกับใครอยู่ อย่าเที่ยวเจาะแจะทำตัวเป็เพลย์บอลไปเรื่อยนะตาไฟ"
อัคนีไม่ได้ตอบทันที ดวงตาคมไหววูบเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบาง ๆ "แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ครับ"
“ให้มันจริงเถอะ ไม่ใช่จะไปตกม้าตายเพราะผู้หญิงนะ”
“แม่เชื่อใจผมได้เลยครับ”
"แล้วแม่จะบอกเข้ายังไงละ จะให้แม่ปฏิเสธเลยเหรอ?"
อัคนีหันไปสบตาแม่ก่อนพยักหน้า "ใช่ครับ บอกไปเลยว่าผมไม่สะดวก ยังไม่พร้อม หรือบอกว่าคบกันไปก็อยู่กันไม่รอดอยู่ดีก็ได้นะครับ"
คุณหญิงอภิญญาถอนหายใจยาว ก่อนส่ายหน้าน้อย ๆ "ลูกคนนี้นี่"
อัคนียิ้มเ้าเล่ห์ ก่อนยกมือขึ้นแตะหลังมือแม่เบา ๆ "แม่ครับ ผมแค่เลือกสิ่งที่ตัวเอง้าเท่านั้นเอง เพราะมันคือชีวิตของผมนะครับ"
คุณหญิงมองลูกชายแล้วได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยพอใจที่ลูกชายปฏิเสธเื่หมั้น แต่ก็พอเข้าใจว่า ลูกชายมีสิทธิที่จะเลือกอนาคตของตัวเอง
“อือ เดี๋ยวแม่จะจัดการให้”
“ขอบคุณครับ คุณแม่น่ารักที่สุด” อัคนีหอมแก้มคุณหญิงอภิญญาหนึ่งฟอดแล้วลุกขึ้นทันที
“ย่ะ...แล้วนี่จะไปไหน”
“ไปหาคุณพ่อครับ”
“เย็นนี้อยากทานอะไร แม่จะได้บอกเด็ก ๆ ทำให้”
“อะไรก็ได้ครับ” อัคนีะโตอบผู้เป็แม่ไป เพราะตัวเขานั้นเดินมาออกมาจากห้องแล้ว
หลังจากมื้ออาหารเย็น อัคนี, คุณหญิงอภิญญา, และ คุณอดิศวร ย้ายมานั่งที่ห้องรับแขก โต๊ะกลางมีจานผลไม้ถูกหั่นเป็ชิ้นพอดีคำอย่างสวยงาม อัคนีหยิบส้อมจิ้มองุ่นเข้าปาก แต่สายตาจ้องอยู่ที่นาฬิกาบนข้อมือเป็ระยะ
เ้าสัวอดิศวร สังเกตลูกชายมาสักพัก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ "มีนัดที่ไหนหรือไง มองนาฬิกาอยู่ได้เ้าไฟ"
อัคนียกยิ้มเล็กน้อย "เปล่าครับพ่อ ผมแค่ดูเวลาเฉย ๆ"
แต่หลังจากพูดกลับเสียงข้อความในมือถือก็ดังขึ้น อัคนีหยิบขึ้นมาอ่านแย้มรอยยิ้มด้วยสีหน้าที่ดูก็รู้ว่ามีความสุข แล้วก็ลุกขึ้นเต็มความสูง "ผมกลับคอนโดก่อนนะครับ"
คุณหญิงอภิญญาที่กำลังหยิบองุ่นเข้าปากชะงัก เงยหน้ามองลูกชายอย่างแปลกใจ "ตอนนี้เหรอ? ทำไมไม่นอนบ้านล่ะลูก? แล้วนี่ก็มืดแล้วนะ"
อัคนีเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง พูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ "พรุ่งนี้ผมมีงานเช้าครับ ี้เีตื่นเช้าไปเจอรถติด ถ้าไปจากคอนโดสะดวกกว่า"
คุณหญิงขมวดคิ้ว "คิดได้ปุบปับหรือไง ก่อนหน้านี้ไม่เห็นบอกว่าจะกลับคอนโดเลย"
เ้าสัวอดิศวรเหลือบมองลูกชายก่อนถามขึ้นมาบ้าง "หรือว่ามีใครรอที่คอนโด?" คุณหญิงอภิญญาหันขวับไปมองสามีทันที
อัคนีหัวเราะเบา ๆ พลางส่ายหน้า "ไม่มีครับพ่อ ผมแค่ี้เีตื่นเช้า" เขาคิดว่าสามารถตบตาพ่อกับแม่ได้
คุณหญิงอภิญญามองด้วยสายตาที่เหมือนยังไม่วางใจนัก "แน่นะ?"
"แน่สิครับ" อัคนีพยายามตอบด้วยความหนักแน่น
"จะไปก็ไปเถอะ ขับรถดี ๆ นะลูก" คุณหญิงไม่ห้ามอีกเมื่อลูกชายยืนยันว่าจะกลับไปนอนที่คอนโด
เ้าสัวอดิศวรยิ้มมุมปาก ไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่ยกแก้วน้ำขึ้นจิบเงียบ ๆ ทำราวกับไม่รู้อะไร อัคนีหลบสายตาที่เหมือนจะรู้ทัน
"ครับแม่ ฝันดีครับพ่อ"
อัคนีบอกลาบิดา เข้าไปหอมแก้มแม่ ก่อนเดินออกจากบ้านไป ทิ้งให้พ่อกับแม่มองตามแผ่นหลังของเขาด้วยความสงสัย
"ทำไมฉันรู้สึกว่าตาไฟ มันมีอะไรปิดบังเราคะคุณ คุณว่าไหม?" คุณหญิงหันไปถามสามีทันทีที่ลูกชายเดินพ้นประตูไป
คนเป็สามีทำทีหัวเราะ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงใจเย็น "ก็คงมีล่ะมั้ง แต่เดี๋ยวลูกอยากบอกเมื่อไหร่ เขาก็จะบอกเอง"
“คุณรู้ไหม?”
“ผมจะไปรู้ได้ไงละคุณ”
“เหรอ” คุณหญิงอภิญญายังคงไม่วางใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าเงียบแต่ก็อดที่จะคิดตามไม่ได้
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้น อัคนีกวาดสายตาไปรอบห้องเพื่อมองหาใครบางคนที่ส่งข้อความมาบอกก่อนหน้านี้ว่าเธอมาถึงห้องแล้ว
"อยู่ไหนนะ?" เสียงบ่นพึมพำเมื่อไม่เห็นคนที่มองหา ขายาวก้าวขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง
กิตติกาแยกกับเขาหลังเลิกงาน เธอบอกว่ามีนัดกับเพื่อนและอาจกลับค่ำ เขาเลยยื่นข้อเสนอถ้าเธออยากไปเจอเพื่อนคืนนี้ต้องมานอนห้องเขา ถึงแม้เธอจะทำตาขวางใส่แต่เธอก็ยอมตกลง และหลังจากได้รับข้อความของเธอเขาเลยรีบกลับมาที่ห้องทันที
อัคนีเข้ามาในห้องนอน ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวดังแว่วออกมาจากห้องน้ำ มุมปากของเขายกขึ้นเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์
อัคนีจัดการปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด สลัดมันออกจากร่างก่อนจะถอดเข็มขัดและเสื้อผ้าออกอย่างไม่รีบร้อน เขาเดินไปที่ประตูห้องน้ำเลื่อนมันออกอย่างเบามือเพื่อไม่ให้คนด้านในรู้ตัว
เสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้องยังคงดังต่อเนื่อง ขณะที่กิตติกา ยืนหลับตาปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านผิวกายอย่างผ่อนคลาย
“ว๊าย!!...” เธอสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปมองเขาด้วยดวงตากลมโตที่เบิกกว้าง
ร่างหนาเข้าประชิดตัวโดยไม่ส่งเสียงทำให้เธอสะดุ้งผวาด้วยความใ ก่อนจะได้ยินเสียงกระซิบแหบต่ำข้างใบหู "อาบน้ำเสร็จหรือยัง?"
ชายหนุ่มที่ยืนเปลือยเปล่าใต้สายน้ำ จ้องเธอด้วยแววตากรุ้มกริ่ม รอยยิ้มซุกซนประดับมุมปาก ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงแนบชิด กดปลายจมูกลงตรงซอกคอขาวอย่างจงใจ
“คุณไฟ”
“หือ” เขาขานรับเสียงต่ำ ริมฝีปากไล้ไปตามผิวเนียน
"ใหมด! ทำไมชอบมาแบบเงียบ ๆ คะ" กิตติกาเอ่ยเสียงแ่ หัวใจเต้นแรงจากเมื่อครู่ยังคงอยู่
“เซอร์ไพรส์ไง” อัคนียิ้มเ้าเล่ห์ มือแกร่งเลื่อนไปโอบรอบเอวของเธอรั้งให้แนบชิดกับร่างเปลือยเปล่าของตัวเอง
"ได้หัวใจวายตายก่อนพอดี!" เธอแกล้งบ่น แต่ััที่ใกล้ชิดทำให้แก้มทั้งสองข้างร้อนวูบวาบ
"ถ้าหัวใจวายเหรอ เดี๋ยวช่วยผายปอดให้" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้างหู ก่อนที่ปลายนิ้วจะลากผ่านแผ่นหลังของเธอเบา ๆ กิตติกาหลุบตาหลบ รู้สึกถึงแรงสั่นสะท้านในร่างกาย
"ขออาบน้ำด้วยนะ"
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา อดแซวกลับไม่ได้ "มาขนาดนี้แล้วยังจะขออีกเหรอคะ?"
อัคนียกยิ้มพลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น "ขอเป็มารยาทไง"
"อื้อ...ไหนบอกจะอาบน้ำไงคะ"
ชายหนุ่มยิ้มเ้าเล่ห์ก่อนก้มลงกระซิบใกล้ใบหู "ก็ใช่...แต่ผมไม่ได้บอกว่าจะ อาบน้ำ อย่างเดียวซะหน่อย....ทำก่อนค่อยอาบน้ำไง”
กิตติกาถูกดันไปจนหลังติดผนัง อัคนีรีบตามเข้าไปแนบชิด ก้มจูบริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน เฝ้าดึงดูดหลอกล้อ กดเน้นย้ำริมฝีปากนั้นอย่างอดใจไม่ไหว ก่อนจะผละออกเมื่อเห็นว่าเธอนั้นจะหมดลมเอาซะก่อน
เขามองริมฝีปากบวมเจ่อด้วยสายตาฉ่ำปรือ ผิวขาวจัด กับปากสีแดงที่เพิ่งถูกเขารังแก ดูแล้วน่ารักน่าใคร่เสียจนอยากจะรังแกเธอไม่จบสิ้น
เรียวนิ้วยาวเข้าไปปลุกเร้าเนินเนื้อนูนตรงกลางกายความเป็หญิงของเธอ ยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นให้เกาะเกี่ยวกับสะโพกของเขาไว้
อัคนีใช้ท่อนลำที่แข็งขึงถูไถเข้ากับรอยแยกของดอกไม้ของเธอเพื่อเพิ่มน้ำหวานให้พรั่งพร้อมสำหรับการสอดใส่จากเขา มือใหญ่อีกข้างก็กอบกุมบีบเคล้นความอวบจนล้นมือ ริมฝีปากจูบดูดดื่มยาวนาน
เห็นว่าเธอพร้อมพรั่งแล้วอัคนีค่อย ๆ สอดเสยความเป็ชายเข้าไปในตัวเธอช้า ๆ กิตติกากัดริมฝีปากสะกดกลั้นความเสียวซ่านที่กำลังสอดลึกเข้ามา
ร่างบางสั่นสะท้านไม่สามารถต้านทานความซาบซ่านได้ จนเผลอเสียงครางหวานยาวไปตามััลากลึกเข้าไปในตัวตามความยาวที่ดุนดันเข้ามา
อัคนียกร่างบางขึ้น กิตติกาผวากอดลำคอแกร่งไว้แน่น ตวัดขาโอบรัดเอวสอบไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณ แขนแกร่งประคองสะโพกของเธอไว้ ยกเธอขึ้นก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยลงไปรับเขาจนสุดความยาว
“อื้อ...”
“ท่านี้ชอบไหม?”
กิตติกาไม่ตอบ ทำเพียงก้มหน้าซบกับลำคอหนาของเขา อัคนีจูบลงที่ลาดไหล่มน แล้วเป็คนกุมเกมยกสะโพกเนียนขึ้นลงรับแรงกระแทกช้า ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาขับเคลื่อนอย่างเต็มรูปแบบรัวเร็ว สลับจังหวะไปมาระหว่างเนิบนาบแล้วเปลี่ยนมารัวถี่
เสียงครางสะอื้นของกิตติกาดังแข่งกับเสียงสายน้ำจากฝักบัว มือหนายื่นไปปิดมันไว้ เพราะเขา้าได้ยินเสียงหวานของเธอชัด ๆ แล้วพาเธอดำดิ่งไปกับห่วงอารมณ์หฤหรรษ์จนสุดปลายทางของอารมณ์ กิตติกากระตุกเกร็ง โอบกอดรัดร่างหนาทั้ง้าด้านล่าง
หญิงสาวหมดแรง ขาของเธอสั่นเกินจะสามารถยืนทางตัวได้ อัคนียังคงโอบประคองเธอเอาไว้ ก่อนจะจับให้เธอหันหลังแล้วดันขาทั้งสองข้างของเธอให้กางออก
จัดการดุนท่อนลำเข้ามาในตัวเธอจากด้านหลังอีกครั้ง กิตติกาเขย่งปลายเท้าแอ่นสะโพกรับจนเขาสามารถเข้ามาได้ทั้งหมด มือหนาเอื้อมไปกอบกุมทรวงอกทั้งสองข้างเคล้นคลึงอย่างมันมือ
อัคนีกระแทกสะโพกเข้าหาจนเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่น คว้าใบหน้าหวานให้หันมารับจูบเร่าร้อนเป็ของขวัญ ความร้อนระอุของแรงปรารถนาลุกโชนขึ้นกับทั้งคู่ อัคนีเคลื่อนสะโพกเข้าหาเธอเหมือนพายุ จนกิตติกาครางสะอื้นตามแรงกระแทกของสะโพกสอบ
มือหนาก็ฟอนเฟ้นอกอวบที่สั่นกระเพื่อมไปตามการเคลื่อนไหว อัคนีเลื่อนมาจับเอวคอดแน่นแล้วเร่งจังหวะเข้าหาเธอเมื่อใกล้จะถึงปลายทางอยู่รอมร่อ
ความทรมานที่หลานล้ำกำลังทรมานทั้งเขาและเธอ กิตติกาไปถึงจุดหมายก่อน อัคนีห่มสะโพกใส่เธออีกไม่กี่ครั้งก็สุขสมตามเธอไปติด ๆ ทั้งสองร่างเกร็งกระตุกรับความสุขพร้อมกัน
อัคนีทำหน้าที่อาบน้ำเช็ดตัวให้เธอ เพราะหญิงสาวหมดเรี่ยวแรงจากกิจกรรมก่อนหน้าหากไม่มีเขาช่วยพยุงเธอลงไปนั่งกองกับพื้นแน่ ๆ
ชายหนุ่มอุ้มพาร่างบางที่มีผ้าเช็ดตัวพันรอบตัวออกมา วางเธอให้นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วจัดการเช็ดและเป่าผมของเธอจนแห้ง
“สบายไหม?”
“เหนื่อย”
“เหนื่อยอะไร ไม่เห็นคุณจะได้ทำอะไรเลย”
เธอมองเขาตาเขียวผ่านกระจก จะมาว่าเธอไม่ทำอะไรได้ไง ร้องจนเสียงแหบเสียงแห้งหมดแล้วเนี่ย
คืนนั้นอัคนีหมดสิทธิ์พาเธอทำกิจกรรมเข้าจังหวะอีก เขาถูกหญิงสาวห้ามเขาเสียงเข้ม ห้ามเขามากวนเธออีกเด็ดขาด ไม่งั้นเธอจะไม่ยอมเจอเขาอีก อัคนีจำใจต้องยอม คืนนี้เลยได้แต่นอนกอดร่างบางเอาไว้อย่างเดียว
หลังจากที่ประชุมเสร็จ อัคนีและกิตติกาต้องแปลกใจเมื่อเข้ามาในห้องทำงานก็พบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งมานั่งรออัคนีอยู่ เธอคือ หฤทัย หลานสาวเพื่อนคุณปู่ของอัคนี
“พี่ไฟ สวัสดีค่ะ” เธอสวมชุดเดรสสีครีมที่ช่วยขับผิวขาวผ่องให้ดูโดดเด่น ดวงตากลมโตกะพริบอย่างไร้เดียงสาขณะมองเขาเดินเข้ามาใกล้
“ครับ”
“หลินเองค่ะ พอดีคุณพ่อท่านมีธุระแถวนี้พอดี เลยให้หลิวมาชวนพี่ไฟไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า คิดว่ายังไงพี่ไฟก็น่าจะต้องทานข้าวเที่ยงอยู่แล้ว เลยถือวิสาสะมาชวนแบบนี้ค่ะ”
“ครับ”
“กริ่งนัดต่อไปของผมเวลาไหน?”
“บ่ายสองค่ะบอส”
“โอเค”
อัคนีตัดสินใจมาตามคำชวน เพราะหญิงสาวมาถึงที่แล้วยังอ้างผู้เป็พ่อเอาไว้อีกด้วย ทั้งสองเข้ามาในร้านอาหาร นั่งได้ครู่เดียวเธอก็รับโทรศัพท์จากผู้เป็พ่อ โทรมาบอกให้ทั้งสองคนทานข้าวได้เลยไม่ต้องรอเขา เพราะตอนนี้เขาติดธุระยังคุยงานไม่เสร็จ
คิ้วเข้มของอัคนีขมวดเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะเป็การทานข้าวโดยไม่ได้ตั้งใจกับหญิงสาวตรงหน้าแค่สองคน
อัคนีถอนหายใจยาวเหมือนจะรู้ทันเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“พี่ไฟ เป็ยังไงบ้างคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามเขาก่อน เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่มีท่าทางใด ๆ
“สบายดีครับ” อัคนีเงยหน้าจ้องหญิงสาวนิ่ง ๆ ก่อนจะหยิบเมนูอาหารขึ้นมาดู
หฤทัยยิ้มหวานพลางเอนตัวเล็กน้อย โน้มเข้าหาอัคนีอย่างแเี “ปกติพี่ไฟชอบทานอาหารสไตล์ไหนคะ?”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากเมนูเพียงแวบหนึ่งก่อนตอบเสียงเรียบ “อะไรก็ได้ครับ พี่ทานได้หมด”
“โห…ง่ายจัง แบบนี้เวลามีแฟนคงให้แฟนเลือกใช่ไหมคะ?”
“ก็คงแบบนั้นละมั้งครับ” อัคนีบอกเธอทั้งที่ยังกวาดสายตาไปที่เมนูในมือ
หฤทัยยิ้มรับคำบอกของเขา “จริงเหรอคะ?”
“ครับ” เขาตอบง่าย ๆ ก่อนจะยกน้ำขึ้นจิบ ไม่มีท่าทีใส่ใจความหมายที่เธอพยายามจะสื่อ
หฤทัยไม่ยอมแพ้ ทำท่าทางเอียงคอเล็กน้อย เป็ท่าไม้ตายที่คิดว่าทำแบบนี้แล้วผู้ชายจะชอบ “แล้วพี่ไฟชอบผู้หญิงแบบไหนกันคะ?”
อัคนีวางเมนูลง ก่อนจะมองเธอด้วยสายตานิ่งสนิท “สั่งอาหารเลยไหมครับ”
คำถามที่ไม่เปิดโอกาสให้สานต่อทำให้หฤทัยแอบกัดฟันอยู่ในใจ แต่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม “ได้ค่ะ”
ตลอดมื้ออาหาร หฤทัยพยายามชวนเขาคุยเื่นั้นเื่นี้ ทั้งเื่ธุรกิจ งานอดิเรก ไลฟ์สไตล์ แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน อัคนีก็ตอบเพียงพอเป็มารยาท ไม่มีท่าทางสนใจหรือเล่นด้วยอย่างที่เธอคาดหวัง
จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องแยกย้าย เธอบอกเขา “อ้อ…หลินจะเข้าไปไหว้คุณหญิงป้ากับคุณพ่อคุณแม่วันพรุ่งนี้นะคะ” ยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง “หลินจะได้เจอพี่ไฟไหมคะ”
อัคนียังคงท่าทีเรียบเฉยบอกด้วยเสียงสุภาพ “เชิญตามสบายครับ พรุ่งนี้พี่มีงานครับ”
เขาพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะกล่าวลาผ่าน ๆ แล้วเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนอยู่เพียงลำพัง
นั้นเป็เพราะเธอเป็คนบอกเขาเองว่าคนขับรถจะมารับเธอ เขาเลยไม่ต้องทำหน้าที่ของสุภาพบุรุษต่อ หฤทัยยืนมองตามแผ่นหลังสูงของเขาด้วยรอยยิ้มที่เริ่มจางลง ‘ท่าทางเ็าจริงนะ?’
อัคนีกลับมาถึงบริษัทพร้อมกับอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เขาถอดสูทโยนลงบนพนักเก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะนั่งลงและพ่นลมหายใจออกแรง ๆ
พิศมัยผู้ช่วยเลขาของกิตติกา เหลือบมองเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธานอย่างระมัดระวัง เห็นสีหน้าบึ้งตึงของเ้านายแล้วก็อดกลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอไม่ได้
‘ใครทำคุณอัคนีของขึ้นอีกเนี่ย…’
หลังจากคิดอยู่นาน พิศมัยก็ตัดสินใจหาตัวช่วย หยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาแล้วเดินไปทางโต๊ะของกิตติกาแทน
“พี่กริ่ง หนูขอความช่วยเหลือหน่อยได้ไหมคะ” พิศมัยบอกพร้อมกับส่งสายตาเว้าวอน
“จ๊ะ ว่าไงจ๊ะ” กิตติกาเงยหน้ามองรุ่นน้องที่กำลังยืนด้วยสีหน้าลำบากใจ
“หนูรบกวนพี่กริ่งช่วยเอาแฟ้มนี้เข้าไปให้บอสเซ็นแทนหนูหน่อยได้ไหมคะ หนูขอร้อง”
กิตติกามองหญิงสาวด้วยความงุนงง “ทำไมล่ะ?”
พิศมัยก้มลงมาหาเธอแล้วกระซิบเบา ๆ “ตอนกลับมาคุณบอสหน้าบึ้งเป็ตูดลิง ท่าทางกำลังอารมณ์ไม่ดีค่ะ แค่เห็นหน้าหนูก็เหมือนหายใจไม่ออกแล้วค่ะ หนูกลัวหนูเข้าไปแล้วตายค่ะพี่กริ่ง”
กิตติกาเหลือบมองประตูห้องทำงานของเ้านายก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “เวอร์ไปรึเปล่าเรานะ”
“จริง ๆ นะคะ พี่กริ่งไม่เห็นตอนบอสเดินเข้ามา แค่เห็นหน้าหนูก็หายใจไม่ออกแล้วค่ะ นะคะ...พี่กริ่ง...ช่วยหนูด้วย พี่กริ่งคือยาปรับอารมณ์ของบอสเลยนะคะ” พิศมัยยกมือไหว้อย่างขอร้องสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง
กิตติกาหรี่ตามองรุ่นน้อง ก่อนจะรับปากแล้วลุกขึ้นหยิบแฟ้มแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของอัคนี
พิสมัยแทบจะก้มคำนับเอาหัวโขกพื้นให้กิตติกา เพราะเธอเพิ่งมาทำงานยังไม่ชินกับบอสเท่าไหร่ เธอขอเวลาทำใจก่อนเพื่อรอเวลาให้ชิน
กิตติกาเคาะประตูแล้วเข้าไปยืนหน้าโต๊ะทำงานตรงข้ามกับอัคนี
“แฟ้มสรุปงบประมาณโครงการทางเหนือค่ะ รบกวนบอสเซ็นให้หน่อยนะคะ”
อัคนีเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร จ้องเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มมาเปิดดู
กิตติกายืนรอให้เขาเซ็นเอกสาร แต่แทนที่อัคนีจะหยิบปากกามาจรดลงบนกระดาษ เขากลับเอนหลังพิงเก้าอี้ มองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“วันนี้ผมเจอเื่น่ารำคาญมา” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
กิตติกาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับไป “เื่อะไรคะ?”
อัคนีมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาประชิดตัวเธอ
“ผมไม่อยากพูดถึง” เขาว่าพลางยกมือแตะปลายคางของเธอเบา ๆ
ไม่อยากพูดถึงแล้วมาบอกเธอทำไม แล้วยังทำท่าเหมือน้าให้เธอถามกลับอีกต่างหาก
กิตติกาชะงักไปเล็กน้อย ขยับตัวถอยห่างมองไปทางประตูกลัวว่าพิศมัยจะเปิดเข้ามาเห็น “บอสคะ…”
แต่เขาเร็วกว่า มือแข็งแรงคว้าเอวเธอไว้ ดึงร่างบางเข้ามาใกล้จนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกัน
“ไม่มีใครเข้ามาหรอก ทำให้ผมหายหงุดหงิดหน่อยสิ” เสียงกระซิบข้างหู
หญิงสาวรับจูบร้อนแรงอย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้ อัคนีดอมดมร่างกายหอมจนพอใจ ก่อนจะยอมปล่อยและเซ็นเอกสารให้เธอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้