พวกเขาไม่ได้กลับไปตามเส้นทางที่วางแผนไว้ แต่อ้อมไปทางทิศเหนือ ซึ่งเป็คนละทางกันอย่างสิ้นเชิง ยาแปรผันที่พวกเขากินเข้าไปหมดฤทธิ์ไปแล้วเช่นกัน
เสิ่นเสวียนเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่สะอาดเอี่ยม
ลึกเข้าไปในช่องเขามีลำธารสายหนึ่งไหลผ่าน เสิ่นล่างและเสิ่นเสวียนนั่งลงที่ตรงนั้น
เสิ่นล่างในตอนนี้กำลังก่อกองไฟ เขาจับปลาจากลำธารได้สองตัว กำลังจะนำไปย่างเป็อาหาร
เสิ่นเสวียนบำเพ็ญเพียรถึงขั้นปี้กู่แล้ว เขาไม่ต้องกินอาหารเลยก็ได้ แต่เสิ่นล่างยังทำไม่ได้ ผู้คนของโลกนี้แม้จะฝึกฝนถึงขั้นราชันแล้วพวกเขาก็ยังคงคุ้นเคยกับการกินอาหาร และเพื่อไม่ให้ตนเองแปลกไปจากโลกนี้ เขาจึงกินอาหารกับเสิ่นล่าง
ปลาย่างกลิ่นหอมโชย เสิ่นล่างหยิบขึ้นมาให้ตนเองตัวหนึ่ง ส่วนเสิ่นเสวียนเอาอีกตัวหนึ่งให้เสี่ยวเหยียนที่นั่งอยู่ข้างๆ
เสี่ยวเหยียนในตอนนี้ สีแดงบนร่างจางลงไปเล็กน้อย ไอพลังไม่ได้รุนแรงเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว อาจเป็เพราะออกห่างจากลาวาูเาไฟมาไกล แต่เสิ่นเสวียนรู้ดีว่านี่คือการควบคุมพลังของเสี่ยวเหยียน ไม่ใช่ว่าพลังของมันจะหายไป หาก้าใช้พลังสามารถปะทุพลังออกมาได้เหมือนก่อนหน้านี้ทุกเมื่อ
เสี่ยวเหยียนใช้กรงเล็บน้อยๆ ของมันกอดปลาย่างเอาไว้แล้วกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย มันเขี่ยครีบปลาออกไปด้วยตัวเอง กินเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป
เมื่อเห็นเ้าตัวเล็กกินได้แบบนี้เสิ่นเสวียนก็พยักหน้าอย่างวางใจ ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าเสี่ยวเหยียนจะมีปัญหาเื่อาหารการกิน เพราะดูจากปริมาณลาวาูเาไฟที่มันกินเข้าไปแล้ว มันสามารถที่จะกลืนร่างของเขาเข้าไปได้เลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็เช่นนั้น
“เ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป”
เสิ่นล่างมองเสี่ยวเหยียน เขาเองก็ชอบเ้าตัวเล็กนี่เหมือนกัน แต่เขาก็กังวลว่าหากพาเสี่ยวเหยียนกลับไปแบบนี้จะต้องเป็จุดสนใจอย่างแน่นอน และเผ่าอนธการก็รู้ถึงการมีอยู่ของเสี่ยวเหยียน การพามันกลับไปจึงไม่ใช่เื่ฉลาดนัก
“อืม ยังไม่ทันได้คิดเลย แต่ให้มันอยู่ในมิติของข้าก่อนได้ชั่วคราว”
เสิ่นเสวียนครุ่นคิดพลางกล่าว
“มิติของเ้า มันคืออะไรกันแน่”
เมื่อกล่าวถึงมิติ เสิ่นล่างถามเสิ่นเสวียนด้วยความสงสัยทันที สิ่งนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าแหวนมิติเสียอีก แม้มิติจะเทียบภายในแหวนไม่ได้แต่ก็สามารถบรรจุสิ่งมีชีวิตเข้าไปได้ นั่นหมายถึงอะไรน่ะหรือ หากสามารถพาผู้แข็งแกร่งติดตัวไปได้สักสองสามคน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตรายจะมีผู้ช่วยปรากฏตัวขึ้นได้ทันทีโดยไม่มีใครคาดคิด
เสิ่นล่างยังคงรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่ ผู้นำตระกูลเสิ่นคนนี้มีความลับอยู่มากมายจริงๆ ขณะที่เขาคิดว่าตนเองมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนแล้ว ทว่ากลับพบว่าตนเองมองเห็นเพียงเสี้ยวเดียวของเขาเท่านั้น
“นั่นคือของล้ำค่าที่ข้าไปเจอมาตอนยังเด็ก ใช่แล้วผู้เฒ่าล่าง ข้าอยากให้ท่านกลับไปก่อน การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ข้าได้เรียนรู้บางอย่าง อยากเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในหุบเขาสักระยะ”
“เก็บตัวฝึกฝนที่นี่อย่างนั้นหรือ ให้ข้าอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันดีกว่า”
“ไม่เป็ไร เื่เล็กน้อยแค่นี้ข้าจัดการได้อยู่แล้ว ตอนออกมาจากเมืองอวี่ฮว่าข้ายังไม่ค่อยวางใจนัก ตระกูลเสิ่นไม่มีท่านเฝ้าดูจะอันตรายมาก”
“ได้ เช่นนั้นข้าจะกลับไปก่อน หากเผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ แล้วสู้ไม่ได้ก็หนีไปเลย”
เสิ่นล่างไม่ได้ดื้อดึง พลังของเสิ่นเสวียนในตอนนี้เขามิอาจล่วงรู้แล้ว เขาอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์
“อืม ข้าเก็บตัวฝึกฝนเสร็จสิ้นแล้วจะกลับไป ผู้เฒ่าล่างจับตาตระกูลหานไว้ด้วย พวกเขาไม่มีทางรามือแน่ๆ” เสิ่นเสวียนกล่าวเตือนเสิ่นล่าง
หลังจากทั้งสองคนกินอาหารและพักผ่อนเรียบร้อย เสิ่นล่างก็แยกกับเสิ่นเสวียน มุ่งหน้ากลับไปยังเมืองอวี่ฮว่า
การเดินทางไปยังปากปล่องูเาไฟครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อพวกเขาเลย แม้ภายหลังจะโดนคนจากสำนักไท่อีพบเจอก็ไม่เป็ไร พวกเขาปกปิดตัวตน เก็บซ่อนไอพลัง กระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่มีใครจำพวกเขาได้เลย
หลังจากเสิ่นล่างจากไปแล้ว เสิ่นเสวียนยืนอยู่บนหินก้อนหนึ่งในลำธาร กำลังยืดตัวบิดี้เี
“ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส! ข้าชอบโลกใบนี้”
เสิ่นเสวียนะโจนสุดเสียงในสถานที่ไร้ผู้คนแห่งนี้ ปลดปล่อยแรงกดดันมากมายภายในใจออกไป ในชาติก่อนเขาฝึกฝนจนเป็เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร เช่นนั้นในโลกนี้เขาก็ต้องทำได้เช่นกัน แถมตอนนี้เขามีของล้ำค่าอย่างรากจักรพรรดิอีกด้วย การเป็เซียนถือเป็เื่ง่ายดายมากสำหรับเขา
“จี๊ด จี๊ด”
เสี่ยวเหยียนคล้ายจะฟังคำของเสิ่นเสวียนออก จึงเหาะไปรอบๆ ร่างของเสิ่นเสวียน
“ฮ่าๆ เสี่ยวเหยียน พวกเราเกิดมาคล้ายๆ กัน หลังจากนี้พวกเรามาฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันเถอะ”
เสิ่นเสวียนกอดเสี่ยวเหยียนแน่นพลางกล่าว เสี่ยวเหยียนเกิดมาจากลาวา ไม่มีทั้งพ่อและแม่ เพิ่งจะเกิดมาก็ถูกคนใจร้ายคิดจับตัว ตอนนี้นับว่ามันฝ่าด่านเคราะห์เกิดใหม่แล้วเช่นกัน
“จี๊ด จี๊ด...”
เสี่ยวเหยียนสะบัดหัวเล็กๆ ของมันเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าให้กับเสิ่นเสวียน มันดูน่ารักมากเมื่อรวมกับเขาน้อยๆ ของมัน
สัตว์วิเศษที่เกิดมาแล้วฟังภาษามนุษย์ออกและมีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้อย่างเสี่ยวเหยียน เป็สิ่งล้ำค่าหายากมากในทวีปหลิงโซ่วแห่งนี้ แม้แต่สำนักไท่อีที่แข็งแกร่ง หากได้เจอมันจะต้องสังหารผู้คนเพื่อให้ได้มันอย่างแน่นอน แต่ในสายตาของเสิ่นเสวียน มันคือเ้าตัวเล็กที่มีสติปัญญาตัวหนึ่ง
ในสายตาของเขา มันไม่ใช่สัตว์วิเศษ แต่เป็สหายของเขา
หลังจากอยู่ในลำธารสักพัก เสิ่นเสวียนก็ไปหาสถานที่ภายในป่าที่สามารถเก็บตัวฝึกฝนได้
เขาใช้พลังจิติญญาเสาะหาไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็เจอสถานที่ฝึกฝนที่ไม่เลวแห่งหนึ่ง
ที่นี่ร้างผู้คน ห่างไกลจากตัวเมือง สัตว์วิเศษโดยรอบอยู่ในขั้นสามหรือสี่เท่านั้น ซึ่งไม่เป็อันตรายต่อเขาเลย โดยเฉพาะไอพลังของเสี่ยวเหยียนที่บังเอิญแผ่กระจายออกไป ทำให้สัตว์วิเศษยิ่งออกห่างจากที่นี่
ภายในถ้ำมีหญ้าขึ้นรกและดูเก่าแก่ ไม่เหมือนมีคนมาสร้างไว้ แต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เขาเห็นในถ้ำมีกองขี้เถ้าอยู่ แสดงว่าเคยมีคนเข้ามาที่นี่ก่อนหน้านี้แล้วก่อไฟ
หลังจากเก็บกวาดจนสะอาดแล้ว เสิ่นเสวียนนั่งลงที่พื้นเตรียมจะหลอมรวมหลินจือโมรา
ก่อนหน้านี้ในเมืองอวี่ฮว่า เขาซื้อขวดและโหลมามากมาย ขวดโหลเหล่านี้มีไว้ใส่ยาที่เขาปรุงขึ้นนั่นเอง
ส่วนเสี่ยวเหยียน เสิ่นเสวียนไม่ได้สนใจมันนัก เขาปล่อยให้มันออกไปวิ่งเล่นข้างนอกได้ตามอำเภอใจ เพราะที่นี่ไม่มีสัตว์วิเศษที่จะเป็คู่ต่อสู้ของมันได้อยู่แล้ว
ท้องฟ้ามืดลงแล้ว แต่ภายในถ้ำมืดยิ่งกว่า
มีแสงเพลิงกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นภายในถ้ำที่มืดสนิท เมื่อเปลวเพลิงลุกโชนขึ้น ทำให้มองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน เขาก็คือเสิ่นเสวียนนั่นเอง
คนอื่นปรุงยาจำเป็ต้องใช้หม้อปรุงยาด้วย แต่มันไม่จำเป็สำหรับเขาเลย
เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นหลินจือโมราที่เหมือนพัดขนาดใหญ่ก็ลอยอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงนั้น
หลินจือโมราเจริญเติบโตอยู่ข้างๆ บ่อลาวามาตลอด อยากจะหลอมละลายมันเป็เื่ที่ยากมาก จำเป็ต้องกัดกินมันทีละน้อย
ครั้งนี้เขา้าสกัดของเหลวออกมาสามส่วน หนึ่งส่วนช่วยให้เขาผสานพลังหยวนก่อกำเนิด ส่วนหนึ่งใช้เพื่อร่างิญญาเพลิงของเสิ่นเสี่ยวเม่ย อีกส่วนหนึ่งเขาจะเก็บไว้ก่อนเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่น
การสกัดหลินจือโมราให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือ แค่ทำให้มันกลายเป็ของเหลวได้ก็พอแล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลานานมาก
เปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือข้างหนึ่งของเสิ่นเสวียน ส่วนปลายนิ้วมืออีกข้างหนึ่งก็มีแสงเพลิงสว่างวาบขึ้นมา พลังธาตุไฟภายในร่างของเขามีอยู่อย่างจำกัด มิอาจเทียบเคียงความร้อนแรงของลาวาได้ ตอนนี้เขากำลังใช้วิชายุทธ์บำเพ็ญเพียรบีบอัดเปลวเพลิงให้ถึงจุดขีดสุด แล้วมันจะมีอานุภาพเหนือกว่าลาวาได้
ที่ด้านนอก หากมองลงมายังป่าแห่งนี้จากเบื้องบน จะสังเกตเห็นว่าพลังฟ้าดินกำลังหลั่งไหลเข้าไปในถ้ำที่เสิ่นเสวียนซ่อนตัวอยู่อย่างรวดเร็วราวกับถูกกลืนกินเข้าไป
ทว่าในขณะนั้นเอง มีร่างเงาสีขาวยาวสิบจั้งร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นห่างจากถ้ำไปประมาณสิบลี้ และกำลังเคลื่อนที่เข้าหาถ้ำอย่างเงียบเชียบ