ชนประตูควรชนที่หน้าผากไม่ใช่หรือ?
เหตุใดหน้าผากไม่เป็กระไร มีแต่ปากที่บวมแทน?
จ้าวหงฮวารู้ว่านั่นคือกระไร นางเคยเห็นแม่ม่ายจูกับเอ้อร์อู้จื่อที่หมู่บ้านกอดกันกัดปากกันในไร่ข้าวฟ่าง
หลินหวั่นชิวตื่นนานแล้ว นางแค่กัดปากกับหย่วนเกออยู่ในห้อง!
คนในหมู่บ้านพูดไว้ไม่ผิด นางเป็นังจิ้งจอกจริงด้วย กล้าล่อลวงบุรุษทำเื่ไม่ดีอยู่ในห้องตอนกลางวันแสกๆ
“กินข้าวๆ กินหมดไปเดินเที่ยวในตลาดกัน!” มื้อเช้าเรียบง่ายมาก น้ำเต้าหู้กับโจ๊กขาวและหมั่นโถว
หงหนิงหงป๋อกินเสร็จแล้ว ตอนนี้หงหนิงคงกอดตำราท่องหนังสืออยู่ที่สถานศึกษาแล้ว
กินข้าวเสร็จ หวางกุ้ยเซียงถามว่า “พี่สะใภ้ วันนี้เจียงต้าเกอจะกลับหมู่บ้านหรือไม่ หากจะกลับ เช่นนั้นพวกข้าคงไม่เดินเที่ยวแล้วล่ะ ขอตามกลับหมู่บ้านด้วยเลย แต่หากไม่ได้กลับ เช่นนั้นพวกข้าเที่ยวเสร็จแล้วค่อยนั่งเกวียนกลับ”
นี่คือเื่ที่นางปรึกษากับจ้าวหงฮวาเรียบร้อยั้แ่คืนแรกที่มา นางไม่อยากหน่วงเหนี่ยวเวลา อยากกลับไปปักผ้าเช็ดหน้าและทำดอกไม้ประดับผม ส่วนจ้าวหงฮวาแค่อยากอยู่กับเจียงหงหย่วนให้นานอีกหน่อย
“เหตุใดถึงรีบกลับ อยู่เที่ยวอีกสักสองวันสิ” หลินหวั่นชิวพูด
“ที่บ้านมีงานเยอะ ต้องกลับไปช่วยงาน” จ้างหงฮวายิ้มแล้วพูด นางเองก็อยากอยู่ในอำเภออีกสักสองสามวัน แต่งานที่บ้านไม่มีคนทำ กลับไปคงได้ถูกแม่ตีตายเป็แน่
“ข้าจะกลับหมู่บ้าน พวกเ้ารอเดี๋ยว ข้าจะไปเทียมล่อก่อน” ตอนนี้เจียงหงหย่วนเดินออกมาจากห้องพอดี เขาสวมเสื้อชั้นเดียว แต่สวมเสื้อบุผ้าฝ้ายที่ไม่มีแขนทับอีกชั้น
เจียงหงหย่วนพูดเช่นนี้ หลินหวั่นชิวก็ไม่รั้งไว้อีก หวางกุ้ยเซียงยังพอไหว แต่กับจ้าวหงฮวาแล้วนางเข้ากันไม่ได้จริงๆ
ที่มอบงานให้จ้าวหงฮวาทำเพราะเห็นแก่หน้าป้าสองจ้าวก็เท่านั้น
แม้ป้าสองจ้าวจะเป็คนที่เลือกอยู่ฝ่ายที่ตัวเองได้ประโยชน์ แต่นางก็ช่วยพูดปกป้องตัวเองจากคนในหมู่บ้านหลายครั้ง หลินหวั่นชิวรับน้ำใจนี้
หลังส่งทุกคนจากไป หลินหวั่นชิวกลับห้องไปวาดภาพ วาดเสร็จแล้วจะได้จ้างคนให้ทำ ตกแต่งเสร็จยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี ส่วนหนังสือภาพ…ค่อยๆ วาดก็เสร็จ
นางนำผ้าเช็ดหน้าของหวางกุ้ยเซียงไปขาย ขายผืนละหกสิบแปดหยวนบนเสียนอวี๋ เนื่องจากเป็การปักเย็บด้วยมือ ทั้งยังปักด้วยวิธีโบราณ ดังนั้นแม้จะตั้งราคาไว้ที่หกสิบแปดหยวน แต่ยังไม่ถึงชั่วโมงก็ขายหมดเสียแล้ว
มีรายรับหกร้อยแปดสิบหยวน!
ซื้อขายได้คุ้มทุนมาก!
หลินหวั่นชิวคิดว่าหากมีเวลาจะลองไปเดินดูที่ร้านปักเย็บกับร้านเครื่องเงิน ไม่แน่ว่างานฝีมือแบบโบราณจะขายได้ราคาสูงบนเสียนอวี๋
แต่ตอนนี้นางยังมีเงินไม่มาก ยังไม่ควรลืมตัว
“เจียงต้าเกอ มีข่าวคราวแล้วขอรับ” เจียงหงหย่วนพาคนไปส่งถึงบ้านเสร็จก็ไปดูความคืบหน้าที่บ้านตัวเอง
จ้าวสุ่ยเซิงจึงมาหาเขา
“ไปคุยในป่า” เจียงหงหย่วนพาจ้าวสุ่ยเซิงเดินเข้าป่า
“สวีเทาอาจมีชู้อยู่ข้างนอก” เข้ามาถึงส่วนลึกในป่า รอบข้างไม่มีผู้ใด จ้าวสุ่ยเซิงรีบพูดออกมา
“อาจมีชู้?” เจียงหงหย่วนพูดเสียงดัง
จ้าวสุ่ยเซิง “อืม แต่ยังไม่แน่ใจขอรับ ขอทานน้อยเห็นเขาลากสตรีนางหนึ่งเข้าไปในตรอกมืดๆ ขอทานน้อยไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป ไม่ได้ยินเช่นกันว่าพวกเขาคุยกระไรกัน”
“ระวังอย่าให้เขาจับได้” เจียงหงหย่วนพูด
ภรรยาของสวีเทาเป็คนอ้วน นิสัยรุนแรง หึงหวงง่าย หากรู้ว่าสวีเทามีสตรีอื่นอยู่ข้างนอกต้องอาละวาดเป็แน่
แต่ตอนนี้เขายังต้องให้สวีเทากับสวีฝูควบคุมซึ่งกันและกัน ดังนั้นจึงไม่รีบร้อน ค่อยๆ จัดการไป
เวลามีงานต้องทำ เวลาก็ผ่านไปเร็ว เพียงพริบตาก็ถึงวันส่งสินค้าให้ตู้ซิวจู๋
นางหาคนมาแต่งร้านได้แล้ว เป็คนที่เหลียงหู่แนะนำ พวกเขาค่อนข้างน่าเชื่อถือ หลินหวั่นชิวแสดงภาพที่ออกแบบไว้มาให้พวกเขาดู พวกเขาก็รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร นางไปตรวจงานสองสามครั้ง พบว่าพวกเขาทำได้ดีกว่าที่นางคิดไว้มาก ทั้งยังให้คำแนะนำดีๆ หลายอย่าง หลินหวั่นชิวรู้สึกว่าตัวเองได้กำไร
ช่างฝีมือในยุคโบราณทำงานดีกว่ายุคปัจจุบันมาก ฝีมือดีจนไม่มีกระไรให้ตำหนิ
วันนี้นางตรวจสอบงานที่หน้าร้านให้เรียบร้อยเสียก่อน จากนั้นเจียงหงหย่วนขับรถล่อไปส่งนางที่ตำบล
ฝ่ามือหนาอันคุ้นเคยประคองนางลงจากรถ บุรุษหนุ่มจูงรถล่อไปจอดรอหลินหวั่นชิวที่ด้านข้างอย่างเคยชิน
“หย่วนเกอ ท่านเข้าไปด้วยกันกับข้าเถิด” หลินหวั่นชิวพูดกับเจียงหงหย่วน ตาเป็ประกายระยิบระยับ ปฏิเสธไม่ลง
เจียงหงหย่วนผงะ ความดีใจทะลักออกมาแบบยับยั้งไม่อยู่ ภรรยาตัวน้อยจะพาเขาไปเจอคนแล้ว!
“ได้” เขาตอบด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ผูกล่อไว้กับต้นไม้ข้างร้านหนังสือ จากนั้นนำห่อผ้าสองใบที่หลินหวั่นชิวห่อไว้เรียบร้อยออกมาจากตู้รถ
“ไอ๊หย๊า น้องสะใภ้มาแล้วหรือ!” นี่เป็วันที่นัดกันไว้ เถ้าแก่หลิวรออยู่ในร้านนานแล้ว คอยชะโงกหน้าออกไปมองเป็ระยะๆ ในที่สุดหลินหวั่นชิวก็มา
“ท่านนี้คือ…” เขาเห็นเจียงหงหย่วนแล้วก็ใ ปกติคนที่เข้าร้านหนังสือมีแต่คนสุภาพ จู่ๆ มามีบุรุษร่างบึกบึกหน้ามีแผลเป็เดินเข้ามา เขาไม่ค่อยชินเล็กน้อย
“นี่คือเซียงกง[1]ของข้า หย่วนเกอ ท่านนี้คือเถ้าแก่หลิว” หลินหวั่นชิวแนะนำกับเถ้าแก่หลิวด้วยรอยยิ้ม “วันหน้าข้าอาจไม่ค่อยสะดวกเข้ามาในตำบล หากมาไม่ได้ ข้าจะฝากเซียงกงให้นำหนังสือมาให้แทน”
ภรรยาตัวน้อยเรียกเขาว่าเซียงกงไม่ขาดปาก เจียงหงหย่วนแทบอยากะโขึ้นฟ้า หากไม่ใช่เพราะอยู่ในร้านหนังสือ เขาอยากกอดนางและััริมฝีปากน้อยๆ เสียจริง
ปากของภรรยาตัวน้อยอร่อยกว่าขาหมูพะโล้เสียอีก
(หลินหวั่นชิว “เ้าน่ะสิขาหมู!”)
(เจียงหงหย่วน “หึหึ ข้ามีขาหมูชิ้นใหญ่ ภรรยารีบมากินเร็ว!”)
เถ้าแก่หลิวรีบประสานมือโค้งตัวให้เจียงหงหย่วน “ที่แท้ก็น้องชายเจียงหรอกหรือ ยินดีที่ได้เจอ!”เขาใมาก บุรุษร่างบึกบึนแบบนี้เขียนอักษรประณีตขนาดนั้นออกมาได้อย่างไร?
เหมือนให้เตียวหุยเย็บดอกไม้
เถ้าแก่หลิวไม่เชื่อ เขารู้สึกว่าอักษรพวกนี้อาจเขียนโดยน้องสะใภ้นั่นแหละ แต่คงไม่สะดวกใจที่จะบอกคนข้างนอกจึงอ้างว่าเซียงกงเป็คนเขียน
อืม เถ้าแก่หลิวรู้ความจริงแล้ว
“สวัสดีขอรับเถ้าแก่หลิว” เจียงหงหย่วนโดนเถ้าแก่หลิวมองจนทำตัวไม่ถูก เขาประสานมือโค้งคำนับตอบเช่นกัน
“ห่อนี้คือสินค้าของท่าน ห่อนี้เป็ของคุณชายตู้ ข้าขอฝากไว้ที่ท่าน คุณชายตู้มารับเมื่อใดให้ท่านช่วยรับเงินไว้ก่อน ครั้งหน้าข้ามาค่อยให้” หลินหวั่นชิวชี้ห่อผ้าในมือเจียงหงหย่วนสองใบพร้อมกับพูด
เชิงอรรถ
[1] เซียงกง(相公) คำที่ภรรยาใช้เรียกสามีด้วยความเคารพในสมัยโบราณ
