ที่ด้านหน้าของตำหนักหลังหนึ่งในสำนักิญญาเมฆา จ้าวซานเต๋อมองไปยังตำหนักที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่มืดมน “ข้าสงสัยว่าในคราวนี้พี่เจี้ยนจะสามารถบรรลุและขึ้นไปสู่นักยุทธ์ระดับเจ็ดได้สำเร็จหรือไม่?”
“ใครจะไปคิดว่าแม้แต่หนิวซานยังต้องพิการเพราะไอ้ขยะนั่น หวังว่าคราวนี้ศิษย์พี่เจี้ยนจะสามารถบรรลุได้สำเร็จ เขาเก็บตัวฝึกวิชามาเกือบสัปดาห์แล้ว!” ไช่ิที่อยู่ข้างตอบกลับ!
“วันที่พี่เจี้ยนออกจากการเก็บตัว วันนั้นจะเป็วันที่เ้าเด็กแซ่เซียวต้องพิการ!” จ้าวซานเต๋อกล่าวอย่างขมขื่น!
...
เวลาผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว!
เหลือเวลาอีกเพียงสองวันก่อนถึงวันงานประลองในเดือนสิบสอง!
เซียวหลิงอวิ๋นที่กำลังนั่งขัดสมาธิ รู้สึกได้ถึงเสียงคำรามดังสนั่นในช่องท้องของเขา กระดูกกระเดี้ยวทั้งตัวก็ส่งเสียงดังกรอบแกรบด้วยเช่นเดียวกัน!
เมื่อลืมตาขึ้น ความยินดีพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้า!
นักยุทธ์ระดับห้า
อีกสองวันที่เหลือนี้ เขาจะต้องรวบรวมพลังยุทธ์และทำความคุ้นเคยกับวิชาตัวเบาที่เลือกเฟ้นมาจากบรรดาเคล็ดวิชาพลังิญญา รวมถึงวรยุทธ์มากมายก่ายกองในหัวของเขาในหลายวันที่ผ่านมานี้... [ก้าวลวงิญญา]! แน่นอนว่าด้วยระดับพลังยุทธ์ในปัจจุบันของเซียวหลิงอวิ๋น ก้าวลวงิญญานี้จึงเป็แบบฉบับที่ธรรมดาสามัญ อ่อนแอกว่าฉบับดั้งเดิมอยู่หลายส่วน
เซียวหลิงอวิ๋นได้วางแผนการสำหรับงานประลองของสำนักครั้งนี้เอาไว้แล้ว ยามไร้สุ้มเสียง เมื่อมีเสียงดังจะดังกัมปนาท[1]
เช้าตรู่ของวันที่หนึ่ง เดือนสิบสอง!
ทั้งเขตตะวันออก ตะวันตก ใต้ เหนือ และเขตกลาง ที่เวทีลานประลองทั้งห้าเขตในสำนักิญญาเมฆานั้นเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย นับั้แ่วันนี้ไป งานประลองยุทธ์ที่กินเวลายาวนานถึงหนึ่งเดือนของสำนักเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็ทางการ!
เหล่าศิษย์หลายหมื่นคนที่มีระดับพลังยุทธ์แตกต่างกัน จะเข้าร่วมงานประลองตามเขตและระดับพลังของยุทธ์ของตนเอง ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็ระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง แล้วในท้ายที่สุดจะถึงคราวเฟ้นหาผู้ที่เป็สุดยอดสิบคนของในแต่ละระดับพลังยุทธ์ จากนั้นทั้งสิบคนของในแต่ละเขตก็จะมาสู้กันเองอีกครั้ง เพื่อเฟ้นหาสิบอันดับแรกของในแต่ละระดับพลังอีกที!
ซึ่งไม่ว่าจะเป็สิบอันดับแรกของในแต่ละเขต หรือสิบอันดับแรกของทั่วทั้งสำนักก็จะมีรางวัลมากมายมอบให้ และแน่นอนว่ารางวัลสำหรับสิบอันดับหลังนั้นจะยิ่งใหญ่มากกว่าสิบอันดับแรก!
เซียวหลิงอวิ๋น พานเสี่ยวปิง และพวกของไช่ิกับจ้าวซานเต๋อจะเข้าร่วมการประลองสำหรับศิษย์ที่มีพลังยุทธ์อยู่ในระดับสี่ถึงหกของเขตใต้ หรือที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าเป็ระดับกลาง
ส่วนว่านฮวนเข้าร่วมประลองในระดับสูง สำหรับศิษย์ที่มีพลังยุทธระดับเจ็ดถึงเก้า! ในขณะที่จ้าวิเจี้ยนยังเก็บตัวเงียบ ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถบรรลุได้หรือไม่ เพราะหากเขาสามารถบรรลุได้ ตัวเขาก็จะมีสิทธิ์เข้าร่วมงานประลองในระดับสูงเช่นกัน
จำนวนศิษย์ทั้งหมดจากทั้งห้าเขตรวมแล้วมีอยู่เจ็ดหมื่นกว่าราย เขตเหนือและใต้มีจำนวนศิษย์อยู่มากที่สุด!
จำนวนศิษย์ทั้งหมดในเขตใต้มีเรือนหนึ่งมื่นเจ็ดพันคน ซึ่งจะยกเว้นบางคนที่ไม่สามารถเข้าร่วมงานประลองนี้ได้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างออกเดินทาง หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ ทำให้เหลือศิษย์อยู่ทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นห้าพันแปดร้อยเจ็ดสิบเก้าคนจากเขตใต้ที่เข้าร่วมงานประลองครั้งนี้!
ในบรรดาพวกเขาเหล่านี้มีคนที่อยู่ในระดับต่ำน้อยที่สุดแค่เพียงสองพันสามร้อยคน ในขณะที่จำนวนคนซึ่งอยู่ในระดับสูงมีถึงหกพันหนึ่งร้อยสิบ และจำนวนคนที่อยู่ในระดับกลางมีถึงเจ็ดพันสามร้อยแปดสิบเก้า!
สถานที่สำหรับการประลองในระดับกลางที่เซียวหลิงอวิ๋นและคนอื่นๆ เข้าร่วม คือลานฝึกวิชาเสือดาวนั่นเอง!
งานประลองในแต่ละเขตและแต่ละรอบแบ่งออกเป็สี่ลำดับขั้น!
ขั้นแรก เป็รอบคัดเลือกอย่างหยาบๆ! โดยจะให้ศิษย์จำนวนเจ็ดพันกว่าคนนี้แบ่งออกเป็เจ็ดสิบสี่กลุ่ม โดยในสามกลุ่มแรกจะเป็กลุ่มที่มีคนอยู่ทั้งหมดหนึ่งร้อยคน กลุ่มสุดท้ายมีเพียงแปดสิบเก้าคนเท่านั้น
นอกเหนือจากกลุ่มสุดท้ายที่มีเศษเก้าคนแล้ว จะคัดคนผ่านเข้ารอบถัดไปเพียงสิบคนจากแต่ละกลุ่ม โดยมีอัตราการคัดออกสูงถึงเก้าในสิบ
จำนวนเจ็ดร้อยคนที่ผ่านรอบแรกมาได้ ก็จะถูกคัดออกอีกครั้งในขั้นที่สอง ให้เหลืออยู่เพียงหนึ่งร้อยหกสิบ คน!
ในลำดับขั้นที่สาม ผู้เข้าประลองทั้งหนึ่งร้อยหกสิบคนจะต้องจับฉลากแบ่งสาย เพื่อประลองกันแบบตัวต่อตัว จนกว่าจะได้ผู้ชนะแค่สิบคน
ในขั้นที่สี่ ผู้ชนะทั้งสิบคนจะต้องประลองกันเก้ารอบ เพื่อจัดอันดับให้ทั้งสิบคนนี้เป็ตัวแทนของแต่ละเขตจากอัตราการชนะของแต่ละคน! ทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้รอบคัดเลือกนี้จะกินเวลาร่วมครึ่งเดือน!
...
หลังจากการประลองรอบคัดเลือกของในแต่ละเขตเสร็จสิ้น ทางสำนักจะมีเวลาพักให้พวกเขาห้าวัน จากนั้นผู้เข้ารอบสิบอันดับแรกของทั้งห้าเขตก็จะต้องมาจับฉลากแบ่งสายกันอีกครั้ง! แล้วมาประลองกันเพื่อเฟ้นหาผู้ที่จะเป็สุดยอดศิษย์สิบอันดับแรกของสำนักิญญาเมฆา!
ด้านซ้ายของลานฝึกวิชาเสือดาว ชายหนุ่มร่างกำยำหลายคนกำลังพูดคุยกับชายหนุ่มผู้สวมชุดสีเขียวอย่างมีชีวิตชีวา!
ชายหนุ่มสวมชุดเขียวผู้นี้มีรูปร่างสูงโปร่ง มีดาบกว้างวางพาดอยู่บนไหล่! สีหน้าของเขาทั้งเ็าและเคร่งขรึม แสดงออกถึงความมั่นใจในตนเองอย่างมาก
“ในงานประลองปีนี้ ศิษย์พี่เฉวียนจะต้องติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของเขตอย่างแน่นอน!” ชายหนุ่มคนหนึ่งมองไปทางชายหนุ่มชุดเขียวด้วยความชื่นชมแล้วกล่าว!
“สิบอันดับแรกน่ะหรือ นั่นมันแน่อยู่แล้ว หากถามข้า ข้าว่าตำแหน่งสามอันดับแรกย่อมต้องตกเป็ของศิษย์พี่เฉวียน จางอวิ๋น หวังอี้ แล้วก็เยี่ยเฟิงอีกคนหนึ่ง หนีไม่พ้นทั้งสี่คนนี้แน่!” ชายหนุ่มอีกคนกล่าวเสริม! ผู้คนที่เขาพูดถึงล้วนเป็นักยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุด พวกเขาทั้งหมดต่างเป็ที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะผู้เป็หน้าตาของเหล่าศิษย์ระดับกลางในเขตใต้
ในหมู่พวกเขาทั้งจางอวิ๋น หวังอี้ และศิษย์พี่เฉวียน... หลิวิเฉวียน ต่างจงใจชะลอการฝึกวิชาของตนเอง เพื่อที่จะยังไม่บรรลุสำหรับงานประลองในครั้งนี้โดยเฉพาะ!
“สามอันดับแรกงั้นรึหรือ? หึๆ หลิวิเฉวียน ดูเหมือนว่าศิษย์น้องของเ้าจะมองโลกในแง่ดีไม่ใช่น้อย!” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากไม่ไกล!
กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินขนาบรายล้อมอยู่รอบชายหนุ่มรูปงามสวมชุดฮั่นฝูสีสันสดใส!
หลิวิเฉวียนเหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่มในชุดฮั่นฝู ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็มืดดำลง “จ้าวิเจี้ยน เ้าไม่ได้บรรลุหลังจากเก็บตัวฝึกวิชาไปแล้วหรอกหรือ?”
“เดิมทีข้าก็ตั้งใจว่าจะฝึกฝนให้บรรลุนั่นแหละ แต่นึกขึ้นได้เสียก่อนว่างานประลองของสำนักใกล้จะมาถึงแล้ว แทนที่จะบรรลุเพื่อไปเป็คนไร้ชื่อเสียงในหมู่ศิษย์ระดับสูง สู้ชะลอการบรรลุแล้วไปลุ้นอันดับหนึ่งในหมู่ศิษย์ระดับกลางดีกว่า! พวกเ้าเองก็ทำเหมือนกันกับข้ามิใช่หรือ ยอมเป็หัวไก่ดีกว่าเป็หางหงส์[2] ในเมื่อพวกเ้าทำได้ ทำไมข้าจะทำไม่ได้” จ้าวิเจี้ยนตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า!
“หวังจะคว้าอันดับหนึ่งของระดับกลาง คิดว่าตัวเ้าแข็งแกร่งมากนักหรือ?” หลิวิเฉวียนกล่าวเสียงเย็นะเื!
“ฮ่าๆๆ หากคนอย่างเ้าหลิวิเฉวียนยังสามารถเข้าสู่สามอันดับแรกได้ ทำไมข้าจ้าวิเจี้ยนจะคว้าที่หนึ่งไม่ได้เล่า”
“จ้าวิเจี้ยนยังไม่บรรลุสินะ ดี คราวนี้จะขอลองดูหน่อยเถอะ ว่าหมัดซ้อนคลื่นตระกูลจ้าวของเ้าจะทรงพลังสักเพียงไหน!”
ผู้ที่โผล่มาทีหลังคือชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลา ถือดาบยาวไว้ในมือ ดวงตาแหลมคม ร่างของชายหนุ่มดูผอมบาง แต่กลับมีกลิ่นคาวเืลอยออกมาจางๆ!
“ดาบโลหิต... เยี่ยเฟิง!” จ้าวิเจี้ยนและหลิวิเฉวียนขมวดคิ้วขึ้นทันใด!
หากจางอวิ๋น หวังอี้ จ้าวิเจี้ยน และหลิวิเฉวียนต่างก็รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเป็อย่างดี เช่นนั้นคงจะมีเพียงเด็กหนุ่มร่างผอมบางคนนี้คนเดียวเท่านั้น ที่พวกเขาไม่อาจรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้เลย
สิ่งเดียวพวกเขารู้ คือนับั้แ่เด็กหนุ่มคนนี้ได้บรรลุขึ้นเป็นักยุทธ์ระดับสี่ เขาก็ออกไปข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง และแทบทุกครั้งที่กลับมาก็จะกลับมาพร้อมกับาแและรอยฟกช้ำทั่วทั้งลำตัว!
ภายในเวลาแค่ครึ่งปี ตัวเขาสามารถก้าวข้ามจากระดับสี่มาเป็ระดับหก จนกระทั่งฉายา ‘ดาบโลหิตเยี่ยเฟิง’ นี้ลอยไปเข้าหูเ้าสำนักชื่อถิงเทียน แน่นอนว่ามันดึงดูดความสนใจของเขาเป็อย่างมาก!
ดาบโลหิตเยี่ยเฟิงคือผู้ที่มีประสบการณ์ผ่านเป็ผ่านตายมาอย่างแท้จริง ต่างจากศิษย์คนอื่นๆ ที่ฝึกวิชาอยู่แต่ภายในสำนัก ทำให้ทั้งประสบการณ์และวรยุทธ์ของเขาเหนือกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด นี่คือชายหนุ่มที่พวกเขาแอบหวาดหวั่นเป็ที่สุด!
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเ้าจะสามารถผ่านไปถึงรอบสุดท้ายได้หรือไม่ หากเ้าสามารถไปถึงรอบสิบคนสุดท้ายได้จริง ข้าจะทำให้เ้าได้เห็นพลังของหมัดซ้อนคลื่นอย่างแน่นอน!” จ้าวิเจี้ยนหันไปมองเยี่ยเฟิงและพูดด้วยสีหน้าปกติ
ในมุมหนึ่งที่ไร้ผู้คนในลานประลองเสือดาว ชายหนุ่มสองคนกำลังโยนถุงเงินคืนกลับไปให้จ้าวซานเต๋อ “พวกเราคงไม่สามารถรับเงินนี้ไว้ได้ แม้แต่หนิวซานยังถูกเ้าหมอนั่นทำให้พิการอย่างง่ายดาย งานประลองใหญ่เช่นนี้ พวกเราคงไม่มีความสามารถมากพอจะไปทำร้ายคนที่น่ากลัวเช่นเขาแน่!”
กว่าเซียวหลิงอวิ๋นจะมาถึงลานประลองเสือดาวก็จวนถึงเวลาเริ่มงานประลองแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่รู้เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เลย!
เวลาเก้าโมงเช้า ศิษย์ที่เข้าร่วมงานประลองทุกคนถูกแบ่งออกเป็กลุ่มทั้งหมดเจ็ดสิบสี่กลุ่ม และจะแบ่งออกเป็สามกลุ่มย่อยอีกที โดยให้ยี่สิบห้ากลุ่มแรกได้เข้ารับการทดสอบก่อน ภายใต้การนำของหัวหน้ากลุ่ม ทุกคนก็เข้าสู่เวทีประลองหนึ่งถึงยี่สิบห้าเพื่อทำการประลองรอบแรก!
กลุ่มของเซียวหลิงอวิ๋นคือกลุ่มที่สิบเก้า ซึ่งบังเอิญเป็กลุ่มแรกที่ได้เริ่มก่อน!
รอบคัดเลือกขั้นแรกจะเป็การทดสอบเบื้องต้น ซึ่งจะมีทั้งหมดสามรายการดังนี้
รายการแรก คือการทดสอบพลังยุทธ์
รายการที่สอง คือการทดสอบความเร็ว
รายการที่สาม คือการทดสอบความสามารถในการต่อสู้จริง!
โดยสุดท้ายจะเอาคะแนนจากทั้งสามรายการมารวมกัน เมื่อคนผู้นั้นได้คะแนนรวมอยู่ในสิบอันดับแรกของแต่ละกลุ่ม ก็จะถือเป็อันผ่านเข้าสู่รอบถัดไป
---------------------------------------------
[1] ยามไร้สุ้มเสียง เมื่อมีเสียงดังจะดังกัมปนาท (不鸣则已,一鸣惊人) เป็สำนวนมีความหมายว่า เมื่อนิ่งเงียบจะดูเหมือนคนธรรมดา แต่เมื่อส่งเสียงจะกลายเป็คนที่น่าทึ่ง
[2] ยอมเป็หัวไก่ดีกว่าเป็หางหงส์ (宁做鸡头,不做凤尾) หมายความว่า ยินดีอยู่กับที่เพื่อให้ได้ครองจุดสูงสุด ดีกว่าไปอยู่ที่อื่นแล้วกลายเป็คนรั้งท้าย
