บนแท่นบูชา เทพวานรกำลังจ้องมองพลังงานสีม่วงที่โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “นั่นคือแหวนหยกศักดิ์สิทธิ์ม่วงอุไรของสำนักอินทนิล ดูเหมือนการปรากฏตัวของชิวซานอวิ๋นจะไม่ใช่เื่บังเอิญ”
เทพหมาป่าสีเงินกล่าว “ให้สำนักอินทนิลไปสำรวจเส้นทางก่อน ย่อมดีกว่าพวกเราออกไปเสี่ยงด้วยตนเอง”
เยี่ยหลิงหลานเอ่ยขึ้น “เกรงว่าจะไม่ใช่แค่สำนักอินทนิลที่กำลังมา”
ชวีจงจื๋อหัวเราะเยาะ “ยอดเขาหมื่นอสูรต้องกลัวคนจำนวนมากด้วยหรือ?”
ณ บริเวณแกนกลาง ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ปลิวไสวตามสายลม พันเกี่ยวรอบแหวนหยกศักดิ์สิทธิ์ม่วงอุไร มวลอากาศสีม่วงอันหนาแน่นปะทะกับกลุ่มอากาศสีดำแสนประหลาดอย่างรุนแรง จนเกิดความปั่นป่วนในห้วงมิติโดยรอบ และแหวนหยกศักดิ์สิทธิ์ม่วงอุไรก็กระเด็นออกไปพร้อมเสียงดังสนั่น
ครู่ต่อมา ร่างที่ปกคลุมด้วยรัศมีสีม่วงก็พุ่งฉีกห้วงอากาศแล้วปรากฏตัวในพื้นที่หลักของยอดเขาหมื่นอสูร ก่อนจะเอื้อมมือออกไปคว้าธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ทันที
เสือั์สุวรรณคำรามลั่น มันจ้องไปยังร่างนั้นอย่างโกรธเกรี้ยว แสงเย็นเยียบในดวงตาของเสือร้ายเฉียบคมราวกับใบมีด และเพ่งมองสถานการณ์ของปรมาจารย์จากสำนักอินทนิลอย่างระแวดระวัง
ยอดเขาหมื่นอสูรเป็พื้นที่ต้องห้ามสำหรับหยวนซิว แต่เนื่องจากธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้นั้นน่าพิศวงมากเกินไป ปรมาจารย์หยวนซิวจึงได้รับอนุญาตให้เข้ามาตรวจสอบรายละเอียดของธงปริศนาผืนนั้นได้
ธงสีดำโบกสะบัดพร้อมชูขึ้นเหนือพื้น กะโหลกศีรษะบนผืนธงส่งเสียงคำรามและเปล่งเสียงสาปแช่ง ดวงตาสีแดงก่ำของมันยิงลำแสงสองลำออกมา และเริ่มเปิดฉากต่อสู้กับปรมาจารย์แห่งสำนักอินทนิลทันที
กลุ่มควันสีม่วงและสีดำพัวพันกันเป็สายหมอกแห่งความโกลาหล ห้วงเวลาในบริเวณใกล้เคียงแตกออกเป็เสี่ยงๆ พร้อมเสียงสั่นะเืโลกา ทั้งยังเกิดประกายไฟผสานสายฟ้าซึ่งทำให้เกิดอาณาเขตแห่งการทำลายล้าง
แสงสีม่วงพุ่งขึ้นไปบนท้องนภา ปรมาจารย์ของสำนักอินทนิลจำต้องถอยกลับด้วยความล้มเหลวพร้อมส่งเสียงคำรามต่ำ
แหวนหยกศักดิ์สิทธิ์ม่วงอุไรหมุนวนราวกับกำลังโบยบิน แสงสีม่วงนับพันดวงส่องสว่างห่อหุ้มร่างของปรมาจารย์ ทำให้เขาดูลึกลับอย่างยิ่ง
ชิวซานอวิ๋นยืนอยู่บนพื้นและมีสีหน้าเศร้าหมอง เดิมทีเขาคิดว่าปรมาจารย์จะสามารถปราบธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ได้ ทว่าหลังจากการต่อสู้อันดุเดือด เขาก็ประสบกับความสูญเสียอย่างแท้จริง
ทั้งเทพวานรและเทพหมาป่าสีเงินของสำนัก์ต่างก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า พวกเขาล้วนทราบถึงความยิ่งใหญ่ของปรมาจารย์ผู้แหวนหยกศักดิ์สิทธิ์ม่วงอุไรเป็อย่างดี เขาเป็ถึงนักบุญชุดม่วงแห่งสำนักอินทนิล และเป็ท่านผู้เฒ่าปรมาจารย์์ผู้เลื่องชื่อมาอย่างยาวนาน ซึ่งโด่งดังไปทั่วดินแดนหยวนซิงและใต้หล้า
ชวีจงจื๋อแห่งสำนักวั่นจื๋อขมวดคิ้ว แล้วเหลือบมองเยี่ยหลิงหลานพร้อมถามด้วยความสงสัย “เ้าคิดว่าเมื่อครู่นักบุญชุดม่วงใช้ความแข็งแกร่งมากเพียงใด?”
เยี่ยหลิงหลานเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วตอบอย่างเฉยเมย “ประมาณขั้นเก้า เขายังกักเก็บพลังเอาไว้บางส่วน แต่อย่างไรแล้วก็คงไม่อาจทำอะไรธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ได้อยู่ดี”
ชวีจงจื๋อใจสั่นเล็กน้อย เขาคิดว่าหากเป็ตนเองก็คงทำอะไรธงผืนนั้นไม่ได้เช่นกัน แต่น้ำเสียงของเยี่ยหลิงหลานดูเหมือนจะไม่ได้สนใจธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้เลยแม้แต่น้อย
เสือั์สุวรรณเงยหน้ามองเวหา พร้อมส่งเสียงคำรามและก้มมองนักบุญชุดม่วงด้วยความเย้ยหยัน
หนิงเทียนที่แอบซ่อนอยู่ไกลๆ ก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักอินทนิลและแหวนหยกศักดิ์สิทธิ์ม่วงอุไรกลับไม่สามารถทำลายธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ได้ สิ่งนี้ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
ทันใดนั้น ลำแสงโลกันต์ก็พุ่งมาจากปลายขอบฟ้าพร้อมเสียงกึกก้อง กลุ่มเมฆโดยรอบราวกับลุกเป็ไฟ พลันปรากฏธงอีกผืนหนึ่งซึ่งมีสัญลักษณ์อีกาทองคำและกำลังถูกแผดเผา
ั์สูงตระหง่านเหนือเมฆาสาดแสงทองส่องลงมา ดวงตาจับจ้องที่ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้สีดำ ซึ่งตั้งมั่นอยู่ในบริเวณแกนกลางของยอดเขาหมื่นอสูร
มันลุกไหม้ด้วยเพลิงทมิฬ ทั้งยังปล่อยกลิ่นอายชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัว พร้อมแผ่พลังคำสาปอันลึกลับกระจายไปทั่วบริเวณ
“สัตว์ประหลาดแบบไหนกัน? จงบอกมาว่าเ้ามาจากที่ใด?” เสียงอันสง่างามสั่นะเืทั้งจักรวรรดิเชียนซาน ทั้งยังทำให้เกิดเสียงเซ็งแซ่ของเหล่าปรมาจารย์ขอบเขตเปลี่ยนผ่านจำนวนมาก
“ปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์จากสำนักชื่อหยวนปังมาแล้ว!”
“ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชีวิตอยู่มานานหลายพันปี! ได้ยินว่าท่านไม่ปรากฏตัวออกมาเป็พันปีแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าจะยังมีชีวิตอยู่!”
ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้สั่นไหว ภายในเพลิงสีดำมีเส้นประหลาดปรากฏขึ้น ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายลึกลับที่ไม่ได้กำเนิดจากดินแดนหยวนซิง มันทำลายห้วงอากาศจนแตกสลายแล้วปล่อยพลังโจมตีธงเพลิงกลางอากาศ
“อวดดียิ่งนัก!” ปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์คำรามอย่างขุ่นเคือง ธงเพลิงอีกาทองคำแผ่กระจายอยู่ใต้ฝ่าเท้า เปลวเพลิงที่โชติ่บนท้องนภาค่อยๆ ลุกไหม้ลงมา ก่อนจะเผชิญหน้ากับธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้
เมื่อเปลวเพลิงสีชาดปะทะเข้ากับเปลวเพลิงทมิฬ ก็กลายเป็เมฆโลหิตสีแดงเข้มที่ส่งเสียงแตกร้าว ลวดลายทางจิติญญาจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเผาไหม้ และห้วงอากาศที่บิดเบี้ยวก็เต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง
ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ก้าวร้าวอย่างยิ่ง มันปล่อยพลังสยบธงเพลิงอีกาทองคำได้อย่างราบคาบ เพลิงทมิฬล้อมรอบอีกาทองคำราวกับมีเสียงเยาะเย้ยแปลกประหลาดดังก้องไปทั่วแผ่นดิน
ปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์โกรธมาก เขากระตุ้นธงเพลิงหยวนศักดิ์สิทธิ์ แล้วะเิพลังใส่ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้อย่างรวดเร็ว เสียงกึกก้องสั่นะเืไปทั่วป่าเขา ปรมาจารย์แห่งสำนักชื่อหยวนปังผู้นี้พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อช่วยปรมาจารย์ผู้เฒ่า ทว่าก็ไม่อาจทำอันตรายธงดำได้เลย
เมื่อนักบุญชุดม่วงเห็นเช่นนี้ อารมณ์หดหู่ของเขาเริ่มเบาบางลง อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่ล้มเหลว
ปรมาจารย์สูงสุดทั้งสี่ของสำนัก์และสำนักวั่นจื๋อต่างก็มีท่าทีที่แตกต่างกัน ทว่าพวกเขาล้วนใอีกครั้งกับความแข็งแกร่งของธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้
วัตถุแปลกปลอมชิ้นนี้น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง มันสามารถต่อกรกับผู้มีอำนาจมากที่สุดในดินแดนหยวนซิงได้เชียวหรือ?
ผู้าุโของแต่ละฝ่ายต่างทยอยหนีออกจากสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและวุ่นวาย จนเหลือเพียงหนิงเทียนและชิวซานอวิ๋นที่ซ่อนตัวอยู่ด้านนอกของพื้นที่หลัก
หนิงเทียนไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ ขณะที่ชิวซานอวิ๋นดูเหมือนจะมีจุดประสงค์อื่น
ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ปกป้องเถาวัลย์หัวผีพันิญญาอย่างแข็งขัน มันยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ ทั้งยังทำให้ปรมาจารย์หยวนซิวล้วนเสียหน้าไปตามกัน
นักบุญชุดม่วงและปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร และต่างก็พิจารณาหามาตรการตอบโต้
ฉากนี้ทำให้เหตุการณ์ชะงักงันอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นเสือั์สุวรรณก็คำราม ขณะที่ปรมาจารย์ทั้งสี่ปฏิเสธที่จะปรากฏตัว
ยามหนิงเทียนเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ก็มีกระจกบานใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าจากระยะไกลทันที
“กระจกสมบัติ์ห้าดาราแสนล้ำค่าของสำนักดาราทมิฬ!” ชวีจงจื๋อโพล่งออกมาด้วยดวงตาที่ส่องประกายประหลาด
คาดไม่ถึงว่าการปรากฏตัวของธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้จะทำให้สำนักดาราทมิฬซึ่งเป็หนึ่งในสามแดนศักดิ์สิทธิ์ของซิงซิวตื่นตัวเช่นนี้
กระจกบานใหญ่เคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นว่ามีชายวัยกลางคนในชุดขาวซึ่งมีท่าทีราวอาลักษณ์ปรากฏตัวใกล้กับยอดเขาหมื่นอสูร
“ธงดำนี้แปลกเหลือเกิน ไม่แน่ว่าอาจเป็วัตถุต่างแดน สหายเต๋าทั้งสองยินดีช่วยข้าทำลายมันหรือไม่?”
นักบุญชุดม่วงและปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์มองหน้ากัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง “ข้อเสนอของเทพดาราน่าสนใจยิ่งนัก เรายินดีช่วยเหลือท่าน”
ธงเพลิงอีกาทองคำและแหวนหยกศักดิ์สิทธิ์ม่วงอุไรส่องประกายเจิดจ้าในเวลาเดียวกัน และเมื่อผนึกพลังกับกระจกสมบัติ์ห้าดาราแล้วก็สามารถปิดล้อมธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ได้สำเร็จ ซึ่งการร่วมมือระหว่างซิงซิวและหยวนซิวเช่นนี้ นับเป็สิ่งที่พบเห็นได้ยาก
หลายคนกำลังถกเถียงกัน ขณะที่หนิงเทียนและชิวซานอวิ๋นต่างก็เบิกตากว้าง
“เทพดาราหนานอวี๋แห่งสำนักดาราทมิฬ! คนผู้นี้เก่งเื่โหราศาสตร์และการทำนาย คราวนี้เขามาพร้อมสมบัติของสำนักดาราทมิฬ ต้องมาเพื่อจุดประสงค์อื่นเป็แน่!”
เยี่ยหลิงหลานประหลาดใจเล็กน้อย ไม่แปลกเลยที่ปรมาจารย์ซิงซิวจะลงมือด้วยตนเองเช่นนี้ แต่เทพดาราหนานอวี๋ไม่ใช่คนธรรมดา ทั้งยังนำสมบัติที่สั่นะเืโลกาของสำนักดาราทมิฬมาด้วย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นางเกิดความสงสัย
เทพวานรขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เื่นี้ต้องได้รับการดูแล ไม่แน่ว่าสำนักดาราทมิฬอาจตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง”
ปรมาจารย์สูงสุดทั้งสามในพื้นที่หลักต่างถืออาวุธิญญาที่ทรงพลัง พวกเขาบุกเข้าห้ำหั่นกับธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ พลานุภาพนี้รุนแรงจนเสือั์สุวรรณยังเลือกที่จะล่าถอย และเฝ้ามองอย่างเงียบๆ ในจุดที่ลึกเข้าไปในยอดเขาหมื่นอสูร
หมอกแห่งการต่อสู้ก่อตัวสูงขึ้น คลื่นแสงทุกชนิดและพลังต่างๆ ประสานกันอย่างดุเดือด ทำให้ผู้คนด้านนอกไม่สามารถเห็นรายละเอียดในสนามรบได้มากนัก
เสียงปะทะที่ดังกึกก้องมาพร้อมเสียงคำรามและคำสาป ร่างผีนับพันปรากฏขึ้นในห้วงอากาศ รวมถึงหัวกะโหลกที่มีฟันและกรงเล็บแหลมคม ทั้งยังมีสระโลหิตสีดำคอยกลืนกินิญญาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเข้าไป
ยอดเขาหมื่นอสูรสั่นะเื พลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวทะลุทะลวงูเาทีละลูก และสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในยามนี้คือกระจกสมบัติ์ห้าดาราอย่างไม่ต้องสงสัย
การผสานพลังด้วยการยิงเพลิงโลกันต์ของธงเพลิงอีกาทองคำเข้ากับพลังสีม่วงสูงสุดของแหวนหยกศักดิ์สิทธิ์ม่วงอุไร กลายเป็ลำแสงสีม่วงแดงที่ยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทะลวงธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้แผ่นดินพังทลาย ูเาและแม่น้ำคร่ำครวญ
ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้กรีดร้องราวกับปีศาจร้าย พลังทมิฬแห่งความเสื่อมสลายทำลายข้อจำกัดในพื้นที่แกนกลางของยอดเขาหมื่นอสูร มันต่อสู้กับกระจกสมบัติ์ห้าดาราอย่างไม่ย่อท้อ ในที่สุดพลังของอาวุธทั้งสี่ก็ผสานกันและเจาะเข้าไปในบริเวณแกนกลาง จนเกิดรอยแตกของพื้นที่มิติ และเถาวัลย์หัวผีพันิญญาก็ใช้โอกาสนี้ลอบหนีไป
การะเิที่น่าใดังสนั่นไปทั่วหล้า ร่างของเทพดาราหนานอวี๋ นักบุญชุดม่วง และปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์ต่างกระเด็นไปด้านหลัง สีหน้าของพวกเขาซีดเซียว มีเืออกจากปาก และดวงตาฉายแววความเหลือเชื่อ
ธงหัวกระโหลกกระดูกไขว้ถูกกระแทกอย่างแรง พื้นผิวธงได้รับความเสียหาย เสาธงแตก เืสีดำไหลรินและกลายเป็เขตสงวนซึ่งก่อร่างเป็หมอกดำที่ทางเข้ารอยแยกมิติ พร้อมปลดปล่อยบรรยากาศลึกลับออกมา
ูเาสั่นะเื อสูรร้ายทั้งหมดต่างกรีดร้อง รอยแยกมิติเปิดขึ้นในพื้นที่หลัก ซึ่งทำให้เสือั์สุวรรณขุ่นเคืองอย่างมาก และกระตุ้นความโกรธของอสูริญญาระดับห้าของยอดเขาหมื่นอสูรโดยตรง
นักบุญชุดม่วงพุ่งเข้ามาในพริบตา เขารีบวิ่งไปยังทางเข้ามิติ หาได้นึกไม่ว่าจะมีกรงเล็บพยัคฆ์โผล่ออกมาแล้วตวัดใส่เขาอย่างรุนแรง
ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ปักอยู่ที่ทางเข้ารอยแยกมิติราวกับทหารรักษาการณ์ ทั้งยังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงทมิฬ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าใกล้
นักบุญชุดม่วงถูกเสือั์สุวรรณตบจนกระเด็น ในใจจึงเต็มไปด้วยความโกรธ “เ้าอสูร เ้าคิดช่วยสิ่งชั่วร้ายหรือ?”
เสือั์สุวรรณคำรามแล้วตอบด้วยภาษามนุษย์ว่า “ยอดเขาหมื่นอสูรไม่ต้อนรับมนุษย์”
เทพดาราหนานอวี๋กล่าวขึ้น “เป้าหมายของเราไม่ใช่ยอดเขาหมื่นอสูรแต่เป็สิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายจากต่างแดน เถาวัลย์สีดำนั่นประหลาดนัก ทั้งยังมีการสืบพันธุ์ที่แข็งแกร่ง หากไม่กำจัดโดยเร็วที่สุด ทั้งดินแดนหยวนซิงจะตกอยู่ในอันตราย”
เสือั์สุวรรณส่งเสียงข่มขู่ “อย่าคิดเอ่ยวาจาใหญ่โตเกินไป รอยแยกมิตินี้ตั้งอยู่บริเวณแกนกลางยอดเขาหมื่นอสูรของเรา เขตสงวนที่จำกัดการเข้าของขอบเขตเหนือเมฆา รวมถึงขอบเขตเปลี่ยนผ่านก็ไม่สามารถเข้าไปได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้เ้าเถาวัลย์สีดำนั้นเสียหายอย่างหนัก ความแข็งแกร่งของมันจึงลดลงเหลือระดับสาม หากเ้า้าทำลายมัน เ้าก็ทำได้เพียงส่งศิษย์หลักเข้าไปด้านในเท่านั้น”
ปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์กล่าวว่า “แค่ทำลายเขตสงวนนั้นเสียก็สิ้นเื่ เหตุใดเราจึงต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ด้วยเล่า?”
เสือั์สุวรรณตอบอย่างเ็า “รอยแยกมิตินี้แทรกซึมเข้าไปในแดนลับบางแห่งในใจกลางของยอดเขาหมื่นอสูร แม้จะไม่มีธงดำนั้น แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือขอบเขตเปลี่ยนผ่านก็ไม่สามารถเข้าไปได้ เ้าคิดว่าแค่ทำลายธงนั้นแล้วเ้าจะสามารถเข้าไปได้หรือ?”
ปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์ถามกลับ “เทพดารา ท่านเชื่อมันหรือไม่?”
เทพดาราหนานอวี๋พึมพำ “ด้วยฐานะาาพยัคฆ์ ข้าเชื่อว่ามันจะไม่ปกป้องเถาวัลย์สีดำและไม่ได้หลอกลวงเรา”
นักบุญชุดม่วงคำรามอย่างไม่พอใจพร้อมกล่าวว่า “ส่งศิษย์หลักเข้าไปหรือ? เกรงว่าพวกเขาจะตายเพราะธงผืนนั้นก่อนจะได้เข้าไปเสียด้วยซ้ำ”
“เ้ามนุษย์โง่ พวกเ้าไม่อาจใช้อาวุธิญญาปราบธงนั่นได้เลยหรือ?”
เทพดาราหนานอวี๋กล่าวว่า “เราสามารถใช้อาวุธิญญาระงับธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ไว้ได้ชั่วคราว แต่ข้าหวังว่าาาพยัคฆ์จะไม่ทำให้เหล่าลูกศิษย์ของเราต้องลำบาก”
“แค่พวกศิษย์หลักตัวน้อย าาผู้นี้ไม่คิดสนใจแม้เพียงนิด”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เทพดาราหนานอวี๋ก็เหลือบมองนักบุญชุดม่วงและปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์ บ่งบอกว่าพวกเขาจะส่งคนมาลอง
ในเวลาเดียวกัน เทพหมาป่าสีเงินและชวีจงจื๋อก็เดินทางมาถึง รอยแตกมิติแห่งนี้เชื่อมต่อถึงแดนลับที่ลึกเข้าไปในใจกลางของยอดเขาหมื่นอสูร เช่นนี้จะปล่อยให้ศิษย์หยวนซิวมีสิทธิ์เหนือกว่าได้อย่างไร?
“พวกเ้าคิดจะทำตามอำเภอใจในอาณาเขตของสำนัก์ของข้า นี่มันไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือ?” เทพหมาป่าสีเงินเชิดหน้าขึ้นพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก
ปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์พึมพำ “หยุดพูดจาเชือนแชได้แล้ว เ้า้าสิ่งใดก็ว่ามา?”
“ข้าอนุญาตให้ศิษย์หยวนซิวและซิงซิวเข้าไปได้ ทว่าห้ามให้จำนวนคนมากเกินศิษย์จื๋อซิว และพวกเ้าจะต้องรับผิดชอบในการปราบธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้”
เทพดาราหนานอวี๋ไม่พอใจเล็กน้อย แต่หลังจากหารือกับปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์และนักบุญชุดม่วงแล้ว เขาก็ยอมรับข้อเสนอของเทพหมาป่าสีเงิน
นอกจากนี้ ผู้บำเพ็ญทั้งสามยังทำข้อตกลงกับเสือั์สุวรรณว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายใต้ขอบเขตเปลี่ยนผ่านสามารถเข้าไปได้ ซึ่งหมายรวมถึงอสูริญญาจากยอดเขาหมื่นอสูรด้วย
