เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้นจากปลายทางเดิน ทำให้ หลินเว่ย สะดุ้งหยุดมือที่กำลังเขียนบันทึกอาการของคนไข้ในแผนกอายุรกรรม เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับพยาบาลฝึกหัดที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ
"เสียงอะไรน่ะ?" หลินเว่ยถามเบาๆ ขณะวางปากกาลง
พยาบาลสาวส่ายหน้า ใบหน้าเรียบเฉย "คงเป็ญาติคนไข้ที่รับข่าวร้ายมั้งคะ คุณหมอพอดีวันนี้แผนกฉุกเฉินวุ่นมาก"
แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกหลินเว่ยว่านี่ไม่ใช่เสียงของคนที่เพียงแค่ร้องไห้เสียใจ มันเป็เสียงของความหวาดกลัวขั้นสุด เสียงของคนที่กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ ตลอดสามปีของการฝึกงานในโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขาไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน
ตึงๆๆๆ!
เสียงวิ่งดังมาตามทางเดิน ตามด้วยเสียงร้องสั่งการแทรกเข้ามาในระบบเสียงตามสาย
"เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกนาย รีบไปที่แผนกอายุรกรรมชั้น 3 ด่วน! ด่วนที่สุด!"
หลินเว่ยลุกพรวดจากเก้าอี้ มุ่งหน้าไปยังต้นเสียงโดยสัญชาตญาณ ขณะที่พยาบาลฝึกหัดะโไล่หลัง "คุณหมอ! อย่าเพิ่งไป! เดี๋ยวอาจารย์ใหญ่จะว่าเอา!"
แต่หลินเว่ยไม่ฟัง เขาเป็เพียงนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ทุกคนที่มีความรู้ทางการแพทย์ล้วนมีหน้าที่ช่วยเหลือ
เมื่อวิ่งมาถึงห้องพักผู้ป่วยที่ 308 สิ่งที่หลินเว่ยเห็นทำให้เขาชะงักกึก เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามคนกำลังพยายามจับชายคนหนึ่งที่แหกปากกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ชายคนนั้นผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ที่น่ากลัวกว่านั้นคือดวงตาของเขาที่แดงก่ำ มีเืซึมออกมาจากเบ้าตาราวกับร้องไห้เป็เื และมีน้ำลายเป็ฟองสีขาวอมแดงไหลออกจากมุมปาก "สายตาของชายคนนั้นจ้องเขม็งมาที่หลินเว่ย แววตาที่ผสมระหว่างความทรมานและความหวาดกลัวอย่างที่สุด ดวงตาแดงฉ่ำที่เบิกกว้างราวกับจะหลุดออกจากเบ้า ไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์อีกต่อไป แต่เป็ดวงตาของสัตว์ที่กำลังถูกทรมาน หลินเว่ยรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง บางอย่างในสายตาคู่นั้นสื่อถึงความทุกข์ทรมานระดับที่มนุษย์ไม่ควรต้องพบเจอ"
"ช่วยผมด้วย! มันกำลังกินผมจากข้างใน!" ชายคนนั้นกรีดร้อง พยายามดึงิับริเวณแขนและใบหน้าของตัวเองออก จนมีเืไหลซิบๆ
หลินเว่ยรีบวิ่งเข้าไปช่วยเ้าหน้าที่จับตัวชายคนนั้น แต่พละกำลังของคนไข้มีมากผิดปกติจนแทบจะสลัดพวกเขาทั้งสี่คนออกไปได้ เขายังคงกรีดร้องด้วยเสียงที่ฟังไม่เหมือนมนุษย์
"มันจะออกมาแล้ว! พวกมันจะออกมาแล้ว!"
ก๊อกๆๆ!
ชายคนนั้นทุบศีรษะตัวเองกับผนังห้องอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เืเริ่มไหลออกมาจากแผลฉกรรจ์บนหน้าผาก แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกเ็ป มีเพียงความหวาดกลัวเท่านั้นในดวงตาที่เบิกกว้าง
นายแพทย์าุโวิ่งเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือ
"จับเขาให้นิ่งๆ!" เขาะโสั่ง
หลินเว่ยและเ้าหน้าที่พยายามอย่างเต็มที่ แม้จะต้องใช้กำลังมากกว่าที่ควรจะใช้กับคนไข้ แต่สถานการณ์บีบบังคับ พวกเขาต้องหยุดชายคนนี้ก่อนที่เขาจะทำร้ายตัวเองหนักกว่านี้
ขณะที่พวกเขากำลังดิ้นรนกับชายคนนั้น หลินเว่ยสังเกตเห็นบางอย่างบนข้อมือซ้ายของชายคนนั้น—รอยแผลเป็วงกลมสีแดงคล้ำขนาดประมาณเหรียญห้าบาท มีลวดลายคล้ายนาฬิกาโบราณซ่อนอยู่ภายใน
แต่ยังไม่ทันได้สังเกตให้ละเอียด นายแพทย์าุโก็แทงเข็มฉีดยาเข้าที่แขนของชายคนนั้น เพียงไม่กี่วินาที ร่างของเขาก็เริ่มอ่อนแรงลง ดวงตาเริ่มปรือ แต่ก่อนที่เขาจะหมดสติไป ชายปริศนาคว้าแขนของหลินเว่ยแน่น มองตรงเข้ามาในดวงตาด้วยสายตาที่ชัดเจนขึ้นชั่วขณะ
"มันเริ่มแล้ว..." เขากระซิบ "นาฬิกา...จะเดินอีกครั้ง...ระวังตัว..." "ริมฝีปากแห้งผากของชายคนนั้นสั่นระริก น้ำตาสีแดงไหลออกมาจากหางตา แต่ใน่เวลาสั้นๆ ก่อนหมดสติ ดวงตาของเขากลับชัดเจนและแจ่มใสขึ้นชั่วขณะ ราวกับความเป็มนุษย์ได้กลับมาอีกครั้ง มือที่จับแขนหลินเว่ยสั่นเทา แต่ัันั้นกลับเต็มไปด้วยความหมาย—เหมือนการส่งต่อภาระอันหนักอึ้งจากคนหนึ่งไปสู่อีกคน คำเตือนสุดท้ายของชายคนนั้นดังก้องในหูของหลินเว่ย ราวกับเสียงระฆังที่ประกาศการมาถึงของความตาย"
จากนั้นเขาก็หมดสติไป ร่างทิ้งตัวหนักลงบนพื้น แต่คำพูดสุดท้ายของเขายังก้องอยู่ในหูของหลินเว่ย
ระบบเสียงตามสายดังขึ้นอีกครั้ง "แพทย์และพยาบาลทุกท่านเตรียมตัวรับเคสฉุกเฉิน มีรายงานผู้ป่วยแสดงอาการคล้ายคลุ้มคลั่งเพิ่มขึ้นจำนวนมากทั่วเมือง โปรดอยู่ประจำที่และรอรับคำสั่ง"
หลินเว่ยมองไปที่ชายที่นอนสลบอยู่ ความรู้สึกหนาวเยือกแล่นขึ้นมาตามแผ่นหลัง เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เข็มวินาทีเดินไปอย่างปกติ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเวลากำลังหมดลงอย่างรวดเร็ว
ห้องฉุกเฉินกลายเป็สนามรบภายในชั่วโมงเดียว ผู้ป่วยทยอยถูกนำตัวเข้ามาไม่ขาดสาย ทุกคนแสดงอาการคล้ายคลึงกัน—ดวงตาแดงก่ำ ฟองน้ำลายสีขาวอมแดง อาการชักหรือคลุ้มคลั่ง และที่น่ากลัวที่สุดคือทุกคนล้วนพยายามทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น
หลินเว่ยถูกเกณฑ์ให้ช่วยงานในห้องฉุกเฉินแม้จะเป็เพียงนักศึกษาแพทย์ เขาวิ่งวุ่นไปมาระหว่างเตียงผู้ป่วย ช่วยจัดยา เก็บตัวอย่างเื และจดบันทึกอาการ
"มันเหมือนการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า แต่อัตราการแพร่กระจายเร็วเกินไป" หลินเว่ยได้ยินหนึ่งในอาจารย์แพทย์พูดกับเพื่อนร่วมงาน "แล้วก็ดูเหมือนจะมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางอย่างรุนแรง"
"แต่เราไม่พบร่องรอยของไวรัสที่รู้จักในเืของพวกเขาเลย" อีกเสียงหนึ่งตอบ "สิ่งที่เราพบคือโมเลกุลแปลกปลอมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันกำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเซลล์ประสาท"
หลินเว่ยจับจ้องไปที่หลอดเก็บตัวอย่างเืในมือ เขาเห็นบางอย่างที่แปลกประหลาด—เืในหลอดนั้นไม่อยู่นิ่ง มันเคลื่อนไหวเป็จังหวะคล้ายการเต้นของหัวใจ ทั้งที่ควรจะนิ่งเฉยเมื่อถูกเก็บออกมาจากร่างกาย
เมื่อนำตัวอย่างไปดูใต้กล้องจุลทรรศน์ สิ่งที่เขาเห็นทำให้หัวใจเต้นแรง เซลล์เม็ดเืแดงกำลังเปลี่ยนรูปร่าง กลายเป็โครงสร้างหยักๆ คล้ายฟันเฟืองของนาฬิกา และเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิตเป็ของตัวเอง "หลินเว่ยรู้สึกเหมือนโลกรอบตัวเงียบลงชั่วขณะ เซลล์เม็ดเืเ่าั้เคลื่อนไหวอย่างมีจุดหมาย เหมือนถูกควบคุมโดยสติปัญญาบางอย่าง ราวกับพวกมันกำลังมองกลับมาที่เขาผ่านเลนส์กล้องจุลทรรศน์ ความรู้สึกทางวิทยาศาสตร์ที่เขายึดถือมาตลอดกำลังสั่นคลอน พวกมันเหมือนกำลังเต้นระบำแห่งความตาย—ไม่ใช่เพียงแค่การตายของเม็ดเื แต่เป็การตายของมนุษยชาติทั้งมวล"
"อาจารย์ครับ!" หลินเว่ยเรียกอาจารย์ใหญ่ที่กำลังวุ่นอยู่กับการประชุมฉุกเฉิน "ผมพบบางอย่างในเืของคนไข้!"
อาจารย์ใหญ่เดินมาอย่างรีบร้อน ก้มมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็ซีดเผือดในทันที
"เรียกประชุมทีมแพทย์ทั้งหมด เดี๋ยวนี้!" เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด "และแจ้งศูนย์ควบคุมโรค นี่ไม่ใช่ไวรัสหรือแบคทีเรียที่เรารู้จัก มันคือ..."
บึ้ม!!!
เสียงะเิดังสนั่นจากอีกฟากของโรงพยาบาล ตามด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงวิ่งอลหม่าน
"มีคนไข้หลุด! พวกเขากำลังโจมตีทุกคน!" เสียงะโดังมาจากระบบประกาศ
หลินเว่ยรู้สึกว่าเหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาตามแผ่นหลัง เขามองดูรอบๆ ห้องฉุกเฉินที่กำลังตกอยู่ในความโกลาหล แพทย์และพยาบาลบางส่วนกำลังวิ่งหนี บางส่วนกำลังพยายามยึดประตูไม่ให้คนจากข้างนอกเข้ามา
"ทุกคนอพยพไปทางบันไดหนีไฟฝั่งตะวันออก!" อาจารย์ใหญ่ะโสั่ง "ใครที่ััเืหรือสารคัดหลั่งของคนไข้ให้แยกตัวออกไปอีกทางหนึ่ง!"
หลินเว่ยก้มมองที่มือตัวเอง—มีรอยเืจากการเก็บตัวอย่างเืคนไข้ติดอยู่ที่นิ้วชี้ซ้าย ซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นั้แ่เมื่อไหร่ หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความกลัว แต่ไม่มีเวลาให้ใ เขาต้องออกจากที่นี่ให้ได้
ขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งหนีอย่างอลหม่าน โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อกาวน์ของหลินเว่ยสั่น เป็ข้อความจากหมายเลขที่เขาไม่รู้จัก
"ออกจากโรงพยาบาลทันที. มุ่งหน้าไปทางสวนสาธารณะกลางเมือง. หาอาวุธป้องกันตัว. อย่าไว้ใจใคร. ระวังผู้ที่มีรอยนาฬิกาบนข้อมือ." "ความหวาดระแวงแล่นเข้าสู่หัวใจของหลินเว่ย โลกที่เขารู้จักกำลังพังทลายต่อหน้าต่อตา ใครกันที่ส่งข้อความนี้มา? ทำไมผู้ส่งถึงรู้ชื่อเขา? หลินเว่ยสังเกตเห็นสัญลักษณ์แปลกๆ ที่มุมบนของข้อความ รูปวงกลมที่มีเส้นขีดข้างในคล้ายเข็มนาฬิกา สัญลักษณ์นั้นสั่นไหวเล็กน้อยราวกับมีชีวิต ก่อนจะจางหายไป เขาััได้ถึงลางสังหรณ์อันน่ากลัว—ทุกสิ่งกำลังเปลี่ยนไป และเขาอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของพายุร้ายนี้"
หลินเว่ยกวาดตามองรอบๆ ตัว ไม่มีใครที่ดูเหมือนจะส่งข้อความให้เขา แต่ไม่มีเวลาที่จะคิดมากแล้ว ในเมื่อทุกคนกำลังพยายามหนีออกจากโรงพยาบาล เขาคว้ากระเป๋าของตัวเองและสเปรย์ฆ่าเชื้อใส่กระเป๋า ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังประตูฉุกเฉิน
วันนี้จะเป็จุดเริ่มต้นของหายนะครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิด และเส้นทางของหลินเว่ยกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้