หลินซือฉิงยกมือม้วนผมยาวสลวยคลุมไหล่ไปมาอย่างเป็ธรรมชาติ ดวงตาคู่สวยจับจ้องเย่เฟิงด้วยความคาดหวัง การกระทำตามธรรมชาตินี้ยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์
“บอดี้การ์ด?”
เย่เฟิงชะงักเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“ใช่แล้ว” หลินซือฉิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “งานแสดงอัญมณีครั้งนี้ค่อนข้างใหญ่ ตระกูลหลินเป็ผู้ดำเนินการ ฉันได้ข่าวมาว่าจะมีผู้ประสงค์ร้ายมาก่อกวนในงาน เลย้าหาคนเก่งกาจที่ไว้ใจได้ช่วยดูแลสถานที่จัดงาน... นายสบายใจได้ ฉันไม่มีทางให้นายทำงานเปล่าๆ หรอก”
“พี่คิดว่าผมไว้ใจได้? เก่งกาจ?” เย่เฟิงหัวเราะแห้ง
“อ้าว ไม่ใช่เหรอ?” หลินซือฉิงถามกลับ
“ไม่ๆๆ ผมมันเหยาะแหยะ ถ้าเกิดมีตัวร้ายโผล่มาพังงาน ผมสู้ไม่ได้แน่...”
เย่เฟิงไม่อยากข้องเกี่ยวกับเื่ยุ่งยาก ใครจะรู้ล่ะว่าคนที่มาพังงานจะเป็คนแบบไหน? ถ้าหากเป็คนที่เก่งสุดยอด มันก็คงไม่ตลกแล้วล่ะ
“ถามจริง?” ดวงตาของหลินซือฉิงสั่นระริกฉายแววขบขัน “ไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่ของนายก็แสดงในงานนี้เช่นกัน นายไม่กลัวคนมาฉกไปหรือไง?”
“ว่าไงนะ?”
เย่เฟิงช็อกไปชั่วขณะ ไม่ใช่หรอกมั้ง ไข่มุกราตรีเม็ดนั้นเขาฝากครอบครัวของโอวบีเอาไปขายแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไปปรากฏที่งานแสดงอัญมณีของตระกูลหลินได้ล่ะ?
“นายอย่าโทษพวกเขาเลย” ดวงตาสวยแพรวพราวเจือรอยยิ้ม “นายให้พวกเขาขายออกไปในราคาสูงลิบลิ่ว ดังนั้นการนำมาแสดงที่งานของเราก็เป็ทางที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ว่าไง นายจะมาไหม?”
ดูเหมือนเธอจะมั่นใจมาก ไม่กลัวว่าเขาจะปฏิเสธเลย หญิงสาวรู้ความสามารถของเย่เฟิงดี วิธีการต่างๆ ตอนอยู่ที่ทะเลตะวันออกจะต้องนำมาใช้รักษาความสงบในงานได้แน่นอน
“ผมจะลองคิดดู” เย่เฟิงลังเล “พี่ได้ข่าวว่าใครจะไปป่วนงานเหรอ?”
เงินทองเป็ของนอกกาย ถ้าเพื่อไข่มุกราตรีเม็ดเดียวแล้วต้องพาตัวเองไปเจอเื่ยุ่งยากก็ไม่คุ้มหรอกนะ
“ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็คนที่เพ่ยเค่อกรุ๊ปจ้างมา” หลินซือฉิงเบะปากแล้วตบบ่าเย่เฟิง “นายยังต้องคิดอะไรอีก มาเถอะน่า ไม่ว่ายังไงฉันจะช่วยทางฝั่งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเอง ไม่งั้นพวกเขาคงเจอนายเป็ร้อยๆ ครั้งแล้ว...”
เมื่อได้รับท่าทางออดอ้อนเกินต้านทานนั้น เย่เฟิงก็รู้สึกทนไม่ไหว แต่ชูชูเข้ามาเสิร์ฟน้ำชาให้ทั้งสองคนพอดี
เมื่อน้าสาวได้ยินคำพูดเชิงเชิญชวนว่า ‘มาเถอะ’ ของหลินซือฉิง ใบหน้าพลันปรากฏร่องรอยความเคลือบแคลง สองคนนี้กำลังพูดเื่อะไรกันอยู่ ทำไมฟังดูกำกวมแบบนี้? แต่เธอไม่ใช่คนชอบยุ่งเื่ชาวบ้าน เมื่อเสิร์ฟชาให้ทั้งคู่เรียบร้อยแล้วจึงพูดกับเย่เฟิง “เสี่ยวเย่ น้าจะขึ้นไปข้างบน ถ้ามีเื่อะไรก็เรียกได้เลยนะจ๊ะ”
“ครับ คุณน้าไม่ต้องเกรงใจนะครับ คิดเสียว่าเป็บ้านของตัวเอง” เย่เฟิงยิ้มรับแล้วยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มพลางไตร่ตรองสักพัก ก่อนหันไปทางหลินซือฉิงแล้วกล่าว “ถ้าเป็คนของเพ่ยเค่อกรุ๊ป ผมว่ายกให้เป็หน้าที่ของ NSA ไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
“นายคิดว่าการให้ NSA ไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในงานแสดงสินค้ามันเหมาะสมไหมล่ะ?”
หลินซือฉิงงงกับเย่เฟิงเล็กน้อย ทำไมเ้าเด็กนี่ถึงคิดน้อยแบบนี้เนี่ย?
“อะไรที่ไม่เหมาะสมล่ะ ในมุมมองพี่ ผมคือคนที่เหมาะสมที่สุดเหรอ?”
เย่เฟิงถามอย่างไม่เข้าใจ
“เหมาะสมสิ มีนายอยู่ ฉันก็วางใจแล้ว”
หลินซือฉิงเหยียดท่อนแขนขาวแล้ววางมือนุ่มนิ่มทับมือของเย่เฟิง ก่อนช้อนสายตามองอย่างคาดหวัง “มาเถอะนะเสี่ยวเฟิง ขอแค่ให้งานแสดงอัญมณีดำเนินไปอย่างราบรื่น ตระกูลหลินจะให้นายเลยสามล้านหยวน”
เย่เฟิงััความอบอุ่นและนุ่มนวลจากมือของหญิงสาว ทั้งยังได้กลิ่นหอมสดชื่นจากตัวของเธออีก ไม่ต้องถามถึงความดีงามตอนนี้เลย ถ้าเปลี่ยนเป็คนอื่นก็คงตอบตกลงโดยไม่คิดแล้ว! แต่ดีที่เย่เฟิงไม่ใช่คนธรรมดา เงินสามล้านนั่นซื้อเขาไม่ได้หรอก มันเล็กน้อยจะตาย เขายังต้องมาประเมินความยุ่งยากของเื่นี้อีก
หลินซือฉิงขอให้เขาไปรักษาความปลอดภัยในงานแสดงอัญมณี หากคนของเพ่ยเค่อกรุ๊ปมาป่วนงานจริงๆ แล้วเย่เฟิงจัดการปัญหานี้ได้ มันต้องดึงความสนใจจากเพ่ยเค่อกรุ๊ปแน่นอน! ด้วยเหตุนี้ไม่แน่ว่าความขัดแย้งแต่เดิมของเพ่ยเค่อกรุ๊ปกับตระกูลหลินก็จะถ่ายโอนมาที่เย่เฟิง...
แน่นอนว่าในเมืองหลวงของจีน ต่อให้เป็เพ่ยเค่อกรุ๊ปก็ไม่น่าจะกล้าทำอะไรเกินขอบเขต หากมันเป็เพียงปัญหาเล็กน้อย เย่เฟิงแค่ทำแบบขอไปทีก็จะได้รับเงินตั้งสามล้านหยวน นี่มันกำไรเห็นๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือหลินซือฉิงทำให้เขาปฏิเสธได้ยากมาก...
เย่เฟิงก้มหน้าลงตามจิตใต้สำนึก และเห็นร่องอกขาวเนียนน่าดึงดูดภายใต้คอเสื้อเว้าลึกของเสื้อชีฟองสีชมพูวับๆ แวมๆ ดูเซ็กซี่แต่ก็ภูมิฐาน บวกกับลมหายใจหอมกรุ่นที่เข้ามาใกล้ ทำให้ชีพจรของเย่เฟิงพุ่งสูงกว่าปกติ
นี่มันควบคุมไม่ได้เลยจริงๆ!
ไม่ว่าผู้ชายหน้าไหนที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ก็ไม่อาจรักษาความเยือกเย็นได้หรอก นับประสาอะไรกับวัยรุ่นที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังอย่างเย่เฟิงกันเล่า
“ช่วยพี่หน่อยเถอะนะ”
หลินซือฉิงทำเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมเคลื่อนกายเข้าใกล้เรื่อยๆ
“ผม...”
เย่เฟิงเพิ่งพูดออกมาได้เพียงคำเดียวพลันตื่นตัวขึ้นมาทันที เขาผลักร่างหอมกรุ่นที่ขยับเข้าใกล้ลงบนโซฟาแล้วกดไว้
“อ๊ะ!”
หลินซือฉิงส่งเสียงร้องใ ไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะทำอะไรบ้าๆ แบบนี้
มันเกินไปหรือเปล่า?
หลินซือฉิงรู้สึกเสียใจขึ้นมา พอกันที มันจบแล้ว ชื่อเสียงเธอถูกทำลายในวันเดียว แต่ไรมาเธอไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนโถมตัวเข้าใส่แบบนี้ แต่นี่เป็ครั้งที่สองแล้วที่เย่เฟิงทำแบบนี้ แต่ในไม่ช้า เธอก็พบว่าตัวเองเข้าใจชายหนุ่มผิด
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เสียงอาวุธมีคมดังแหวกอากาศเข้าหูของคนทั้งสองอย่างต่อเนื่อง รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าด้านหลังโซฟาสั่นะเืหลายครั้ง ขณะเดียวกันถ้วยชาและชามผลไม้บนโต๊ะก็แตกเป็เสี่ยงๆ เสียงกระจกแตกดังตามมาติดๆ
“มีคนลอบโจมตี”
เย่เฟิงกดหลินซือฉิงไว้บนโซฟาพลางอธิบายสั้นๆ ข้างหูเพราะกลัวเธอจะเข้าใจผิด
“รู้แล้ว ฉันไม่ได้ตาบอดสักหน่อย”
หลินซือฉิงขยับตัวอย่างอึดอัด ในสายตาของเธอ ของบนโต๊ะหน้าโซฟากระจุยกระจายราบเป็หน้ากลองเพียงชั่วพริบตา มีดบินหลายเล่มคงพุ่งมาทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะการตอบสนองอันรวดเร็วของเย่เฟิงและโซฟาที่แข็งแรง ตอนนี้ทั้งสองคนคงถูกยิงจนพรุนไปแล้ว!
เมื่อจวนตัว เย่เฟิงรีบใช้จิตหยั่งรู้สำรวจทันที ทว่าไม่พบบุคคลที่น่าสงสัย ดูเหมือนว่าผู้ลอบโจมตีจะอยู่ห่างจากเขามากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร
จนกระทั่งการโจมตีระลอกแรกหยุดลง หัวใจของเย่เฟิงค่อยๆ สงบ ทันใดนั้นเองเขาก็พบว่าตำแหน่งที่มือข้างขวาของตนวางอยู่มีสิ่งผิดปกติ อ่า มันคืออะไรกันนะ กลมๆ ใหญ่ๆ นุ่มๆ...
เย่เฟิงนวดคลึงสิ่งนั้นไปมาตามสัญชาตญาณ แต่กลับเห็นใบหน้าของหลินซือฉิงแดงก่ำอยู่ใต้ร่างเขา
หญิงสาวรู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่างกาย ตัวเธอชาไปหมด พร้อมกับความโกรธที่ปะทุขึ้นมา
“ไอ้สารเลว แกทำอะไรเนี่ย?”
ใบหน้าของหลินซือฉิงแดงซ่านด้วยความโกรธจัด แต่ก็กลัวคนข้างนอกจะลอบโจมตีอีก จึงไม่กล้าผลีผลามทำอะไร ไอ้เด็กบ้านี่ชักจะฉวยโอกาสเกินไปแล้ว ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าทำกับเธอแบบนี้มาก่อน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้