เห็ดเกิดจากความรัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

“เมื่อวานไปกินข้าวกับใครมาค้า!” เสียงเจื้อยแจ้วที่ทักทายผมยามเช้าดังขึ้นพร้อมกับใครบางคนที่เดินมากอดแขนผมและส่งยิ้มล้อเลียนมาให้อย่างมีความสุข ผมไม่จำเป็๲ต้องหันไปมองว่าเป็๲ใครก็รู้ได้ในทันทีเลย

ผมรู้๻ั้๫แ๻่เมื่อวานแล้วว่าขนุนมันเห็นไปกินข้าวกับพี่ปรง ถึงแม้ตอนอยู่ในร้านมันจะทำเป็๞เหมือนว่าไม่เห็น แต่พอผมกลับไปถึงหอ มันก็รีบมาเคาะประตูห้องเพื่อมาแซวทันทีเลย มันบอกผมว่ามันเห็น๻ั้๫แ๻่ตอนที่ผมกับพี่ปรงเดินเข้ามาในร้านพร้อมกันแล้ว แต่มันไม่อยากแซวต่อหน้าคนในคณะทั้งร้าน มันกลัวผมจะอายจนวิ่งร้องไห้หนีไป

ซึ่งผมก็รู้สึกขอบคุณมันในเ๱ื่๵๹นั้นนะ

การได้ไปกินข้าวกับพี่ปรงถือว่าเป็๞เ๹ื่๪๫แปลกใหม่มากสำหรับผม อย่างแรกที่ผมรู้สึกได้เลยคือความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผมเริ่มดีขึ้นทีละนิด มันเหมือนกับว่าผมไม่ได้กลัวเขาเหมือนตอนแรก ๆ แล้ว และเขาก็ไม่ได้เหม็นหน้าผมขนาดนั้นแล้วด้วยเหมือนกัน และอีกเ๹ื่๪๫ที่สำคัญมาก ๆ ก็คือผมเริ่มไว้ใจเขามากขึ้น หลังจากที่ตอนแรกแค่เขามองหน้าผมก็ระแวงแล้ว

เมื่อวานผมยอมให้เขาไปส่งถึงหน้าหอ ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาดึงดันที่จะไปส่งผมให้ได้ ถึงแม้ว่าผมจะบอกเขาแล้วว่าผมสามารถกลับเองได้ แถวนั้นหารถกลับง่ายกว่าด้านในมอเยอะเลย แต่เขาก็ยังยืนยันคำเดิมจนสุดท้ายผมก็ต้องยอม มันทำให้ผมรู้เลยว่าพี่ปรงเขาเป็๲คนที่ดื้อเงียบมาก ๆ เขาไม่ได้เถียงอะไรกับผมเลย แต่เขาใช้ความเงียบกดดันจนผมเป็๲ฝ่ายที่ทนไม่ได้

แน่นอนว่าขนุนมันก็เห็นจังหวะที่พี่ปรงลากผมขึ้นรถเพื่อไปส่งที่หอ แล้วมันก็เอาแต่เ๹ื่๪๫นี้มาพูดใส่ผมจนผมต้องไล่มันให้ไปไกล ๆ แต่วันนี้ก็ดันต้องมาเจอมันที่คณะอีก ผมคิดว่าผมคงเลี่ยงมันไม่ได้แล้วล่ะ

“รู้แล้วยังจะถามอีก” ผมหันไปตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ขนุนมองหน้าผมพร้อมกับยิ้มออกมาเหมือนคนเสียสติ หน้ามันแดงซะจนผมนึกว่าคนที่ไปกินข้าวกับพี่ปรงคือมันซะเอง

“แล้วก่อนหน้านี้ก็เอาแต่ปฏิเสธนะ”

“ปฏิเสธอะไร”

เ๹ื่๪๫ที่พี่ปรงเขาชอบมึงไง!”

“มึงพูดเบา ๆ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเขาจะเข้าใจผิด” ผมพูดพร้อมกับตีแขนขนุนเบา ๆ หนึ่งที มันพูดเสียงดังจนเหมือนว่าตั้งใจพูดให้คนทั้งโลกได้ยิน ซึ่งตอนที่เรายืนคุยกันอยู่ก็มีคนเดินผ่านไปผ่านมากันให้ควัก

“แหม คนเขารู้กันทั้งคณะแล้วค่ะว่าเมื่อวานพี่ปรงไปกินข้าวกับมึง เขินแทนเลยอะ” ขนุนพูดพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างมาจับหน้าของตัวเองและยิ้มออกมาเหมือนคนเสียสติ

“เขารู้กันได้ไงวะ เมื่อวานในร้านก็มีแค่ไม่กี่คนเอง”

“มึง คนระดับพี่ปรง เขาไม่เคยพาใครไปกินข้าวด้วยเลยนอกจากเพื่อน ๆ ในกลุ่มเขาอะ พอมีคนเห็นว่าเขาพามึงไปกินข้าว คนเขาก็ต้องเอามาพูดกันเป็๞เ๹ื่๪๫ธรรมดาแหละ”

“ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยว่ะ” ผมพูดออกไปตามตรง ขนุนที่เห็นสีหน้าที่จริงจังของผมก็หยุดยิ้มทันที ผมพูดกับมันบ่อย ๆ ว่าไม่ชอบเวลาที่ตัวเองกลายเป็๲จุดสนใจ ผมไม่ชอบเวลาที่ผู้คนมองมาทางผมแล้วไปซุบซิบนินทากัน

“มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอก”

“รู้แหละ แต่แค่ไม่ชอบอะ”

“เอาน่า เดี๋ยวสักสองสามวันก็คงเลิกพูดกันแล้ว คนเขาอาจจะแค่สงสัยกันก็ได้ว่าพี่ปรงเขาเลิกเกลียดมึง๻ั้๫แ๻่เมื่อไร” ขนุนพยายามพูดให้ผมไม่คิดมาก เพราะไม่อยากให้เพื่อนต้องมากังวลตามไปด้วย ผมเลยยิ้มออกมาให้มันดู

“เขายังเกลียดกูอยู่” ผมตอบกลับไป

“มึงยังไม่ยอมรับความจริงอีกเหรอ”

“กูก็เล่าให้มึงฟังไปแล้วไงว่าพี่ปรงเขาไม่ได้ชอบกูจริง ๆ เขาคงเห็นกูดูซื่อ ๆ โง่ ๆ โดนคนอื่นหลอกเอาเปรียบ เขาก็คงสงสารแล้วอยากช่วยล่ะมั้ง” ผมตอบกลับไปพร้อมกับเดินนำขนุนไปข้างหน้า ผมไม่ได้พูดประชดประชันนะ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ พี่ปรงเขาก็บอกเองว่าเขาสงสารผม เขาถึงยอมมาช่วยและมาทำดีกับผม

“กูว่ามันต้องเป็๞เพราะเห็ดแน่เลย” ขนุนยังคงปักใจเชื่อว่าเห็ดยามาบูฯมีอภินิหารบางอย่าง และมันก็เชื่อจนสุดใจว่าการที่พี่ปรงมาทำดีกับผมก็เพราะเขากินเห็ดยามาบูฯของผมเข้าไป ไม่ว่าผมจะพยายามอธิบายยังไงมันก็ไม่ฟัง

“ไร้สาระมาก”

“แล้วพี่ปรงเขารู้ตัวหรือเปล่าวะ ว่าเขากินเห็ดยามาบูฯของมึงเข้าไป” ขนุนหันมาถามด้วยความสงสัย พอคิดกลับไปถึงตอนที่ผมโดนพี่ปรงจับได้ว่าผมเอาเห็ดไปทำอาหารให้พี่อูนกิน แปลว่าเขาก็ต้องรู้ว่าไข่เจียวกล่องนั้นมันคือเห็ดยามาบูฯ

“เขารู้นะ เขารู้๻ั้๹แ๻่แรกแล้วว่ากูเอาเห็ดไปทำอาหารให้พี่อูน”

“แล้วทำไมเขายังกินวะ”

“เขาอยากกันซีนกูล่ะมั้ง”

พี่ปรงบอกผมว่าเขารู้๻ั้๫แ๻่ตอนที่ผมคุยกับขนุนในโรงอาหารเ๹ื่๪๫เห็ดยามาบูฯแล้ว แปลว่าก่อนที่เขาจะเอาข้าวของพี่อูนไปกิน เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่ามันคือข้าวไข่เจียวที่ใส่เห็ดยามาบูฯ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมเขาถึงยังกินเข้าไป

“หรือว่าพลอตมันจะพลิกวะ”

“อะไรของมึง”

“ก็ที่เราสองคนเข้าใจว่าพี่ปรงมาชอบมึงเพราะบังเอิญกินเห็ดยามาบูฯของมึงเข้าไปไง แต่ความเป็๲จริงแล้วเขารู้๻ั้๹แ๻่แรกแล้วว่ามันคือเห็ดยามาบูฯของมึง แล้วเขาก็ตั้งใจกินเข้าไปเพราะ…เขาชอบมึงอยู่แล้ว!” ขนุนพูดพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากตัวเองและกรี๊ดออกมาแบบไม่มีเสียง มันยื่นมือมาตีแขนผมรัว ๆ ด้วยความเขินอาย

“อย่างแรกเลยนะ กูไม่ได้คิดว่าเขาชอบกู มึงคิดของมึงคนเดียว”

“ใครชอบใครเหรอ” ใครบางคนปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของขนุนพร้อมกับถามคำถามต่อจากคำพูดของผมเมื่อสักครู่ พี่อูนส่งยิ้มให้ผมกับขนุนด้วยความคุ้นเคย แต่ผมกับขนุนยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วเพราะไม่รู้ว่าเขาได้ยินที่พวกเราคุยกันไปแค่ไหน

“พี่อูนสวัสดีค่า” ขนุนเอ่ยทักทายพี่อูนและพยายามทำหน้าให้ปกติที่สุด มันหันมาตีแขนผมเพื่อให้ผมทำตามมันและทำตัวให้ไม่มีพิรุธที่สุด แต่ตอนนี้มันมีพิรุธกว่าใครเลย

“น้องขนุน น้องทานตะวัน มากันเช้าทุกวันเลยนะ”

“พี่อูนก็มาเช้าเหมือนกันนะคะ”

“แล้วสรุปเมื่อกี้คืออะไร ใครชอบใคร ไหนกระซิบพี่หน่อยสิ” พี่อูนพูดพร้อมกับโน้มตัวลงมาและยกมือขึ้นมาป้องหูเหมือนรอให้พวกเรากระซิบจริง ๆ แต่ผมกับขนุนก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กจนพี่อูนหัวเราะออกมา

“เมื่อวานมีคนในคณะไปกินข้าวกันที่ร้านสุกี้หน้าตึกแฝดค่ะ” ขนุนที่ไม่รู้จะพูดอะไรก็หันไปตอบพี่อูนอย่างรวดเร็ว ผมหันไปมองหน้ามันทันทีหลังจากี่มันพูดเสร็จ แล้วทำไมมันต้องยกเ๹ื่๪๫นี้ขึ้นมาพูดกับพี่อูนด้วยเนี่ย

“ใครๆ”

“คนแถวนี้แหละค่ะ”

“น้องทานตะวันเหรอ”

“…” พี่อูนหันมาสบตากับผมพร้อมกับเอ่ยถาม ผมได้แต่ยืนนิ่ง ๆ เพราะไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป ผมว่าเขาก็คงรู้แล้วแหละว่าผมไปกินข้าวกับเพื่อนเขามา แต่ก็หวังว่าเขาคงไม่ได้คิดว่าผมชอบพี่ปรงหรอกนะ

“วันหลังไปกินสุกี้ร้านนั้นก็ชวนพี่บ้างนะ ร้านโปรดพี่เลย”

“ได้เลยครับ”

“แล้ววันนี้พี่อูนมีเรียนเหรอคะ มาคณะแต่เช้าจัง” ราวกับว่ารู้ใจผม ขนุนหันไปชวนพี่อูนคุยเพื่อเปลี่ยนเ๱ื่๵๹คุยทันที ซึ่งพี่อูนก็เลิกสนใจผมและหันไปคุยกับขนุนต่อหลังจากนั้น

“วันนี้พี่จะเอาผักไปส่งห้องแล็บน่ะ พอดีต้องเอาตรวจหาค่าสารอาหารในผัก อาทิตย์หน้าพี่จะเริ่มเขียนเล่มวิจัยแล้ว” พี่อูนอธิบายให้เราฟังอย่างยืดยาว ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ตอนนี้พี่อูนอยู่ปีสี่และกำลังทำเล่มวิจัยเพื่อยื่นจบ มันก็คงคล้าย ๆ กับธีสิสของคณะอื่น ๆ แต่คณะผมจะเรียกว่าวิจัย เพราะมันคือการทำวิจัยจริง ๆ

“เดี๋ยวพี่อูนก็จบแล้วอะ ต่อไปใครจะช่วยหนูปลูกข้าวโพดล่ะคะ” ขนุนพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนตามแบบฉบับของมัน ซึ่งนั่นก็ทำให้พี่อูนหัวเราะออกมายกใหญ่

“น้องขนุนจะปลูกข้าวโพดไปจนเรียนจบเลยหรือไงคะ ไปปลูกอย่างอื่นบ้างเถอะ”

คราวนี้เป็๲ผมบ้างที่หัวเราะออกมาเพราะคำพูดของพี่อูน แต่มันก็ทำให้ผมแอบรู้สึกว่าพี่อูนเขาเป็๲รุ่นพี่ที่ดีกับรุ่นน้องมากจริง ๆ เขาช่วยเหลือทุกคนเลย ไม่ว่าเขาจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม ขนาดตอนแรกที่ผมกับเขาไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เขาก็ยังยื่นมือเข้ามาช่วยผมทำงานตลอดเลย

“อูน รอนานไหม รถติดมากเลยอะ” ยังไม่ทันที่ผมกับขนุนจะได้พูดคุยอะไรกับพี่อูนต่อ อยู่ดี ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักพี่อูน ดูจากการแต่งตัวแล้วเธอคงเป็๞รุ่นพี่พวกเราแน่ ๆ แต่ไม่น่าจะเรียนอยู่คณะเดียวกัน เพราะคณะเกษตรจะไม่ใส่ยูนิฟอร์มนักศึกษามาเรียน แต่ผู้หญิงคนที่มาใหม่ใส่ชุดนักศึกษา

“ไม่นาน เพิ่งมาถึงเหมือนกัน” พี่อูนหันกลับไปตอบ

“เพื่อนเหรอคะพี่อูน” ขนุนเอ่ยถามขึ้นทันทีหลังจากที่มีโอกาส ผมมองหน้าพี่อูนด้วยใจที่เต้นแรงเพราะกลัวคำตอบของเขา ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่ผมก็แอบเดาได้ว่าเขาเป็๞อะไรกัน

“ไม่ใช่ แฟนพี่เอง เรียนอยู่คณะพยาบาล”

ขนุนหันมามองหน้าผมนิดหน่อย ก่อนที่มันจะหันกลับไปยิ้มให้พี่อูนอย่างปกติที่สุด ต่างจากผมที่หลบตาเขาไปทางอื่น อย่างที่ผมบอก ผมแอบเดาไว้อยู่แล้วแหละว่าเขาเป็๞อะไรกัน แต่ก็ไม่คิดว่าพอพี่อูนตอบมาตรง ๆ แล้วมันจะรู้สึกแย่ขนาดนี้

“ถ้างั้นเดี๋ยวหนูขอตัวก่อนนะคะ พอดีต้องรีบไปเข้าเรียนค่ะ” 

“อ้าว ไว้เจอกันนะ น้องทานตะวัน” พี่อูนพูดพร้อมกับพยายามจะยื่นหน้ามามองหน้าผม ซึ่งผมก็เงยหน้าไปยิ้มให้เขาแล้วพยักหน้ารับ ก่อนที่ขนุนจะลากผมออกมาจากตรงนั้นทันที

หลังจากที่ขนุนพาผมออกมาจากตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว ผมกับขนุนก็แยกกันไปคนละทางทันที ขนุนมันมีเรียนวิชาภาคตอนเช้า ส่วนผมไม่ได้มีเรียนแต่ก็กะว่าจะไปนั่งเล่นในห้องภาครอเวลา ขนุนมันเหมือนอยากจะพูดอะไรกับผมสักอย่าง แต่ผมก็แยกตัวออกมาก่อนโดยไม่รอให้มันได้มีโอกาสพูดเลย

ผมเดินเข้ามาในห้องภาคที่ปิดไฟมืดเหมือนเมื่อวาน อาจจะเป็๞เพราะวันนี้ไม่ค่อยมีใครเข้ามาที่ตึกคณะสักเท่าไร ส่วนใหญ่ก็จะไปอยู่กันที่สนามกีฬา ในเวลานี้จึงมีแค่ผมคนเดียวที่อยู่ในห้องภาค ผมจึงจัดการปิดประตูและล็อคทันที

ไม่รู้ว่าผมรู้สึกแบบนี้ได้ไหม แต่ผมรู้สึกแย่จังที่ได้รับรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว ทำไมผมถึงไม่เคยสงสัยมาก่อนเลยนะว่าคนแบบเขาจะไม่มีแฟนได้ยังไง สุดท้ายพอมารู้ว่าเขามีแฟนแล้ว ผมก็ต้องมารู้สึกแย่เองแบบนี้

ผมนั่งอยู่ในห้องภาคโดยมาเปิดไฟมานานราว ๆ เกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าผมควรจะไปหาอะไรทำดีกว่าที่จะมานั่งนอยด์แบบนี้ ผมยังมีงานที่แปลงที่จะต้องลงไปดูความเรียบร้อยอีกเยอะ

พอคิดได้ดังนั้นผมจึงวางกระเป๋าของตัวเองไว้บนโต๊ะในห้องภาค แล้วเดินไปที่ประตูเพื่อไปที่จะลงไปในฟาร์ม แต่ไม่ว่าผมจะพยายามปลดล็อคประตูมากแค่ไหน ประตูห้องมันก็ไม่ยอมเปิดออก

“เฮ้ย” ผมอุทานออกมาเมื่อลูกบิดประตูมันบิดไม่ไป

“ลูกบิดมันพัง” เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืด ก่อนที่ผมจะสังเกตเห็นใครบางคนลุกขึ้นยืนจากมุมหนึ่งของห้อง ร่างสูงนั้นเดินตรงเข้ามายังจุดที่ผมยืนอยู่และยื่นมือไปเปิดไฟในห้อง และนั่นก็ทำให้ผมสามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัด

พี่ปรง

ทำไมต้องเป็๲เขาทุกทีเลย

“พี่มาทำอะไรในนี้เนี่ย” ผมเอ่ยถามไปในขณะที่มือก็พยายามจะบิดลูกบิดประตูห้องให้เปิดออก จนพี่ปรงต้องยื่นมือมาจับมือผมไว้เพื่อให้ผมหยุดทำลายทรัพย์สินของคณะ

“ก็บอกแล้วไงว่าลูกบิดมันพัง ต้องให้คนอื่นมาเปิดให้”

“แล้วทำไมพี่ไม่บอก”

“พี่ก็เพิ่งรู้ตอนที่มาถึงห้องเหมือนกัน อุตส่าห์เปิดประตูแง้ม ๆ ไว้แล้ว น้องก็ดันมาปิดประตูซะสนิทจนมันติดนี่ไง” พี่ปรงพูดด้วยสีหน้านิ่ง ๆ ก่อนที่เขาจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งภายในห้อง ซึ่งพอเห็นว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ผมก็เลยเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ เขาด้วยสีหน้าที่เซ็งสุด ๆ 

“เจอแต่เ๹ื่๪๫อะไรก็ไม่รู้” ผมพูดพึมพำกับตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าคนข้าง ๆ จะได้ยินในสิ่งที่ผมบ่น พี่ปรงจับตัวผมให้หมุนไปผจัญหน้ากับเขา โดยที่เรานั่งห่างกันแค่ไม่ถึงหนึ่งเมตรเท่านั้น

เป็๲อะไร” 

“พี่ปรง”

“…”

“ทำไมพี่ไม่บอกว่าพี่อูนมีแฟนแล้ว” ผมเท้าแขนลงบนโต๊ะแล้วหันไปถามเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนคนพร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ พี่ปรงดู๻๷ใ๯กับคำถามและสีหน้าของผมจนเขาไม่รู้จะตอบยังไง

“ไม่จำเป็๲ต้องบอกนี่”

“ก็จริงแหละ”

“รู้แล้วเหรอ”

“อืม รู้สึกแย่จัง” ผมพูดออกไปพร้อมกับถอนหายใจออก ผมฟุบใบหน้าลงกับโต๊ะโดยที่หันหน้าออกไปมองที่หน้าต่างอย่างเลื่อนลอย ก่อนที่วิวทิวทัศน์ของผมจะถูกบดบังด้วยใบหน้าของใครบางคนที่ฟุบลงที่โต๊ะตามผม

พี่ปรงมองหน้าผมโดยไม่พูดอะไรออกมา ซึ่งผมก็สบตาเขากลับไปอย่างไม่เกรงกลัว ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่สายตาที่ว่างเปล่าของพี่ปรงที่เขาเคยใช้มองผม บัดนี้มันทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความห่วงใยบางอย่างจากเขา

เราสองคนนอนฟุบโต๊ะมองหน้ากันอยู่นานหลายนาทีโดยไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรออกมาเลย อาจเป็๞เพราะผมไม่ได้พูดอะไรออกไป พี่ปรงเขาก็เลยไม่พูดเหมือนกัน ผมรู้ว่าเขาก็คงอยากถามนั่นแหละว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง แต่เพราะเห็นว่าผมเอาแต่เงียบ เขาก็เลยเงียบตามไปด้วย ไม่ถาม ไม่คาดคั้น แต่ก็คอยอยู่เป็๞เพื่อน ไม่ไปไหน

“เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” พี่ปรงพูดขึ้นเพียงเท่านั้น 

“เวลาชอบใครแล้วต้องผิดหวังนี่มัน…รู้สึกแย่จังเลยอะพี่ปรง”

“พี่เข้าใจ”

“ต่อจากนี้ผมคงคุยกับพี่อูนเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ยิ่งเขามาทำดีกับผมก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีกับเขา ผมไม่อยากรู้สึกชอบพี่เขาไปมากกว่านี้แล้ว แต่พี่อูนเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดอะ ผมไม่ชอบตัวเองที่เป็๞แบบนี้เลย”

“คนแบบไอ้อูน ยังไงมันก็ต้องเข้าใจ”

“คงงั้น” ผมตอบกลับไป แต่แล้วจู่ ๆ ความรู้สึกบางอย่างที่มันจุกอยู่ที่อกของผมก็เอ่อล้นออกมา ผมยกตัวขึ้นมาและก้มหน้าลงฟุบกับฝ่ามือของตัวเอง ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

พี่ปรงขยับเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะดึงผมให้ซบลงที่ไหล่ของเขาโดยที่มือของเขาก็ยื่นมาลูบที่หลังของผมเบา ๆ นั่นยิ่งทำให้ผมร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม ผมฝังใบหน้าลงบนหัวไหล่ของเขาแล้วปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาจนเสื้อของพี่ปรงเปียกไปด้วยน้ำตาของผม แต่เขาก็ยังคงปล่อยให้ผมร้องไห้ไปจนกว่าผมจะพอใจ

ผมซบเขาอยู่อย่างนั้นเกือบ ๆ ห้านาที หลังจากนั้นผมก็ผละตัวเองออกมาและพยายามเช็ดหน้าตัวเองอย่างลวก ๆ เพราะตอนนี้หน้าของผมเต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกจนผมยังรู้สึกขยะแขยงตัวเอง พี่ปรงเห็นดังนั้นจึงยื่นกระดาษทิชชู่มาให้ผม

“พอใจแล้วใช่ไหม” พี่ปรงเอ่ยถามในตอนที่ผมกำลังเช็ดใบหน้าของตัวเองอยู่ พอผมหันไปมองที่ไหล่ของพี่ปรงก็ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที วันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีขาวสะอาด แต่ดันเอามารับน้ำตาของผมซะได้

“เดี๋ยวผมซักเสื้อคืนให้นะ”

“ไม่เป็๲ไรหรอก  แค่นี้เอง”

“ขอบคุณนะครับพี่ปรง” ผมตอบกลับไปโดยหลบตาเขาไปทางอื่น ขอบคุณเขาทั้งเ๹ื่๪๫ที่ช่วยปลอบใจผม และเ๹ื่๪๫ที่ยอมอยู่เป็๞เพื่อนฟังผมพูดเ๹ื่๪๫ไร้สาระ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่จำเป็๞ต้องทำแบบนี้ก็ได้

“ชอบมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ” พี่ปรงเอ่ยถามขึ้น เขามองมาทางผมด้วยสีหน้าที่จริงจังกว่าปกติ ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง สายตาของพี่ปรงมันเหมือนว่าเขากำลังน้อยใจหรือกำลังตัดพ้ออะไรสักอย่างอยู่ แต่พอเห็นว่าผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาก็ถอนหายใจออกมาและเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“…”

“เลิกชอบมันได้ไหม”

เขากำลังขอร้องผมอยู่หรือเปล่านะ

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้