กล่องเครื่องประดับที่ฉู่เหลียนใช้อยู่ในปัจจุบันทำจากไม้สื่อถานหอมที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก ทว่ากลับทำออกมาอย่างประณีต ภายในมีหลายชั้น นางไล่เปิดดูทีละชั้น ซึ่งมีเครื่องประดับอยู่ไม่มาก และที่มีค่าจริง ๆ ก็ยิ่งน้อยนัก ดังนั้น เครื่องประดับเหล่านี้จึงเหมาะสำหรับใส่ในวันธรรมดาเท่านั้น ไม่ควรใส่ไปในโอกาสพิเศษ
ในบรรดาทั้งหมดคงมีเพียงแค่ปิ่นปักผมทับทิมที่ประดับด้วยผีเสื้อหลากสีกระมังที่นางสามารถใส่ออกงานได้ สิ่งนี้ถูกกล่าวถึงในนิยายเช่นกันว่าเป็สิ่งที่ ‘ฉู่เหลียน’ ได้รับจากมารดา
ส่วนที่เหลือนั้นมีเพียงหยกนำโชคจากเฮ่อเหล่าไท่จวิน และกำไลข้อมือหยกสีเืที่ฮูหยินจิ่งอันป๋อมอบให้เท่านั้น
พูดตรง ๆ แล้ว จวนจิ่งอันควรจะมอบเครื่องประดับให้แก่สมาชิกใหม่ในครอบครัว ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุใด ฉู่เหลียนจึงมิได้เห็นแม้แต่ชิ้นเดียว กระทั่งสาวใช้ยังอดมิได้ให้วิจารณ์เื่นี้
แต่เพียงไม่นานนางก็รู้คำตอบ ก็เฮ่อฉางตี้ไม่ชอบนาง นั่นคือสาเหตุที่สมเหตุสมผลที่สุด เพราะเมื่อมีโอกาสแม้เพียงน้อยนิด เขาก็จะหาเื่ทำให้นางต้องลำบากในที่สุด
ตามนิยายต้นฉบับ เมื่อ ‘ฉู่เหลียน’ แต่งเข้าตระกูลนั้น เฮ่อซานหลางใส่ใจนางเต็มหัวใจ เขาไม่เคยงกกับเื่เสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือ อาหาร
เพียงแค่ปิ่นปักผม เฮ่อฉางตี้ก็เตรียมไว้ให้นางกว่าสิบชิ้น นั่นนับว่าไม่น้อยเลย
ฉู่เหลียนเม้มปากและปิดกล่องลง
ฮึ่ม นางไม่สนหรอกว่าเขาจะเตรียมหรือไม่เตรียมอะไรไว้ให้ นางไม่ได้้าอะไรจากเขาเสียหน่อย รอให้หาเงินได้มากพอก่อนเถอะ นางจะวาดแบบส่งไปสั่งทำที่ร้านเครื่องประดับเอง
ฉู่เหลียนไม่ได้โอ้อวดตนแต่อย่างใด ในโลกยุคปัจจุบัน นางไม่เพียงจะเรียนด้านออกแบบ แต่ยังได้เดินทางมาแล้วทั่วโลกในฐานะนักชิม ได้รู้เห็นวัฒนธรรมและสไตล์อันแตกต่าง ทั้งยังมีงานอดิเรกเป็การสำรวจและทานอาหารอร่อย ๆ ดังนั้นอาจเรียกนางว่าเป็นักเดินทางรอบโลกก็ได้
ยามนี้ในยุคราชวงศ์อู่ อีกสิ่งหนึ่งที่ทำได้ดีนอกเหนือไปจากการทำอาหาร ก็คือการวาดภาพ
ฉู่เหลียนวางเครื่องประดับลงในกล่อง ก่อนจะกอดเข่าให้ชิดตัว เหม่อลอยไปขณะหนึ่งกับความคิดที่ลอยวนอยู่ในหัว ทั้งกุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยนต่างเวทนาต่อนายหญิงของตนนัก
สาวใช้ทั้งสองมองตากัน ลอบตัดสินใจว่าจากนี้ไปจะไม่กล่าวถึงเื่เครื่องประดับต่อหน้าฉู่เหลียนอีกเพื่อไม่ให้นางเศร้า ในขณะเดียวกัน ชื่อของเฮ่อฉางตี้ก็เข้าไปอยู่ในบัญชีดำของสาวใช้ที่จงรักภักดีที่สุดทั้งสองของฉู่เหลียนเสียแล้ว
มีเ้าสาวที่ไหนบ้างที่ไม่มีเครื่องประดับสวมใส่ให้ผู้อื่นดู? กระทั่งบุตรสาวชาวนายังมีปิ่นเงินแบบใหม่ล่าสุดในวันแต่งงาน! ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงพวกเหล่าขุนนางเลย
คนที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็ธรรมเช่นคุณหนูหกมีไม่มากนัก
“เอาของออกไปให้หมด! เอากุญแจให้ฝูเยี่ยน จากนี้ไปนางจะเป็ผู้ดูแลเครื่องประดับทั้งหมด ฉีเยี่ยน ช่วยหมัวมัวดูแลรายจ่ายในเรือนเราด้วย”
กุ้ยหมัวมัวคล้ายจะกล่าวอะไร ทว่าเมื่อเห็นฉู่เหลียนอารมณ์ไม่ดี นางก็ห้ามตนเองไว้
ในความจริงฉู่เหลียนมิได้อารมณ์เสียแม้แต่น้อย นางเพียงแต่กำลังพยายามคำนวณว่านางมีเงินทุนส่วนตัวอยู่เท่าไหร่!
เมื่อคำนวณตรงนี้ตรงนั้น แล้วเพิ่มเงินกับทองที่จะได้จากการหลอมเครื่องประดับเข้าไป นางก็ยังมีไม่เกินหกร้อยตำลึง
หากใครทราบว่านายหญิงสามจวนจิ่งอันมีทรัพย์ส่วนตัวเพียงหกร้อยตำลึง คงไม่มีทางเชื่อแน่!
เท่าที่เห็นและฟัง สิ่งที่เกิดขึ้นในจวนจิ่งอัน่สองสามวันมานี้ ฉู่เหลียนพบว่าที่แท้จวนจิ่งอันมิได้ร่ำรวยอย่างที่ผู้คนภายนอกคิดกัน
อย่างน้อย จิ่งอันป๋อฮูหยิน แม่สามีของนางก็มิได้ดูร่ำรวยเช่นนั้น ส่วนเฮ่อเหล่าไท่จวินนั้น หลานสะใภ้ย่อมมิอาจเข้าไปยุ่มย่ามได้
หากนางอยากจะอยู่อย่างสบาย นางทำได้เพียงพึ่งพาตนเองเท่านั้น!
ฉู่เหลียนถอนใจเมื่อตระหนักว่า ไม่ว่านางจะอยู่ไหน แต่การจะลอยชายว่างงานไปมานั้นยากเหลือเกิน โดยเฉพาะถ้าต้องเป็ผู้ที่อยู่เฉย ๆ แล้วสามีก็ยังไม่สนใจอีก
เมื่อนับทุนทรัพย์ส่วนตัวเสร็จแล้ว สาวใช้ก็รายงานจากหน้าห้องว่ามีแขกมาเยือนเรือนซงเถา
ใครจะมาเยี่ยมตอนนี้กัน?
ฉู่เหลียนสวมรองเท้าผ้าปักลายเบญจมาศฤดูใบไม้ร่วง ก่อนจะเดินนำกุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยนออกไปที่ห้องรับแขก
เมื่อมาถึงห้องรับแขกก็พบว่า มีคนอยู่ตรงนั้นสามคน สาวใช้รุ่นใหญ่วัยกลางคนรูปร่างผอมสูงยืนอยู่ด้านหน้า ส่วนสาวใช้อีกสองนางด้านหลังสวมชุดสีเขียวอ่อน
ทั้งสามดูธรรมดานัก ทว่ารัศมีรอบกายดูโดดเด่นออกมาจนผู้มองรู้สึกอึดอัด
ฉู่เหลียนนั่งเก้าอี้ประธาน แล้วมองผู้มาเยือนทั้งสาม
“พวกท่านมาพบข้าถึงที่นี่มีธุระหรือ?” ฉู่เหลียนถามอย่างสงสัย
จงหมัวมัว หนึ่งในสามสาวใช้เบื้องหน้ามองตามฉู่เหลียนนับั้แ่ที่เห็นนางเดินเข้ามาในห้อง นายหญิงคนใหม่กำลังสวมชุดสีส้มอ่อนคู่กับเสื้อคลุมสีชมพู ยามนี้อยู่ในจวนจึงจัดแต่งผมเป็ทรงธรรมดาเรียบง่ายพร้อมปักปิ่นเถาฮวาประดับแต่งอยู่บนมวยผม รูปร่างบอบบางยังไม่มีทรวดทรงนัก ทว่าในไม่กี่ปีย่อมเบ่งบานดุจบุปผา เป็สตรีผู้งดงามอย่างแน่แท้
ทว่าสิ่งที่ดึงดูดนางที่สุดมิใช่รูปลักษณ์ภายนอกและการแต่งกายของฉู่เหลียน แต่เป็ดวงตาสดใสฉ่ำน้ำที่ราวกับสามารถมองทะลุได้ในทุกสิ่งแม้กระทั่งจิตใจของมนุษย์แค่เพียงแรกสบตา
ด้วยประสบการณ์ของจงหมัวมัว จึงระลึกในใจว่าผู้ที่มีดวงตาเช่นนี้ย่อมมิใช่คนเลวร้าย
นายหญิงสามผู้นี้แตกต่างจากที่นางคาดไว้มากนัก
เมื่อคิดถึงสิ่งที่คุณชายสามสั่งไว้ จงหมัวมัวจึงเก็บความรู้สึกส่วนตัวกลับไป นางก้าวมาข้างหน้าและก้มหัวเล็กน้อย แม้หน้าตาจะดูธรรมดา แต่รัศมีรอบกายกลับดูโดดเด่นออกมาท่ามกลางฝูงชน
“นายหญิงสาม บ่าวชราคือบ่าวรับใช้รุ่นใหญ่แซ่จง และสาวใช้สองนางที่มาด้วยกันคือเวิ่นฉิงและเวิ่นหลาน คุณชายสามสั่งให้พวกเรามารับใช้นายหญิงสามเ้าค่ะ”
อ๋า? ฉู่เหลียนงงไปชั่วขณะ มารับใช้นางหรือ? คำสั่งเฮ่อฉางตี้น่ะหรือ?
ในเรือนนี้มีบ่าวรับใช้มากเกินพอ ตัวฉู่เหลียนเองมีสาวใช้ส่วนตัวสี่คน กุ้ยหมัวมัวอีกคนหนึ่ง สาวใช้รุ่นรองและรุ่นเล็กรวมอีกหกคน และยังมีบ่าวไพร่คนอื่น ๆ ที่อยู่รับใช้ในเรือนซงเถามาแต่เดิม แล้วตอนนี้เฮ่อฉางตี้ยังได้ส่งสาวใช้มาเพิ่มอีกสามคน เรือนนี้แทบจะไม่มีที่ให้พวกนางอยู่แล้ว
จงหมัวมัวเห็นฉู่เหลียนไม่กล่าวอะไร และทำเพียงพองแก้มขึ้นเล็กน้อย จ้องมาที่นาง ดวงตาสุกใสคู่นั้นกะพริบใส่เสียจนรู้สึกไม่สบายใจ
นางจึงกล่าวต่อ “คุณชายสามสั่งให้บ่าวมาดูแลมิให้นายหญิงสามกระทำสิ่งใดที่ผิดพลาดหรืออาจมีสิ่งใดที่ยังต้องปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็การพูดจา หรือกิริยาท่าทางเ้าค่ะ นอกจากนั้นคุณชายสามยังได้ฝากจดหมายไว้ให้นายหญิงสามด้วยเ้าค่ะ”
จงหมัวมัวมองสีหน้านายหญิงสามยามที่นางกล่าว นายหญิงผู้นี้ยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม แก้มนางพองออกขณะศีรษะโคลงไปด้านหนึ่ง ช่างดูน่ารักเสียจนมุมปากหมัวมัวเผลอขยับขึ้น
แน่ใจหรือว่านายหญิงสามเป็คนฉุนเฉียวไร้เหตุผลเยี่ยงเด็กน้อย? หากเป็นายหญิงแต่งใหม่บ้านอื่นคงะโไล่พวกนางออกจากเรือนไปเสียแล้ว
ไม่เพียงสามีจะทิ้งนายหญิงน้อยผู้นี้ไว้ ทั้งยังมองนางในแง่ร้ายถึงขั้นสั่งให้คนมาคอยจับตามองขณะที่ตนไม่อยู่!
นี่มิใช่การตบหน้าฉาดใหญ่หรอกหรือ?
สีหน้าฉู่เหลียนยังคงเรียบเฉยต่อเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะนางไม่ได้คิดถึงแรงจูงใจของเฮ่อฉางตี้แม้แต่น้อย ก่อนจะกล่าวกับจงหมัวมัว “ส่งจดหมายให้ข้า”
ฉีเยี่ยนก้าวออกไปรับจดหมายก่อนจะส่งให้ฉู่เหลียน
ฉู่เหลียนมองดูลายตวัดเส้นพู่กันที่หนักแน่นของเฮ่อฉางตี้บนซองจดหมายฉบับนั้น ‘ถึงภรรยารักของข้า ฉู่ฮูหยิน’ จดหมายฉบับนี้คงเป็เพียงครั้งเดียวกระมังที่เขาเรียกนางว่า ‘ภรรยารักของข้า’
เมื่อเปิดซองและดึงเอากระดาษแผ่นบางด้านในออกมา ก็ปรากฏตัวอักษรจีนเพียงบรรทัดเดียว จำนวนสิบตัวเขียนอยู่
หน้านางก็พลันเปลี่ยนเป็สีแดงด้วยความเกรี้ยวกราดเมื่ออ่านจบ
‘ขณะที่ข้ากำลังเข่นฆ่าศัตรูอยู่ทางเหนือ หวังว่าภรรยาข้าจะจดจำใส่ใจ และปฏิบัติตนเป็ภรรยาที่อยู่ในศีลธรรมจรรยา’
คำว่า ‘ศีลธรรมจรรยา’ นั้นถึงกับเขียนมาด้วยหมึกแดงราวกับเกรงว่านางจะมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น
---------------------------------------------------
เถาฮวา (桃花 Táohuā) คือดอกท้อ ในภาษาอังกฤษคือ Peach Blossom ค่ะ
ลูกท้อก็คือลูกพีช อร่อย♥
ลำดับสาวใช้: สาวใช้รุ่นใหญ่>สาวใช้ส่วนตัว> สาวใช้ขั้นสอง>สาวใช้ขั้นสาม> สาวใช้ไร้ลำดับ
ในบางเื่ก็จะใช้เป็ สาวใช้รุ่นใหญ่ สาวใช้ส่วนตัว สาวใช้รุ่นรอง สาวใช้รุ่นเล็ก สาวใช้ทั่วไป
มีอีกหลายคำแปลแล้วแต่สำนัก ส่วนทางชาล่าเองก็...แล้วแต่บริบทแล้วกันนะคะ YwY!